ตอนที่ 2 เนรเทศ
“ถึงแล้วครับคุณหนู” คนขับรถหันมาบอกฉันหลังจากจอดรถที่หน้าบ้านหลังนึงเป็นบ้านสไตล์ไทยประยุกต์ชั้นเดียวยกสูง ขนาดของตัวบ้านถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน แต่ก็ยังเล็กว่าบ้านที่ฉันอยู่มากๆ เลยเพราะบ้านที่ฉันอยู่อย่าเรียกว่าบ้านเลยต้องเรียกคฤหาสน์ถึงจะถูก แต่บ้านหลังนี้ เห้อ ฉันได้แต่ถอนหายใจเพราะถึงบ้านหลังนี้จะเล็กสำหรับฉันมากแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้คือบ้านของตายายของฉันเอง และฉันต้องอยู่บ้านหลังนี้ไปอีกนานจนกว่าจะทำตามข้อตกลงที่ฉันให้ไว้กับแม่สำเร็จ
แล้วถ้าจะถามว่าทำไมฉันต้องมาอยู่ที่บ้านตายาย แล้วข้อตกลงของฉันกับแม่คืออะไร คงต้องย้อนไปวันที่ฉันไปช็อปปิ้งจนถูกแม่ดุนั่นแหละ
‘คุณจะจัดการกับลูกยังไง คุณจะตีลูกเหรอ ไม่ได้นะคุณจะตีลูกไม่ได้ผมไม่ยอม’ พ่อฉันรีบเดินมายืนขวางหน้าฉันเพื่อไม่ให้แม่ตีฉันได้
‘อย่ามาปัญญาอ่อนคุณ ลูกโตขนาดนี้แล้วฉันจะตีลูกทำไม แล้วอีกอย่างฉันไม่นิยมใช้ความรุนแรงกับลูกแต่กับคุณนะไม่แน่’
‘อ้าวเหรอ แล้วคุณจะจัดการกับลูกยังไงอย่าใจร้ายกับลูกมากนะผมสงสารลูก’
‘อย่ามาบีบน้ำตา ฉันไม่เห็นใจหรอกนะ แล้วคุณก็ห้ามมายุ่งกับการลงโทษลูกๆ ของฉันด้วย ไม่งั้นฉันจะเอานาฬิกาที่คุณแอบซื้อมาไปขายให้หมด แล้วเอาเงินไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า’
‘อย่านะที่รัก ถ้าคุณอยากได้เงินไปบริจาคบอกผมอยากได้เท่าไรผมให้คุณเลย แต่อย่ายุ่งกับนาฬิกาของผมนะ เพราะบางเรือนหาไม่ได้แล้วจริงๆ’
‘ได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับของของคุณ แต่คุณก็ห้ามมายุ่งกับวิธีจัดการของฉัน’
‘ได้จ้ะที่รัก’ อ้าวพ่อ ทำไมทิ้งกันแบบนี้อะ เห็นนาฬิกาดีกว่าลูกเหรอ แค่นาฬิกาเองไปยืมเพื่อนใส่ก็ได้มั้ง คนอื่นเขายังยืมกันเลย
‘ส่วนตาวี แม่จะไม่ว่าอะไรที่ลูกซื้อรถ เพราะแม่ถือว่าเงินที่ลูกซื้อเป็นเงินที่ลูกหามาได้จากการทำงาน แต่แม่อยากจะเตือนลูกไว้อย่าง จะทำอะไรให้นึกถึงความปลอดภัยภัยไว้ด้วย เข้าใจไหม’
‘ครับผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะระวัง’
‘ดี ส่วนยัยวรรณแม่จะส่งเราไปอยู่กับตายาย’
‘อะไรนะคะ จะให้หนูไปอยู่กับตายายงั้นเหรอ ทำไมทีพี่แม่ไม่เห็นลงโทษอะไรเลยทำไมทีกลับหนูแม่ถึงส่งหนูไปอยู่อื่นล่ะ แม่ลำเอียงอะ’
‘ลำเอียงเหรอ งั้นบอกแม่มาว่าเงินที่ลูกใช้ซื้อของเป็นเงินของใคร’
'ของคุณพ่อ’
‘แล้วเงินของพี่ที่ซื้อรถเป็นเงินของใคร’
‘เงินของพี่ค่ะ’
‘ใช่ ในเมื่อพี่เขาใช้เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองซื้อแม่จะว่าอะไรพี่เขาได้ แล้วอีกอย่างราคารถที่พี่เขาซื้อก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสามที่เราซื้อของด้วยซ้ำ ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมแม่ถึงลงโทษเราแต่ไม่ลงโทษพี่เขา’
'แต่ว่าคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ค่ะ แถมยังเพิ่มวงเงินให้หนูด้วย’
‘อะไรนะนี่คุณเพิ่งวงเงินให้ลูกด้วยเหรอ’
‘ก็ลูกบอกว่าวงเงินที่ให้ไปไม่พอ ผมก็เลยเพิ่มวงเงินให้ แต่ไม่เท่าไรนะคุณ แค่ห้าล้านเอง’
‘โอ๊ย ฉันจะเป็นลม’ พ่อรีบเข้าไปประคองแม่ที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม หลังได้ยินยอดเงินที่พ่อเพิ่มให้
‘ใจเย็นๆ นะที่รัก’
‘พักหลังที่ลูกซื้อของหนักขึ้นเป็นเพราะคุณนี่เอง ยัยวรรณบอกแม่มาวงเงินที่พ่อเพิ่มให้เต็มหรือยัง’
'เอ่อ ยังค่ะ เหลือประมาณสามหมื่น’
'ยัยวรรณ’
‘ใจเย็นที่รัก ใจเย็นๆ หายใจเข้าหายใจออก นั่นแหละดีมาก ว่าแต่วงเงินหนูเต็มแล้วเหรอให้พ่อเพิ่มเป็นสิบล้านดีไหม’ ดีค่ะ ดีมาก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เนอะ ถ้าเพิ่มตอนนี้มีหวังหัวขาดทั้งพ่อทั้งฉันแน่ๆ
