เช้าวันนี้พราวชมพูตื่นมาด้วยความสดชื่น เมื่อคืนหลังจากเปลวตะวันอุ้มพาเธอขึ้นห้องไปแล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอยากจะสานต่ออะไรที่มันค้างคา แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนโดยง่ายขณะที่เขาเพียงแค่สวมกอดเธอไว้แนบอกแต่นั่นก็ทำให้เธออิ่มอุ่น หัวใจฟูฟ่องกับความอ่อนโยนและใส่ใจของเขา
ยิ่งลงมาเห็นกระเช้าของฝากที่แม่เพื่อนสนิทของเขาหอบหิ้วมาถูกหย่อนทิ้งไว้ในถังขยะพราวชมพูก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่พอเดินมาถึงโถงนั่งเล่น รอยยิ้มก็เลือนหายเมื่อเห็นใครบางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว
“สวัสดียามเช้าค่ะ วันนี้ดูอารมณ์ดีขึ้นนะ ดูท่าของบำรุงที่ซื้อมาฝากจะได้ผลดี”
“เมื่อก่อนนี่เช้าถึงมืดถึงแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าคะ” พราวชมพู ไม่อารมณ์ดีด้วย เธอถามเสียงฉุนแล้วมองคนมาเยือนด้วยสายตาขุ่น
“เอาตามจริงดีไหมนะ พูดไปแล้วเธอจะคิดมากหรือเปล่า แย่จัง! ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเธอได้ไปเหวี่ยงใส่เปลวให้เขาอึดอัดใจอีก”
พราวชมพูยิ้มเยาะ ทีคราวนี้ทำท้าทายต่อปากต่อคำกับเธอฉอดๆ เวลาอยู่ต่อหน้าอีตาหมอหื่นนั่นแสร้งทำเป็นนุ่มนิ่มสนิมสร้อยแสนดีจิตใจอ่อนโยน
“เหนื่อยไหมคะ”
“เรื่องไหนล่ะ เรื่องต้องคอยฟังเปลวบ่นที่ต้องปวดหัวเพราะเธอ หรือเรื่องต้องคอยพาเขาไปหาอะไรที่เจริญหูเจริญตาแก้เครียดก่อนกลับบ้านดี” เกวลินถามยิ้มๆแล้วสบตาพราวชมพูอย่างท้าทาย
พราวชมพูกัดฟันเก็บข่มอารมณ์พุ่งพล่านเอาไว้ สองหูเงี่ยฟังเสียงเท้าของคนที่กำลังลงบันไดมา แล้วเกวลินก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อจู่ๆพราวชมพู ยิ้มหวานให้เธอ
“ใครมาเหรอพราว นิหรือเปล่าทำไมวันนี้มาแต่เช้าเชียว”
เกวลินถึงบางอ้อทันทีที่เห็นเปลวตะวันเดินเข้ามาในโถงนั่งเล่น พอเขาเห็นเธอ รอยยิ้มก็เลือนหายจากใบหน้า เธอทันได้เห็นดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความกังวลยามชำเลืองแลไปยังพราวชมพูก่อนวกกลับมาที่เธอ
“เกลน่ะเองมีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาแต่เช้า”
“หมอเกลเป็นห่วงว่าพราวจะเข้าใจเธอผิดๆเรื่องที่แวะมาเมื่อคืนน่ะค่ะก็เลยรีบมาอธิบายอยากให้พราวเข้าใจ” พราวชมพูเป็นคนตอบ
เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงฟังจากที่พราวชมพูพูดแล้วก็พอจับทางได้ว่าแอบจิกกัดเกวลินเบาๆ และเขาก็ทันได้เห็นสีหน้าเกวลินจืดเจื่อนลงก่อนปรับเป็นปกติ
“ก็อย่างที่คุณพราวบอกนั่นแหละ แล้วก็ถือโอกาสมาบอกเปลวด้วยว่าวันนี้อาจารย์แม่มากรุงเทพฯเลยว่าจะชวนเปลวไปรับท่านด้วยกันแต่ไม่รู้ว่าเปลวจะสะดวกหรือเปล่า”
“อาจารย์แม่มาเหรอดีสิไม่ได้เจอท่านนานแล้ว ท่านมากี่โมงล่ะ”
เกวลินเห็นพราวชมพูนิ่งเงียบก็สะใจ แทนที่จะตอบคำถามของเปลวตะวันกลับหันมาพูดกับพราวชมพูยั่วเย้าอารมณ์เธอ
“คุณพราวคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะถ้าหมอจะขอยืมตัวเปลวสักวัน”
