หลินเซียงตกใจ ฉินโหย่วหานอยู่แถวนี้เหรอ?“อ๋อ ค่ะ”เธอวางสายโทรศัพท์ หลินเซียงเดินไปที่ประตู ไม่นานเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เธอเปิดประตูออกไปก็พบกับฉินโหย่วหานที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับผมสั้นสีม่วงสะดุดตา“พี่หาน มาแล้วเหรอคะ”หลินเซียงยิ้มให้เขาเล็กน้อยฉินโหย่วหานยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มยิ่งขึ้น ดวงตาที่สวยคมราวกับจะดึงดูดคนให้หลงใหล “สรุปมีเรื่องอะไร?”หลินเซียงเชิญเขาเข้ามา แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังโดยสังเขปฉินโหย่วหานเห็นผักที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “งั้นเหรอ ตอนที่คุณออกมาจากสถานีตำรวจ ก็เพราะเรื่องนี้?”หลินเซียงพยักหน้า “ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “ตอนนั้นผมถามคุณ ทำไมคุณไม่ยอมบอก?”หลินเซียงรู้สึกเขินอาย ลูบจมูกแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด แต่ปรากฏว่าสถานีตำรวจทำงานไม่เร็วอย่างที่คิด ฉันไม่อยากแบกรับความผิดนี้ไปเรื่อย ๆ เลยอยากจะสืบหาความจริงให้เร็วที่สุด”เธอชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ฉันแค่คิดว่า ถ้าบอกคุณเรื่องมันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ตอนนี้ ฉันจำเป็นต้องรบกวนคุณแล้วล่ะค่ะ”ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ “ได้
หลินเซียงถามด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ว่า “ไม่… อร่อยเหรอคะ?”ฉินโหย่วหานมองเธอ แล้วพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “แค่ข้าวหนึ่งมื้อ คงไม่พอหรอก”“คะ?” หลินเซียงเบิกตากว้าง “แล้วต้องกี่มื้อถึงจะพอล่ะ?”ฉินโหย่วหานอดขำกับท่าทางน่ารัก ๆ ของเธอไม่ได้ เขาชูมือขึ้นมา แล้วชูนิ้วขึ้นเป็นเลขสามหลินเซียงหัวเราะ “สามมื้อเหรอคะ? ไม่มีปัญหาค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เลยะคะ ฉันจะรีบทำให้เลยค่ะ”ท่าทางนอบน้อมถ่อมตนนั้น ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนกำลังปฏิบัติต่อพี่ชายคนหนึ่งฉินโหย่วหานรู้สึกถึงความคุ้นเคยแปลก ๆ จึงค่อย ๆ ลดมือลง “ไว้ผมว่างเมื่อไหร่ค่อยบอกก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ” หลินเซียงรับคำทันทีแค่ทำกับข้าวไม่ใช่เรื่องยากอะไร ขอแค่ได้ชดใช้เรื่องที่ผ่านมาที่ติดค้างเขา เธอก็พอใจแล้วถึงใจฉินโหย่วหานจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่กับข้าวที่หลินเซียงทำนั้นอร่อยจริง ๆ ออกจะถูกปากเขาด้วยซ้ำเขาถึงกับกินข้าวไปสองชาม!เมื่อมองไปยังกับข้าวที่เกือบจะหมดจาน ฉินโหย่วหานถึงกับสงสัยในตัวเองหลินเซียงเดินเข้ามาเพื่อจะรินน้ำดื่ม เหลือบมองโต๊ะอาหารแล้วถามว่า “พี่หาน กับข้าวพอไหมคะ?”ฉินโหย่วหาน “...พอแล้วล่ะ”หลินเซียงโล่งใจ
วันรุ่งขึ้น หลินเซียงมาทำงานที่บริษัทอีกครั้ง งานมากมายรอเธออยู่ แต่เธอกลับไม่รู้สึกหงุดหงิดกับมัน แถมยังตั้งตารอเวลาพักเที่ยงอย่างใจจดใจจ่อเที่ยงวันนั้นเอง ฉินโหย่วหานโทรมาแจ้งผลการตรวจสอบ และส่งรายงานมาให้เธอทางอีเมล“ขอบคุณพี่หานค่ะ!” หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ฉินโหย่วหานกลับพูดช้า ๆ ว่า “ต่อให้รู้ว่าผักชนิดไหนมีพิษแล้วจะทำยังไง? นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะพ้นผิดหรอกนะ”หลินเซียงหน้าเสียเล็กน้อย “ฉันคิดว่าผักพวกนี้ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต อาจมีปัญหาตั้งแต่ในซูเปอร์มาร์เก็ต เดี๋ยวฉันไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอาก็ได้”ฉินโหย่วหาน “เรื่องผ่านมานานขนาดนี้แล้ว คงจะยากหน่อยนะ”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก รู้ว่าถ้าไปตรวจสอบตั้งแต่วันนั้นเลย คงจะง่ายกว่านี้ แต่เธอก็ต้องไปให้ได้ฉินโหย่วหานพูดอย่างใจเย็น “แน่ล่ะ ถ้าเพิ่มข้าวอีกสักสิบมื้อ ผมอาจจะลองหาวิธีช่วยดู”หลินเซียงถึงกับหัวเราะแห้ง ๆ “พี่หาน ที่บ้านพี่ไม่มีพ่อครัวเหรอคะ?”ฉินโหย่วหาน “ตอบมาแค่ว่าจะทำหรือไม่ทำ”“ทำค่ะ” หลินเซียงตอบตกลงทันทีสำหรับเธอ การทำกับข้าวหนึ่งมื้อหรือสิบมื้อก็เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่อง
หลินเซียงรับสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮัลโหล?”เสียงของลู่สือเยี่ยนกลับเย็นชาเข้าไปอีก “อยู่ไหน?”หลินเซียงนิ่งชะงักไปชั่วครู่ “มีอะไร?”หรือว่าจะเป็นเรื่องหย่าอีกแล้ว? ท่าทีของเธอออกจะชัดเจน ก่อนที่เรื่องจะถูกตรวจสอบให้กระจ่าง เธอจะไม่หย่าเด็ดขาด เขามาตามตื๊อทำไมกัน?อยู่ดี ๆ หลินเซียงนึกถึงท่าทีของเขาในอดีต แล้วก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นอีกฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้มาก ในขณะที่ตัวเธอกลับเหมือนคนนอกที่แค่มองความวุ่นวายอย่างไม่ใส่ใจ“มาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ผมมีเรื่องจะถาม”ลู่สือเยี่ยนพูดจบก็วางสายไปทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่งและความเย็นชา ราวกับไม่ยอมให้ปฏิเสธหลินเซียงขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป คนคนนี้เป็นอะไรกัน? พูดอะไรก็ไม่พูดให้ชัดเจน ทำไมต้องให้เธอไปด้วย?หลินเซียงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ไม่ได้คิดจะไปโรงพยาบาล เธอต้องกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ ก่อนหน้านี้เธอเถียงกับผู้จัดการไปแล้ว ผู้จัดการคงโมโหจนตาย อาจจะหักเงินเดือนเธอไปหลายเท่า ฉะนั้นเธอต้องหาเงินมาทดแทนให้ได้แต่พอมาถึงชั้นล่างของตึกบริษัท เธอก็เห็นซือเยี่ยนยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าเรียบเฉย มองเห็นเธอตั้งแต่
ลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย ใบหน้าเคร่งขรึมจ้องมองเธอ ดวงตาเรียวเล็กคมคายราวกับบ่อน้ำแข็งไร้ซึ่งอุณหภูมิ หลินเซียงรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเย็นลงไปหลายองศา ความหนาวเย็นแผ่ขึ้นมาจากปลายเท้า รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลินเซียงใบหน้าเย็นชาลง “คุณเรียกฉันมาทำไมกัน?”หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เซี่ยหว่านพูด? เอาเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้มาโยนใส่หัวเธอ? หลินเซียงคิดพลางมองด้วยสายตาที่เย็นชาลู่สือเยี่ยนถามเสียงเข้ม “ทำไมต้องลักพาตัวหว่านหว่าน?”“ฮะ!”หลินเซียงหัวเราะเยาะทันที เป็นเพราะเรื่องนี้จริง ๆ ด้วย! เขากล้าที่จะเรียกเธอมาสอบสวนเพราะเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงแบบนี้!หลินเซียงมองเขาอย่างเย็นชา “ลู่สือเยี่ยน คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันเป็นแค่เด็กกำพร้า ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินในเมืองอวิ๋นเฉิง ฉันจะเอาปัญญาที่ไหนไปลักพาตัวเธอ? ใช้เส้นผมจ่ายแทนค่าจ้างงั้นเหรอ?”พูดจบ เธอก็รู้สึกขำ และอดหัวเราะเยาะไม่ได้ แต่ขณะที่หัวเราะ น้ำตาแห่งความเศร้าก็ไหลออกมา!เขาไม่ไว้ใจเธอ… เขาไม่ไว้ใจเธอมาตั้งนานแล้วตอนที่เขาอาเจียนเป็นเลือดเพราะโดนวางยา แววตาที่มองเธอคมกริบราวกับมีด แท