‘ยังจะเพิ่มอีกเหรอ ถ้าคุณเพิ่มคุณไปกางเต็นท์นอนในสวนเลย’
‘ไม่เพิ่มก็ไม่เพิ่ม ไม่นอนนอกบ้านจะนอนกับที่รัก’ ให้ตายเถอะพ่อฉันอยู่ที่ทำงานเป็นประธานจอมเข้มงวดพออยู่บ้านดันกลายเป็นลูกแมวซะงั้น
‘เก็บของเลย อีกสามวันนับตั้งแต่วันนี้ลูกต้องไปอยู่บ้านกับตายาย แล้วจะไม่ได้กลับมาที่นี่จนกว่าลูกจะหาเงินได้เท่ากับที่ลูกใช้บัตรไป’
‘อะไรนะคะ หาเงินให้เท่ากับวงเงินของบัตรนะเหรอ’
‘ใช่’
'แล้วหนูต้องทำยังไงถึงจะหาเงินได้ตั้งเยอะแยะขนาดนั้นล่ะคะ’ วงเงินในบัตรตั้งห้าล้านฉันใช้ไปจนเหลือแค่สามหมื่นนั่นแสดงว่าฉันต้องหาเงินให้ได้สี่ล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นเลยเหรอ
‘นั่นก็แล้วแต่ลูก แต่ถ้าได้ไม่ครบก็ไม่ต้องกลับมา’
'คุณแม่ ไม่เยอะเกินไปหน่อยเหรอคะ’
‘เยอะเหรอ ทีนี้รู้แล้วเหรอว่าเยอะ ทีตอนใช้ไม่เห็นเคยคิดเลยว่ามันเยอะ ไม่รู้ล่ะ ไปหาวิธีเอาเอง แล้วขอเตือนไว้เลยนะ ใครก็ตามห้ามช่วยเด็ดขาด ตาวีไปเอาบัตรเครดิตของน้องมา แม่จะยึดไว้จนกว่าลูกจะกลับมา’
‘พี่วี’ ฉันส่งสายตาอ้อนวอนพี่ชายไม่ให้มาเอาบัตรของฉันไป
'ขอโทษนะตัวเล็ก แต่พี่ก็ต้องเอาตัวรอดเหมือนกัน’ แล้วพี่วีก็ดึงบัตรออกจากมือฉันแล้วนำไปให้กับแม่ ฮือ บัตรแสนรักของฉัน
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่ และจะไม่ได้กลับไปจนกว่าจะหาเงินได้ครบตามจำนวน แบบนี้ฉันไม่ต้องอยู่ที่นี้ไปจนตายเลยเหรอ อยากจะกรี๊ดให้เสียงดังไปถึงที่บ้านเลย ฮือออออ
ระหว่างที่ฉันกำลังเตรียมใจอยู่บนรถประตูรถอัลพาร์ดฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยผู้ชายสูงอายุซึ่งก็คือตาของฉันเอง ก่อนที่หญิงสูงอายุซึ่งก็คือยายของฉันจะพุ่งเข้ามากอดฉันที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ
“คิดถึงจังเลยคนสวยของยาย” คุณยายกอดฉันแน่นก่อนจะปล่อย แล้วหอมแก้มฉันทั้งซ้ายขวา
“หนูก็คิดถึงยายกับตาค่ะ” ฉันคิดถึงพวกท่านจริงๆนะ ไม่ได้โกหก แต่ถึงแม้จะคิดถึงแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะอยากมาอยู่ที่นี่สักหน่อย
“พอเถอะยายกอดหลานอยู่นั่นแล้วเมื่อไรหลานจะได้เข้าบ้านกัน หลานนั่งรถมาตั้งนานคงจะเหนื่อยแย่ ให้หลานเข้าบ้านไปพักได้แล้ว”
“จริงสิตา ฉันก็ลืมตัวไปหน่อย เข้าบ้านกันเถอะ” ฉันกับยายเดินจูงมือกันเข้ามาในบ้าน คนขับรถ แล้วก็ป้ารวยป้าแม่บ้านของที่บ้านกำลังช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางของฉันเข้ามาในบ้านโดยมีตาคอยกำกับ
“ยายจะพาไปดูห้องนะ พอแม่หลานบอกว่าหลานจะมาอยู่ด้วยยายก็รีบให้ตาพาเข้าเมืองไปซื้อของเข้าห้องให้หนูเลยนะ ไปดูสิชอบไหม” ฉันมองรอบๆ ห้องที่ยายจัดไว้ให้ ฉันชอบมันนะน่าอยู่มาก
“ขอบคุณค่ะยายหนูชอบห้องนี้มากๆ เลยค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ ถ้างั้นหนูพักผ่อนไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงมื้อเย็นยายจะมาเรียก”
“ค่ะ”
ตอนที่ 3 เพื่อนเก่าวันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่ฉันมาอยู่บ้านตายาย เมื่อวานตอนเย็นระหว่างที่ฉันกำลังกินข้าวเย็น ยายบอกว่าที่วัดประจำหมู่บ้านกำลังจะมีงานวัด เดี๋ยวจะพาฉันมาช่วยทำงานที่วัด เพราะฉะนั้นวันนี้ตอนนี้ฉันเลยอยู่ที่วัดเป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้ยายกำลังพาฉันเดินแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จัก แต่ฉันว่าดูเหมือนจะพามาอวดมากกว่านะ แต่ก็ว่าไม่ได้ฉันสวยขนาดนี้ ยายก็ต้องอยากอวดฉันเป็นธรรมดา“หลานสาวแกนี่สวยจังเลยวะ ข้าว่าตอนเด็กสวยแล้วโตขึ้นมายิ่งสวย”“ก็เชื้อดี เอ็งว่าหลานข้าเหมือนข้าไหม”“นี่เอ็งจะหลอกให้ข้าชมเอ็งล่ะสิ ฝันไปเถอะ”“ยาย หนูไปหาตานะ” ฉันที่นั่งเฝ้ายายคุยกับเพื่อนๆ รู้สึกเบื่อเลยกะว่าจะเดินไปหาตาสักหน่อยจะได้หายเบื่อด้วย“อืมๆ ไปสิตาอยู่ตรงนู้น ตรงที่เขายกโต๊ะเก้าอี้กัน” ยายชี้ให้ฉันดู ก่อนจะหันไปคุยต่อ ฉันเลยเดินตามทางที่ยายชี้มา แต่มองยังไงก็ไม่เห็นตา นี่ตาหายไปไหนนะ หรือไม่อยู่ตรงนี้ ฉันเดินไปยืนหลบแดดโดยอาศัยรถอีแต๋นที่มีเก้าอี้วางอยู่จนสูง ก่อนจะพยายามมองหาตาต่อไป“นี่ มายืนอะไรตรงนี้ไม่กลัวอะไรตกใส่หรือไง” เสียงนึงดังขึ้นบนหัว ฉันเลยหันกลับไปก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนซึ่ง
