Home / รักโบราณ / หมอปีศาจพันหน้า / เป็นหมอที่ต้องรักษาตัวเอง

Share

เป็นหมอที่ต้องรักษาตัวเอง

last update Last Updated: 2025-02-07 19:15:49

ผ่านไปร่วมสามวันที่หลินจื่อเยว่หมดสติไป นางค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้า ๆ ก่อนจะพบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูก็รู้ว่าคงอายุยังมิถึงสิบห้า

“พี่สาวตื่นแล้วหรือขอรับ พี่สาวหลับไปนานจนข้ากับท่านป้าเป็นกังวลเลยนะขอรับ”

“นะ...น้ำ ขอน้ำ” 

เพราะรู้สึกว่าภายในลำคอแห้งผากคล้ายมีทรายละเอียดอยู่ในนั้น หลินจื่อเยว่ที่เพิ่งได้สติก็ร้องหาน้ำเปล่าทันที

อวิ๋นโม่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระวีกระวาดไปตักน้ำมาให้ พลางค่อย ๆ ประคองป้อนเหมือนที่เห็นผู้เป็นป้าทำก่อนหน้านี้ เพราะแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ฟื้น ทว่าอวิ๋นหลานก็คอยป้อนน้ำให้อยู่ตลอด 

แค่ก แค่ก

หลินจื่อเยว่พยายามประคองตัวเองนั่ง พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ เรือนไม้ด้วยความงุนงง ช่วงที่หลับไป นางได้ฝันเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายตน แต่รูปร่างเล็กกว่า ทั้งเส้นผมของสตรีผู้นั้นก็ยาวกว่านาง ซึ่งสตรีในความฝันทำเพียงยืนส่งยิ้มให้กับนาง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่นางจะเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ของสตรีผู้นั้นชัดเจน

หลินจื่อเยว่หันมองไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดออกมา พลันนั้นก็ได้กลิ่นสมุนไพรบรรเทาปวดที่โชยพัดเข้ามาเตะปลายจมูก ทำให้นางรู้ว่าความรู้ติดตัวนั้นมิได้เลือนหายไปพร้อมกับเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้

“พี่สาว ท่านพูดมิได้หรือขอรับ เหตุใดเอาแต่มองหน้าข้าเล่า เอ จะว่าพูดมิได้ก็มิใช่ เมื่อกี้พี่สาวยังขอน้ำข้าอยู่เลย”

‘น้ำข้า? เจ้าเด็กนี่พูดจาสองแง่สองง่ามเสียจริง’ หลินจื่อเยว่นึกตำหนิเด็กหนุ่มในใจ เพราะคำที่เขาใช้มันมีความหมายแฝงมาด้วย

“เจ้าควรพูดว่า ‘ขอน้ำกับข้า’ ไม่ใช่ ‘น้ำข้า’ มันไม่ดี”

อวิ๋นโม่ยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจว่า ทั้งสองแตกต่างกันเช่นไร กระนั้นก็ดีใจที่เห็นว่าหญิงแปลกหน้าพูดจาแล้ว

“พี่สาว มาจากที่ใดกันขอรับ เหตุใดถึงไปนอนเจ็บอยู่กลางป่าเช่นนั้น”

เพราะเห็นทุกอย่างจากในความฝัน ทำให้ตอนนี้หลินจื่อเยว่ไม่รู้ว่าควรไว้ใจเด็กหนุ่มตรงหน้ามากน้อยแค่ไหน ถึงแม้ดูแล้วจะไร้พิษสงใด ๆ ก็ตาม

“อาโม่ มาช่วยป้ายกของหน่อย” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ทำให้หลินจื่อเยว่หันไปมองยังทิศทางที่มาของเสียง

“ท่านป้า พี่สาวฟื้นแล้วขอรับ” อวิ๋นโม่เอ่ยบอกกับผู้เป็นป้า ก่อนจะวิ่งออกไปช่วยยกของเข้ามาในบ้าน

“เจ้าฟื้นเสียที หลับไปหลายวันข้ากับหลานชายก็พาลใจคอไม่ดี” อวิ๋นหลานเร่งเดินเข้าบ้านมาพลางมองสำรวจหญิงสาวบนเตียงด้วยความดีใจ

“...”

“เจ้ามีนามว่าอย่างไร แล้วมาจากที่ใดหรือ” อวิ๋นหลานเอ่ยถามขึ้นต่อ

“...”

