หน้าหลัก / รักโบราณ / หมอปีศาจพันหน้า / เป็นหมอที่ต้องรักษาตัวเอง

แชร์

เป็นหมอที่ต้องรักษาตัวเอง

ผู้เขียน: พิมพ์สีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 19:15:49

ผ่านไปร่วมสามวันที่หลินจื่อเยว่หมดสติไป นางค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้า ๆ ก่อนจะพบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูก็รู้ว่าคงอายุยังมิถึงสิบห้า

“พี่สาวตื่นแล้วหรือขอรับ พี่สาวหลับไปนานจนข้ากับท่านป้าเป็นกังวลเลยนะขอรับ”

“นะ...น้ำ ขอน้ำ” 

เพราะรู้สึกว่าภายในลำคอแห้งผากคล้ายมีทรายละเอียดอยู่ในนั้น หลินจื่อเยว่ที่เพิ่งได้สติก็ร้องหาน้ำเปล่าทันที

อวิ๋นโม่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระวีกระวาดไปตักน้ำมาให้ พลางค่อย ๆ ประคองป้อนเหมือนที่เห็นผู้เป็นป้าทำก่อนหน้านี้ เพราะแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ฟื้น ทว่าอวิ๋นหลานก็คอยป้อนน้ำให้อยู่ตลอด 

แค่ก แค่ก

หลินจื่อเยว่พยายามประคองตัวเองนั่ง พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ เรือนไม้ด้วยความงุนงง ช่วงที่หลับไป นางได้ฝันเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายตน แต่รูปร่างเล็กกว่า ทั้งเส้นผมของสตรีผู้นั้นก็ยาวกว่านาง ซึ่งสตรีในความฝันทำเพียงยืนส่งยิ้มให้กับนาง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่นางจะเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ของสตรีผู้นั้นชัดเจน

หลินจื่อเยว่หันมองไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดออกมา พลันนั้นก็ได้กลิ่นสมุนไพรบรรเทาปวดที่โชยพัดเข้ามาเตะปลายจมูก ทำให้นางรู้ว่าความรู้ติดตัวนั้นมิได้เลือนหายไปพร้อมกับเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้

“พี่สาว ท่านพูดมิได้หรือขอรับ เหตุใดเอาแต่มองหน้าข้าเล่า เอ จะว่าพูดมิได้ก็มิใช่ เมื่อกี้พี่สาวยังขอน้ำข้าอยู่เลย”

‘น้ำข้า? เจ้าเด็กนี่พูดจาสองแง่สองง่ามเสียจริง’ หลินจื่อเยว่นึกตำหนิเด็กหนุ่มในใจ เพราะคำที่เขาใช้มันมีความหมายแฝงมาด้วย

“เจ้าควรพูดว่า ‘ขอน้ำกับข้า’ ไม่ใช่ ‘น้ำข้า’ มันไม่ดี”

อวิ๋นโม่ยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจว่า ทั้งสองแตกต่างกันเช่นไร กระนั้นก็ดีใจที่เห็นว่าหญิงแปลกหน้าพูดจาแล้ว

“พี่สาว มาจากที่ใดกันขอรับ เหตุใดถึงไปนอนเจ็บอยู่กลางป่าเช่นนั้น”

เพราะเห็นทุกอย่างจากในความฝัน ทำให้ตอนนี้หลินจื่อเยว่ไม่รู้ว่าควรไว้ใจเด็กหนุ่มตรงหน้ามากน้อยแค่ไหน ถึงแม้ดูแล้วจะไร้พิษสงใด ๆ ก็ตาม

“อาโม่ มาช่วยป้ายกของหน่อย” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ทำให้หลินจื่อเยว่หันไปมองยังทิศทางที่มาของเสียง

“ท่านป้า พี่สาวฟื้นแล้วขอรับ” อวิ๋นโม่เอ่ยบอกกับผู้เป็นป้า ก่อนจะวิ่งออกไปช่วยยกของเข้ามาในบ้าน

“เจ้าฟื้นเสียที หลับไปหลายวันข้ากับหลานชายก็พาลใจคอไม่ดี” อวิ๋นหลานเร่งเดินเข้าบ้านมาพลางมองสำรวจหญิงสาวบนเตียงด้วยความดีใจ

“...”

“เจ้ามีนามว่าอย่างไร แล้วมาจากที่ใดหรือ” อวิ๋นหลานเอ่ยถามขึ้นต่อ

“...”

ทว่าสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ พร้อมกับสายตาคู่คมที่จ้องมองมาทางตนนิ่ง ๆ อวิ๋นหลานที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปีก็พอจะเข้าใจได้ว่าหญิงสาวเองก็คงไม่ไว้พวกตนเช่นเดียวกัน

“ข้าชื่ออวิ๋นหลาน ส่วนนี่หลานชายข้า อวิ๋นโม่ ข้ากับหลานและเพื่อนบ้านสองสามคนไปเจอเจ้านอนเจ็บอยู่ในป่าตรงตีนเขา เห็นว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่เลยพาเจ้ากลับมาที่หมู่บ้านเสียก่อน” 

อวิ๋นหลานแนะนำตัวเองและหลานชายพร้อมบอกที่มาที่ไปที่หลินจื่อเยว่ต้องมาอยู่ที่นี่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ 

“ขาของเจ้าหัก ลุงหานบ้านถัดไปเอาแผ่นไม้กระดานมาดามเอาไว้ เจ้าก็อย่างเพิ่งขยับเล่า ส่วนแผลภายนอกอื่น ๆ ก็มีชาวบ้านเอาหยูกยามาให้เจ้า แต่ข้าเองก็ไม่ได้มีความรู้มากนัก เลยให้แค่ยาบรรเทาปวดและยาลดไข้แก่เจ้า ไม่กล้าให้ยาเจ้าทั้ง ๆ ที่ไม่รู้น่ะ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะป้าอวิ๋น ข้าผู้แซ่หลิน นามว่าจื่อเยว่ ท่านป้าเรียกข้าว่าเสี่ยวเยว่ก็ได้เจ้าค่ะ”