หลังจากที่ซือเยี่ยนพาเซี่ยหว่านมาส่งโรงพยาบาล เซี่ยหว่านตกใจมาก ร้องไห้จนสลบไปซือเยี่ยนจับคนร้ายที่ลักพาตัวเซี่ยหว่านได้แล้ว หลังจากสอบสวน พวกเขาก็สารภาพว่าเป็นหลินเซียงที่จ้างพวกเขาทำปฏิกิริยาแรกของลู่สือเยี่ยนคือเป็นไปไม่ได้ ต่อมา เขาก็ได้รับอีเมลที่มีไฟล์เสียงนี้ จากที่เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นเป็นไปได้ทันที“สือเยี่ยน!”เซี่ยหว่านเห็นลู่สือเยี่ยนเงียบไป จึงทำท่าราวกับจะร้องไห้ “ฉันไม่โทษคุณที่รักผู้หญิงคนอื่น แต่คุณไม่ควรไปรักคนที่ใจร้ายแบบนี้ คนแบบเธอไม่สมควรอยู่เคียงข้างคุณเลยสักนิด!”ดวงตาสีดำสนิทของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ “เมื่อคืนคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ผมจะให้ซือเยี่ยนพาคุณกลับบ้านไปนอนพัก ช่วงนี้ให้ซือเยี่ยนอยู่คุ้มครองคุณนะ”เซี่ยหว่านชี้ไปทางหลินเซียง “แล้วเธอล่ะ? คุณจะจัดการกับเธอยังไง?”จัดการ?ขนตาเรียวบางของหลินเซียงสั่นไหว แล้วหันไปมองเซี่ยหว่านและพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ฉันไม่ได้จ้างคนลักพาตัวคุณ”เซี่ยหว่านมองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “หลินเซียง ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกขอบคุณคุณ เพราะคุณช่วยสือเยี่ยนไว้ แต่ตอนนี้ฉันอดคิดไม่ได้ คุณอาจจะรู้ตัวตน
เซี่ยหว่านส่ายหัว ไม่ยอมลงมา เธอมองลู่สือเยี่ยนด้วยน้ำตาคลอเบ้า "ฉันรู้แล้ว ฉันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ชีวิตของฉันมีไว้เพื่อคุณเท่านั้น ถ้าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป"พูดจบ เธอหันหลังและกางแขนออก ร่างกายเป็นเหมือนผีเสื้อที่กำลังจะปลิวหล่นลงมา"อย่า!"ลู่สือเยี่ยนร้องออกมาด้วยความตกใจ"อย่า!"วินาทีถัดมา เสียงร้องดังออกมาจากด้านข้าง"คุณหนูเซี่ย เธอยอมคุกเข่าขอโทษคุณแล้ว!"เสียงของซือเยี่ยนดังขึ้นทุกคนหันไปมอง เห็นว่าซือเยี่ยนได้จับหลินเซียงให้คุกเข่าลงกับพื้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บังคับให้เธอคุกเข่าขอโทษเซี่ยหว่าน!หลินเซียงดิ้นรน "ปล่อย..."แต่เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือเยี่ยน ร่างกายของเธอถูกกดไว้แน่น ไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้!ซือเยี่ยนจ้องมองเซี่ยหว่าน "คุณหนูเซี่ย คนที่ทำผิดคือเธอ ไม่ใช่ท่านประธานลู่ คุณอย่าโกรธท่านประธานลู่เลย เธอต่างหากที่เอาแต่ใจไม่ยอมหย่ากับเขา!"หลินเซียงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!เซี่ยหว่านมองไปที่ลู่สือเยี่ยน "สือเยี่ยน เป็นอย่างนั้นจริงเหรอ?"ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไร ริมฝีปากบางของเขาเม้มเป็นเส้นตรง รอบตัวเขาเต็มไปด้วยควา
ลู่สือเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง มองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเซี่ยหว่าน เธอหน้าซีดเผือด ชุดกระโปรงปลิวไสวตามสายลม เผยให้เห็นขาที่ใส่ขาเทียม เขาขยับลูกกระเดือก กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาคำเดียวว่า “ตกลง”เซี่ยหว่านยิ้มด้วยความดีใจ จากนั้นก็หลับตาลงแล้วหมดสติไปลู่สือเยี่ยนอุ้มเธอขึ้นทันที แล้วเดินกลับเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคนในโรงพยาบาล เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ปิดตายดาดฟ้าซะ!”“ครับ…”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพยักหน้าทันที เขาตกใจมาก เขาโบกมือแล้วพูดว่า “เร็ว ติดต่อทีมงานก่อสร้าง ปิดดาดฟ้าซะ ถ้าต่อไปนี้ใครเครียด ใครสิ้นหวัง แล้วมากระโดดตึกที่นี่อีก โรงพยาบาลผมจะเปิดกิจการต่อไปได้ยังไง?”ซือเยี่ยนปล่อยมือจากหลินเซียงแล้วเธอค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น มองลู่สือเยี่ยนที่อุ้มเซี่ยหว่านวิ่งจากไปด้วยความงุนงงในขณะนั้น หัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับถูกฉีกทึ้งเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ต้องรู้ให้ได้ว่าไฟล์บันทึกเสียงนั้นและเหตุการณ์ที่เซี่ยหว่านถูกจับตัวไปเกี่ยวข้องกันอย่างไร!เรื่องที่เธอไม่ได้ทำ อย่าหวังว่าจะมาใส่ร้ายป้ายสีเธอ!หลินเซียงเจ็บเข่าเพราะถูกซือเยี่ยนบังคับให้เธอคุกเข่าลง
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?