หลินเซียงตอบรับ “ฟังดูแล้วก็ดูเป็นวิธีการที่ใช้ได้เหมือนกัน”รอยยิ้มบนริมฝีปากของอวิ๋นหลานหยักลึกขึ้นเล็กน้อย "จริง ๆ แล้ว ฉันค่อนข้างชอบเธอนะ คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอได้อยู่กับสือเยี่ยนตลอดไป"หลินเซียงคลี่ยิ้มบาง “ฉันจะลองพิจารณาดูค่ะ”อวิ๋นหลานพยักหน้า “เอาล่ะ ถ้าเธอต้องการอะไร ขอแค่บอกฉัน แล้วฉันจะช่วยเธออย่างแน่นอน”"ขอบคุณค่ะ คุณนายลู่"หลินเซียงมีท่าทีสุภาพ แต่ภายในใจเธอพอจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าอวิ๋นหลานมาคุยด้วยนัยแอบแฝงบางอย่าง แต่เมื่อพิจารณาจากสถานะของอวิ๋นหลานแล้ว เธอไม่มีต้นทุนที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายดังนั้นไม่ว่าอวิ๋นหลานจะพูดอะไร เธอทำได้แค่แสดงท่าทีเห็นด้วย ส่วนจะทำหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของเธอหลินเซียงลุกขึ้น พูดว่า "คุณนายลู่ ฉันต้องกลับบ้านแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"“โอเค เดินทางระวังด้วยล่ะ”อวิ๋นหลานเฝ้าดูการจากไปของเธอด้วยรอยยิ้ม จิบกาแฟช้า ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวางบนตัก แล้วกดปุ่มหยุดการบันทึกเสียงดวงตาของเธอฉายแววมาดร้าย แต่ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว…เมื่อหลินเซียงกลับถึงบ้าน เธอได้รับสายจากซ่งซ่งเธอเปิดสปีกเกอร์โฟนและคุยกับซ่งซ่งขณะทำอาหารไปพลาง“เซียงเซี
หลินเซียงตกใจ ฉินโหย่วหานอยู่แถวนี้เหรอ?“อ๋อ ค่ะ”เธอวางสายโทรศัพท์ หลินเซียงเดินไปที่ประตู ไม่นานเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เธอเปิดประตูออกไปก็พบกับฉินโหย่วหานที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับผมสั้นสีม่วงสะดุดตา“พี่หาน มาแล้วเหรอคะ”หลินเซียงยิ้มให้เขาเล็กน้อยฉินโหย่วหานยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มยิ่งขึ้น ดวงตาที่สวยคมราวกับจะดึงดูดคนให้หลงใหล “สรุปมีเรื่องอะไร?”หลินเซียงเชิญเขาเข้ามา แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังโดยสังเขปฉินโหย่วหานเห็นผักที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “งั้นเหรอ ตอนที่คุณออกมาจากสถานีตำรวจ ก็เพราะเรื่องนี้?”หลินเซียงพยักหน้า “ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “ตอนนั้นผมถามคุณ ทำไมคุณไม่ยอมบอก?”หลินเซียงรู้สึกเขินอาย ลูบจมูกแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด แต่ปรากฏว่าสถานีตำรวจทำงานไม่เร็วอย่างที่คิด ฉันไม่อยากแบกรับความผิดนี้ไปเรื่อย ๆ เลยอยากจะสืบหาความจริงให้เร็วที่สุด”เธอชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ฉันแค่คิดว่า ถ้าบอกคุณเรื่องมันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ตอนนี้ ฉันจำเป็นต้องรบกวนคุณแล้วล่ะค่ะ”ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ “ได้
หลินเซียงถามด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ว่า “ไม่… อร่อยเหรอคะ?”ฉินโหย่วหานมองเธอ แล้วพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “แค่ข้าวหนึ่งมื้อ คงไม่พอหรอก”“คะ?” หลินเซียงเบิกตากว้าง “แล้วต้องกี่มื้อถึงจะพอล่ะ?”ฉินโหย่วหานอดขำกับท่าทางน่ารัก ๆ ของเธอไม่ได้ เขาชูมือขึ้นมา แล้วชูนิ้วขึ้นเป็นเลขสามหลินเซียงหัวเราะ “สามมื้อเหรอคะ? ไม่มีปัญหาค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เลยะคะ ฉันจะรีบทำให้เลยค่ะ”ท่าทางนอบน้อมถ่อมตนนั้น ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนกำลังปฏิบัติต่อพี่ชายคนหนึ่งฉินโหย่วหานรู้สึกถึงความคุ้นเคยแปลก ๆ จึงค่อย ๆ ลดมือลง “ไว้ผมว่างเมื่อไหร่ค่อยบอกก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ” หลินเซียงรับคำทันทีแค่ทำกับข้าวไม่ใช่เรื่องยากอะไร ขอแค่ได้ชดใช้เรื่องที่ผ่านมาที่ติดค้างเขา เธอก็พอใจแล้วถึงใจฉินโหย่วหานจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่กับข้าวที่หลินเซียงทำนั้นอร่อยจริง ๆ ออกจะถูกปากเขาด้วยซ้ำเขาถึงกับกินข้าวไปสองชาม!เมื่อมองไปยังกับข้าวที่เกือบจะหมดจาน ฉินโหย่วหานถึงกับสงสัยในตัวเองหลินเซียงเดินเข้ามาเพื่อจะรินน้ำดื่ม เหลือบมองโต๊ะอาหารแล้วถามว่า “พี่หาน กับข้าวพอไหมคะ?”ฉินโหย่วหาน “...พอแล้วล่ะ”หลินเซียงโล่งใจ