เมื่อสัมผัสได้ว่าสองคนตรงหน้ามิใช่คนร้าย หลินจื่อเยว่ก็เอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมเอ่ยขอบคุณออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางนอบน้อม ก่อนจะหันไปมองเรียวขาข้างซ้ายที่มีไม้กระดานสองแผ่นดามเอาไว้อยู่

“แล้วที่นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะท่านป้าอวิ๋น”

“หมู่บ้านเหลิ่งซาน เดิมทีหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านปิด มิได้ให้ผู้คนภายนอกเข้ามาหรอกนะ แต่เจ้าสบายใจได้ อยู่รักษาตัวเสียให้หาย แล้วค่อยคิดการเอาว่าจะทำเช่นไรต่อไป”

“เจ้าค่ะท่านป้า เอ่อ เมื่อครู่ท่านป้าบอกว่ามีชาวบ้านเอายามาให้ ข้าขอดูหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”

เพราะเป็นหมอจึงรู้ดีว่าตอนนี้สภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างไร จึงอยากรักษาตัวให้หายเร็ว ๆ อวิ๋นหลานไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เดินไปหยิบถาดยาสมุนไพรมาให้ 

“รู้เรื่องยาด้วยหรือ”

“ข้าเป็นหมะ... หมายถึงข้าเคยเรียนมาเจ้าค่ะ” 

หลินจื่อเยว่รับถาดยาสมุนไพรมาถือเอาไว้ ก่อนจะมองมันอย่างพินิจพิจารณา แม้จะไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต หากแต่นางก็นึกดึใจที่ความรู้เมื่อครั้งยังเป็นคุณหมอหลินจื่อเยว่ยังมีติดตัวอยู่ อีกทั้งความรู้ความทรงจำของร่างเดิมก็สามารถเติมเต็มความสามารถของนางได้อีกไม่น้อย

“ว่าแต่เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยนะว่าเจ้ามาจากที่ใด”

หลินจื่อเยว่เมื่อได้ยินคำถาม ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นหลาน เรียวปากอิ่มเม้มแน่นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเลือกปิดบังความจริงเอาไว้

“คือข้า...นอกจากชื่อก็จำสิ่งใดไม่ได้เลยเจ้าค่ะ แต่คิดว่าอีกหน่อยก็คงค่อย ๆ จำได้”

“อย่างนั้นสินะ มิเป็นไร ช่วงที่ยังรักษาตัวอยู่ก็อาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน หากต้องการสิ่งใดก็บอกแก่ข้า หรืออาโม่ได้เลย”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า”

หลินจื่อเยว่มองไม้ที่ดามขาเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันมิได้ถูกหลักการเสียทีเดียว นางจึงค่อย ๆ ยื่นมือไปแกะผ้าที่รัดแผ่นไม้นั้นเอาไว้ แต่เพราะทำไม่ถนัด สุดท้ายจึงวานให้อวิ๋นโม่มาช่วย

“ใช่ วางขนาบแบบนั้นแหละ จากนั้นก็ใช้ผ้าในมือเจ้ารัดพันให้แน่น ๆ” หลินจื่อเยว่เอ่ยบอกวิธีให้อวิ๋นโม่ทำตามไปช้า ๆ

“รัดแน่นเช่นนี้จะดีหรือขอรับเยว่เจี่ย”

“ต้องรัดให้แน่นแบบนั้นแหละ แน่นอีกอาโม่ แน่นกว่านี้”

“แต่ท่านลุงหานบอกว่า หากรัดแน่นไปเลือดจะมิไหลไปเลี้ยงร่างกายนะขอรับ” 

“แต่หากมิรัดให้แน่น แผ่นไม้ก็จะขยับ ขาก็จะขยับได้ กระดูกก็จะมิเชื่อมต่อกัน แบบนั้นนานวันเข้าก็จะมิสามารถกลับมาเดินได้อีก”

“แต่ว่า...”

“อาโม่ นี่มันร่างกายข้า ข้าย่อมรู้สิ เจ้าทำตามที่ข้าบอก มิต้องกังวลสิ่งใด”

และกว่าผู้ช่วยจำเป็นจะทำการรัดผ้าจนแน่นเสร็จ ก็ปาไปราว ๆ สองก้านธูป จากนั้นก็ไปหาไม้กลมยาวมาให้หลินจื่อเยว่ตามที่นางร้องขอ

เพราะหากจะให้นางนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เช่นนี้คงไม่ดีแน่ ดูจากความเป็นอยู่สองป้าหลานแซ่อวิ๋นแล้วคงมิได้มีเงินทองมากมาย หากต้องเจียดเงินเหล่านั้นมาให้นางอีก นางคงกลายเป็นภาระหนักเป็นแน่ เมื่อได้ท่อนไม้จากอวิ๋นโม่พร้อมกับมีดยาว หญิงสาวก็ลุกขึ้นนั่งก่อนจะสับไม้ให้ได้ระดับความสูงพอเหมาะกับร่างกายของนาง จากนั้นสับส่วนปลายข้างหนึ่งออกเป็นแง่งคล้ายไม้ง่ามในยุคที่นางจากมา

“ไม้เท้าหรือขอรับ เหตุใดหน้าตาประหลาดนัก”

“จะเรียกว่าไม้เท้าก็ย่อมได้ แต่ข้าจะเรียกว่าไม้พยุง มันจะช่วยให้ข้าสามารถเดินได้โดยที่ไม่ต้องใช้เท้าตัวเอง แบบนี้”

หลินจื่อเยว่ใช้ไม้พยุงแนบเข้ากับลำตัว จากนั้นก็เริ่มก้าวเดินช้า ๆ เพราะขาขวายังคงใช้การได้อยู่เป็นปกติ จากนั้นก็เริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านโดยมีอวิ๋นโม่เดินตามไม่ห่าง เพราะเพียงรู้จักไม่นานก็รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวเสียแล้ว