ได้ยินเกวลินพูดแบบนั้นเปลวตะวันรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เหมือนกับเพื่อนของเขาพยายามยั่วพราวชมพูให้โกรธ และเมื่อเขาเห็นพราวชมพูยิ้มเนือยๆก็พอรู้ว่าเธอกำลังพยายามข่มอารมณ์ไว้อย่างถึงที่สุด
“ไปด้วยกันนะพราว พี่จะได้ถือโอกาสแนะนำแม่ของลูกให้ท่านรู้จัก”
จากที่กำลังยิ้มเยาะเพราะคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าและสั่นคลอนความรู้สึกพราวชมพูได้ตอนนี้เกวลินกลายเป็นหน้าซีดและนิ่งงันเสียเอง
ถ้อยคำที่เรียกแทนตัวเองว่าพี่อย่างสนิทชิดเชื้อและการแสดงออกอย่างชัดเจนของเปลวตะวันทำให้เธอรู้ว่าเขายกให้ผู้หญิงไม่มีที่มาที่ไปคนนี้เป็นคนสำคัญเหนือเธอ
“ท่านมาถึงกี่โมงเดี๋ยวเกลไลน์บอกเราอีกทีก็แล้วกันนะ วันนี้เราไม่ได้เข้าโรงพยาบาล”
“วันนี้เปลวยกเลิกออกตรวจเหรอ”
“ใช่! ช่วงนี้พราวแพ้ท้องหนักไปหน่อย อารมณ์พราวไม่ค่อยสงบเท่าไร เราเลยจะพาพราวไปไหว้พระ เผื่อว่าจะช่วยผ่อนคลายได้บ้าง”
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ชวนหมอเกลให้ไปด้วยกัน พอดีพราวอารมณ์ขึ้นๆลงๆเกรงว่าคนอื่นไปด้วยพราวอาจจะเผลอทำอะไรไม่ดีให้ลำบากใจหนักใจอีกน่ะค่ะ”
พราวชมพูบอกยิ้มๆ ปากยิ้มแต่แววตาแฝงด้วยแววเยาะหยันเต็มพิกัด ทำเอาเกวลินเห็นแล้วแทบคลั่ง เพราะรู้ว่าพราวชมพูกำลังแสดงให้เธอเห็นชัดเจนว่าถือไพ่เหนือกว่า
“อารมณ์แปรปรวนง่ายแบบนี้แล้วจะไปรับอาจารย์แม่กับพวกเราได้เหรอคะ” เกวลินกระแซะยิ้มๆอย่างไม่ยอมแพ้
พราวชมพูคลี่ยิ้มหวานช้อนสายตาอ้อนมองเปลวตะวันก่อนหันกลับมาตอบคนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มหู
“อาจารย์แม่เป็นคนสำคัญของพี่เปลวขนาดนั้น ไม่ไหวพราวก็ต้องไหวแหละค่ะ” พูดแล้วก็ขยับเข้าไปกอดเอวเปลวตะวันและใช้ไหล่เขาเป็นที่พักพิง ส่งสายยิ้มเยาะพร้อมยักคิ้วเล็กๆยั่วเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของสามี
เกวลินเห็นแล้วแทบกรี๊ดใส่หน้า คอยดูเถอะเธอจะทำทุกวิถีทางที่จะเอาชนะผู้หญิงคนนี้ให้ได้
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับก่อนนะ เดี๋ยวเราไลน์บอกเรื่องเวลาอีกที”
“ได้สิเกล ขอบคุณมากนะ” เปลวตะวันตอบรับแล้วก้มลงกระซิบถามพราวชมพูน้ำเสียงอ่อนโยน
“พราวจะกินอะไรก่อนหรือจะไปหาอะไรขึ้นข้างนอกดีครับ”
“พราวอยากดื่มนมอุ่นๆพี่หมอช่วยเตรียมให้พราวหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ พราวนั่งอ่านหนังสือเล่นไปพลางๆก่อนนะเดี๋ยวพี่จัดการให้”
“ขอบคุณมากค่ะ” ไม่พูดเปล่าพราวชมพูยังเขย่งปลายเท้าจูบ ปลายคางสากของเขาโชว์เกวลินที่ยืนข่มอารมณ์ริษยาจวนเจียนจะระเบิดอยู่รอมล่อ
“ถ้าเกลไม่รีบก็นั่งคุยกับพราวก่อนได้นะ แต่ถ้ารีบก็ไปได้เลยเราขอไม่ออกไปส่งนะขอไปเตรียมนมอุ่นๆให้พราวก่อน”
เปลวตะวันบอกแล้วก็เดินเลี่ยงเข้าครัวไป พอคล้อยหลังพราวชมพูก็เปิดฉากทันที
“หมดธุระแล้วไม่ใช่เหรอคะ ถ้าหมดแล้วก็เชิญสิคะจะยืนรออะไร พี่หมอเขาก็บอกแล้วว่าออกไปส่งหน้าบ้านไม่ได้ เขาไม่ว่างน่ะค่ะ”
“คิดว่าแน่มากสินะพราวชมพู ฉันเห็นมานักแล้วคนมั่นใจอะไรผิดๆแบบเธอจบไม่สวยสักราย”
“เหมือนหมอเกลใช่ไหมคะ มั่นใจว่าจะได้งาบพี่หมอแน่ๆ สุดท้ายเป็นไงคะ อดงาบ”
“เธอ!”