ทว่าสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ พร้อมกับสายตาคู่คมที่จ้องมองมาทางตนนิ่ง ๆ อวิ๋นหลานที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปีก็พอจะเข้าใจได้ว่าหญิงสาวเองก็คงไม่ไว้พวกตนเช่นเดียวกัน

“ข้าชื่ออวิ๋นหลาน ส่วนนี่หลานชายข้า อวิ๋นโม่ ข้ากับหลานและเพื่อนบ้านสองสามคนไปเจอเจ้านอนเจ็บอยู่ในป่าตรงตีนเขา เห็นว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่เลยพาเจ้ากลับมาที่หมู่บ้านเสียก่อน” 

อวิ๋นหลานแนะนำตัวเองและหลานชายพร้อมบอกที่มาที่ไปที่หลินจื่อเยว่ต้องมาอยู่ที่นี่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ 

“ขาของเจ้าหัก ลุงหานบ้านถัดไปเอาแผ่นไม้กระดานมาดามเอาไว้ เจ้าก็อย่างเพิ่งขยับเล่า ส่วนแผลภายนอกอื่น ๆ ก็มีชาวบ้านเอาหยูกยามาให้เจ้า แต่ข้าเองก็ไม่ได้มีความรู้มากนัก เลยให้แค่ยาบรรเทาปวดและยาลดไข้แก่เจ้า ไม่กล้าให้ยาเจ้าทั้ง ๆ ที่ไม่รู้น่ะ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะป้าอวิ๋น ข้าผู้แซ่หลิน นามว่าจื่อเยว่ ท่านป้าเรียกข้าว่าเสี่ยวเยว่ก็ได้เจ้าค่ะ”

เมื่อสัมผัสได้ว่าสองคนตรงหน้ามิใช่คนร้าย หลินจื่อเยว่ก็เอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมเอ่ยขอบคุณออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางนอบน้อม ก่อนจะหันไปมองเรียวขาข้างซ้ายที่มีไม้กระดานสองแผ่นดามเอาไว้อยู่

“แล้วที่นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะท่านป้าอวิ๋น”

“หมู่บ้านเหลิ่งซาน เดิมทีหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านปิด มิได้ให้ผู้คนภายนอกเข้ามาหรอกนะ แต่เจ้าสบายใจได้ อยู่รักษาตัวเสียให้หาย แล้วค่อยคิดการเอาว่าจะทำเช่นไรต่อไป”

“เจ้าค่ะท่านป้า เอ่อ เมื่อครู่ท่านป้าบอกว่ามีชาวบ้านเอายามาให้ ข้าขอดูหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”

เพราะเป็นหมอจึงรู้ดีว่าตอนนี้สภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างไร จึงอยากรักษาตัวให้หายเร็ว ๆ อวิ๋นหลานไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เดินไปหยิบถาดยาสมุนไพรมาให้ 

“รู้เรื่องยาด้วยหรือ”

“ข้าเป็นหมะ... หมายถึงข้าเคยเรียนมาเจ้าค่ะ” 

หลินจื่อเยว่รับถาดยาสมุนไพรมาถือเอาไว้ ก่อนจะมองมันอย่างพินิจพิจารณา แม้จะไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต หากแต่นางก็นึกดึใจที่ความรู้เมื่อครั้งยังเป็นคุณหมอหลินจื่อเยว่ยังมีติดตัวอยู่ อีกทั้งความรู้ความทรงจำของร่างเดิมก็สามารถเติมเต็มความสามารถของนางได้อีกไม่น้อย

“ว่าแต่เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยนะว่าเจ้ามาจากที่ใด”

หลินจื่อเยว่เมื่อได้ยินคำถาม ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นหลาน เรียวปากอิ่มเม้มแน่นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเลือกปิดบังความจริงเอาไว้

“คือข้า...นอกจากชื่อก็จำสิ่งใดไม่ได้เลยเจ้าค่ะ แต่คิดว่าอีกหน่อยก็คงค่อย ๆ จำได้”

“อย่างนั้นสินะ มิเป็นไร ช่วงที่ยังรักษาตัวอยู่ก็อาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน หากต้องการสิ่งใดก็บอกแก่ข้า หรืออาโม่ได้เลย”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า”