ชาวบ้านในละแวกเดียวกัน เมื่อเห็นหลินจื่อเยว่เดินออกมาข้างนอกก็แวะมาทักทาย ไม่เว้นแม้แต่ท่านลุงแซ่หานที่เดินมาหา แล้วก้มลงมองขาของหลินจื่อเยว่

“ผู้ใดดามขาให้เจ้าใหม่หรือแม่นาง”

“ท่านลุงหาน ข้าเพียงอยากออกมานั่งเล่น แต่เพราะการดามก่อนหน้าไม่แน่นพอ คาดว่าคงเป็นเพราะข้ายังมิได้สติ เลยทำให้ดามขาลำบาก วันนี้เลยให้อาโม่ช่วยพันให้ใหม่เจ้าค่ะ ได้ยินว่าเป็นลุงหานที่เอาไม้กระดานนี้มาให้ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงเจื้อยแจ้วน่ารัก ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างพากันเอ็นดูในความน่ารักและรอยยิ้มของหลินจื่อเยว่ จากนั้นจึงพากันเรียกว่าเสี่ยวเยว่ตามอวิ๋นหลานไปด้วย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หมอปีศาจพันหน้า   โหราจารย์แห่งแคว้นเว่ย 1

    ห่างออกไปไกลเป็นพันลี้ ที่ตั้งเมืองหลวงแคว้นเว่ย ผู้คนเดินทางเข้าออกเมืองหลวงคึกคักรวมไปถึงคาราวานพ่อค้าที่นำสินค้ามาขาย เพราะแคว้นเว่ยขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งค้าขายที่ได้ผลกำไรดีอีกด้วย แน่นอนว่าที่ประชากรชาวแคว้นเว่ยอยู่ดีมีสุขเช่นนี้เพราะหลักการปกครองที่เที่ยงธรรมของฮ่องเต้หลี่เซียน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าลือกันไปทั่วทั้งยุทธภพนี้ว่า แคว้นเว่ยยังมีเซี่ยงซื่อ หนุ่มนามว่า ‘เซี่ยวจวิน’ บุรุษที่มิมีผู้ใดล่วงรู้ที่มาที่ไป หรือแม้แต่อายุจริงของเขาก็ยากจะคาดเดาได้เช่นกัน เล่าลือกันว่าเซี่ยงซื่อผู้นี้มากมีความสามารถทั้งในด้านการทำนาย ตลอดจนปราบปรามวิญญาณอาฆาตร้ายที่เข้ามากล้ำกลาย จนฮ่องเต้หลี่เซียนถึงกับเชื้อเชิญให้เข้าร่วมราชสำนัก เป็นหนึ่งในขุนนางคนสำคัญข้างกายพระองค์ และมิว่าเซี่ยงซื่อผู้นี้เอ่ยสิ่งใด ดูเหมือนว่าฮ่องเต้หลี่เซียน ผู้ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นโอรสสวรรค์เชื่อหมดทุกคำพูด ท้องพระโรงภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่ เหล่าขุนนางของราชสำนักต่างพากันเข้ามายืนเรียงแถวเพื่อประชุมหารือกับผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นดิน โดยเบื้องหน้าสุดมีบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีทองอร่ามนั่งฟังการ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • หมอปีศาจพันหน้า   โหราจารย์แห่งแคว้นเว่ย 2

    เมื่อได้ฟังคำถามนั้น เซี่ยวจวินก็ยกยิ้มขึ้นอ่อนจางพร้อมกับเดินกลับเข้ามาด้านใน แล้วนั่งลงที่โต๊ะ ซึ่งด้านบนมีกระดานที่บอกเล่าถึงชะตาความเป็นไปของบ้านเมืองและคนรอบข้างอยู่ มิได้พูดสิ่งใดต่อ พลางยกมือขึ้นโบกไล่ผู้ช่วยคนสนิทให้ออกไปจากห้อง ก่อนจะมองไปบนกระดานอีกแผ่นแล้วยกยิ้มออกมาอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น เพราะโหรเซี่ยวในสายตาของคนรอบข้างนั้นมิต่างจากมนุษย์หินที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก ด้วยเพราะไม่ว่าเจอกันยามใดใบหน้าหล่อเหลาคมคายก็มักจะนิ่งเรียบและสุขุมตลอดเวลาเซี่ยวจวินเข้ามาเป็นโหราจารย์คนสนิทประจำราชวงศ์หลี่ คอยทำหน้าที่ทำนายดวงชะตาบ้านเมือง ทำนายดวงชะตาของเหล่าสตรีในวังหลัง องค์ชาย และองค์หญิง รวมถึงเชื้อพระวงศ์ทั้งสายหลักและสายรอง อีกทั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้หลี่เซียนอีกด้วย กระนั้นเพราะมิมีผู้ใดล่วงรู้ว่า แท้จริงแล้วเซี่ยงซื่อผู้นี้อายุเท่าไรแล้ว จึงทำให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพถึงเรื่องราวของเซี่ยงซื่อหนุ่มที่สามารถทำนายเรื่องราวบ้านเมืองได้แม่นยำ อีกทั้งยังมีความรู้ความสามารถหลายหลากแขนงกระนั้นเซี่ยวจวินผู้นี้มีที่มาเช่นไรนั้น หาผู้ไขความกระจ่างแทบจะไม่มี เพราะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • หมอปีศาจพันหน้า   แสดงฝีมือ 1

