ลู่สือเยี่ยนหยุดลงทันที แววตาของเธอทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ"ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่" หลินเซียงถามเสียงเบา "ตกลงเราจะหย่าหรือไม่หย่ากันแน่"ลู่สือเยี่ยนเม้มริมฝีปากทันที ลุกขึ้นจากตัวเธอ ก้าวลงจากเตียงแล้วตรงไปที่ห้องน้ำหลินเซียงหลับตาลงแล้วถอนหายใจยาว ๆ ออกมางั้นก็อย่าทำแบบนี้สิในเมื่อตัดสินใจที่จะหย่ากันแล้ว ก็ช่วยเด็ดขาดกับฉันหน่อยพวกเราทั้งสองจะได้ไม่มีใครอึดอัดเมื่อลู่สือเยี่ยนออกมา หลินเซียงก็จากไปแล้ว แม้แต่ข้าวเช้าก็ยังไม่รอกินพร้อมกันเธอส่งข้อความมาให้เขาเพียงข้อความเดียวหลินเซียง : [ฉันรอคุณอยู่ที่หน้าสำนักงานเขต]สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกและแผ่ออร่ากดดันพ่อบ้านเดินออกมา มองไปรอบ ๆ แล้วถามด้วยความสงสัย "คุณชายสาม คุณหนูหลินจากไปแล้วเหรอครับ?"เมื่อคืนที่หลินเซียงมา พ่อบ้านรับรู้ แต่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าห้ามใครส่งเสียงดัง เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นหลินเซียงในเช้าวันนี้ แต่กลับไม่พบใครลู่สือเยี่ยนเก็บโทรศัพท์ สีหน้าเย็นลงกว่าเดิมเล็กน้อย "คุณว่างมากเหรอ?"พ่อบ้านสัมผัสถึงความเย็นเยียบที่แผ่ออ
“คุณชายลู่เดินทางไปที่เมืองหลานเฉิงครับ”หลินเซียง “ส่งตารางงานโดยละเอียดของเขามาให้ฉันที”“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”ซ่งจั่วตอบรับแล้ววางสายไป ไม่นานก็ส่งตารางงานของลู่สือเยี่ยนให้หลินเซียงหลินเซียงดูครู่เดียว จากนั้นก็เปิดแอปสายการบินแล้วกดจองตั๋วโดยตรง เธอไม่ลังเลเลย จองตั๋วเสร็จสรรพก็ตรงดิ่งไปที่สนามบินนั่งเครื่องจากเมืองอวิ๋นเฉิงไปเมืองหลานเฉิง ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงไปดักเจอลู่สือเยี่ยนให้ได้ แล้วไปจัดการเรื่องหย่าโดยตรง แล้วค่อยบินกลับมา ไม่ถือว่าเสียเวลามากนักสองเมืองอยู่ใกล้กัน สภาพอากาศจึงไม่แตกต่างกันมาก หลินเซียงลงจากเครื่องบินแล้วก็โบกรถแท็กซี่ไปลงโรงแรมที่ลู่สือเยี่ยนพัก พอทำการเช็กอินจองห้องแล้วก็นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง รอจนกว่าเขาจะโผล่หน้ามาให้เห็นเพราะผู้ชายคนนี้ไม่ยอมรับสายเธอเหอะ!คิดว่าหนีมาต่างเมืองแล้วจะหนีพ้นเหรอ?ฝันไปเถอะ!ถึงอย่างนั้นหลินเซียงก็ต้องรออยู่นานมาก จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ร่างสูงสง่าของลู่สือเยี่ยนก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาจากทางเข้าหลินเซียงตาปรือแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว ตอนแรกที่เห็นเขายังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ต้องกะพริบตารัว ๆ เพื่อปรับ
ห้องของลู่สือเยี่ยนอยู่ชั้น 9 แต่เมื่อลิฟต์กำลังจะถึงชั้น 7 ลู่สือเยี่ยนก็กดปุ่มยกเลิกคำสั่งจอดชั้น 7 ทันที"ทำอะไรน่ะ?"หลินเซียงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วถามทันทีลู่สือเยี่ยนตอบกลับ "เมื่อกี้คนแถวนี้รู้กันหมดแล้วว่าเราเป็นสามีภรรยากัน นอนแยกห้องกันคงไม่เหมาะสม"หลินเซียง "ฉันไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะสนใจชีวิตส่วนตัวของคุณขนาดนั้น"ลู่สือเยี่ยน "กันไว้ดีกว่าแก้"ตอนนี้หลินเซียงจะกดชั้น 7 อีกรอบแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะลิฟต์ขึ้นมาจอดที่ชั้น 9 สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนักรอให้ลู่สือเยี่ยนเดินออกไปไกลประมาณหนึ่ง แล้วเธอจึงเดินออกไป แต่เธอไม่ได้เดินตามเขา กลับเดินตรงไปทางบันไดหนีไฟแทนลู่สือเยี่ยนมองการกระทำของเธอแล้วเอื้อมมือไปปลดเนกไท "หลินเซียง"หลินเซียงหยุดเดิน "ทำไม?"เธอไม่ได้หันกลับไปมอง จึงไม่เห็นแววตาที่ซับซ้อนระคนอาวรณ์ของเขาลู่สือเยี่ยนถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า "จริง ๆ แล้วเราไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกันเลย จะอยู่ด้วยกันแบบสงบสุขไม่ได้เลยเหรอ?"หลินเซียงกำหมัดแน่นทันที!ตอนนี้เขาเพิ่งจะมาพูดเรื่องอยู่ด้วยกันแบบสงบสุขกับเธองั้นเหรอ?ตอนแรกเธอคิดจะทำแบบนั้น แต่เขาทำกับเธอยังไง?เพราะตอ