ตอนที่ 4 เดินตลาด“มาเถอะน่า” อีตาดินเหนียวไม่สนคำปฏิเสธของฉันเลย แต่กลับดึงฉันให้เดินตามไปหน้าตาเฉย“นี่ ฉันไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไปกับนาย” ฉันพยายามดึงมือออก แต่ไอ้ดินเหนียวนี่ก็จับไว้ซะแน่นเชียว“เธอต้องการเงินไม่ใช่เหรอ นี่ไงฉันกำลังจะพาเธอไปช่วยงานเดี๋ยวฉันให้ค่าจ้าง”“จริงเหรอ เท่าไร” พอได้ยินคำว่าค่าจ้างฉันก็หูผึ่งทันที นาทีนี้ขอให้เป็นเรื่องเงินฉันยอมทำหมดแหละ“ไม่รู้ดูผลงานก่อน” แล้วหมอนั่นก็พาฉันเดินมาจนถึงรถที่จอดอยู่ ฉันมองรถที่เราจะใช้ไปซื้อผักด้วยความตกใจ“นี่คือรถที่เราจะไปซื้อผักเหรอ” ฉันถามเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเราไม่ได้เดินมาขึ้นรถผิดคัน“ใช่ คันนี้แหละ” เขาตอบ“นายจะให้ฉันนั่งเศษเหล็กนี่ไปอะนะ นี่มันรถกระบะสมัยไหนเนี่ยทำไมมันถึงได้เก่าแล้วก็สนิมเขรอะแบบนี้ ถ้าฉันนั่งไปแล้วถูกรถนี่บาดขึ้นมาฉันต้องเป็นบาดทะยักตายแน่ๆ แล้วก็แอร์จะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้ฉันนั่งรถร้อนๆ ไม่ได้หรอกนะ แล้วเก่าแบบนี้จะไปเสียกลางทางหรือเปล่าก็ไม่รู้” ฉันบ่นยืดยาว ก็จะให้ฉันไม่บ่นได้ไงก็ดูสภาพรถสิมันขับได้ที่ไหนกัน“นี่คุณหนู เธออย่าดูแค่ภายนอกสิรถคันนี้ถึงภายนอกจะดูเก่าแต่ข้างในไม่ได้เก่าแบบที
ตอนที่ 5 ร้านวัสดุอุปกรณ์หลังจากเมื่อวานถูกใช้แรงงานไปซื้อของที่ตลาด ฉันก็กลับมาปวดเมื่อยไปทั้งตัว แต่แทนที่วันนี้ฉันจะได้พักอยู่บ้านเฉยๆ กลับถูกไอ้ดินเหนียวลากออกมาซื้อของเป็นเพื่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดีหน่อยเพราะรถที่เขาเอามารับฉันคือรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู เอ็กซ์เอ็ม นั่งสบายกว่าคันเมื่อวานเยอะ แหม่แล้วมาบอกว่าไม่มีตังค์ดูรถที่ตัวเองขับก่อนจ้ากี่ล้านคะคุณดิน“นายยังไม่บอกฉันเลยนะว่านายจะพาฉันมาซื้ออะไร แบบเมื่อวานไม่เอานะ ฉันยังไม่หายปวดแขนเลย”“แค่นี้ก็ทำเป็นบ่น”“แค่นี้อะไรเมื่อวานนายใช้ฉันขนถุงผักตั้งหลายรอบ แถมแต่ละถุงก็หนักทั้งนั้นแขนฉันนี่แทบจะหลุด”“อย่ามาเวอร์ แขนเธอไม่หลุดง่ายๆหรอกน่า”“ไม่เถียงกับนายล่ะ แล้วจะบอกได้หรือยังว่าจะพาไปไหน”“ไปร้าน ฉันจะไปเอาของมาทำซุ้มประตูนะ”“ร้าน ร้านวัสดุของที่บ้านนายเหรอ”“ใช่”“มาคนเดียวไม่ได้เหรอ ทำไมจะต้องลากฉันมาด้วยวันนี้แทนที่ฉันจะได้นอนพักสบายๆ อยู่บ้าน”“เอาน่าเดี๋ยวขากลับพาแวะกินอะไรอร่อยๆ แล้วอีกอย่างเธอไม่อยากเจอพี่ฉันเหรอ”“พี่นายเหรอใคร พี่ฟ้า พี่ฝน พี่น้ำ พี่เมฆ” ฉันถามเพราะหมอนี่ไม่ได้มีพี่แค่คนเดียวนี่สิ สมาชิกในครอบครัวเยอะเ
ตอนที่ 6 งานวัด“เธอไม่แต่งตัวเวอร์ไปหน่อยเหรอ แค่พิธีเปิดงานวัดธรรมดาๆ เอง เธอแต่งตัวอย่างกับประธานเปิดพิธี”“นี่เวอร์ไปเหรอ ฉันว่าไม่นะปกติเวลามีงานที่วัดเราก็ต้องใส่ลูกไม้ไม่ใช่เหรอ ยายฉันก็ใส่นะ ฉันเห็นเมื่อเช้า” ชุดที่ฉันใส่มันก็ไม่ได้เวอร์อะไรสักหน่อย เป็นเสื้อลูกไม้มีซับในตรงแขนเป็นแขนตุ๊กตาไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังน่ารัก ความยาวของเสื้อก็เลยเอวมานิดหน่อย ใส่คู่กับกระโปรงลูกไม้เอวสูงตัวยาวแต่พอใส่กับส้นสูงก็จะพอดี“มันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น