“จุ๊ๆ อย่ากรี๊ดไปนะคะ เสียมาดคุณหมอผู้แสนดีหมด” พราวชมพูหัวเราะคิกคักแล้วเบะปากใส่เดินหนีเข้าครัวไป
เธอรู้ว่าทำแบบนี้เท่ากับการราดน้ำมันลงกองเพลิง
ไม่เป็นไร! เธอรับมือได้ ยิ่งร้ายลึก เธอยิ่งต้องร้ายกลับและระวังตัวให้มาก
เกวลินกำหมัดแน่นมองตามหลังพราวชมพูด้วยความชิงชัง
ไม่ยอม! เธอไม่ยอมเด็ดขาด เปลวตะวันต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น ต่อให้เขาเลยเถิดไปกับใครต่อใครมานับร้อยพันเธอไม่สน เธอสนแค่ว่าท้ายสุดเธอจะชิงเขากลับคืนมาให้ได้
“พี่บอกให้รอข้างนอกไง เข้ามาทำไมครับ หรือว่าพราวหิวจนรอไม่ไหว”เปลวตะวันถามเมื่อเห็นพราวชมพูเดินเข้ามาในครัวพร้อมส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล รอยยิ้มนั้นชวนให้รู้สึกแปลกไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิด“หิวค่ะก็เลยเดินมาตาม”พราวชมพูบอกพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแล้วลอดศีรษะเข้าใต้รักแร้ของเขายื่นหน้าไปดูว่าเขากำลังทำอะไร“ทำอะไรแบบนี้ครับ เดี๋ยวพี่พลั้งมือทำนมหกกระเด็นถูกพราวหรอก”เขาว่าแล้วหมุนกายหันกลับมาสวมกอดเธอพร้อมโน้มใบหน้าลงจูบอย่างรวดเร็ว โอกาสดีๆแบบนี้ใช่จะหาได้ง่ายๆจูบแล้วก็อยากอุ้มขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจพาเธอไปไหว้พระเขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน“เกลกลับไปแล้วเหรอ”เขาถามหลังจากถอนจูบแต่ยังคงวนเวียนคลอเคลียหอมแก้มซ้ายขวาไม่หยุดถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง บรรยากาศกำลังดีดันปากเปราะพูดถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงพราวชมพูไม่ตอบและไม่ได้ผลักไสเขาอย่างเคย วันนี้เธอเอียงแก้มให้เขาจูบตามใจแล้วก็เป็นฝ่ายโน้มต้นคอเขาและเขย่งเท้าขึ้นจูบเขาบ้างคนถูก
เปลวตะวันนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อมาถึงร้านอาหารตามนัดหมายแล้วพบว่ายอดนักรบร่วมขบวนมาด้วย คนขี้หึงหน้าตึงขณะที่คนขี้เล่นยิ้มเผล่อารมณ์ดี“สวัสดีครับพี่หมอเปลว คุณพราว มากันเร็วเหมือนกันนะครับนี่ ผมกับรุ่นพี่ไปรับอาจารย์แม่มาถึงได้ไม่ถึงห้านาทีเอง”พราวชมพูยิ้มน้อยๆส่วนเปลวตะวันหันไปทักทายอาจารย์ที่ปรึกษาที่เคารพรัก“สวัสดีครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”“ไม่เป็นไรหรอกเปลวแค่เห็นหน้าพวกเราพากันมากินข้าวกับครูพร้อมหน้า ครูก็ดีใจแล้ว”“อาจารย์แม่มาทั้งทีพวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ยอดนักรบเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขึ้นเปลวตะวันเขม่นในความขี้ประจบนั้นเหลือใจส่วนเกวลินลอบยิ้มน้อยๆอย่างหมายมาด“นี่เหรอเมียเราที่เขาเล่าลือกันไปทั่วกรุงเทพฯน่ะ”เปลวตะวันฟังแล้วรู้สึกขัดหูไม่น้อย ไม่ใช่เพราะถูกอาจารย์อรวีซักถามแต่เพราะไม่พอใจคนคาบข่าวไปฟ้องต่างหาก“ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้แนะนำให้รู้จักต้องรออาจารย์แม่ต้องทักถามเสียก่อน”“ไม่เป็นไรหรอก ครูไม่ถือ แล้วนี่ชื่อเสียงเรียงนามอะไ