    หมู่บ้านเหลิ่งซาน วันเวลาผ่านไปร่วมเดือน หลินจื่อเยว่ยังคงพักรักษาตัวอยู่กับสองป้าหลานแซ่อวิ๋น โดยที่ระหว่างนั้นนางก็มิได้เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ งานการใดที่นางพอจะทำได้ก็ช่วยเหลือทั้งสองอย่างเต็มที่ ท่อนขาที่หักเริ่มดีขึ้น กระดูกต่อสมานกันจนสามารถเดินในระยะใกล้ ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำพยุงตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่นางฟื้น กระนั้นหากยืนหรือเดินนานเกินไปก็ยังคงรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ อยู่บ้าง จนกระทั่งครบเดือน อาการปวดขาก็หายเป็นปกติ คนที่เป็นหมอมาทั้งสองภพสองชาติรู้อาการตัวเองดี และรู้ด้วยว่าอาการที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้ชาวบ้านแปลกใจ แต่หากจะให้อธิบายคงหนีไม่พ้นถูกมองเป็นตัวประหลาดหรือไม่ก็ภูตผีวิญญาณร้ายเสียเป็นแน่ “แม่นางหลิน ขาเจ้าหายดีแล้วหรือจึงออกมาเดินข้างนอกเช่นนี้” เพื่อนบ้านที่อยู่ถัดไปสามหลังเอ่ยถามเมื่อเดินผ่านมาเห็น “ยังมิหายดีเจ้าค่ะท่านน้า เพียงแต่ระยะใกล้ ๆ ข้าพอจะเดินได้บ้างเจ้าค่ะ” หลินจื่อเยว่จำต้องปดออกไปคำโต เพื่อมิให้เป็นที่สงสัยมากไปนัก “อย่างนั้นหรือ แต่จะว่าไปเจ้าก็หายเร็วกว่าพ่อค้าเนื้อแซ่ผานที่ขาหักคราวก่อนอีกนะ หรือเจ้ามียาดีอันใดกัน” “จะว่ายาดีคงไม่ผิดนัก สมุน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-14
  • หมอปีศาจพันหน้า   แสดงฝีมือ 2

    หลินจื่อเยว่หยิบห่อขนแกะที่มีติดถุงผ้าออกมา ในนั้นมีเข็มเงินขนาดเล็กใหญ่มากมาย พร้อมกับโลหะสีเงินที่คล้ายมีด ทว่าขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อนางหยิบมีดขึ้นมาพร้อมกับเปิดหน้าท้องของหญิงครรภ์แก่ออก ชาวบ้านต่างส่งเสียงเซ็งแซ่เพราะไม่เข้าใจวิธีการของนาง“แม่นางหลิน เจ้าจะทำอันใด จะผ่าท้องแม่นางคนนี้หรือ” สตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว“หากมิผ่าท้องจะให้เอาเด็กออกมาอย่างไร ในเมื่อเด็กขวางท้องมารดา หัวอยู่ทิศเท้าอยู่ทาง มิได้อยู่ในตำแหน่งปกติเช่นนี้”ซึ่งเมื่อมองดูรูปท้องของหญิงครรภ์แก่ก็เห็นจริงดังหลินจื่อเยว่ว่า นางมิได้สนใจเสียงซุบซิบนินทา ด้วยเวลานี้สิ่งสำคัญคือการช่วยคน มือเรียวจัดแจงอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมสรรพ ก่อนจะใช้ยาระงับปวดคู่กันกับหวนโถวซ่าย ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ชาเฉพาะจุด ซึ่งหลังจากป้อนยาทั้งสองชนิดให้ หลินจื่อเยว่รอเพียงหนึ่งก้านธูปก็ใช้ปลายมีดกรีดลงบนหน้าท้อง มือของนางนิ่งและเบา ใช้เวลาไม่นานนักหลินจื่อเยว่ก็เอาตัวเด็กออกมา แล้วทำการเย็บแผลให้จนเรียบร้อย“แม่นาง ได้ยินข้าหรือไม่ แม่นางได้ลูกชาย น่าเกลียดน่าชังเชียวละ” หลินจื่อเยว่เอ่ยบอกหญิงสาวที่ยังมีใบหน้าซีดเผือดแต่มีร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-14
  • หมอปีศาจพันหน้า   รักษาคนป่วยในหมู่บ้าน

    เช้าวันต่อมาเรื่องราวที่หลินจื่อเยว่ทำการผ่าท้องหญิงครรภ์แก่ผู้นั้นก็รู้กันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ทำให้ยามเดินผ่านใคร ทุกคนก็ต่างมองมาที่นางด้วยแววตาเคลือบแคลงสงสัย กระนั้นหลินจื่อเยว่ก็มิได้ติดใจอันใด เลือกที่จะเดินขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมาเตรียมปรุงยาต่อไป หลินจื่อเยว่เดินขึ้นเขามาเรื่อย ๆ หาเก็บสมุนไพรตามตำรับยาที่เขียนเอาไว้ ถึงแม้สมุนไพรบางตัวที่นำมาเป็นสายยาจะหน้าตาเหมือนในยุคที่นางจากมา ทว่าก็มีอีกหลายตัวที่นางไม่คุ้นเคย เช่นนั้นการมีสมุดบันทึกนี้ก็ช่วยนางได้ไม่น้อย ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันหลินจื่อเยว่ก็กลับมาที่บ้าน นำสมุนไพรที่หามาทำความสะอาด แล้วนำไปตากแดดเอาไว้นอกชานเรือน หากมิเข้าไปหาซื้อของในตลาด หลินจื่อเยว่แทบไม่สุงสิงกับผู้ใด หากแต่ถ้ามีคนเข้ามาพูดคุย นางก็ไม่คิดตัดไม่ตรี “แม่นางหลิน แม่นางหลินอยู่หรือไม่” เสียงร้องตะโกนเรียกดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้หลินจื่อเยว่ที่นำสมุนไพรไปตากหลังบ้านเร่งรุดเดินออกมา “อยู่เจ้าค่ะ เอ๋ ท่านคือสามีของหญิงครรภ์แก่ผู้นั้นใช่หรือไม่ เกิดอันใดขึ้น” เมื่อเห็นสามีของหญิงที่นางทำคลอดให้เมื่อวาน หลินจื่อเยว่ก็เอ่ยถามธุระออกไป “ภรรยาข้าคลอดบุตรชายออกมาอย่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-14
  • หมอปีศาจพันหน้า   จากไป...