หลินจื่อเยว่มองไม้ที่ดามขาเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันมิได้ถูกหลักการเสียทีเดียว นางจึงค่อย ๆ ยื่นมือไปแกะผ้าที่รัดแผ่นไม้นั้นเอาไว้ แต่เพราะทำไม่ถนัด สุดท้ายจึงวานให้อวิ๋นโม่มาช่วย

“ใช่ วางขนาบแบบนั้นแหละ จากนั้นก็ใช้ผ้าในมือเจ้ารัดพันให้แน่น ๆ” หลินจื่อเยว่เอ่ยบอกวิธีให้อวิ๋นโม่ทำตามไปช้า ๆ

“รัดแน่นเช่นนี้จะดีหรือขอรับเยว่เจี่ย”

“ต้องรัดให้แน่นแบบนั้นแหละ แน่นอีกอาโม่ แน่นกว่านี้”

“แต่ท่านลุงหานบอกว่า หากรัดแน่นไปเลือดจะมิไหลไปเลี้ยงร่างกายนะขอรับ” 

“แต่หากมิรัดให้แน่น แผ่นไม้ก็จะขยับ ขาก็จะขยับได้ กระดูกก็จะมิเชื่อมต่อกัน แบบนั้นนานวันเข้าก็จะมิสามารถกลับมาเดินได้อีก”

“แต่ว่า...”

“อาโม่ นี่มันร่างกายข้า ข้าย่อมรู้สิ เจ้าทำตามที่ข้าบอก มิต้องกังวลสิ่งใด”

และกว่าผู้ช่วยจำเป็นจะทำการรัดผ้าจนแน่นเสร็จ ก็ปาไปราว ๆ สองก้านธูป จากนั้นก็ไปหาไม้กลมยาวมาให้หลินจื่อเยว่ตามที่นางร้องขอ

เพราะหากจะให้นางนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เช่นนี้คงไม่ดีแน่ ดูจากความเป็นอยู่สองป้าหลานแซ่อวิ๋นแล้วคงมิได้มีเงินทองมากมาย หากต้องเจียดเงินเหล่านั้นมาให้นางอีก นางคงกลายเป็นภาระหนักเป็นแน่ เมื่อได้ท่อนไม้จากอวิ๋นโม่พร้อมกับมีดยาว หญิงสาวก็ลุกขึ้นนั่งก่อนจะสับไม้ให้ได้ระดับความสูงพอเหมาะกับร่างกายของนาง จากนั้นสับส่วนปลายข้างหนึ่งออกเป็นแง่งคล้ายไม้ง่ามในยุคที่นางจากมา

“ไม้เท้าหรือขอรับ เหตุใดหน้าตาประหลาดนัก”

“จะเรียกว่าไม้เท้าก็ย่อมได้ แต่ข้าจะเรียกว่าไม้พยุง มันจะช่วยให้ข้าสามารถเดินได้โดยที่ไม่ต้องใช้เท้าตัวเอง แบบนี้”

หลินจื่อเยว่ใช้ไม้พยุงแนบเข้ากับลำตัว จากนั้นก็เริ่มก้าวเดินช้า ๆ เพราะขาขวายังคงใช้การได้อยู่เป็นปกติ จากนั้นก็เริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านโดยมีอวิ๋นโม่เดินตามไม่ห่าง เพราะเพียงรู้จักไม่นานก็รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวเสียแล้ว

ชาวบ้านในละแวกเดียวกัน เมื่อเห็นหลินจื่อเยว่เดินออกมาข้างนอกก็แวะมาทักทาย ไม่เว้นแม้แต่ท่านลุงแซ่หานที่เดินมาหา แล้วก้มลงมองขาของหลินจื่อเยว่

“ผู้ใดดามขาให้เจ้าใหม่หรือแม่นาง”

“ท่านลุงหาน ข้าเพียงอยากออกมานั่งเล่น แต่เพราะการดามก่อนหน้าไม่แน่นพอ คาดว่าคงเป็นเพราะข้ายังมิได้สติ เลยทำให้ดามขาลำบาก วันนี้เลยให้อาโม่ช่วยพันให้ใหม่เจ้าค่ะ ได้ยินว่าเป็นลุงหานที่เอาไม้กระดานนี้มาให้ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงเจื้อยแจ้วน่ารัก ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างพากันเอ็นดูในความน่ารักและรอยยิ้มของหลินจื่อเยว่ จากนั้นจึงพากันเรียกว่าเสี่ยวเยว่ตามอวิ๋นหลานไปด้วย