เซี่ยหว่านรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนเลวขนาดนี้ไม่หรอก ตอนที่เขาอยู่กับเซี่ยหว่าน เขาไม่น่าจะทำตัวแบบนี้เขาคิดถึงบุญคุณของเซี่ยหว่าน แน่นอนว่าเขาไม่มีวันทำอะไรที่จะทำให้เธอเสียใจส่วนหลินเซียง...เหอะ ไม่มีค่าพอขนาดนั้นลู่สือเยี่ยนมองประตูห้องที่ปิดสนิท ความหงุดหงิดในอกของเขายิ่งปั่นป่วนรุนแรงขึ้นทุกขณะ ยกแก้วน้ำขึ้นกระดกดื่มคำโต ราวกับว่ามันช่วยบรรเทาอารมณ์รำคาญใจนั้นได้เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้พวกเขายังไม่ได้หย่ากัน ยังพอจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้ไม่ใช่เหรอ?ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงประตูห้องของหลินเซียงมีเสียงเคาะดังขึ้นเธอตื่นขึ้นด้วยอาการงัวเงียแล้วเปิดประตู ก็เห็นลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปสวมชุดสูทแล้ว จ้องมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ได้เวลาไปงานเลี้ยงแล้ว"ผมของเธอปล่อยยาวสยาย ใบหน้างดงามเป็นธรรมชาติเพราะปราศจากการแต่งแต้ม มีความสับสนเล็กน้อย หนามแหลมรอบตัวเหมือนจะหายไป เหลือแต่ความอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นนี่คือภาพจำในใจเขาไม่รู้ทำไม หัวใจของเขาถึงอ่อนยวบลงไปเล็กน้อย"แต่ฉันไม่ได้พกชุดราตรีมานะ"หลินเซียงพูดพลางอ้าปากหาวเธอล้าไปทั้งตัวจริง ๆ รีบเดินทางมาจากเมืองอวิ๋นเฉิง
หลินเซียงเงยหน้ามอง แล้วถามด้วยความสงสัย "นั่นอะไรคะ?"ลู่สือเยี่ยนตอบว่า "คุณเป็นภรรยาผม แต่งตัวเรียบง่ายเกินไป คนอื่นอาจจะคิดว่าผมดูแลคุณไม่ดี"เขาหยิบต่างหูออกมาแล้วพูดกับเธอ "เข้ามาใกล้ ๆ สิ"สาว ๆ ที่ไหนบ้างไม่ชอบเครื่องเพชร?หลินเซียงลุกขึ้นพร้อมกับถามว่า "ของฉันเหรอ?""อืม"ลู่สือเยี่ยนตอบรับโดยไม่ลืมที่จะสังเกตประกายในดวงตาเธอหลินเซียงเดินเร็วขึ้นเล็กน้อย ตรงไปหาเขาแล้วเหยียดมือออก "ฉันใส่เองก็ได้"แต่ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "ที่นี่ไม่มีกระจก คุณมองไม่เห็นหรอก"พูดจบก็เอื้อมมือไปเกลี่ยผมของเธอทัดไว้หลังหู แล้วก้มลงสวมต่างหูให้ต่างหูเพชรเป็นรูปหยดน้ำ เจียระไนอย่างสวยงาม ภายใต้แสงไฟระยิบระยับแวววาว ขับเน้นให้สวยงามสะดุดตาเป็นอย่างมากติ่งหูของเธอเจือสีขาวอมชมพู เล็กกระทัดรัด ทำให้สอดผ่านรูที่เจาะได้ง่ายดาย นิ้วมือของเขาลูบไล้วนอยู่รอบติ่งหูของเธอราวกับไม่อยากผละจาก ก่อนจะหยิบต่างหูอีกข้างมาสวมให้ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองใกล้ชิดมาก ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นรดลงบนผิวเธอ รู้สึกทั้งร้อนทั้งจั๊กจี้สวมต่างหูเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นคิวของสร้อยคอชายหนุ่มยอมไม่ถอยห่าง กลับเข้ามาใกล้เธอม
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่คฤหาสน์แห่งหนึ่งพรมแดงปูจากภายในคฤหาสน์ไปจนถึงประตูใหญ่ รถยนต์จอดเรียงรายอยู่ที่ปลายพรมแดง คนแต่งกายหรูหราทยอยก้าวลงจากรถรถของลู่สือเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาจอดในไม่ช้า หลินเซียงเอื้อมมือจะเปิดประตู แต่เขากลับกดมือเธอไว้“อะไรอีก?"เธอหันไปมองเขาด้วยความสงสัยลู่สือเยี่ยนรู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย แล้วพูดว่า "รอเดี๋ยว คุณต้องคล้องแขนผม เราต้องไม่ให้คนอื่นมองออกว่าเราไม่ลงรอยกัน"หลินเซียงถามกลับ "จำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ?"ลู่สือเยี่ยน "เราเป็นสามีภรรยากันนะ""โอ้ งั้นช่วยเพิ่มค่าจ้างให้หน่อยสิ" หลินเซียงพูดโดยไม่เกรงใจลู่สือเยี่ยน "เดี๋ยวนี้คุณหาวิธีสร้างเนื้อสร้างตัวแบบนี้เหรอ?"