    หลินจื่อเยว่แต่งกายให้รัดกุมคล้ายบุรุษ ก่อนจะเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมเพื่อสำรวจร้านรวงและผู้คนของเมืองท่าแห่งนี้ หญิงสาวไม่ลืมหยิบหมวกม่านหมีลี่มาสวมคลุมเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ไปเรื่อย นางเดินเลยตรอกร้านค้ามาไม่กี่ฉื่อก็ได้ยินเสียงวิวาท จึงเดินเข้าไปแอบดู ทำให้ได้เห็นกลุ่มชายหนุ่มวัยราวสิบห้าถึงสิบหกหนาว กำลังล้อมหน้าล้อมหลังเด็กน้อยเพื่อรีดไถ่เงิน หลินจื่อเยว่แม้อยากจะสอดมือเข้าไปช่วย กระนั้นก็หักห้ามใจได้ทัน นางจึงทำเพียงเดินเลยผ่านไปจนกระทั่งไปเจอร้านบะหมี่ ด้วยความทรงจำเดิมจดจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดตนเอง นางจึงเลือกสั่งบะหมี่อายุยืนจากเถ้าแก่เนี้ยมากินทันที ไม่รู้ว่าด้วยโชคชะตาหรือไม่ที่นางกับร่างนี้เกิดวันเดียวกันแต่คนละปีเท่านั้น “เถ้าแก่เนี้ย ที่ร้านนี้มีฉางโซ่วเมี่ยน หรือไม่เจ้าคะ” “วันเกิดเจ้าหรือแม่นางน้อย” “เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ได้ยินว่าบะหมี่ร้านนี้อร่อย ข้าเลยลองถามดู หากไม่มีก็มิเป็นไรเจ้าค่ะ เอาบะหมี่หมูแดงก็ได้เจ้าค่ะ” หลินจื่อเยว่ตอบกลับน้ำเสียงสดใส หากว่ากันตามอายุจริงในชาติก่อนที่นางจากมา ตอนนี้นางคงมีอายุมากถึงสามสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างนี้กลับมีอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-14
  • หมอปีศาจพันหน้า   ดวงชะตา

    “ฝ่าบาทกล่าวหนักไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิเคยคิดเช่นนั้น”และแล้วการเดินหมากที่ดูเหมือนจะธรรมดาก็เริ่มดำเนินไปช้า ๆ โดยที่มิได้มีสิ่งใดผิดสังเกต นอกจากบุรุษสองคนใช้เวลาว่างเดินหมากด้วยกัน พลางหัวร่อต่อกระซิกราวกับพูดจาพาทีกันถูกคออย่างไรอย่างนั้น กระนั้นตัวหมากบนกระดานต่างหากที่กำลังพูดคุยกัน เพราะมิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้ความลับ การเดินหมากแทนการพูดจานั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้กันในหมู่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ เพราะวังหลวงนั้นจะไว้ใจผู้ใดมากไปกว่าตนเองมิได้“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก ล้มกระหม่อมได้ทั้งสามกระดานเช่นนี้”“ฮ่า ๆ ๆ เพราะท่านออมมือให้กันต่างหาก ได้เดินหมากจิบชาเช่นนี้ก็สุขใจแล้วละ ขอบใจท่านมากนะท่านโหราเซี่ยว”ฮ่องเต้หนุ่มใหญ่หันมามองขุนนางคนสนิท พลางยกยิ้มบางอย่างพอใจ เขาอาจจะขลาดเขลาเบาปัญญาที่เลือกจะเชื่อคนผู้ซึ่งหาที่มาที่ไปเช่นนี้ไม่ได้ หากแต่มีบางอย่างบอกเขาว่า ในวังหลวงแห่งนี้เขาสามารถไว้ใจคนผู้นี้ได้มากที่สุด“ฝ่าบาท ยามนี้เข้าหน้าวสันตฤดูแล้วก็จริง กระนั้นก็เป็นเพียงช่วงต้นฤดู อากา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15
  • หมอปีศาจพันหน้า   รักษาคนป่วย 1

    เมืองชางแห่งนี้ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มาก แม้ว่าช่วงน้ำหลากจะประสบกับเหตุการณ์น้ำท่วมบ่อยครั้งก็ตาม หลินจื่อเยว่ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ นางเดินออกมาสูดอากาศตรงหน้าต่าง ร้านรวงต่าง ๆ เริ่มเปิดไฟเปิดร้านตั้งขายอาหารกันอย่างคึกคัก รถม้าและเกวียนวิ่งไปตามท้องถนนสวนกันไปมาตอนเดินทางเข้าเมืองชาง หลินจื่อเยว่ก็สำรวจที่ทางมาบ้างแล้วบางส่วน เช้านี้นางจึงออกไปเดินเล่นในตลาด ส่วนหนึ่งเพราะอยากกินอาหารพื้นเมือง แต่ไม่อยากกินที่โรงเตี๊ยมด้วยว่ารู้สึกไม่สบอารมณ์กับเถ้าแก่ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมตั้งแต่เมื่อวานหญิงสาวเดินไปยังร้านอาหารเช้าร้านหนึ่งซึ่งมีเมนูโจ๊ก อากาศยามเช้าเย็นสบาย ได้กินโจ๊กร้อน ๆ ให้อุ่นท้องก็จะให้ความรู้สึกที่ดีขึ้นมากระทั่งมีบุรุษผู้หนึ่งแต่งกายมิดชิดล้มลงไปที่พื้น ทำเอาชาวบ้านต่างพากันมุงดูพลางส่งเสียงอื้ออึง กระทั่งมีคนผู้หนึ่งไปตามหมอมา“พาเจ้าหนุ่มนี่ไปที่โรงหมอข้าเถิด” หมอบุรุษเอ่ยออกมาซึ่งก่อนจะให้ชาวบ้านช่วยพยุงคนป่วย ท่านหมอบุรุษผู้นั้นก็เอ่ยกำชับมิให้คนที่ทำหน้าที่พยุงสัมผัสผิวกายคนป่วย เนื่องจากเห็นผื่นสีแดงขึ้นม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-15