Related chapters

  • หมอปีศาจพันหน้า   โหราจารย์แห่งแคว้นเว่ย 1

    ห่างออกไปไกลเป็นพันลี้ ที่ตั้งเมืองหลวงแคว้นเว่ย ผู้คนเดินทางเข้าออกเมืองหลวงคึกคักรวมไปถึงคาราวานพ่อค้าที่นำสินค้ามาขาย เพราะแคว้นเว่ยขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งค้าขายที่ได้ผลกำไรดีอีกด้วย แน่นอนว่าที่ประชากรชาวแคว้นเว่ยอยู่ดีมีสุขเช่นนี้เพราะหลักการปกครองที่เที่ยงธรรมของฮ่องเต้หลี่เซียน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าลือกันไปทั่วทั้งยุทธภพนี้ว่า แคว้นเว่ยยังมีเซี่ยงซื่อ หนุ่มนามว่า ‘เซี่ยวจวิน’ บุรุษที่มิมีผู้ใดล่วงรู้ที่มาที่ไป หรือแม้แต่อายุจริงของเขาก็ยากจะคาดเดาได้เช่นกัน เล่าลือกันว่าเซี่ยงซื่อผู้นี้มากมีความสามารถทั้งในด้านการทำนาย ตลอดจนปราบปรามวิญญาณอาฆาตร้ายที่เข้ามากล้ำกลาย จนฮ่องเต้หลี่เซียนถึงกับเชื้อเชิญให้เข้าร่วมราชสำนัก เป็นหนึ่งในขุนนางคนสำคัญข้างกายพระองค์ และมิว่าเซี่ยงซื่อผู้นี้เอ่ยสิ่งใด ดูเหมือนว่าฮ่องเต้หลี่เซียน ผู้ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นโอรสสวรรค์เชื่อหมดทุกคำพูด ท้องพระโรงภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่ เหล่าขุนนางของราชสำนักต่างพากันเข้ามายืนเรียงแถวเพื่อประชุมหารือกับผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นดิน โดยเบื้องหน้าสุดมีบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีทองอร่ามนั่งฟังการ

    Last Updated : 2025-02-07
  • หมอปีศาจพันหน้า   โหราจารย์แห่งแคว้นเว่ย 2

    เมื่อได้ฟังคำถามนั้น เซี่ยวจวินก็ยกยิ้มขึ้นอ่อนจางพร้อมกับเดินกลับเข้ามาด้านใน แล้วนั่งลงที่โต๊ะ ซึ่งด้านบนมีกระดานที่บอกเล่าถึงชะตาความเป็นไปของบ้านเมืองและคนรอบข้างอยู่ มิได้พูดสิ่งใดต่อ พลางยกมือขึ้นโบกไล่ผู้ช่วยคนสนิทให้ออกไปจากห้อง ก่อนจะมองไปบนกระดานอีกแผ่นแล้วยกยิ้มออกมาอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น เพราะโหรเซี่ยวในสายตาของคนรอบข้างนั้นมิต่างจากมนุษย์หินที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก ด้วยเพราะไม่ว่าเจอกันยามใดใบหน้าหล่อเหลาคมคายก็มักจะนิ่งเรียบและสุขุมตลอดเวลาเซี่ยวจวินเข้ามาเป็นโหราจารย์คนสนิทประจำราชวงศ์หลี่ คอยทำหน้าที่ทำนายดวงชะตาบ้านเมือง ทำนายดวงชะตาของเหล่าสตรีในวังหลัง องค์ชาย และองค์หญิง รวมถึงเชื้อพระวงศ์ทั้งสายหลักและสายรอง อีกทั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้หลี่เซียนอีกด้วย กระนั้นเพราะมิมีผู้ใดล่วงรู้ว่า แท้จริงแล้วเซี่ยงซื่อผู้นี้อายุเท่าไรแล้ว จึงทำให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพถึงเรื่องราวของเซี่ยงซื่อหนุ่มที่สามารถทำนายเรื่องราวบ้านเมืองได้แม่นยำ อีกทั้งยังมีความรู้ความสามารถหลายหลากแขนงกระนั้นเซี่ยวจวินผู้นี้มีที่มาเช่นไรนั้น หาผู้ไขความกระจ่างแทบจะไม่มี เพราะ