วันรุ่งขึ้น หลินเซียงมาทำงานที่บริษัทอีกครั้ง งานมากมายรอเธออยู่ แต่เธอกลับไม่รู้สึกหงุดหงิดกับมัน แถมยังตั้งตารอเวลาพักเที่ยงอย่างใจจดใจจ่อเที่ยงวันนั้นเอง ฉินโหย่วหานโทรมาแจ้งผลการตรวจสอบ และส่งรายงานมาให้เธอทางอีเมล“ขอบคุณพี่หานค่ะ!” หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ฉินโหย่วหานกลับพูดช้า ๆ ว่า “ต่อให้รู้ว่าผักชนิดไหนมีพิษแล้วจะทำยังไง? นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะพ้นผิดหรอกนะ”หลินเซียงหน้าเสียเล็กน้อย “ฉันคิดว่าผักพวกนี้ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต อาจมีปัญหาตั้งแต่ในซูเปอร์มาร์เก็ต เดี๋ยวฉันไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอาก็ได้”ฉินโหย่วหาน “เรื่องผ่านมานานขนาดนี้แล้ว คงจะยากหน่อยนะ”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก รู้ว่าถ้าไปตรวจสอบตั้งแต่วันนั้นเลย คงจะง่ายกว่านี้ แต่เธอก็ต้องไปให้ได้ฉินโหย่วหานพูดอย่างใจเย็น “แน่ล่ะ ถ้าเพิ่มข้าวอีกสักสิบมื้อ ผมอาจจะลองหาวิธีช่วยดู”หลินเซียงถึงกับหัวเราะแห้ง ๆ “พี่หาน ที่บ้านพี่ไม่มีพ่อครัวเหรอคะ?”ฉินโหย่วหาน “ตอบมาแค่ว่าจะทำหรือไม่ทำ”“ทำค่ะ” หลินเซียงตอบตกลงทันทีสำหรับเธอ การทำกับข้าวหนึ่งมื้อหรือสิบมื้อก็เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่อง
หลินเซียงรับสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮัลโหล?”เสียงของลู่สือเยี่ยนกลับเย็นชาเข้าไปอีก “อยู่ไหน?”หลินเซียงนิ่งชะงักไปชั่วครู่ “มีอะไร?”หรือว่าจะเป็นเรื่องหย่าอีกแล้ว? ท่าทีของเธอออกจะชัดเจน ก่อนที่เรื่องจะถูกตรวจสอบให้กระจ่าง เธอจะไม่หย่าเด็ดขาด เขามาตามตื๊อทำไมกัน?อยู่ดี ๆ หลินเซียงนึกถึงท่าทีของเขาในอดีต แล้วก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นอีกฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้มาก ในขณะที่ตัวเธอกลับเหมือนคนนอกที่แค่มองความวุ่นวายอย่างไม่ใส่ใจ“มาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ผมมีเรื่องจะถาม”ลู่สือเยี่ยนพูดจบก็วางสายไปทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่งและความเย็นชา ราวกับไม่ยอมให้ปฏิเสธหลินเซียงขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป คนคนนี้เป็นอะไรกัน? พูดอะไรก็ไม่พูดให้ชัดเจน ทำไมต้องให้เธอไปด้วย?หลินเซียงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ไม่ได้คิดจะไปโรงพยาบาล เธอต้องกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ ก่อนหน้านี้เธอเถียงกับผู้จัดการไปแล้ว ผู้จัดการคงโมโหจนตาย อาจจะหักเงินเดือนเธอไปหลายเท่า ฉะนั้นเธอต้องหาเงินมาทดแทนให้ได้แต่พอมาถึงชั้นล่างของตึกบริษัท เธอก็เห็นซือเยี่ยนยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าเรียบเฉย มองเห็นเธอตั้งแต่
ลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย ใบหน้าเคร่งขรึมจ้องมองเธอ ดวงตาเรียวเล็กคมคายราวกับบ่อน้ำแข็งไร้ซึ่งอุณหภูมิ หลินเซียงรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเย็นลงไปหลายองศา ความหนาวเย็นแผ่ขึ้นมาจากปลายเท้า รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลินเซียงใบหน้าเย็นชาลง “คุณเรียกฉันมาทำไมกัน?”หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เซี่ยหว่านพูด? เอาเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้มาโยนใส่หัวเธอ? หลินเซียงคิดพลางมองด้วยสายตาที่เย็นชาลู่สือเยี่ยนถามเสียงเข้ม “ทำไมต้องลักพาตัวหว่านหว่าน?”“ฮะ!”หลินเซียงหัวเราะเยาะทันที เป็นเพราะเรื่องนี้จริง ๆ ด้วย! เขากล้าที่จะเรียกเธอมาสอบสวนเพราะเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงแบบนี้!หลินเซียงมองเขาอย่างเย็นชา “ลู่สือเยี่ยน คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันเป็นแค่เด็กกำพร้า ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินในเมืองอวิ๋นเฉิง ฉันจะเอาปัญญาที่ไหนไปลักพาตัวเธอ? ใช้เส้นผมจ่ายแทนค่าจ้างงั้นเหรอ?”พูดจบ เธอก็รู้สึกขำ และอดหัวเราะเยาะไม่ได้ แต่ขณะที่หัวเราะ น้ำตาแห่งความเศร้าก็ไหลออกมา!เขาไม่ไว้ใจเธอ… เขาไม่ไว้ใจเธอมาตั้งนานแล้วตอนที่เขาอาเจียนเป็นเลือดเพราะโดนวางยา แววตาที่มองเธอคมกริบราวกับมีด แท
หลังจากที่ซือเยี่ยนพาเซี่ยหว่านมาส่งโรงพยาบาล เซี่ยหว่านตกใจมาก ร้องไห้จนสลบไปซือเยี่ยนจับคนร้ายที่ลักพาตัวเซี่ยหว่านได้แล้ว หลังจากสอบสวน พวกเขาก็สารภาพว่าเป็นหลินเซียงที่จ้างพวกเขาทำปฏิกิริยาแรกของลู่สือเยี่ยนคือเป็นไปไม่ได้ ต่อมา เขาก็ได้รับอีเมลที่มีไฟล์เสียงนี้ จากที่เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นเป็นไปได้ทันที“สือเยี่ยน!”เซี่ยหว่านเห็นลู่สือเยี่ยนเงียบไป จึงทำท่าราวกับจะร้องไห้ “ฉันไม่โทษคุณที่รักผู้หญิงคนอื่น แต่คุณไม่ควรไปรักคนที่ใจร้ายแบบนี้ คนแบบเธอไม่สมควรอยู่เคียงข้างคุณเลยสักนิด!”ดวงตาสีดำสนิทของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ “เมื่อคืนคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ผมจะให้ซือเยี่ยนพาคุณกลับบ้านไปนอนพัก ช่วงนี้ให้ซือเยี่ยนอยู่คุ้มครองคุณนะ”เซี่ยหว่านชี้ไปทางหลินเซียง “แล้วเธอล่ะ? คุณจะจัดการกับเธอยังไง?”จัดการ?ขนตาเรียวบางของหลินเซียงสั่นไหว แล้วหันไปมองเซี่ยหว่านและพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ฉันไม่ได้จ้างคนลักพาตัวคุณ”เซี่ยหว่านมองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “หลินเซียง ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกขอบคุณคุณ เพราะคุณช่วยสือเยี่ยนไว้ แต่ตอนนี้ฉันอดคิดไม่ได้ คุณอาจจะรู้ตัวตน
เซี่ยหว่านส่ายหัว ไม่ยอมลงมา เธอมองลู่สือเยี่ยนด้วยน้ำตาคลอเบ้า "ฉันรู้แล้ว ฉันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ชีวิตของฉันมีไว้เพื่อคุณเท่านั้น ถ้าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป"พูดจบ เธอหันหลังและกางแขนออก ร่างกายเป็นเหมือนผีเสื้อที่กำลังจะปลิวหล่นลงมา"อย่า!"ลู่สือเยี่ยนร้องออกมาด้วยความตกใจ"อย่า!"วินาทีถัดมา เสียงร้องดังออกมาจากด้านข้าง"คุณหนูเซี่ย เธอยอมคุกเข่าขอโทษคุณแล้ว!"เสียงของซือเยี่ยนดังขึ้นทุกคนหันไปมอง เห็นว่าซือเยี่ยนได้จับหลินเซียงให้คุกเข่าลงกับพื้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บังคับให้เธอคุกเข่าขอโทษเซี่ยหว่าน!หลินเซียงดิ้นรน "ปล่อย..."แต่เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือเยี่ยน ร่างกายของเธอถูกกดไว้แน่น ไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้!ซือเยี่ยนจ้องมองเซี่ยหว่าน "คุณหนูเซี่ย คนที่ทำผิดคือเธอ ไม่ใช่ท่านประธานลู่ คุณอย่าโกรธท่านประธานลู่เลย เธอต่างหากที่เอาแต่ใจไม่ยอมหย่ากับเขา!"หลินเซียงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!เซี่ยหว่านมองไปที่ลู่สือเยี่ยน "สือเยี่ยน เป็นอย่างนั้นจริงเหรอ?"ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไร ริมฝีปากบางของเขาเม้มเป็นเส้นตรง รอบตัวเขาเต็มไปด้วยควา