บทล่าสุด

  • หมอปีศาจพันหน้า   บทส่งท้าย ครอบครัวสุขสันต์

    เรื่องราวจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยวจวินและหลินจื่อเยว่ ถูกบอกเล่าให้กับเหล่าศิษย์พี่ทุกคนได้ฟังในค่ำคืนที่พวกเขาจัดงานฉลองต้อนรับหลานคนแรกของสำนักเจินเฉียงลุกมานั่งข้างเซี่ยวจวินพลางยกมือขึ้นตบไหล่เขาปุ ๆ อย่างเห็นใจ “น้องเขย ศิษย์น้องข้าผู้นี้นิสัยห่างไกลความเป็นสตรีปกติ ข้าเล่าเห็นใจเจ้าเสียจริง”“ใช่ ๆ พวกข้าเองก็เห็นใจเจ้า”“ศิษย์พี่ทั้งหลายรักข้าเสียจริง พากันเห็นใจบุรุษด้วยกัน ไยมิเห็นใจข้าบ้างเล่าที่มีสามีโดยที่ตอนนั้นมิรู้ว่าเขาชื่อเสียงเรียงนามอันใด”บุรุษทั้งเก้าคนพากันส่ายหน้าให้ เพราะไม่ได้รู้สึกเห็นใจสตรีเช่นศิษย์น้องเล็กอย่างที่นางเรียกร้องเลยแม้แต่น้อย“พวกท่านมิต้องเห็นใจข้าก็ได้ เพราะข้ายินยอมนางเอง มิได้ขัดขืนยามนางลุกขึ้นมาปลุกปล้ำข้า...”เพียะฝ่ามือเรียวฟาดลงบนต้นแขนแกร่งของสามีมิคิดถนอมแรง ใจจริงอยากจะแทรกกำลังภายในเข้าไปด้วยเสียด้วยซ้ำ ที่นำเรื่องน่าอายเช่นนี้ออกมาบอกเล่า ก่อนที่หลินจื่อเยว่จะหนีอุ้มเอาหลินเสวี่ยอี้เข้าไปนอนเสีย ปล่อยให้บรรดาบุรุษได้นั่ง

  • หมอปีศาจพันหน้า   กลับหุบเขาเทวะ

    เทศกาลหยวนเซียวครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่พากันออกมาชมโคมไฟกันยังจัตุรัสกลางเมืองหลวง โคมไฟกระดาษที่ถูกบรรจงเขียนภาพหรือคำกลอนขึ้นลอยไปบนฟ้ายามค่ำคืน จนทั่วนภาสว่างโร่มิต่างจากกลางวันมากมายนักเซี่ยวจวินพาหลินจื่อเยว่และหลินเสวี่ยอี้มาหยุดยืนกลางสะพาน ในมือมีโคมไฟที่เป็นรูปครอบครัวนกพิราบเผือกสีขาวนวลสามตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้“นกพิราบเป็นตัวแทนสันติภาพ” หลินจื่อเยว่เอ่ยขึ้นขณะทอดมองสายตาไปยังโคมไฟของพวกเขาที่ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น“ไม่ผิด หากแต่นกพิราบสามตัวนี้กำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ตัวผู้และตัวเมียกระพือปีกป้องลูกน้อย ข้ามองมันแทนตัวพวกเรา มีข้า มีเจ้า มีเสวี่ยอี้โผบินไปบนท้องนภาอย่างอิสระนับจากนี้”“โหราจารย์เอกแห่งวังหลวงมีคารมคมคายเช่นนี้เลยหรือ มิน่าทำให้องค์หญิงหลงใหลได้ถึงเพียงนั้น”หลินจื่อเยว่เอ่ยแซว กว่าเรื่องราวขององค์หญิงหลี่หรงเอ๋อร์จะจบลง นางแทบจะกลายร่างเป็นนางมารวันละสิบครั้ง ทว่าได้ฮ่องเต้หลี่เซียนและองค์รัชทายาทช่วยปรามจนนางถอดใจไป ก่อนจะถูกส่งตัวไปอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์สตรีด้วยกันม

  • หมอปีศาจพันหน้า   สานสัมพันธ์ลึกซึ้ง

    เซี่ยวจวินอุ้มพาภรรยามาวางบนเตียงก่อนจะตามขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ สายตาคู่คมไล่มองสำรวจเรือนร่างงดงามขาวผ่องไปทุกส่วนก่อนจะจับปลายเท้าเรียวขึ้นมาแล้วจรดจุมพิตไปบนหลังเท้าขาวสะอาดแผ่วเบา ยิ่งทำให้หัวใจของหลินจื่อเยว่เต้นรัวแรงหนักกว่าเดิม แม้นจะอยากดึงเท้ากลับ ทว่าก็มิอาจทำได้ เนื่องจากเซี่ยวจวินมิยอมปล่อยริมฝีปากหยักไล่พรมจูบขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า ท่อนขา จนมาถึงต้นขาด้านใน เซี่ยวจวินขบเม้มมันเบา ๆ จนเกิดรอยสีกุหลาบ เซี่ยวจวินผละใบหน้าออกมาแล้วสบมองดวงตาคู่สวยครู่หนึ่ง จังหวะเดียวกันก็สอดก้านนิ้วแกร่งยาวเรียวชำแรกแทรกเข้าไปในกลีบผงางาม เรียกเสียงครางหวานจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดีเซี่ยวจวินมิได้หยุดเพียงเท่านั้น ยังคงโน้มลงไปตวัดดูดดึงยอดปทุมสีหวานราวกับมันเป็นของหวานเลิศรสจากสวรรค์ก็ไม่ปาน“ภรรยาข้างดงามและหอมหวานเสียจริง”“อึก ท่านพี่”ความร้อนในกายแล่นปลาบไปทั่วเรือนร่าง ยิ่งยามที่ลิ้นของสามีดูดึงยอดปทุม คล้ายกับความร้อนยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจนกายบางบิดเร่าไปมา ยิ่งก้านนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในกายขยับเข้าออกในจังหวะท