    Last Updated : 2025-02-07
  • หมอปีศาจพันหน้า   สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา 1

    ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้ทำการทดลองและวิจัยยาตัวหนึ่ง การวิจัยและการทดลองกำลังเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหมายถึงเป็นการจบหน้าที่ที่พวกเขากรำกันมาแรมปีแล้ว“เยว่เจี่ย ไปพักก่อนเถอะ พี่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ เดี๋ยวฉันดูให้เอง” หญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาบอกกับผู้ที่เป็นหัวหน้า และเป็นเสมือนพี่สาวเธออีกคนหลินจื่อเยว่ผละสายตาออกจากชาร์ตการทดลองหันไปมองเด็กสาวแล้วคลี่ยิ้มบางออกมาให้หนึ่งสาย“อาซิน แล้วเธอกินข้าวแล้วเหรอ ถึงจะมาสลับกับพี่”“กินแล้วสิ ฉันน่ะไม่ยอมหิ้วท้องรอหรอกนะ” ซินเหลียนถือวิสาสะแย่งแผ่นชาร์ตในมือมา พร้อมกับใช้สองมือดันหลังหลินจื่อเยว่ให้ออกจากห้องทดลองไปพักผ่อน ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ขยับไปทางไหน พลันเสียงที่คล้ายกับกระแสไฟฟ้าชอร์ตก็ดังขึ้น เรียกสายตาของสองสาวให้หันไปมองทางเดียวกัน ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงระเบิดก็ดังขึ้นตู้ม!!!!แรงระเบิดรุนแรงจนพังครืนไปทั้งชั้น กลุ่มควันที่ขาวพวยพุ่งออกมาเป็นที่น่าตระหนกของประชาชนในเมืองเป็นอย่างมาก นัยน์ตาคู่สวยของหลินจื่อเยว่เบิกโพลงมองเห็นประกายไฟที่พวยพุ่งอ

    Last Updated : 2025-02-07
  • หมอปีศาจพันหน้า   สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา 2

    กระทั่งกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนเดินออกมาล้อมหน้าล้อมหลังนางเอาไว้ หลินจื่อเยว่พยายามหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนไปให้“พี่ชาย มีผู้ใดเจ็บป่วยหรือถึงได้มาดักเจอข้าเช่นนี้” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามออกไป นางอาศัยขนาดตัวที่เล็กกว่า ใช้ปลายเท้าเตะเศษใบไม้ไปตรงหน้าแล้ววิ่งฝ่าพวกมันออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนทิศทางเช่นกัน โดยที่กลุ่มโจรป่าทั้งห้าคนวิ่งตามมาติด ๆ นางได้แต่คิดในใจว่า หากนางมิดื้อรั้น ทำตามที่ตกลงกับศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้ตั้งแต่ทีแรก นางก็คงไม่ต้องมาเผชิญเรื่องราวเช่นนี้ หลินจื่อเยว่วิ่งหนีจนกระทั่งมาถึงทางตัน ด้วยเบื้องหน้าเป็นหุบเหวสูง นางยั้งฝีเท้าเอาไว้แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรป่าที่เมื่อพวกมันเห็นนางจนมุมก็ค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้ามาช้า ๆ“แม่นาง จะวิ่งหนีให้เหนื่อยไปไย พวกข้าเพียงต้องการข้าวของมีราคาในตัวท่านเท่านั้น” หนึ่งในโจรป่าเอ่ยบอก“ข้าไม่มีสิ่งของใดมีราคาอย่างที่พวกเจ้าต้องการหรอก ยะ...อย่าเข้ามานะ”หากเป็นผู้อื่นคงยอมมอบทุกอย่างให้พวกโจรไปเพื่อรักษาชีวิตตน หากแต่หลินจื่อเยว่ได้เห็นแววตาของพวกมันแล้วย่อมรู้ว่า สิ่งที่พวกมันต้องการมิได้มีเพียงข้าวของมีราค

