“พี่หาน ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจเรื่องของบ้านตระกูลลู่ขึ้นมาล่ะ?” อีกฝ่ายถามด้วยความประหลาดใจฉินโหย่วหานพูดอย่างใจเย็น “คุณปู่อยากให้ฉันสร้างผลงานที่น่าพอใจไม่ใช่เหรอ? มีเรื่องนี้เข้ามาพอดีเลยไง”อีกฝ่ายยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “พี่หาน คุณจะกลับไปที่บ้านตระกูลฉินเหรอ? ไหนว่าไม่สนใจบ้านนั้นไง?”ฉินโหย่วหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้สนใจแล้ว ไม่ได้หรือไง?”“ได้ได้ได้ ได้สิครับ! พี่หาน คุณรอฟังข่าวได้เลย ผมจะตรวจสอบให้เร็วที่สุด!”หลังจากวางสายดวงตาของฉินโหย่วหานฉายแววลึกล้ำเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของหลินเซียง มือของฉินโหย่วหานที่จับพวงมาลัยก็กำแน่นขึ้น…หลินเซียงรออยู่สองวัน ผลการตรวจสอบก็ยังไม่ออกมา เช้าวันนี้เธอไปทำงานตามปกติ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบกับซ่งจั่วหลินเซียงถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”ซ่งจั่วยิ้มอย่างมืออาชีพ ก่อนจะยื่นเอกสารให้เธอ แล้วกล่าวว่า “นี่คือเอกสารหย่า ประธานลู่เซ็นเรียบร้อยแล้ว แค่คุณลงนาม เอกสารก็จะมีผลทันที ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณลู่ก็จะสิ้นสุดลง”หลินเซียงสีหน้าเปลี่ยนไป มือที่จับลูกบิดประตูกำแน่นขึ้น ข้อต่อนิ้วมือ
หลินเซียงกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบในบริษัทเธอถูกถอดออกจากทีมโปรเจ็กต์ที่เธอทำงานร่วมมือกับเฉิงต๋า เนื่องจากโปรเจ็กต์ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว นั่นหมายความว่าเธอไม่มีบทบาทสำคัญอีกต่อไปเมื่อหลินเซียงได้รับแจ้งเรื่องนี้ เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่านี่อยู่เหนือความคาดหมายอะไรในใจเธอสงบนิ่ง พร้อมจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าหลินเซียงถูกปลด คนที่เคยประจบประแจงเธอก่อนหน้านี้ก็เริ่มตีตัวออกห่างตรงกันข้าม สิ่งนี้กลับทำให้เธอสบายใจมากช่วงเที่ยง มีพนักงานส่งของเดินเข้ามาประกาศเสียงดังว่า "พัสดุส่งด่วนถึงคุณหลินเซียงครับ!"สีหน้าของหลินเซียงชะงักค้างชั่วคราว เธอไม่ได้สั่งซื้ออะไรมาซะหน่อยเธอเอื้อมมือไปรับมันมา มันเป็นกล่องเล็ก ๆ เขย่าเบา ๆ เมื่อเธอเขย่าดู เสียงในกล่องฟังดูเหมือนมีอะไรบางอย่างกระจัดกระจายอยู่ข้างใน หลินเซียงมองไปที่ชื่อผู้ส่ง เป็นบุคคลนิรนามอีกแล้วเธอลังเล ไม่ยอมเปิดมันทันทีเมื่อพิจารณาว่าเธอถูกสะกดรอยตาม ถูกลากเข้าไปในป่า และเกือบโดนฆ่าตาย หลังจากนั้นยังได้รับรูปถ่ายนองเลือดอีก เธอจึงไม่รีบเปิดพัสดุนี้จากแหล่
หลินเซียงมองเธออย่างเย็นชา “เธอแกะพัสดุของของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก ทำไมถึงได้หน้าไม่อายแบบนี้นะ?”สีหน้าโจวอิ่งเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “กล้าดียังไงมาด่าฉัน?”“ถ้าเธอกล้าพูดอีกคำหนึ่ง ฉันจะไม่ทำแค่ด่า”หลินเซียงพูดอย่างเย็นชาใบหน้าของโจวอิ่งดูย่ำแย่ รีบออกไปตามผู้จัดการทันทีทันทีที่ผู้จัดการมาถึง เมื่อเขาเห็นสิ่งของในกล่องพัสดุส่งด่วน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป รีบหันไปมองหลินเซียง "นี่ของของคุณเหรอ?"หลินเซียงแสดงสีหน้าเย็นชา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง?”ผู้จัดการกล่าว "ทำไมคุณถึงเอาของน่าขยะแขยงแบบนี้เข้ามาในบริษัท? คุณไม่มีงานทำคนเดียว คนอื่นก็ไม่ต้องทำงานด้วยงั้นเหรอ?"หากเป็นก่อนหน้านี้ผู้จัดการคงไม่กล้าพูดกับหลินเซียงแบบนี้เหตุผลเพราะหลินเซียงรับผิดชอบโปรเจ็กต์ความร่วมมือกับเฉิงต๋า และเพราะทัศนคติที่คลุมเครือของท่านประธานที่มีต่อเธออีกด้วยวันนี้ผู้จัดการได้รับการแจ้งเตือน ซึ่งส่งตรงมาจากซ่งจั่ว บอกให้เขาไล่หลินเซียงออกจากทีมโปรเจ็กต์ในตอนนั้นเขาตกใจมาก!หลังจากเลียบเคียงถามอย่างมีชั้นเชิง ซ่งจั่วก็วางสายโทรศัพท์โดยไม่พูดอะไรเดาว่าบางทีหลินเซียงอาจจะ
หลินเซียงหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวมอง ซ่งจั่วหายใจเข้าลึก แล้วเดินตามไป “คุณหลินครับ”หลินเซียงหยุดเดิน “มีอะไรคะ?”ซ่งจั่วนำเอกสารออกมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมืออาชีพเช่นเคย “คุณเซ็นชื่อเถอะครับ จะดีต่อทั้งตัวคุณและประธานลู่”สีหน้าหลินเซียงเปลี่ยนไปทันที จ้องมองเอกสารในมือซ่งจั่ว “หมายความว่ายังไงคะ? ถ้าฉันไม่เซ็น คุณก็จะส่งมาให้ทุกวัน แล้วก็คอยจ้องจะเล่นงานฉันตอนอยู่ในบริษัทด้วยอย่างนั้นเหรอ?”ซ่งจั่วกล่าว “อย่างที่บอกครับ แต่ผมไม่ได้สั่งให้ใครไปเล่นงานคุณนะ” (ในใจคิด : อย่ามาใส่ร้ายผมนะ)หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าไม่ใช่คุณก็ต้องเป็นลู่สือเยี่ยน ไม่ต่างกัน”ซ่งจั่ว “...” (คิดในใจ คุณหลินคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เราควรอธิบายไหมนะ? ช่างเถอะ ไปรายงานประธานลู่ก่อนดีกว่า เดี๋ยวประธานรู้เข้าคงไม่พอใจแน่)ซ่งจั่วส่งเอกสารให้หลินเซียง “คุณหลินครับ เซ็นชื่อเถอะครับ”หลินเซียงรับเอกสารไปซ่งจั่วเริ่มรู้สึกกังวลกลัวว่าเธออาจจะฉีกเอกสารอีกแต่แล้วหลินเซียงก็หันหลังเดินจากไปดื้อ ๆ“เดี๋ยวก่อนครับ คุณหลิน!”ซ่งจั่วตกใจ รีบเดินตามไปสองสามก้าว “จะไปไหนค
ดวงตาของหลินเซียงเย็นยะเยือก “คุณมีหลักฐานหรือเปล่า?”เซี่ยหว่าน “เขากินอาหารที่คุณทำ จากนั้นก็แสดงอาการว่าถูกพิษนี่ ยังต้องหาหลักฐานอะไรอีก?”หลินเซียง “อาหารก็เขาซื้อเองทั้งนั้น ถ้าอิงตามตรรกะของคุณ งั้นก็บอกได้ว่าเขาวางยาตัวเองแล้วมาใส่ร้ายฉันอย่างนั้นใช่ไหม?”“คุณ!”สีหน้าเซี่ยหว่านเปลี่ยนไป “คุณหลิน คุณกำลังบิดเบือนความจริงอยู่นะ!”หลินเซียง “มันก็ดีกว่าการที่คุณเอาข้อมูลแค่ส่วนหนึ่งมาตัดสินคนอื่น”บรรยากาศระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยความตึงเครียด“พอแล้ว!”ลู่สือเยี่ยนพูดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่สู้ดีนัก ดวงตาจ้องมองหลินเซียงอย่างเย็นชา “ทำไมผมต้องหย่ากับคุณ คุณไม่รู้หรือไง? หลินเซียง ผมไม่อยากพูดให้มันดูรุนแรงไปกว่านี้ เซ็นชื่อเถอะ ไม่งั้น…”“ไม่งั้นยังไง?”หลินเซียงจ้องมองเขา มองผู้ชายที่เธอเคยรัก เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน ใจของเธอเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน“จะฆ่าฉันเหรอ?”น้ำเสียงของเธอเบาเหมือนขนนกที่ลอยมาแตะใจลู่สือเยี่ยน แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่รู้สาเหตุไม่ใช่ว่าเธออยากหย่ามาโดยตลอดหรอกเหรอ?ทำไมตอนนี้ถึงพูดแบบนี้?น้ำเสียงของลู่สือเยี่ยนหนักแน่นขึ
ลู่สือเยี่ยนมองเข้าไปในดวงตาที่กระจ่างใสของเธอ ใบหน้าเธอยังคงซีดเซียวเล็กน้อย แต่แววตาเริ่มเปลี่ยนเป็นหม่นหมองลงทุกขณะทันใดนั้น หลินเซียงก็นั่งลงแล้วพูดว่า "ช่างมันเถอะ คุณมีมิลทินแล้ว ฉันไม่ชอบอีกต่อไป"ลู่สือเยี่ยน: "..."น้ำเสียงของเขาฟังดูน่ากลัว “หมายความว่าไง?”หลินเซียง "ถึงตอนนี้ไม่มี แต่เดี๋ยวมันก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว ฉันพูดอะไรผิดตรงไหนมิทราบ?"ลู่สือเยี่ยนมองเธอที่ทำท่าทีไม่ใส่ใจอะไรและเต็มไปด้วยการกล่าวโทษของเธอ ทำให้เขาจนแทบจะระเบิด!เขาพูดขึ้น "คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยเรื่องหย่าหรอกเหรอ?"