  • หมอปีศาจพันหน้า   สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว

    วันต่อมาเซี่ยวจวินเดินทางเข้าวังตั้งแต่ช่วงเช้าพร้อมด้วยหลินจื่อเยว่ หากแต่วันนี้บุตรชายมิได้มาด้วย เพราะเจ้าตัวอยากไปเที่ยวตลาดกับท่านป้าอาเยียนหลังจากได้เผยความรู้สึกของกันและกันให้ได้รับรู้ และทำการแยกห้องนอนกับหลินเสวี่ยอี้ ทั้งสองก็ช่วยกันทำงาน ให้คำปรึกษากันและกันในทุกเรื่อง แม้ว่าเซี่ยวจวินจะยกอำนาจการตัดสินใจเรื่องภายในจวนให้กับหลินจื่อเยว่ ทว่านางก็ยังถามไถ่จากพ่อบ้าน ด้วยว่าที่ผ่านเขาเป็นคนดูแลจวนนี้มาตลอดเมื่อเข้ามาถึงวังหลวงทั้งเซี่ยวจวินและหลินจื่อเยว่ก็ตรงไปยังตำหนักหลงเสวียนทันที เหิงกงกงยังคงต้อนรับทั้งสองด้วยใบหน้าแย้มยิ้มปรีดา เพราะนับจากวันที่หลินจื่อเยว่แนะนำให้หลี่เซียนแช่น้ำสมุนไพรเพื่อขับพิษ ดูเหมือนหลี่เซียนก็ค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น“เซี่ยวจวินหรือ มา ๆ เข้ามา” เสียงของหลี่เซียนดูสดใสขึ้น“เซี่ยวจวินถวายพระพรฝ่าบาท”“จื่อเยว่ถวายพระพรฝ่าบาท”ทั้งสองเอ่ยขึ้นพลางยอบกาบย่อตัวลงคารวะตามพิธีการ“นั่งเถอะ”“พระอาการเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท&rdqu

  • หมอปีศาจพันหน้า   ยอมรับสามีคนนี้

    เซี่ยวจวินตั้งใจมอบหมายงานให้กับคนอื่นดูแลต่อจากนี้ แน่นอนว่านอกจากเขาและจางหมิ่นแล้วยังมีโหราจารย์อีกท่านที่เชี่ยวชาญการทำนายดวงชะตา และพยากรณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองได้ขณะที่เซี่ยวจวินเข้าไปจัดการงานที่เหลือเพื่อมอบหมายให้คนอื่นหลังจากนี้ หลินจื่อเยว่และหลินเสวี่ยอี้ก็พากันเดินชมสวนใกล้ ๆ กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณเรียกรอยยิ้มจากใบหน้างามได้เป็นอย่างดี นางยืนมองบุตรชายวิ่งไล่จับผีเสื้อที่เข้ามาดูดน้ำหวานจากเกสรทว่าขณะเดียวกันนั้นกลับก็ปรากฏสตรีในอาภรณ์งามสง่าบ่งบอกว่านางเป็นสตรีสูงศักดิ์เดินเข้ามา หลินจื่อเยว่จึงทำเพียงดึงบุตรชายให้หลบทาง แล้วก้มหน้าก้มตาลง“วังหลวงหาใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ มิทราบว่าแม่นางคือผู้ใดกัน เปิ่นกงมิเคยเห็นหน้ามาก่อน”หลี่หรงเอ๋อร์ทราบจากนางกำนัลว่าเจอเซี่ยวจวินเข้ามาในวังหลวง จึงเร่งแต่งกายแล้วรีบมาหา กระทั่งมาเจอหนึ่งเด็กหนึ่งสตรีแปลกหน้า“องค์หญิง”เสียงทุ้มของเซี่ยวจวินดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลี่หรงเอ๋อร์ซึ่งกำลังไม่พอใจที่นางถามหลินจื่อเยว่แต่กลับไม่ได้คำตอบ

  • หมอปีศาจพันหน้า   หวั่นไหว

    เวลาผ่านไปค่อนคืนจนดึกสงัดแล้ว ทว่าร่างสูงที่นอนอยู่บนตั่งเตียงยังคงพลิกกายไปมาสลับซ้ายขวา จนสุดท้ายต้องผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ เฮือกหนึ่ง เซี่ยวจวินผุดลุกขึ้นแล้วเปิดประตูเพื่อออกไปข้างนอก ภายในจวนยามนี้เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงลมยามราตรีที่พัดโบกต้นไม้ใบหน้าให้เสียดสีกันไปมา เท้าแกร่งเดินไปหยุดอยู่หน้าเรือนหมิงเยว่ แล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ ขณะที่ตั้งท่าจะหันหลังกลับ ประตูเรือนหมิงเยว่ก็ถูกเปิดออกมา“เซี่ยวจวิน เป็นท่านหรือ” หลินจื่อเยว่ซึ่งตื่นมาดูบุตรชายก็หลับไม่ลงอีก จึงตั้งใจว่าจะออกมาเดินเล่น แต่ไม่คิดว่าจะเจอใครอีกคนยืนอยู่“เป็นข้าเอง เจ้าออกมาทำไมกัน”“ข้าสิต้องถามท่าน ท่านมายืนตรงนี้ทำไม” หลินจื่อเยว่เดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ ๆ“ข้า... เอ่อ... ข้าเพียงแค่... เฮ้อ ข้านอนไม่หลับ ก่อนหน้านี้บนรถม้ามีเจ้ากับเสวี่ยอี้นอนด้วยตลอด พอต้องกลับมานอนคนเดียวข้าเลยไม่ชิน”“...”“ข้าขอนอนด้วยได้หรือไม่”เซี่ยวจวินเอ่ยถามออกไปตรง ๆ และกว่าหลิ

