ตอนที่ 6 งานวัด
“เธอไม่แต่งตัวเวอร์ไปหน่อยเหรอ แค่พิธีเปิดงานวัดธรรมดาๆ เอง เธอแต่งตัวอย่างกับประธานเปิดพิธี”
“นี่เวอร์ไปเหรอ ฉันว่าไม่นะปกติเวลามีงานที่วัดเราก็ต้องใส่ลูกไม้ไม่ใช่เหรอ ยายฉันก็ใส่นะ ฉันเห็นเมื่อเช้า” ชุดที่ฉันใส่มันก็ไม่ได้เวอร์อะไรสักหน่อย เป็นเสื้อลูกไม้มีซับในตรงแขนเป็นแขนตุ๊กตาไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังน่ารัก ความยาวของเสื้อก็เลยเอวมานิดหน่อย ใส่คู่กับกระโปรงลูกไม้เอวสูงตัวยาวแต่พอใส่กับส้นสูงก็จะพอดี
“มันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น แค่ปกติคนต่างจังหวัดเขาจะไม่ได้แต่ตัวกัน จะแต่งทีแค่เฉพาะตอนมีงานซึ่งก็นานๆ ที อย่างเช่นงานบุญแบบนี้”
“ก็ใช่ ฉันถึงใส่ชุดนี้ไงนี่ลูกไม้จากฝรั่งเศสเลยนะ ไม่สวยเหรอ” ฉันถามพลางหมุนตัวให้ดินดู
“ไอ้สวยมันก็สวย แต่เธออย่าลืมสิที่นี่ต่างจังหวัดนะไม่ใช่กรุงเทพที่คนจะต้องแต่งตัวแข่งกัน”
“ฉันก็ไม่ได้จะแต่งตัวไปแข่งกับใครสักหน่อย ฉันก็แค่อยากแต่งตัวสวยๆ ฉันผิดเหรอแล้วนี่ก็คือชุดลูกไม้ที่ธรรมดาที่สุดที่ฉันมีเลยนะ ฉันถือมาเผื่อว่าอาจจะได้ใส่นะ”
“อยากจะใส่อะไรก็ใส่ เอาที่เธอสบายใจเลย ชุดยาวถึงพื้นแบบนั้นเดินก็ระวังหัวทิ่มด้วย เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน” หมอนั่นพูดเสร็จก็เดินออกจากบ้านไป ฉันเลยต้องรีบเดินตามไปถ้าไปช้าเดี๋ยวจะมาว่าฉันอีก
“แล้วรถนายอยู่ไหน” ฉันถามเพราะว่ามองซ้ายมองขวาแล้วก็ยังไม่เห็นรถของหมอนั่น
“นี่ไง” เขาชี้ไปที่รถมอไซค์ยามาฮ่า เอ็กซ์เอสอาร์หนึ่งห้าห้า ที่จอดอยู่ ถ้าถามว่าฉันรู้จักได้ยังไงละก็อย่าลืมสิพี่ชายฉันก็ชอบรถมอไซค์เหมือนกัน
“นายจะให้ฉันนั่งคันนี้ไปนี่นะ นายดูชุดฉันก่อนจะนั่งไปได้ยังไง”
“ใช่ วัดกับบ้านเธอใกล้แค่นี้เองจะเดินไปก็ยังได้ แล้วอีกอย่างวันนี้ที่วัดมีงานใครเขาจะให้เอารถไปจอดในวัดกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเดินคันนี้ดีที่สุด ส่วนชุดเธอก็รวบๆ ไว้อย่าให้ไปพันกับล้อรถก็แล้วกัน” ดู ดูมันพูด มิน่าถึงได้ถามฉันนักหนาว่าจะใส่ชุดนี้จริงเหรอ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเอารถมอไซค์มา ฉันจะได้ใส่ชุดอื่น
“งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน นายรอแป๊บ” ฉันหันหลังกลับแต่ถูกหมอนั่นจับแขนเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ฉันขี้เกลียดรอ แค่นี้ฉันก็รอมาเป็นชั่วโมงแล้วขืนให้เธอกลับไปเปลี่ยนชุด ก็ไม่ทันทอดผ้าป่ากองแรกพอดี” อะไรวะ กลัวไม่ทันทอดผ้าป่า แต่ไม่กลัวว่าชุดฉันจะไปพันกับรถแล้วหัวทิ่มหรือไง