หลินเซียงเหยียดยิ้ม "เพิ่งรู้หรือไง?"ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง แล้วพูดว่า "ไว้กลับไปค่อยว่ากัน"หลินเซียงยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ตอนนี้ประตูรถเปิดออกแล้ว เธอจึงต้องปิดปากเงียบไปก่อนพูดมากเกินความจำเป็นไม่ได้ ถ้าทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา เส้นทางการสร้างเนื้อสร้างตัวของเธอคงจะขาดสะบั้นลู่สือเยี่ยนลงจากรถก่อน เขาเอื้อมมือมาหา เธอเหลือบมองฝ่ามือของเขา หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นทันที จาก
เมื่อเห็นอาหารตรงหน้า ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีเธอหยิบอาหารว่างมาสองสามอย่างแล้วเดินไปนั่งกินเงียบ ๆ ที่โซนพักผ่อนตรงนี้มีผู้หญิงหลายคนเริ่มพูดคุยกันล้วนเป็นเรื่องราวของเมืองหลานเฉิง หลินเซียงไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้จึงไม่สนใจ"นี่ พวกคุณเห็นลู่สือเยี่ยนหรือเปล่า เขาเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลลู่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิง ที่เคยสลบไสลเป็นเจ้าชายนิทรา แล้วก็หายตัวไปตั้งหนึ่งปี""เห็นแล้ว เห็นแล้ว ฉันรู้จักเขา ตอนแรกเหมือนว่าผู้หญิงที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กจะช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นขาขาด ต่อมาเขาก็ความจำเสื่อม แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเก็บเขาไปดูแล พอผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเขาเป็นใครก็ไม่ยอมหย่า""หึ! นั่นตระกูลลู่เชียวนะ ถ้าจับลู่สือเยี่ยนไว้ได้ ก็จะได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นนกฟีนิกซ์ ใครจะยอมหย่ากันล่ะ""แล้วผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของลู่สือเยี่ยนไม่น่าสงสารกว่าเหรอ ช่วยชีวิตเขาไว้จนตัวเองขาขาด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เป็นของเธอ ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นแย่นะ ยึดผู้ชายที่ไม่ได้รักตัวเองไว้กับตัว น่าละอายจริง ๆ""..."หลินเซียงฟังไปฟังมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็
หลินเซียงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่เธอ “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนแล้วค่ะ"เจียงอินอินยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ ตามฉันมาเลย"เจียงอินอินพาเธอขึ้นไปชั้นบน แล้วพาไปยังห้องห้องหนึ่งที่กว้างขวางโอ่โถง เจียงอินอินหยิบชุดราตรีออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วพูดกับเธอว่า"ชุดพวกนี้ฉันยังไม่เคยใส่เลยค่ะ เลือกไปสักชุดหนึ่งได้เลยนะ"หลินเซียงชี้ไปที่ชุดราตรีสีดำชุดหนึ่ง ซึ่งมีดีไซน์เหมือนกับชุดที่เธอใส่อยู่ "เอาชุดนี้แหละค่ะ เดี๋ยวเราแอดเฟรนด์กันไว้ หลังจากจบงาน ฉันซักเสร็จแล้วจะได้ติดต่อส่งคืนให้ หรือจะให้ซื้อต่อก็ได้นะคะ"เจียงอินอินหัวเราะ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ชุดเดียวเอง คุณเปลี่ยนไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันออกไปรออยู่ข้างนอก"หลินเซียงพยักหน้า "ได้ค่ะ"ประตูห้องแต่งตัวปิดลงหลินเซียงมองชุดราตรีที่มีส่วนคล้ายกับชุดที่เธอใส่อยู่พอสมควร ดวงตาเป็นประกายไม่นานเธอก็เปิดประตูห้องแต่งตัวออกมาแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม "ใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณมากนะคะ"เจียงอินอินพยักหน้า "ใส่สบายก็ดีแล้วค่ะ เมื่อกี้เหมือนฉันเห็นลู่สือเยี่ยนกำลังตามหาคุณอยู่นะ""เหรอคะ งั้นฉันขอไปดูเขาหน่อย" หลินเซียงตอบกลับทันที แล้วก็หันหลังเดินลงจากบัน
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่