    Last Updated : 2025-02-07
  • หมอปีศาจพันหน้า   ได้รับความช่วยเหลือ

    ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานเท่าไร หลินจื่อเยว่รู้สึกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ถูก แขนขาก็ขยับไม่ได้ หญิงสาวจึงคิดไปว่า มันน่าจะเป็นผลมาจากแรงอัดของระเบิดที่เกิดขึ้น นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ทว่ากลับพบเข้ากับสีเขียวของใบไม้มากมายที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป หลินจื่อเยว่จำได้ว่าแรงระเบิดที่ห้องทดลองนั้นรุนแรงพอสมควร เธอเห็นร่างนักวิจัยรุ่นน้องกระเด็นไปอีกทาง เช่นนั้นเมื่อตื่นมาสิ่งที่นางต้องเจอถ้าไม่ใช้ฝ้าเพดานสีขาวของโรงพยาบาล ก็น่าจะต้องเป็นเศษซากของห้องทดลอง ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันห่างไกลจากสิ่งที่คิดเอาไว้ไปมากหลินจื่อเยว่หลับตาลงอีกครั้ง เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดทำให้นางรู้สึกทรมานอย่างที่ไม่อาจทนได้ไหว อาศัยความเป็นหมอที่มีความสามารถทั้งในเรื่องการแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบันประเมินอาการตัวเอง ซึ่งทำให้พอรู้ว่าแขนขาที่ขยับไม่ได้น่าจะเพราะหัก ทว่ารุนแรงแค่ไหนนางก็ไม่รู้ได้ และสิ่งที่นางควรทำในตอนนี้คือหาคนช่วย นางพยายามกดข่มความเจ็บปวดเอาไว้แล้วพยายามเ

    Last Updated : 2025-02-07

Latest chapter

  • หมอปีศาจพันหน้า   โหราจารย์แห่งแคว้นเว่ย 2

    เมื่อได้ฟังคำถามนั้น เซี่ยวจวินก็ยกยิ้มขึ้นอ่อนจางพร้อมกับเดินกลับเข้ามาด้านใน แล้วนั่งลงที่โต๊ะ ซึ่งด้านบนมีกระดานที่บอกเล่าถึงชะตาความเป็นไปของบ้านเมืองและคนรอบข้างอยู่ มิได้พูดสิ่งใดต่อ พลางยกมือขึ้นโบกไล่ผู้ช่วยคนสนิทให้ออกไปจากห้อง ก่อนจะมองไปบนกระดานอีกแผ่นแล้วยกยิ้มออกมาอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น เพราะโหรเซี่ยวในสายตาของคนรอบข้างนั้นมิต่างจากมนุษย์หินที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก ด้วยเพราะไม่ว่าเจอกันยามใดใบหน้าหล่อเหลาคมคายก็มักจะนิ่งเรียบและสุขุมตลอดเวลาเซี่ยวจวินเข้ามาเป็นโหราจารย์คนสนิทประจำราชวงศ์หลี่ คอยทำหน้าที่ทำนายดวงชะตาบ้านเมือง ทำนายดวงชะตาของเหล่าสตรีในวังหลัง องค์ชาย และองค์หญิง รวมถึงเชื้อพระวงศ์ทั้งสายหลักและสายรอง อีกทั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้หลี่เซียนอีกด้วย กระนั้นเพราะมิมีผู้ใดล่วงรู้ว่า แท้จริงแล้วเซี่ยงซื่อผู้นี้อายุเท่าไรแล้ว จึงทำให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพถึงเรื่องราวของเซี่ยงซื่อหนุ่มที่สามารถทำนายเรื่องราวบ้านเมืองได้แม่นยำ อีกทั้งยังมีความรู้ความสามารถหลายหลากแขนงกระนั้นเซี่ยวจวินผู้นี้มีที่มาเช่นไรนั้น หาผู้ไขความกระจ่างแทบจะไม่มี เพราะ