“พวกเธอนี่นะ ต้องให้พราวชมพูสอน ทำตัวเป็นเด็กๆไม่รู้จักโตกันไปได้”อาจารย์อรวีพูดขึ้นในที่สุด นางนึกชื่นชมพราวชมพูไม่น้อยขณะที่เอือมระอากับบรรดาลูกศิษย์พอถูกอาจารย์แม่ดุหมอทั้งสามก็รีบเอ่ยอย่างสำนึกผิด“ผมขอโทษครับ / เกลขอโทษค่ะ” สามเสียงประสานกันพร้อมเพรียง อาจารย์แม่กวาดสายตาดุกำราบไปยังทุกคนแล้วมาหยุดที่พราวชมพูซึ่งนั่งยิ้มจืดเจื่อน“หมอยอดนักรบขอโทษพราวชมพูกับหมอเปลวซะ คำพูดทะลึ่งตึงตังของเรามันทำให้พราวชมพูเสื่อมเสียเกียรติลูกผู้หญิงมากเข้าใจไหม”“ครับอาจารย์แม่ ผมผิดไปแล้ว คุณพราวครับ ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณพราวเสื่อมเสียแล้วก็รู้สึกไม่ดี”“ฉันไม่รับคำขอโทษเป็นคำพูดถ้านายสำนึกจริงก็ก้มกราบเท้าฉันนี่” เปลวตะวันยังไม่ยอมลงง่ายๆคำพูดนั้นทำเอายอดนักรบกัดกรามกรอด เปลวตะวันเลิกคิ้วจ้องมองอย่างท้าทายและชิงชัง“เปลว...เกลว่ามันออกจะแรงไปหน่อยไหม” เกวลินท้วงเพราะรู้สึกว่าเปลวตะวันจะเล่นแรงไปจริงๆ ขณะที่พราวชมพูปิดปากลอบสังเกตเงียบๆอาจารย์อรวีเห็นท่าว่าจะขัดเคืองใจกันไปใหญ่ก็ห้ามทัพ“หมอเปลวตะวันครูว
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงครับ” เปลวตะวันถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นพราวชมพูทำหน้าปุเลี่ยนคนถูกถามยิ้มน้อยๆขืนพูดความจริงออกไปเธอกลัวเขาจะเสียใจและรับไม่ได้กับสิ่งที่เธอคิด“ดึกแล้วพราวว่าเราไปอาบน้ำนอนพักดีกว่านะคะ”พราวชมพูบอกแล้วก็เดินไปคว้าเสื้อคลุมและผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ นึกแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้เขายอมฟังแต่โดยดีไม่มีตามมาวอแวแต่ช่างเถอะ! เขาจะอะไรก็ช่าง ขอแค่เธออยู่ดีมีสุขไม่ทุกข์ร้อนก็พอแล้ว นาทีนี้คิดถึงความสะดวกสบายของลูกน้อยไว้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันพออาบน้ำเสร็จแล้วกลับออกมาอีกครั้งพราวชมพูก็ต้องประหลาดใจที่ในห้องไร้เงาของเปลวตะวัน สมองแสนฉลาดของเธอประมวลผลอย่างรีบด่วน! อีตาหมอหื่นนั่นทำท่าแปลกๆตั้งแต่ตอนเธอหาเรื่องชิ่งไปอาบน้ำแล้ว ปกติจะออดอ้อนปลุกปั่นเธอให้หวั่นไหวไปกับเรื่องอย่างว่า แต่วันนี้ผิดปกติจริงๆ เขาจะมาไม้ไหนอีกเธอไม่แน่ใจ“ว้าย!”เสียงพราวชมพูหวีดลั่นด้วยความตกใจเพราะจู่ๆก็ถูกรวบตัวเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังแม้จะรู้ว่าเป็นเขาแต่อาการถูกจู่โจมเงียบๆขณะที่คิดอะไรเพลินๆก็ทำเอาตกใจได้ไม่น้อย“โอ๋