แค่ปกติคนต่างจังหวัดเขาจะไม่ได้แต่ตัวกัน จะแต่งทีแค่เฉพาะตอนมีงานซึ่งก็นานๆ ที อย่างเช่นงานบุญแบบนี้”“ก็ใช่ ฉันถึงใส่ชุดนี้ไงนี่ลูกไม้จากฝรั่งเศสเลยนะ ไม่สวยเหรอ” ฉันถามพลางหมุนตัวให้ดินดู“ไอ้สวยมันก็สวย แต่เธออย่าลืมสิที่นี่ต่างจังหวัดนะไม่ใช่กรุงเทพที่คนจะต้องแต่งตัวแข่งกัน”“ฉันก็ไม่ได้จะแต่งตัวไปแข่งกับใครสักหน่อย ฉันก็แค่อยากแต่งตัวสวยๆ ฉันผิดเหรอแล้วนี่ก็คือชุดลูกไม้ที่ธรรมดาที่สุดที่ฉันมีเลยนะ ฉันถือมาเผื่อว่าอาจจะได้ใส่นะ”“อยากจะใส่อะไรก็ใส่ เอาที่เธอสบายใจเลย ชุดยาวถึงพื้นแบบนั้นเดินก็ระวังหัวทิ่มด้วย เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน” หมอน
ตอนที่ 7 งานวัด 2“ชมพู่หลานรัก”“น้าวรรณคนสวย” ฉันเรียกชมพู่ก่อนจะกางแขนเพื่อให้ชมพู่เข้ามากอด ชมพู่คือลูกสาววัยหกขวบของชัดกับส้ม“ในที่สุดเราก็ได้เจอกันสักที ไหนขอน้าดูหน้าเราให้ชัดๆ หน่อย” ฉันจับชมพู่หันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจ“น่ารักกว่าในโทรศัพท์เยอะเลย โชคดีนะเนี่ยที่เราหน้าตาเหมือนแม่ ถ้าเหมือนพ่อละแย่เลย”“อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะวรรณ หาเรื่องกันเหรอ” ชัดโวย“ทำไม ฉันพูดความจริงแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้เหรอ ความจริงนายก็โล่งใจใช่ไหมล่ะที่ชมพู่หน้าเหมือนแม่ไม่เหมือนพ่อ”“เออ แต่ไม่ต้องย้ำก็ได้มันจี๊ดเข้าใจไหม” ชัดพูดจบก็ทำท่าปาดน้ำตา“ส้มบอกความจริงฉันมา ไอ้หมอนี่มันทำเสน่ห์ใส่แกใช่ไหม ฉันว่าฉันพาแกไปรดน้ำมนต์ดีกว่าเผื่อของจะเสื่อมแกจะได้ตาสว่างสักที” ฉันหันไปถามส้มเพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าส้มชอบคนแบบชัดได้ยังไง“เอาจริงๆ นะ ฉันเองก็แอบงงตัวเองเหมือนกันสงสัยตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่มั้งเลยยังคิดไม่ค่อยได้”“พอแล้วๆ หนึ่งเธอก็เลิกแกล้งไอ้ชัดได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ร้องไห้จริงๆ หรอก” ดินห้าม แกล้งนิดแกล้งหน่อยแค่นี้ก็ไม่ได้ ทีหมอนั่นแกล้งฉันตอนอยู่บนรถล่ะ พูดละโมโห“นั่นสิ น้าวรรณอย่าแกล้ง
ตอนที่ 8 กินของอร่อยๆ“ยายครับ หนึ่งตื่นหรือยัง”“มีอะไร จะพาฉันไปไหนอีก” ฉันอยู่บ้านยายมาได้เกือบเดือนแล้วแต่ไม่มีวันไหนที่ฉันจะได้อยู่ติดบ้านเลย เพราะดินมาลากฉันออกจากบ้านได้ทุกวี่ทุกวัน“ฉันจะไปเก็บเงินลูกค้าที่อำเภอข้างๆ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ตอนแรกฉันนึกว่าหมอนี่ไม่ได้ทำงานอะไรอยู่ใช้เงินที่บ้านเฉยๆ เหมือนฉันซะอีก เพราะเวลาคุยกันผ่านทางโทรศัพท์หรือทางแชทเขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าทำงานอะไร ที่ไหนได้เขารับผิดชอบดูแลอู่รถสิบล้อ พี่เมฆดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้าง พี่ฝนดูแลตลาด พี่น้ำดูแลร้านวัสดุอุปกรณ์ พี่ฟ้าดูแลหอพัก พี่วีพี่ชายฉันก็เป็นรองประธานบริษัทในอนาคตก็จะขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนพ่อฉัน ชัดกับส้มก็มีไร่อ้อยกับไร่มันสำปะหลัง สรุปทุกคนมีงานทำยกเว้นฉัน“ถามจริงเมื่อก่อนตอนฉันไม่อยู่นายไปกับใคร”“ไปคนเดียว”“ใช่ งั้นตอนนี้นายก็ไปคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนสิ จะลากฉันไปด้วยทำไม แล้วก็ไม่ต้องเอาค่าจ้างมาอ้าง เก็บไอ้ค่าจ้างอันแสนน้อยนิดของนายไปเถอะ ฉันอยู่บ้านเฉยๆ แล้วขอเงินตากับยายยังได้มากกว่าที่นายให้ฉันอีก”“นี่ตากับยายให้เงินหนึ่งเหรอครับ” เขาหันไปถามตากับยาย ทำไมตากับยายถึงต้องหลบตาหมอนั่
ตอนที่ 9 กินของอร่อยๆ 2หมายความว่ายังไง ที่หมอนั่นบอกจะพามากินอะไรอร่อยๆ คือพามากินข้าวที่บ้านตัวเองหรอกเหรอ ฉันก็นึกว่าจะพาไปร้านอาหารซะอีก“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนูวรรณ” คุณป้าถามขึ้น คงเพราะเห็นฉันจ้องลูกชายท่านเหมือนกำลังจะฆ่ามั้ง“เปล่าค่ะ พอดีดินไม่ได้บอกหนูว่าจะมาพากินข้าวที่บ้าน หนูเลยไม่ได้เอาอะไรมาฝากคุณป้าเลย”“โอ๊ย ไม่ต้องเอาอะไรมาฝากป้าเลย แค่หนูมาหาป้าแค่นี้ก็เป็นของฝากที่ดีที่สุดแล้ว”“ใช่ ขนาดพี่เมฆที่บ้างาน พอรู้ว่าเราจะมากินข้าวที่บ้านก็ถึงกับทิ้งงานมาเลยนะ” พี่น้ำบอก“ทิ้งงานอะไร แค่งานนั้นมันไม่ได้รีบร้อนอะไร แล้วพี่ก็เห็นว่าทุกคนอยู่กันครบจะไม่มามันก็ยังไงอยู่” พี่เมฆอธิบาย“ว่าแต่เราเถอะวรรณ พี่ได้ยินว่าเราถูกแม่ลงโทษเพราะช็อปปิ้งหนักเหรอ” พี่ฝนถาม นี่ทุกคนรู้เรื่องของฉันกันหมดเลยเหรอ“ค่ะ” ฉันตอบรับ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง“เห็นดินบอกว่าป้าวิให้เราหาเงินไปคืนด้วยนี่ ตั้งห้าล้านใช่ไหม” พี่ฟ้าถาม“ยัยวินี่ก็ขี้งกไม่เปลี่ยนเลย เงินแค่ห้าล้านเอง เอาแบบนี้ดีไหม เรามาเป็นลูกสาวป้าสิ เดี๋ยวป้าจัดการแม่เราให้”“จะดีเหรอคะ”“ดีสิ แค่หนูมาเป็นลูกสะใภ้ป้าก็เท่ากับเป็นลูกสาว
ตอนที่ 10 กระเทียมเป็นเหตุนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนับตั้งแต่วันที่ฉันไปกินข้าวที่บ้านพ่อแม่ของดิน แล้วฉันก็ทำให้หมอนั่นงอนเพราะไปแบ่งไข่เจียวที่เขาทำให้ฉันให้พี่ฝนกิน ตั้งแต่ตอนที่เขามาส่งฉันที่บ้านวันนั้นจนถึงวันนี้ฉันยังไม่เจอหน้าเขาเลยไม่รู้หายหัวไปไหน ทั้งๆ ที่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขามาหาฉันที่บ้านและต้องลากฉันออกไปข้างนอกได้ทุกวัน แต่ตอนนี้ฉันกลับนอนกลิ้งอยู่ที่บ้านมาสามวันละ“เห้อ” ฉันนั่งกดรีโมททีวีเพราะไม่รู้จะดูอะไร ทำไมถึงได้ไม่มีรายการอะไรน่าดูเลยเนี่ย น่าเบื่อจัง“คนสวยของยายเป็นอะไร ทำไมถอนหายใจแบบนั้นถ้าเบื่อก็มาช่วยยายปอกหอมปอกกระเทียมนี่” ฉันหันไปมองยายกับตาที่ปูเสื่อนั่งเตรียมเครื่องสำหรับตำพริกแกง ก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปนั่งที่เสื่อข้างๆ ยาย“เอานี่ปอกกระเทียมนะ ระวังๆ ด้วยละมีดมันคม” ยายยื่นมีดกับกะละมังที่ใส่กระเทียมมาให้ฉัน“ทำไมเยอะจัง นี่ยายจะทำไปขายเหรอ” ฉันถามเพราะตรงหน้าฉันมีของวางเยอะแยะไปหมด“เปล่า ก็ตำไว้ใช้เองนี่แหละเอาไว้ทำกับข้าวแค่นี้ไม่เยอะหรอก” ยายบอก ฉันหยิบกระเทียมขึ้นมาปอกแต่กระเทียมนี่ปอกอยากชะมัดเลยจะเล็กไปไหน แล้วฉันก็ดันเก่งเรื่องพวกนี้มากด้วยซ
ตอนพิเศษ 2ชื่อของเธอคือหนึ่ง ชื่อของนายคือดินเหนียว“คุณแม่ขา ทำไมเราต้องไปบ้านคุณตาคุณยายด้วยคะ เราให้คุณตาคุณยายมาหาเหมือนทุกที ไม่ได้เหรอ” เด็กหญิงวรัญญาในวัยเก้าขวบถามขึ้น ตอนนี้เธอกำลังไปที่บ้านเกิดของแม่เธอซึ่งก็คือบ้านที่ตายายของเธออยู่ตอนนี้“เพราะแม่จะไปทำธุระที่ที่ดินด้วยไง อีกอย่างลูกๆ ก็ปิดเทอมแม่ก็เลยพามาเล่นบ้านตายายไม่ดีเหรอ”“ดีครับผมอยากไปเล่นบ้านตายาย” พี่วี พี่ชายเธอพูดด้วยความตื่นเต้น“ไม่ดี วรรณไม่อยากไป”“ดี”“ไม่ดี พี่วีว่าดีก็ไปคนเดียวสิ วรรณไม่ได้อยากไปสักหน่อย”“ทำไมเราถึงไม่อยากไปบ้านตายายเหรอ” แม่ถาม“ก็คุณตาเล่าให้ฟังว่าที่บ้านคุณตามีควายตัวใหญ่มาก แล้วยังมีเป็ดมีไก่ แล้วคุณตาก็ยังเคยบอกว่าตอนคุณตาไปเก็บไข่ไก่คุณตาเคยถูกไก่ตีด้วย คุณแม่ว่าไม่น่ากลัวเหรอคะ”“ไม่น่ากลัวหรอก ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่ยุ่งกับเราหรอก แล้วพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเราสักหน่อย ต้องไปที่สวนต่างหากถึงจะเจอ” แม่เธออธิบาย“อ้าว ไม่ได้อยู่ในบ้านคุณตาหรอกเหรอคะ”“ไม่ได้อยู่จ้ะ ที่บ้านคุณตามีแค่แมวตัวเดียวที่ลูกไม่อยากไปเพราะเรื่องนี้เหรอ”“ค่ะ ก็คุณตาบอกว่าที่บ้านมี วรรณเลยคิดว่า