“เออ นายก็ขับดีๆ ก็แล้วกัน ห้ามพาฉันล้มนะ”
“รีบเถอะ อย่าลีลาเยอะ” ฉันจับชายกระโปรงของตัวเองมารวบไว้ ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายหมอนั่น เขามองดูความเรียบร้อยของฉันนิดนึงก่อนจะเริ่มออกรถ
ฉันมาถึงวัดในตอนที่ประธานในพิธีกำลังเปิดงานพอดี ฉันมองหาตายายก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ท่าน แต่ระหว่างทางที่เดินผ่านทุกคนเพื่อไปหาตายาย ดูเหมือนทุกคนจะหันมองมาทางฉันเป็นตาเดียว ไม่มีใครสนใจประธานที่กำลังเปิดงานเลย
“นี่หลานสาวเอ็งแต่งตัวสวยเชียว ตอนแรกที่เดินมาข้านึกว่าเจ้าสาวที่ไหนหนีงานแต่งมาเที่ยวงานวัดซะอีก” ยายที่นั่งข้างๆ ยายฉันพูดขึ้น ฉันล่ะอยากจะตอบจริงๆ ว่าถ้าเป็นชุดแต่งงานของฉันมันต้องอลังการกว่านี้เป็นสิบเท่า
“เอ็งจะไปรู้อะไร เขาเรียกว่าแฟชั่นคนที่กรุงเทพเขาแต่งแบบนี้กันเป็นปกติ” ยายฉันตอบ แต่พูดก็พูดเถอะยายฉันนี่ก็แต่งตัวใช่ย่อยซะที่ไหน สมกับเป็นยายหลานกันจริงๆ
“นี่ๆ ไอ้ดินเหนียวนายดูนั่นสิ ผู้หญิงคนนั้นใช่คนเมื่อวานที่เราเจอที่ห้องพี่น้ำหรือเปล่า” ระหว่างที่พิธีกรกำลังพูด ฉันก็ตาดีเหลือบไปเห็นคุณรีลูกค้าที่เจอเมื่อวานที่ห้องทำงานพี่น้ำ
“อืม ใช่”
“แล้วผู้ชายที่นั่งข้างเธอคือใครเหรอ ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน”
“หมอนั่นชื่อวิชิต เป็นลูกชายของ ส.ส.วิเชียร มีอะไรเธอสนใจหมอนั่นงั้นเหรอ แต่เสียใจด้วยนะพอดีหมอนั่นเป็นแฟนกับคุณรี”
“ฉันไม่ได้สนใจสักหน่อยแค่ถามเฉยๆ ก็ไม่ได้หรือไง นายเถอะไม่เป็นไรแน่เหรอ”
“เป็นอะไร”
“ก็คุณรีของนายมากับแฟน นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“โอ๊ย เจ็บนะ นายเขกหัวฉันทำไม” ฉันลูบหัวตรงบริเวณที่ถูกไอ้ดินเหนียวเขก
“ก็ใครใช้ให้คิดอะไรไม่เข้าท่า ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณรีเขาเป็นแค่ลูกค้า”
“ก็ไม่แน่หรอกลูกค้าแล้วยังไง นั้นสเปคนายเลยไม่ใช่เหรอ”
“สเปคเหรอ สเปคฉันเป็นยังไง” ยังจะมาถามอีก
“นายลืมไปแล้วเหรอ นายเคยบอกว่าสเปคนายคือคนสวย ฉันว่าก็ได้อยู่นะ แต่น่าเสียดายดันมีเจ้าของแล้ว”
“ก็ใช่ คุณรีก็สวย แต่ฉันว่าเธอสวยกว่านะ” คำตอบของหมอนั่นทำเอาฉันเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรเลย ถึงจะรู้ว่าหมอนั่นพูดเล่นแต่เรื่องแบบนี้ใครเขาพูดเล่นกัน ไอ้ดินเหนียวบ้า
“เดี๋ยวฉันมารับตอนหนึ่งทุ่มนะเตรียมตัวให้เรียบร้อยด้วย ฉันขี้เกลียดมารอ”