หลินเซียงทำท่าเหมือนสมองช้า "จริงด้วย ฉันคงลืมไปแล้วถ้าคุณไม่เตือน"เธอหยิบเอกสารหย่าออกมาเปิดดู แสยะยิ้มเยาะเย้ย แล้วฉีกเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าเขาอีกครั้ง"ฉันยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่หย่า!"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็โยนกระดาษที่ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงในถังขยะ หันหลังกลับและจากไปโดยไม่คำนึงถึงสีหน้าเย็นชาของลู่สือเยี่ยนใช่แล้วเธอแค่มายั่วให้เขาโกรธทำไมเธอต้องหย่าทันทีที่เขาบอกว่าต้องการหย่า และหย่าไม่ได้ตราบใดที่เขาไม่ยินยอมด้วยเล่า?เขากลายเป็นคนควบคุมทุกสิ่งในโลกให้หม
หลินเซียงตอบรับ “ฟังดูแล้วก็ดูเป็นวิธีการที่ใช้ได้เหมือนกัน”รอยยิ้มบนริมฝีปากของอวิ๋นหลานหยักลึกขึ้นเล็กน้อย "จริง ๆ แล้ว ฉันค่อนข้างชอบเธอนะ คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอได้อยู่กับสือเยี่ยนตลอดไป"หลินเซียงคลี่ยิ้มบาง “ฉันจะลองพิจารณาดูค่ะ”อวิ๋นหลานพยักหน้า “เอาล่ะ ถ้าเธอต้องการอะไร ขอแค่บอกฉัน แล้วฉันจะช่วยเธออย่างแน่นอน”"ขอบคุณค่ะ คุณนายลู่"หลินเซียงมีท่าทีสุภาพ แต่ภายในใจเธอพอจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าอวิ๋นหลานมาคุยด้วยนัยแอบแฝงบางอย่าง แต่เมื่อพิจารณาจากสถานะของอวิ๋นหลานแล้ว เธอไม่มีต้นทุนที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายดังนั้นไม่ว่าอวิ๋นหลานจะพูดอะไร เธอทำได้แค่แสดงท่าทีเห็นด้วย ส่วนจะทำหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของเธอหลินเซียงลุกขึ้น พูดว่า "คุณนายลู่ ฉันต้องกลับบ้านแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"“โอเค เดินทางระวังด้วยล่ะ”อวิ๋นหลานเฝ้าดูการจากไปของเธอด้วยรอยยิ้ม จิบกาแฟช้า ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวางบนตัก แล้วกดปุ่มหยุดการบันทึกเสียงดวงตาของเธอฉายแววมาดร้าย แต่ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว…เมื่อหลินเซียงกลับถึงบ้าน เธอได้รับสายจากซ่งซ่งเธอเปิดสปีกเกอร์โฟนและคุยกับซ่งซ่งขณะทำอาหารไปพลาง“เซียงเซี
หลินเซียงตกใจ ฉินโหย่วหานอยู่แถวนี้เหรอ?“อ๋อ ค่ะ”เธอวางสายโทรศัพท์ หลินเซียงเดินไปที่ประตู ไม่นานเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เธอเปิดประตูออกไปก็พบกับฉินโหย่วหานที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับผมสั้นสีม่วงสะดุดตา“พี่หาน มาแล้วเหรอคะ”หลินเซียงยิ้มให้เขาเล็กน้อยฉินโหย่วหานยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มยิ่งขึ้น ดวงตาที่สวยคมราวกับจะดึงดูดคนให้หลงใหล “สรุปมีเรื่องอะไร?”หลินเซียงเชิญเขาเข้ามา แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังโดยสังเขปฉินโหย่วหานเห็นผักที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “งั้นเหรอ ตอนที่คุณออกมาจากสถานีตำรวจ ก็เพราะเรื่องนี้?”หลินเซียงพยักหน้า “ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “ตอนนั้นผมถามคุณ ทำไมคุณไม่ยอมบอก?”หลินเซียงรู้สึกเขินอาย ลูบจมูกแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด แต่ปรากฏว่าสถานีตำรวจทำงานไม่เร็วอย่างที่คิด ฉันไม่อยากแบกรับความผิดนี้ไปเรื่อย ๆ เลยอยากจะสืบหาความจริงให้เร็วที่สุด”เธอชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ฉันแค่คิดว่า ถ้าบอกคุณเรื่องมันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ตอนนี้ ฉันจำเป็นต้องรบกวนคุณแล้วล่ะค่ะ”ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ “ได้