ตอนพิเศษ 1สองขีด- ดิน –“ไอ้ชัด มึงห่อให้ดีๆ หน่อย นั่นของชำร่วยงานแต่งกูนะเว้ย ตั้งใจทำหน่อยดิวะ”“กูก็ตั้งใจทำอยู่เนี่ย มึงไม่แหกตาดูวะ แต่กูมีปัญญาทำได้แค่นี้คนอุตส่าห์มาช่วยแม่งยังบ่นอีก เดี๋ยวก็ปล่อยให้ทำคนเดียวหรอก”“เออๆ ไม่บ่นแล้วทำให้ดีหน่อยก็แล้วกัน”“จะมีเมียทั้งทีลำบากเพื่อนจริงนะมึง” ชัดยังบ่นไม่เลิก ตอนนี้พวกเรามารวมตัวที่บ้านของผมเพื่อมาเตรียมของชำร่วยสำกหรับงานแต่งของผมกับหนึ่งที่จะถึงในอาทิตย์หน้า นี้ก็ผ่านมาตั้งสามเดือนแล้วจากวันที่ผมขอหนึ่งแต่งงาน ในที่สุดเราก็จะเป็นสามีภรรยากันสักที“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดของหนึ่งดังมาจากในห้องน้ำ ผมรีบทิ้งงานทั้งหมดแล้วตรงไปทางห้องน้ำทันที“หนึ่งเป็นอะไร เปิดประตู” ผมถามเสียงดังด้วยความตกใจพร้อมกับทุบประตูห้องน้ำด้วยความร้อนใจ “หนึ่งเปิดประตู”“จะเรียกทำไมเสียงดัง แล้วอยากได้ประตูห้องน้ำใหม่หรือไงถึงได้ทุบแรงขนาดนั้น” หนึ่งที่เปิดประตูออกมาบ่นผมทันที“ก็ฉันได้ยินเสียงเธอกรี๊ด เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า” หนึ่งตอบพร้อมกับยื่นของบางอย่างให้ผม “ที่ฉันกรี๊ดเพราะอันนี้มันขึ้นสองขีดนะ”“สองขีด” ผมมองเจ้าสิ่งนั้นที่หนึ่งยื่นให้
บทส่งท้าย หนึ่งเดียวของดิน“นายพาฉันมาบ้านนายทำไม” หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จดินก็บอกว่าให้ฉันช่วยไปกับเขาหน่อย เขามีอะไรจะให้ฉันดูฉันก็นึกว่าเขาจะพาฉันไปไหนที่แท้ก็พามาบ้านของเขาที่อยู่ที่อู่รถนั่นเอง“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ฉันเดินเข้ามาในบ้านตามที่เขาบอกก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆ“นายจัดบ้านใหม่เหรอ” ที่ฉันรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาจัดบ้านใหม่นี่เอง “นี่เหรอที่นายบอกว่าอยากให้ฉันดู แค่นายจัดบ้านใหม่เนี่ยนะ”“ไม่ใช่ตรงนี้ ที่ฉันอยากให้เธอดูคือข้างบนต่างหาก” เขาชี้ไปที่ชั้นสอง ฉันเลยมองเขาด้วยความระแวงหมอนี่ไม่ได้คิดจะหลอกให้ฉันขึ้นไปข้างบนแล้วทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม “ไม่ต้องมองฉันระแวงแบบนั้นหรอกน่า ฉันสัญญากับพ่อกับพี่ชายเธอไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาด”“นายจะรักษาสัญญาใช่ไหม” ฉันถามย้ำเพื่อความมั่นใจถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญามากแค่ไหนก็ตาม นี่แหละมั้งพ่อกับพี่ฉันเลยวางใจให้ฉันคบกับเขา“อืม ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันตบะแตก” พอเขาพูดจบฉันก็หันหลังเดินลงบันไดทันทีจนเขาต้องรีบขว้าไว้ “เดี๋ยวสิหนึ่งใจเย็นๆ ฉันพูดเล่น ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”“นายแน่ใจนะ”“แน่ใจสิ” ฉันมองตาเขาก่อนจะยอมเดินตามเขาขึ้นชั้นสองไป ดิน
ตอนที่ 29 กลับมาอีกครั้ง“ถ้าลูกไม่มีความสุขต้องรีบบอกพ่อนะ พ่อจะไปรับลูกกลับมาทันที”“นี่คุณลูกแค่กลับไปอยู่บ้านตายายจะไม่มีความสุขอะไร ไม่ได้ไปลำบากอะไรสักหน่อย”“ไม่ต้องไปฟังแม่นะลูก ถ้าลูกอยากกลับมาบอกพ่อได้เสมอเลยพ่อจะรีบไปรับ”“เอะ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ ทีตอนเราเป็นแฟนกันคุณก็ยังอยากให้ฉันไปอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่เหรอ ขนาดพ่อฉันเอาปืนไล่ยิงคุณยังไม่กลัวเลย จะพาฉันมาอยู่ด้วยให้ได้ ทีตอนนี้ทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย” ฉันพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย คุณตาฉันก็แสบใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ยก็อย่างว่าแหละแม่ฉันออกจะสวย“โธ่คุณ อย่าพูดเรื่องอดีตสิมันไม่เหมือนกันสักหน่อย”“ไม่เหมือนยังไง ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าตอนนั้นพ่อฉันรู้สึกยังไง”“รู้สึกแล้วค้าบ” พ่อฉันตอบเสียงอ่อย“รู้แล้วก็ดี แล้วก็รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้ลูกจะลำบากใจ” แม่ฉันถามเสียงดุ“รู้”“ถ้ารู้แล้วจะทำทำไม จะเลิกทำให้ลูกลำบากใจไหม”“เลิกแล้ว” แล้วพ่อฉันก็ต้องยอมแม่อีกตามเคย แม่ฉันนี่สุดยอดไปเลย“ดี” แม่ฉันบอกกับพ่อก่อนจะหันมาพูดกับดิน “ดินเราจำได้ใช่ไหมว่าสัญญาอะไรกับป้าไว้”“จำได้ครับ”“ดี งั้นก็ไปเถอะเดี๋ยวตากับยายจะรอ”