“รู้แล้วน่า” เขามาส่งฉันที่บ้านหลังจากพิธีเปิดและทอดผ้าป่ากองแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนกลางวันจะไม่จะมีอะไรมากมีแค่คนออกมาทำบุญ ต้องตอนกลางคืนถึงจะมีงานให้เที่ยว
“แล้วพวกนั้นจะมาเจอเราที่วัดเลยหรือเปล่าหรือนายต้องไปรับ” พวกนั้นที่ฉันถามถึงก็คือ นายชัดเจนกับส้ม แล้วก็ชมพู่ลูกสาวของพวกนั้น
“ไม่อ่ะ พวกนั้นจะมาเองอีกอย่างตอนกลางคืนหาที่จอดรถอยากกว่าตอนกลางวันอีก ฉันจะเอาคันนี้มารับธอนั่นแหละ” บอกไว้ก่อนแบบนี้ก็ดี ฉันจะได้แต่งตัวถูก
“อืม แล้วนี่นายจะกลับบ้านนายเลยหรือจะไปไหนต่อ” ฉันถามเพราะอยากรู้
“ฉันจะกลับไปที่อู่รถ ทำไม อยากไปด้วยเหรอ” หมายถึงอู่รถสิบล้อของที่บ้านสินะ
“ไม่ ฉันแค่ถามเฉยๆ ใครอยากไปกับนายกัน ฉันร้อนจะแย่ขอไปนอนเปิดแอร์เย็นๆ ที่ห้องดีกว่า”
“ที่นั่นก็มีแอร์นะ อยากเปิดเย็นแค่ไหนก็เปิดฉันไม่คิดค่าไฟเธอหรอก ไปไหม” อยู่ๆ ก็มาชวนประสาทปะเนี่ย
“ไม่ไป ทำไมฉันต้องไปด้วย”
“ไม่อยากจะไปสำรวจหน่อยเหรอ”
“ไม่ นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะเข้าบ้านแล้วร้อน” ฉันไล่
“เออๆ ฉันกลับละ ตอนเย็นเจอกัน” พูดจบหมอนั่นก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป ส่วนฉันก็เดินเข้าบ้าน
ระหว่างที่ฉันกำลังนอนกลิ้งอยู่บนที่นอนโทรศัพท์ฉันก็ร้องเสียงดัง ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอว่าใครโทรมาก่อนจะกดรับสาย
“ว่ายังไงคะพี่ชายสุดหล่อ จะโทรมาสมน้ำหน้าฉันเหรอ” คนที่โทรมาก็คือพี่วี พี่ชายของฉันเอง
“สบายดีไหมตัวเล็ก” พี่ชายฉันเวลาที่อยู่ในโมทพี่ชายแสนดีจะเรียกฉันว่าตัวเล็ก
“อยู่บ้านตายายจะลำบากอะไรละ ฉันไม่ได้ถูกส่งไปใช้แรงงานที่ไหนสักหน่อย”
“แล้วเธอคิดออกหรือยังว่าจะหาเงินได้ยังไง”
“ยัง ฉันมาที่นี่ได้แค่สามวันเองนะ ยังงงๆ กับที่นี่อยู่เลย ขอเวลาปรับตัวหน่อยสิ ถ้าไม่ยังงั้นพี่ก็ให้เงินฉันสิ ฉันจะได้กลับบ้านเร็วๆ” ฉันลองแหย่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง
“ถ้าพี่ให้ได้พี่ให้แล้ว แต่ถ้าพี่ให้เราพี่โดนแม่ด่าแน่ เมื่อคืนพี่เห็นแม่ไล่พ่อออกจากห้องเพราะพ่อพยายามช่วยพูดเรื่องเธอด้วย” โธ่พ่อฉันน่าสงสารจัง โดนแม่ไล่ออกมาแบบนี้ไม่นอนร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วเหรอ
“แล้วพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“จะเป็นยังไงละ ก็ได้แต่เกาประตูเรียกแม่ไง” เกาประตูเรียกเลยเหรอ แน่ใจนะว่านั่นพ่อฉันไม่ใช่แมว