“ยิ้มเก่งนัก สมใจแล้วใช่ไหมคะ ถึงยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้” เธอกระแซะเขาเล็กๆด้วยความหมั่นไส้ที่เห็นเขายิ้มหยาดเยิ้มยิ้มทั้งริมฝีปากยิ้มทั้งแววตายิ้มออดอ้อนเว้าวอนจนเธออดใจไม่ไหวพราวชมพูโน้มศีรษะเขาแล้วผงกศีรษะตัวขึ้นขึ้นส่งริมฝีปากอิ่มนุ่มนิ่มบดจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรนั้นด้วยความเสน่หาหมอเปลวตะวันถึงกับครางฮือ สะโพกหนั่นแน่นของเขาหยุดขับเคลื่อนชั่วขณะ แล้วเจ้าตัวก็หันมาแลกจูบกับคนใต้ร่างอย่างเมามัน“จูบเก่ง” เขาออกปากชมชมจบก็พรมจูบละเรื่อยจากปลายคางไล่ลงมาตามลำคอ และมาจบลงที่ตรงยอดปทุมคู่สวยกลมกลึงอุ่นนุ่มพราวชมพูครางกระเส่าเมื่อปลายยอดข้างหนึ่งถูกเขาครอบครองไว้ด้วยอุ้งปากร้อนชื้น ส่วนอีกข้างถูกปลายนิ้วแกร่งปลุกปั่นหยอกเย้าจนชูช่อแข็งขึงด้วยความสุขหฤหรรษ์ถึงตอนนี้ร่างน้อยๆของพราวชมพูเริ่มบิดพล่าน แผ่นหลังหยัดเหยียดยามเจ้าตัวแอ่นอกยกร่างส่งยอดดอกบัวคู่สวยให้เขากัดกลืน สองขาหยัดตั้งหยัดยกสะโพกลมกลึงสอดส่ายให้ตัวตนอันแข็งกร้าวเสียดสีเพิ่มพูนความเสียดเสียวซึ่งขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นสาดซัดระลอกแล้วระลอกเล่าเปลวตะ
“หมอเกลเป็นเพื่อนที่แสนดีไม่ใช่เหรอคะ เพื่อนมีเรื่องร้อนใจก็น่าจะไปดูใจเพื่อนสักหน่อย พี่หมอจะมานั่งทำหน้าเซ็งทำไมล่ะคะ”“ก็พี่รู้ว่าพราวไม่ชอบ แล้วถ้าพี่ไปมันทำให้พราวไม่สบายใจพี่ก็ไม่ไป”“ปฏิเสธได้เหรอคะ เพื่อนทั้งคนนะคะ สนิทด้วย ปกติไม่เคยบอกปัดครั้งนี้จะทำเฉยเพื่อนจะไม่ว่ามีเมียแล้วลืมเพื่อนหรอกเหรอคะ” พราวชมพูถามยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มที่เปลวตะวันรู้สึกถึงการประชดประชัน เขาจึงกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นเข้าแล้วหอมแก้มเจ้าหล่อนหนักๆ“บางครั้งเราก็ต้องให้เพื่อนเผชิญปัญหาด้วยตัวเองนะจะยื่นมือไปเสียทุกเรื่องเพื่อนอาจจะไม่รู้จักโต”ดึ๊ง ดึ่ง ดึง ดึ๊ง...“ดูเหมือนว่าเพื่อนพี่หมอจะต้องการเพื่อนมากๆนะคะเวลานี้ พราวชมพูกระแซะเมื่อเห็นสายเรียกเข้าทางแอพลิเคชั่นไลน์เปลวตะวันขยับจะเอื้อมมื้อไปเลื่อนปิดไม่รับสายแต่ว่าพราวชมพูก็ท้วงไว้ก่อน“รับเถอะค่ะ เผื่อว่าหมอเกลเธอจะมีปัญหาจริงๆ พราวไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้เพื่อนผิดใจกัน”เปลวตะวันพยักหน้ารับแล้วหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องโปรดมากดรับสายเขาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการเปิดสปีคเกอร์โฟนให้