  • หมอปีศาจพันหน้า   ฮูหยินของเซี่ยงซื่อ

    “ฮู...ฮูหยิน”อาเยียนที่ออกมาเดินเล่นได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองบุรุษที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มด้วยความงุนงง อีกทั้งตอนที่เดินเข้ามาก็ไม่เคยเห็นบุรุษผู้นี้มาก่อนเลย“ท่านเรียกข้าหรือ”“เอ่อ ฮูหยินจะไปพบนายท่านหรือขอรับ”“เดี๋ยวนะ อย่างแรกข้ามิใช่ฮูหยิน” อาเยียนที่พอจะเข้าใจอะไรก็พยายามจะอธิบาย ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับฟังเท่าไร“แม้จะยังไม่กราบไหว้ฟ้าดินกัน หากแต่ฮูหยินเข้ามาแล้ว อย่างไรก็หนีไม่พ้นตำแหน่งนี้แน่นอนขอรับ”“ข้ายังพูดไม่จบ เจ้าก็ทึกทักไปเองทั้งหมด ข้าเพียงอยากบอกเจ้าว่า ข้ามิใช่ฮูหยิน ข้ามีนามว่าอาเยียน เป็นผู้ติดตามของนายหญิงหลินจื่อเยว่ หรือก็คนที่จะมาเป็นฮูหยินตามที่ท่านเข้าใจ”จางหมิ่นได้ยินเช่นนั้นก็หน้าม้านทั้งยังอับอายที่ทักคนผิดไปเช่นนั้น และหากสตรีตรงหน้าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องนายหญิงของนาง มีหวังเขาเองก็คงได้รับโทษจากเซี่ยวจวินเช่นกัน“ข้าขออภัยแม่นาง ข้าไม่ทราบว่าเป็นผู้ติดตามของฮูหยิน ข้าจางหมิ่น เป็นผู้ช่วยของเซี่ยว เอ่อ นายท่า

  • หมอปีศาจพันหน้า   มาเยือนเมืองหลวง

    เมืองหลวงในช่วงเช้าตรู่ดูคึกคัก เสียงรถม้าวิ่งสวนกันไปมาเคล้าไปกับเสียงพ่อค้าแม่ขายที่ตะโกนเรียกลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันเซ็งแซ่ รถม้าคันหรูแล่นไปหยุดหน้าเหลาอาหารที่ใหญ่ที่สุด เซี่ยวจวินเดินลงไปพลางยื่นมือไปรับเอาหลินเสวี่ยอี้มาอุ้มเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว ก่อนจะยื่นมือไปให้หลินจื่อเยว่“ท่านพ่อ ที่นี่คือเมืองหลวงหรือขอรับ”“ใช่แล้ว แต่พ่อเกรงว่ากว่าจะไปจวนเจ้าจะหิวเสียก่อน เลยแวะทานข้าว และเราค่อยกลับไปพักดีหรือไม่”หลินเสวี่ยอี้ยิ้มแต้พลางยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่กำลังร้องโครกครากขออาหาร จากนั้นทั้งสามพร้อมด้วยอาเยียนก็เดินเข้าไปด้านใน ที่ผ่านมาหลินจื่อเยว่ให้อาเยียนนั่งร่วมโต๊ะด้วยตลอด ด้วยเพราะไม่เคยเห็นว่านางเป็นเพียงสาวใช้ แต่เห็นนางเป็นเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง“เซี่ยวจวิน เอ่อ หากข้าให้อาเยียนร่วมโต๊ะด้วย ท่าน...”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะนายหญิง” อาเยียนรีบเอ่ยขัดขึ้น เพราะเกรงใจเซี่ยวจวินไม่น้อย แม้นางจะไม่ใช่สตรีสูงศักดิ์ หรือมาจากครอบครัวผู้ดีอันใด ทว่านางก็รู้ดีว่ามิควรเอาตัวไปเทียบเสมอผู้เป็นนา

  • หมอปีศาจพันหน้า   ตามเกี้ยวภรรยา

    “หยุดรถม้าก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”เซี่ยวจวินหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ กระนั้นก็สั่งให้หยุดรถม้าตามคำร้องขอของสตรีข้างกาย และทันทีที่รถม้าหยุดลงหลินจื่อเยว่ก็รีบลงไปทันที เซี่ยวจวินอุ้มหลินเสวี่ยอี้ตามลงไปจึงได้เห็นนางตรงเข้าไปช่วยชายชราที่กำลังนอนนิ่งหญิงชราที่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่เมื่อได้เห็นคนตรงเข้ามาช่วยก็พานดีใจ กระนั้นให้มองเต็มตาเท่าไรก็มองมิกระจ่างว่าผู้ที่สวมหมวกม่านมี่หลี่ปิดบังใบหน้ามองเห็นเพียงดวงตานั้นเป็นบุรุษหรือสตรี“ท่านยาย ท่านตาเป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือไม่”“สักราว ๆ สองเค่อ ได้แล้วละ”หลินจื่อเยว่วางมือทาบลงไปตรงกลางระหว่างอกก็รับรู้ได้ว่าลมหายใจติดขัด การรักษาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทว่าจังหวะที่นางกำลังทำการรักษาใกล้เสร็จ จู่ ๆ ก็วางมือลง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินขึ้นรถม้าไปทันที ไม่สนใจเสียงร้องคร่ำครวญของหญิงชราแม้แต่น้อย อาเยียนเองเมื่อเห็นผู้เป็นนายหันหลังให้ นางก็เดินกลับไปขึ้นรถม้าด้านหลังเช่นกัน สร้างความงุนงงให้กับเ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status