“ฝากพี่ไปบอกพ่อด้วยว่าฉันสบายดี แล้วก็ไม่ต้องห่วงฉันจะหาเงินให้ครบให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดกับแม่เรื่องฉันแล้ว จะได้ไม่โดนแม่ไล่ออกจากห้องอีก”
“แล้วถ้าได้ไม่ครบละ”
“ถ้าไม่ครบก็อยู่กับตายายแบบนี้แหละ ให้ตายายเลี้ยง” ฉันพูดจริงๆ นะ สามวันมานี่ฉันเริ่มทำใจได้แล้วว่าฉันคงต้องอยู่ที่นี่ ยกเว้นแม่ฉันจะเปลี่ยนใจ เพราะฉันคงไม่มีปัญญาไปหาเงินมากขนาดนั้นได้
“อย่าพึ่งยอมแพ้สิ พี่อยากให้เธอรีบๆ กลับมานะ พี่คิดถึงเรา” นี่สินะที่เขาเรียกว่าสายสัมพันธ์พี่น้องตอนฉันอยู่บ้าน แกล้งกันยังกับอะไร แต่พอห่างกันก็คิดถึงกัน
“ถ้าพี่คิดถึงก็มาหาฉันสิ แล้วก็หิ้วคอลเลคชั่นใหม่ของปราดี๊ด๋า มาฝากฉันด้วย”
“ยังจะคิดเรื่องนี้อยู่อีก ยังไม่เข็ดอีกเหรอ”
“เอาน่านิดหน่อยเอง แล้วพี่ว่างเหรอถึงโทรหาฉันได้ ไม่ทำงานหรือไง”
“แค่โทรหาน้องสาวมันคงไม่เสียเวลามากมายจนทำให้บริษัทล้มละลายหรอกมั้ง”
“ฮ่า ฮ่า พี่ไปทำงานต่อเถอะ เป็นถึงรองประธานบริษัทต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีสิ” แล้วฉันกับพี่ก็คุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่พี่ฉันจะว่างสายไป
พอได้ยินเสียงพี่วีแบบนี้แล้วฉันก็คิดถึงทุกคนจัง โดยเฉพาะห้องแต่งตัวของฉันป่านนี้ลูกๆ ของฉันจะเป็นยังไงบ้าง หวังว่าแม่คงยังให้คนไปทำความสะอาดนะ จะปล่อยให้ลูกๆ ของฉันโดนฝุ่นเกาะไม่ได้นะ
ตอนที่ 7 งานวัด 2“ชมพู่หลานรัก”“น้าวรรณคนสวย” ฉันเรียกชมพู่ก่อนจะกางแขนเพื่อให้ชมพู่เข้ามากอด ชมพู่คือลูกสาววัยหกขวบของชัดกับส้ม“ในที่สุดเราก็ได้เจอกันสักที ไหนขอน้าดูหน้าเราให้ชัดๆ หน่อย” ฉันจับชมพู่หันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจ“น่ารักกว่าในโทรศัพท์เยอะเลย โชคดีนะเนี่ยที่เราหน้าตาเหมือนแม่ ถ้าเหมือนพ่อละแย่เลย”“อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะวรรณ หาเรื่องกันเหรอ” ชัดโวย“ทำไม ฉันพูดความจริงแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้เหรอ ความจริงนายก็โล่งใจใช่ไหมล่ะที่ชมพู่หน้าเหมือนแม่ไม่เหมือนพ่อ”“เออ แต่ไม่ต้องย้ำก็ได้มันจี๊ดเข้าใจไหม” ชัดพูดจบก็ทำท่าปาดน้ำตา“ส้มบอกความจริงฉันมา ไอ้หมอนี่มันทำเสน่ห์ใส่แกใช่ไหม ฉันว่าฉันพาแกไปรดน้ำมนต์ดีกว่าเผื่อของจะเสื่อมแกจะได้ตาสว่างสักที” ฉันหันไปถามส้มเพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าส้มชอบคนแบบชัดได้ยังไง“เอาจริงๆ นะ ฉันเองก็แอบงงตัวเองเหมือนกันสงสัยตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่มั้งเลยยังคิดไม่ค่อยได้”“พอแล้วๆ หนึ่งเธอก็เลิกแกล้งไอ้ชัดได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ร้องไห้จริงๆ หรอก” ดินห้าม แกล้งนิดแกล้งหน่อยแค่นี้ก็ไม่ได้ ทีหมอนั่นแกล้งฉันตอนอยู่บนรถล่ะ พูดละโมโห“นั่นสิ น้าวรรณอย่าแกล้ง