“เข้ามาก่อนสิ” เธอเอ่ยปากแล้วก็ทันเห็นเปลวตะวันชะงักนิดๆ เห็นแล้วก็ปวดหนึบในหัวใจหนักเข้าไปอีก“เดี๋ยวนี้แค่เข้าห้องเกลทำเอาเปลวถึงกับเครียดเลยเหรอเมื่อก่อนมานอนหลับเป็นตายเป็นวันๆไม่เคยเห็นเปลวต้องพะวงอะไรหรือกลัวใครมาเห็นเอาไปพูดกันผิดๆแล้วเปลวจะเสียหาย”“ไปกันใหญ่แล้วเกล เข้าไปข้างในกันเถอะ ยืนคุยนานเมื่อยขาแล้ว” เปลวตะวันเป็นฝ่ายสรุปจบแล้วดันหลังเกวลินให้เดินนำเข้าไป ตัวเขาก้าวตามมาแล้วปิดประตูห้องก่อนโอบไหล่พาเพื่อนรักที่แสนดีเข้าไปข้างในเขาพอจะรู้ว่าวันนี้เกวลินน่าจะมีเรื่องร้อนใจและสะเทือนใจอย่างมากถึงได้เสียศูนย์หนักขนาดนี้“เปลวนั่งก่อนนะเดี๋ยวเกลไปเอาน้ำมาให้จะดื่มอะไรพิเศษไหม” เกวลินบอกเมื่อเขาและเธอเดินเข้ามาถึงโซฟารับแขกในโถงนั่งเล่นแต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหนเปลวตะวันก็ท้วงขึ้น“เกลนั่งเถอะ เดี๋ยวเปลวไปหยิบเองได้” เปลวตะวันบอกพลางขยับจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น แต่เกวลินรั้งเอาไว้พร้อมกับดึงแขนชี้ชวนให้เขานั่งลง“เปลวเป็นแขกนั่งนี่แหละ เกลจะหาของว่างมาให้ด้วยเผื่อเปลวฟังเรื่องของเกลแล้วเครียดตามจะได้มีอะไรขบเคี้ยวแก้เครียด” เจ้าของห
“ตัวสั่น เหงื่อแตกพลั่กเพราะร้อนลุ่มจนนั่งไม่ติดแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะเรียกว่าอะไร”“รู้ดีแบบนี้เกลคงแอบเอายาปลุกเซ็กส์ใส่น้ำนั่นให้เรากินสินะ ทำไมนะเกล ทำไมต้องทำแบบนี้”“ก็เพราะเกลอยากได้เปลวไง เกลอยากได้แล้วก็อยากให้เปลวหันมามองเกลบ้าง เกลอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆเปลวมาตลอดแต่เปลวไม่เคยเห็นเกลในสายตาเลย”“เราเป็นเพื่อนกันเปลวไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น”“แต่เกลคิด เกลรักเปลว รักมาก รักแล้วก็อยากครอบครอง”“เกลรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”“รู้สิ เกลรู้ทุกอย่าง เกลทำทุกอย่างแบบมีสติ แล้วนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเกลที่เกลจะได้ครอบครองเปลว”เกวลินว่าแล้วก็โถมกายเข้าหาเปลวตะวันอีกครั้ง แม้เขาจะพยายามปัดป้องฝืนผลักดันเธอออกไปแต่เกวลินก็ไม่ลดละ“เกลบอกแล้วไงในห้องนี้มีแค่เรา เกลไม่พูด เปลวไม่พูด ใครจะรู้” เธอบอกพร้อมกับลูบไล้ปลายนิ้วเล็กๆไต่ไปตามแผงอกกว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจถี่กระชั้นของเขายิ่งเห็นเปลวตะวันพยายามดึงดันฝืนต้านอารมณ์พุ่งพล่านที่กำลังเล่นงานเขาภายในกาย เธอก็ยิ่งนึกชังผู้หญิงเหล่านั้นที่เคยได้แนบเนื้อชิดใกล้โ
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็