ตอนที่ 28 ถูกเท“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พี่ปุ้มปุ้ยช่างประจำตัวฉันบอกก่อนจะก็บเครื่องสำอางใส่กระเป๋า ฉันมองสำรวจตัวเองก่อนจะขอบคุณ“ขอบคุณมากค่ะ พี่ปุ้มปุ้ย แล้วพี่วีเสร็จหรือยังคะ” ฉันถามถึงพี่ชาย ที่จะไปร่วมงานกับฉันคืนนี้“คุณวีไปด้วยเหรอคะ คุณวีไม่ได้บอกพี่ พี่เลยไม่ได้เตรียมช่างมาให้ นี่พี่มาคนเดียวนะคะ” หมายความว่ายังไง ไหนวันนั้นตกลงกันแล้วว่าพี่จะไปเป็นเพื่อนฉัน อย่าบอกนะว่าจะเทฉันนะฉันโกรธจริงๆ ด้วยนะ“พี่วี พี่วีอยู่ไหน” ฉันส่งเสียงเรียกพี่วีเสียงดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน ดังขนาดที่ต่อให้พี่ชายฉันไปแอบในท่อระบายน้ำก็ต้องได้ยิน ถึงพี่ชายฉันจะไม่ไปแอบที่นั่นก็ตาม“เสียงดังอะไรตัวเล็ก พี่อยู่นี้” พี่ชายฉันเดินออกมาจากทางห้องรับแขก แล้วจากชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านจริงๆ“ไหนพี่บอกว่าจะไปกับฉัน แล้วทำไมยังไม่แต่งตัว อย่าบอกนะว่าพี่จะเทฉัน ฉันโกรธจริงๆ นะ” ฉันเดินโวยวายลงบันไดมา“เดินช้าๆ สิเดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” พี่วีรีบเดินมารับฉันที่บันได “พี่ก็อยากไปกับเรานะ แต่มีคนมาขออาสาไปเป็นเพื่อนเราแทนพี่นะสิ ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่แม่นะสิอนุญาตแล้ว พี่เลยทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอมถอย”“ใคร”“ไปดู
ตอนที่ 27 เด็กฝึกงาน“เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะตัวเล็ก”“ฉันบอกว่า ฉันจะไปช่วยงานพี่ที่บริษัท” ฉันพูดย้ำอีกครั้งชัดๆ ช้าๆ“พี่หูฝาดไป หรือว่าเราไม่สบายกันแน่” พี่วีเอามือแคะหูก่อนจะเอาอีกมือมาแตะที่หน้าฝากฉัน “ตัวก็ไม่ได้ร้อนหูพี่ก็ยังปกติดี หรือว่าตอนที่อยู่ที่นู้นหัวเราไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า”“นี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่อย่าเวอร์ฉันแค่เบื่อที่จะอยู่บ้านนี่ก็อยู่เฉยๆ มาตั้งหลายวันแล้ว” ฉันเดินเข้าไปเกาะแขนพี่วีแล้วเอนหัวไปซบที่แขน พี่ชายใครเนี่ยทำไมแขนแน่นแบบนี้ “อีกอย่างที่ผ่านมาพี่กับพ่อก็อยากให้ฉันไปลองฝึกงานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ ก็ถือโอกาสตอนนี้ให้ฉันไปฝึกเลยไม่ดีเหรอ”“เอาจริงเหรอ” พี่วีถามอีกครั้ง“จริง” ฉันตอบเสียงหนักแน่นและแล้วเช้าวันที่ฉันต้องไปทำงานที่บริษัทก็มาถึง ฉันแต่งตัวเสร็จก็เดินฮัมเพลงลงมาข้างล่างด้วยความอารมณ์ดี“อารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอที่จะได้ไปทำงานน่ะ” แม่ถาม“ใช่ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวที่พ่อกับแม่ แล้วก็พี่วีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นี่ฉันว่าฉันรีบแล้วนะแต่ก็ยังช้ากว่าทั้งสามคนอยู่ดี“ถ้าลูกไม่อยากไปไม่ต้องฝืนใจไปทำก็ได้นะ ลูกสาวคนเดียวพ่อเลี้ยงได้