ตอนที่ 8 กินของอร่อยๆ“ยายครับ หนึ่งตื่นหรือยัง”“มีอะไร จะพาฉันไปไหนอีก” ฉันอยู่บ้านยายมาได้เกือบเดือนแล้วแต่ไม่มีวันไหนที่ฉันจะได้อยู่ติดบ้านเลย เพราะดินมาลากฉันออกจากบ้านได้ทุกวี่ทุกวัน“ฉันจะไปเก็บเงินลูกค้าที่อำเภอข้างๆ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ตอนแรกฉันนึกว่าหมอนี่ไม่ได้ทำงานอะไรอยู่ใช้เงินที่บ้านเฉยๆ เหมือนฉันซะอีก เพราะเวลาคุยกันผ่านทางโทรศัพท์หรือทางแชทเขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าทำงานอะไร ที่ไหนได้เขารับผิดชอบดูแลอู่รถสิบล้อ พี่เมฆดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้าง พี่ฝนดูแลตลาด พี่น้ำดูแลร้านวัสดุอุปกรณ์ พี่ฟ้าดูแลหอพัก พี่วีพี่ชายฉันก็เป็นรองประธานบริษัทในอนาคตก็จะขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนพ่อฉัน ชัดกับส้มก็มีไร่อ้อยกับไร่มันสำปะหลัง สรุปทุกคนมีงานทำยกเว้นฉัน“ถามจริงเมื่อก่อนตอนฉันไม่อยู่นายไปกับใคร”“ไปคนเดียว”“ใช่ งั้นตอนนี้นายก็ไปคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนสิ จะลากฉันไปด้วยทำไม แล้วก็ไม่ต้องเอาค่าจ้างมาอ้าง เก็บไอ้ค่าจ้างอันแสนน้อยนิดของนายไปเถอะ ฉันอยู่บ้านเฉยๆ แล้วขอเงินตากับยายยังได้มากกว่าที่นายให้ฉันอีก”“นี่ตากับยายให้เงินหนึ่งเหรอครับ” เขาหันไปถามตากับยาย ทำไมตากับยายถึงต้องหลบตาหมอนั่
ตอนที่ 9 กินของอร่อยๆ 2หมายความว่ายังไง ที่หมอนั่นบอกจะพามากินอะไรอร่อยๆ คือพามากินข้าวที่บ้านตัวเองหรอกเหรอ ฉันก็นึกว่าจะพาไปร้านอาหารซะอีก“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนูวรรณ” คุณป้าถามขึ้น คงเพราะเห็นฉันจ้องลูกชายท่านเหมือนกำลังจะฆ่ามั้ง“เปล่าค่ะ พอดีดินไม่ได้บอกหนูว่าจะมาพากินข้าวที่บ้าน หนูเลยไม่ได้เอาอะไรมาฝากคุณป้าเลย”“โอ๊ย ไม่ต้องเอาอะไรมาฝากป้าเลย แค่หนูมาหาป้าแค่นี้ก็เป็นของฝากที่ดีที่สุดแล้ว”“ใช่ ขนาดพี่เมฆที่บ้างาน พอรู้ว่าเราจะมากินข้าวที่บ้านก็ถึงกับทิ้งงานมาเลยนะ” พี่น้ำบอก“ทิ้งงานอะไร แค่งานนั้นมันไม่ได้รีบร้อนอะไร แล้วพี่ก็เห็นว่าทุกคนอยู่กันครบจะไม่มามันก็ยังไงอยู่” พี่เมฆอธิบาย“ว่าแต่เราเถอะวรรณ พี่ได้ยินว่าเราถูกแม่ลงโทษเพราะช็อปปิ้งหนักเหรอ” พี่ฝนถาม