  • หมอปีศาจพันหน้า   โหราจารย์แห่งแคว้นเว่ย 1

    ห่างออกไปไกลเป็นพันลี้ ที่ตั้งเมืองหลวงแคว้นเว่ย ผู้คนเดินทางเข้าออกเมืองหลวงคึกคักรวมไปถึงคาราวานพ่อค้าที่นำสินค้ามาขาย เพราะแคว้นเว่ยขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งค้าขายที่ได้ผลกำไรดีอีกด้วย แน่นอนว่าที่ประชากรชาวแคว้นเว่ยอยู่ดีมีสุขเช่นนี้เพราะหลักการปกครองที่เที่ยงธรรมของฮ่องเต้หลี่เซียน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าลือกันไปทั่วทั้งยุทธภพนี้ว่า แคว้นเว่ยยังมีเซี่ยงซื่อ หนุ่มนามว่า ‘เซี่ยวจวิน’ บุรุษที่มิมีผู้ใดล่วงรู้ที่มาที่ไป หรือแม้แต่อายุจริงของเขาก็ยากจะคาดเดาได้เช่นกัน เล่าลือกันว่าเซี่ยงซื่อผู้นี้มากมีความสามารถทั้งในด้านการทำนาย ตลอดจนปราบปรามวิญญาณอาฆาตร้ายที่เข้ามากล้ำกลาย จนฮ่องเต้หลี่เซียนถึงกับเชื้อเชิญให้เข้าร่วมราชสำนัก เป็นหนึ่งในขุนนางคนสำคัญข้างกายพระองค์ และมิว่าเซี่ยงซื่อผู้นี้เอ่ยสิ่งใด ดูเหมือนว่าฮ่องเต้หลี่เซียน ผู้ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นโอรสสวรรค์เชื่อหมดทุกคำพูด ท้องพระโรงภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่ เหล่าขุนนางของราชสำนักต่างพากันเข้ามายืนเรียงแถวเพื่อประชุมหารือกับผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นดิน โดยเบื้องหน้าสุดมีบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีทองอร่ามนั่งฟังการ

  • หมอปีศาจพันหน้า   เป็นหมอที่ต้องรักษาตัวเอง

    ผ่านไปร่วมสามวันที่หลินจื่อเยว่หมดสติไป นางค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้า ๆ ก่อนจะพบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูก็รู้ว่าคงอายุยังมิถึงสิบห้า“พี่สาวตื่นแล้วหรือขอรับ พี่สาวหลับไปนานจนข้ากับท่านป้าเป็นกังวลเลยนะขอรับ”“นะ...น้ำ ขอน้ำ” เพราะรู้สึกว่าภายในลำคอแห้งผากคล้ายมีทรายละเอียดอยู่ในนั้น หลินจื่อเยว่ที่เพิ่งได้สติก็ร้องหาน้ำเปล่าทันทีอวิ๋นโม่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระวีกระวาดไปตักน้ำมาให้ พลางค่อย ๆ ประคองป้อนเหมือนที่เห็นผู้เป็นป้าทำก่อนหน้านี้ เพราะแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ฟื้น ทว่าอวิ๋นหลานก็คอยป้อนน้ำให้อยู่ตลอด แค่ก แค่กหลินจื่อเยว่พยายามประคองตัวเองนั่ง พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ เรือนไม้ด้วยความงุนงง ช่วงที่หลับไป นางได้ฝันเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายตน แต่รูปร่างเล็กกว่า ทั้งเส้นผมของสตรีผู้นั้นก็ยาวกว่านาง ซึ่งสตรีในความฝันทำเพียงยืนส่งยิ้มให้กับนาง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่นางจะเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ของสตรีผู้นั้นชัดเจนหลินจื่อเยว่หันมองไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดออกมา พลันนั้นก็ได้กลิ่นสมุนไพรบรรเทาปวดที่โชยพัดเข้ามาเตะปลายจมูก ทำให้นางรู้ว่าความรู้ติด

  • หมอปีศาจพันหน้า   ได้รับความช่วยเหลือ

    ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานเท่าไร หลินจื่อเยว่รู้สึกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ถูก แขนขาก็ขยับไม่ได้ หญิงสาวจึงคิดไปว่า มันน่าจะเป็นผลมาจากแรงอัดของระเบิดที่เกิดขึ้น นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ทว่ากลับพบเข้ากับสีเขียวของใบไม้มากมายที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป หลินจื่อเยว่จำได้ว่าแรงระเบิดที่ห้องทดลองนั้นรุนแรงพอสมควร เธอเห็นร่างนักวิจัยรุ่นน้องกระเด็นไปอีกทาง เช่นนั้นเมื่อตื่นมาสิ่งที่นางต้องเจอถ้าไม่ใช้ฝ้าเพดานสีขาวของโรงพยาบาล ก็น่าจะต้องเป็นเศษซากของห้องทดลอง ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันห่างไกลจากสิ่งที่คิดเอาไว้ไปมากหลินจื่อเยว่หลับตาลงอีกครั้ง เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดทำให้นางรู้สึกทรมานอย่างที่ไม่อาจทนได้ไหว อาศัยความเป็นหมอที่มีความสามารถทั้งในเรื่องการแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบันประเมินอาการตัวเอง ซึ่งทำให้พอรู้ว่าแขนขาที่ขยับไม่ได้น่าจะเพราะหัก ทว่ารุนแรงแค่ไหนนางก็ไม่รู้ได้ และสิ่งที่นางควรทำในตอนนี้คือหาคนช่วย นางพยายามกดข่มความเจ็บปวดเอาไว้แล้วพยายามเ