ตอนที่ 26 เปลี่ยนไป“ป้าแจ่มหยิบไขควงเบอร์หกให้ผมหน่อย ที่อยู่ในกล่องเครื่องมือ”“มันอันไหนวะ อันนี้ไหม” ป้าแจ่มโชว์ไขควงให้น้อยคนขับรถของที่บ้านฉันดู“ไม่ใช่ป้าอีกอัน อันที่มันใหญ่กว่านี้อันนั้นนะที่อยู่ข้างๆ” น้อยพยายามชี้ให้ป้าแจ่มดู“อันนี้เหรอ” แต่ป้าแจ่มก็ยังหยิบผิดอันอยู่ดี“ไม่ใช่ป้า อีกอัน”“อันนี้ค่ะป้า” ฉันที่ยืนมองอยู่สักพักแล้วรู้สึกทนไม่ไหวเลยเดินเข้าไปหยิบไขควงเบอร์ที่น้อยต้องการส่งให้ป้าแจ่ม“ขอบคุณค่ะ คุณหนู” ป้าแจ่มขอบคุณฉันก่อนจะหันไปถามน้อย “อันนี้ใช่ไหม”“ใช่ป้า ใช่อันนั้นแหละ” น้อยรับไขควงไปก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ“คุณหนูต้องการอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวป้าจัดการให้” ป้าแจ่มหันมาถามฉัน เพราะปกติฉันไม่ค่อยเข้ามาบริเวณห้องครัว เพราะกลัวกลิ่นอาหารจะติดเสื้อผ้า“วรรณจะมาถามนะคะว่ามีใครเห็นคุณแม่บ้างไหม วรรณเดินหาจนทั่วบ้านแล้วแต่ก็หาไม่เจอ”“อ่อ คุณผู้หญิงไปบ้านคุณดวงค่ะ พอดีคุณลูกหนูเธอกลับมาบ้านแล้วก็ยังพาลูกๆ ของเธอมาด้วยคุณผู้หญิงเลยไปเล่นกับเด็กๆ นะคะ”“พี่ลูกหนูคลอดลูกคนที่สองแล้วเหรอคะ”พี่ลูกหนูที่ฉันพูดถึงคือลูกสาวคนเล็กของบ้านหฤทัยรัตน์ที่แต่งงานกับพี่ธันแ
ตอนที่ 25 เหตุผล“โอ๊ย เมื่อไรจะถึงเนี่ย ทำไมรถถึงได้ติดแบบนี้นะ” ฉันบ่นเรื่องรถติดเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ก็จะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไงก็รถมันติดชนิดที่ช้ายิ่งกว่าเต่าเดินอีก“บ่นไปก็ไม่ได้อะไรหรอกน่า เลิกบ่นเถอะทีเมื่อก่อนนะพี่ไม่เห็นเราจะเคยบ่นเรื่องรถติด”“นั่นมันเมื่อก่อนนี้ ตอนนี้ฉันเริ่มแปลกใจตัวเองแล้วสิเมื่อก่อนฉันทนรถติดแบบนี้ได้ยังไง มันน่าเบื่อมากเลยนะเสียเวลาสุดๆ เลยด้วย” ฉันยังคงบ่นไม่เลิก“ลูกกลัวเสียเวลาด้วยเหรอ ไหนเมื่อก่อนลูกบอกว่าลูกมีเวลาว่างเยอะแยะเรื่องแค่นี้ไม่ส่งผลอะไรกับลูกหรอก” ฉันเคยพูดแบบที่แม่บอกด้วยเหรอ“ใช่ แม่พูดถูกเวลาพ่อบ่นเรื่องรถติดแล้วทำให้เสียเวลา ลูกยังบอกพ่ออยู่เลยเสียเวลานิดหน่อยจะเป็นอะไรแค่นี้เอง” พ่อเองก็กับเขาด้วยเหรอ“นี่สรุปหนูผิดเหรอ ก็ที่บ้านตาไม่มีรถติดแบบนี้นี่ ไปไหนมาไหนก็แป๊บเดียวขนาดที่ไกลๆ ยังแป๊บเดียวเลย แต่นี้อะไรอีกแค่แปดโลก็ถึงบ้านเราแต่เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงเลย” คิดดูก็แล้วกันกับอีแค่แปดโลแต่นี่เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังแปดโลเหมือนเดิมจะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไง อีกชั่วโมงจะถึงบ้านหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เผลอๆ เดินไปอาจจ
ตอนที่ 24 หายหัว“มานั่งทำอะไรตรงนี้มืดๆ คนเดียว ไฟก็ไม่เปิด ยุงไม่กัดเหรอ” ฉันนั่งเล่นมือถืออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน แม่คงเห็นว่าฉันนั่งอยู่นานแล้วมั้งตั้งแต่เย็นๆ จนตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้วก็ยังไม่ยอมเข้าบ้านสักทีแถมยังไม่ยอมเปิดไฟอีก ดีที่ยังมีพัดลมที่ตาเอามาเปิดให้ไม่งั้นมีหวังได้ถูกยุงกัดทั้งตัวแบบที่แม่บอกแน่ๆ“พ่อกับพี่ล่ะ” ฉันไม่ตอบแต่ถามแม่กลับ ทั้งที่ก็รู้แหละว่าสองคนนั้นอยู่ไหน แค่อยากเปลี่ยนเรื่อง“คุยอยู่กับตายายอยู่ข้างในไง แล้วจะบอกแม่ได้ยังว่ามานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้”“เปล่าค่ะ แค่มานั่งเล่นเฉยๆ”“จริงเหรอ ไม่ใช่ว่ารอใครอยู่เหรอ”“หนูจะรอใคร ไม่มีสักหน่อยแค่มานั่งเล่นเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“จ้า จ้า นั่งเล่นก็นั่งเล่น แล้วไม่ร้อนเหรอ ปกติเราขี้ร้อนจะตายไม่ใช่เหรอ” ใช่ ปกติฉันเป็นพวกความอดทนต่อความร้อนต่ำมาก แต่ตอนนี้กลับนั่งอยู่หน้าบ้านโดยมีแต่พัดลมตัวเดียวถึงที่นี่จะเป็นต่างจังหวัดที่อากาศดีกว่ากรุงเทพ แต่ก็เป็นต่างจังหวัดในช่วงกลางเดือนเมษาของประเทศไทยไม่มีที่ไหนที่จะไม่ร้อนจ้า ถึงจะเป็นเวลาค่ำแล้วก็ตาม“สงสัยชินแล้วมั้ง”“สงสัยการที่แม่ส่งเรามาอยู่ที่นี่จะได้ผลจริงๆ อย่างน้อ