  • หมอปีศาจพันหน้า   สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา 2

    กระทั่งกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนเดินออกมาล้อมหน้าล้อมหลังนางเอาไว้ หลินจื่อเยว่พยายามหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนไปให้“พี่ชาย มีผู้ใดเจ็บป่วยหรือถึงได้มาดักเจอข้าเช่นนี้” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามออกไป นางอาศัยขนาดตัวที่เล็กกว่า ใช้ปลายเท้าเตะเศษใบไม้ไปตรงหน้าแล้ววิ่งฝ่าพวกมันออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนทิศทางเช่นกัน โดยที่กลุ่มโจรป่าทั้งห้าคนวิ่งตามมาติด ๆ นางได้แต่คิดในใจว่า หากนางมิดื้อรั้น ทำตามที่ตกลงกับศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้ตั้งแต่ทีแรก นางก็คงไม่ต้องมาเผชิญเรื่องราวเช่นนี้ หลินจื่อเยว่วิ่งหนีจนกระทั่งมาถึงทางตัน ด้วยเบื้องหน้าเป็นหุบเหวสูง นางยั้งฝีเท้าเอาไว้แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรป่าที่เมื่อพวกมันเห็นนางจนมุมก็ค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้ามาช้า ๆ“แม่นาง จะวิ่งหนีให้เหนื่อยไปไย พวกข้าเพียงต้องการข้าวของมีราคาในตัวท่านเท่านั้น” หนึ่งในโจรป่าเอ่ยบอก“ข้าไม่มีสิ่งของใดมีราคาอย่างที่พวกเจ้าต้องการหรอก ยะ...อย่าเข้ามานะ”หากเป็นผู้อื่นคงยอมมอบทุกอย่างให้พวกโจรไปเพื่อรักษาชีวิตตน หากแต่หลินจื่อเยว่ได้เห็นแววตาของพวกมันแล้วย่อมรู้ว่า สิ่งที่พวกมันต้องการมิได้มีเพียงข้าวของมีราค

  • หมอปีศาจพันหน้า   สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา 1

    ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้ทำการทดลองและวิจัยยาตัวหนึ่ง การวิจัยและการทดลองกำลังเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหมายถึงเป็นการจบหน้าที่ที่พวกเขากรำกันมาแรมปีแล้ว“เยว่เจี่ย ไปพักก่อนเถอะ พี่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ เดี๋ยวฉันดูให้เอง” หญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาบอกกับผู้ที่เป็นหัวหน้า และเป็นเสมือนพี่สาวเธออีกคนหลินจื่อเยว่ผละสายตาออกจากชาร์ตการทดลองหันไปมองเด็กสาวแล้วคลี่ยิ้มบางออกมาให้หนึ่งสาย“อาซิน แล้วเธอกินข้าวแล้วเหรอ ถึงจะมาสลับกับพี่”“กินแล้วสิ ฉันน่ะไม่ยอมหิ้วท้องรอหรอกนะ” ซินเหลียนถือวิสาสะแย่งแผ่นชาร์ตในมือมา พร้อมกับใช้สองมือดันหลังหลินจื่อเยว่ให้ออกจากห้องทดลองไปพักผ่อน ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ขยับไปทางไหน พลันเสียงที่คล้ายกับกระแสไฟฟ้าชอร์ตก็ดังขึ้น เรียกสายตาของสองสาวให้หันไปมองทางเดียวกัน ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงระเบิดก็ดังขึ้นตู้ม!!!!แรงระเบิดรุนแรงจนพังครืนไปทั้งชั้น กลุ่มควันที่ขาวพวยพุ่งออกมาเป็นที่น่าตระหนกของประชาชนในเมืองเป็นอย่างมาก นัยน์ตาคู่สวยของหลินจื่อเยว่เบิกโพลงมองเห็นประกายไฟที่พวยพุ่งอ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status