นี่ทุกคนรู้เรื่องของฉันกันหมดเลยเหรอ“ค่ะ” ฉันตอบรับ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง“เห็นดินบอกว่าป้าวิให้เราหาเงินไปคืนด้วยนี่ ตั้งห้าล้านใช่ไหม” พี่ฟ้าถาม“ยัยวินี่ก็ขี้งกไม่เปลี่ยนเลย เงินแค่ห้าล้านเอง เอาแบบนี้ดีไหม เรามาเป็นลูกสาวป้าสิ เดี๋ยวป้าจัดการแม่เราให้”“จะดีเหรอคะ”“ดีสิ แค่หนูมาเป็นลูกสะใภ้ป้าก็เท่ากับเป็นลูกสาว
ตอนที่ 10 กระเทียมเป็นเหตุนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนับตั้งแต่วันที่ฉันไปกินข้าวที่บ้านพ่อแม่ของดิน แล้วฉันก็ทำให้หมอนั่นงอนเพราะไปแบ่งไข่เจียวที่เขาทำให้ฉันให้พี่ฝนกิน ตั้งแต่ตอนที่เขามาส่งฉันที่บ้านวันนั้นจนถึงวันนี้ฉันยังไม่เจอหน้าเขาเลยไม่รู้หายหัวไปไหน ทั้งๆ ที่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขามาหาฉันที่บ้านและต้องลากฉันออกไปข้างนอกได้ทุกวัน แต่ตอนนี้ฉันกลับนอนกลิ้งอยู่ที่บ้านมาสามวันละ“เห้อ” ฉันนั่งกดรีโมททีวีเพราะไม่รู้จะดูอะไร ทำไมถึงได้ไม่มีรายการอะไรน่าดูเลยเนี่ย น่าเบื่อจัง“คนสวยของยายเป็นอะไร ทำไมถอนหายใจแบบนั้นถ้าเบื่อก็มาช่วยยายปอกหอมปอกกระเทียมนี่” ฉันหันไปมองยายกับตาที่ปูเสื่อนั่งเตรียมเครื่องสำหรับตำพริกแกง ก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปนั่งที่เสื่อข้างๆ ยาย“เอานี่ปอกกระเทียมนะ ระวังๆ ด้วยละมีดมันคม” ยายยื่นมีดกับกะละมังที่ใส่กระเทียมมาให้ฉัน“ทำไมเยอะจัง นี่ยายจะทำไปขายเหรอ” ฉันถามเพราะตรงหน้าฉันมีของวางเยอะแยะไปหมด“เปล่า ก็ตำไว้ใช้เองนี่แหละเอาไว้ทำกับข้าวแค่นี้ไม่เยอะหรอก” ยายบอก ฉันหยิบกระเทียมขึ้นมาปอกแต่กระเทียมนี่ปอกอยากชะมัดเลยจะเล็กไปไหน แล้วฉันก็ดันเก่งเรื่องพวกนี้มากด้วยซ
ตอนที่ 11 อู่รถ“คุณดิน พวกผมกลับก่อนนะครับ”“ครับ” ดินตอบรับคนงานในอู่รถสิบล้อที่บอกลาก่อนที่คนงานจะเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับรถออกไปหลังจากวันที่ฉันถูกมีดบาดวันนั้นดินพาฉันมาที่อู่รถที่เข้าทำงานและสาเหตุที่เขามอมแมมก็เป็นเพราะวันนั้นเขากำลังซ่อมรถที่พังอยู่ แล้วตอนที่เขากำลังพักเขาเล่นมือถือก็เลยเห็นสตอรี่ที่ฉันอัพพอดีเขาเลยออกไปหาฉันทั้งที่มอมแมมแบบนั้น และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ฉันก็ถูกเขาลากมาใช้แรงงานที่อู่รถเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์แล้ว“นี่คนงานกลับหมดแล้วนายจะไม่เลิกงานเหรอ” ฉันถามดินที่กำลังนั่งยองๆ ไขน็อตอะไรไม่รู้ที่ล้อรถอยู่“แป๊บนึงนะ ฉันขอทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนเธอไปหยิบคีมล็อคให้ฉันหน่อยสิ” เขาสั่ง ฉันเลยเดินไปที่กล่องเครื่องมือที่วางอยู่แถวนั้นก่อนจะหยิบคีมล็อคออกมาแล้วนำไปให้เขา“เก่งหนิ รู้จักด้วย” จะไม่ให้ฉันรู้จักได้ไงก็นายเล่นใช้ฉันไปเอาให้ประจำ ไม่ใช่แค่คีมล็อคหรอกนะ ด้ามบล็อก ไขควงประแจจะเอาเบอร์ไหนฉันดูเป็นหมด เพราะตั้งแต่ที่เขาพาฉันมาที่นี่เขาใช้งานฉันสารพัดทั้งให้ดูบัญชีบ้าง ให้คุยกับลูกค้าบ้าง ขนาดพ่อแม่ฉันยังไม่ใช้ฉันขนาดนี้เลย (ความจริงก็ใช้แหละแต่แค่ไม
ตอนที่ 12 ลิปสติก“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่านอนดึก” ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถของดินที่กำลังขับไปบ้านของชัด วันนี้ชมพู่มีการแสดงที่โรงเรียนดินกับฉันก็เลยจะไปดูการแสดงด้วย“นายเงียบไปเลยถึงบ้านส้มนายปลุกฉันด้วยก็แล้วกัน ฉันขอนอนก่อนละ” ฉันบอกเขาก่อนจะหลับตาลง เมื่อคืนกว่าฉันจะข่มตาหลับได้เกือบตีหนึ่ง เพราะเอาแต่คิดเรื่องที่ยายพูดนั่นแหละ“หนึ่งถึงแล้ว”“ถึงแล้วเหรอ” ฉันบิดขี้เกียจ รู้สึกเหมือนหลับไปนานมากเลยทั้งๆ ที่บ้านฉันกับส้มถ้าขับรถมาน่าจะไม่ถึงสิบนาที“ไอ้ดินทำไมพึ่งมาว่ะ กูนึกว่ามึงจะเทกูละ ช้าฉิบหาย ไหนมึงบอกว่าออกมาตั้งนานแล้วบ้านวรรณกับกูก็ไม่ได้ห่างกันเท่าไรขับรถแค่สิบนาทีก็ถึง แต่จากตอนที่มึงโทรมานี้เกือบชั่วโมงมึงไปทำเหี้ยไรแถวไหนมาว่ะ” เสียงชัดโวยวายมาแต่ไกล“เออน่าจะโวยวายทำไมว่ะ กูก็มาแล้วเนี่ยแล้วไหนชมพู่กับส้มละ”“นั่นสิหลานฉันอยู่ไหน” ฉันมองหาแต่ก็ไม่เห็นวี่แววสองคนนั้น“อยู่ในบ้านโน่น เข้าไปดูเองละกัน” ชัดพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี ฉันกับดินเลยรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่าบอกนะว่าสองคนนั้นเป็นอะไร“ส้ม ชมพู่” ฉันเรียกทั้งสองคนส้มที่นั่งหันหน้ามาทางฉันมองฉันเห
ตอนที่ 13 สร้อย“น้าวรรณขา ชมพู่อยากกินไอศกรีมอันนั้นค่ะ” ฉันหันไปมองไอศกรีมที่ชมพู่ชี้ให้ดู“ได้สิจ้ะ” ฉันจูงมือชมพู่จะเดินเข้าร้านแต่กลับถูกส้มรั้งไว้ก่อน“พอแล้ววรรณเย็นแล้วไม่กินแล้ว อีกเดี๋ยวก็กินข้าวแล้ว”“แค่ไอศกรีมถ้วยเดียวเองไม่เป็นไรหรอกน่า ชมพู่เดี๋ยวเราสั่งไอศกรีมแค่ถ้วยเดียวนะแล้วเรากินด้วยกันได้ไหม”“ได้ค่ะ ชมพู่จะกินกับน้าวรรณ”“ปะ ถ้างั้นเราเข้าไปในร้านกันถ้าแม่เราไม่กินก็ให้รออยู่ข้างนอกนี่แหละ” ฉันจูงมือชมพู่เข้าไปในร้าน ส้มได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินตามเข้ามาในร้าน วันนี้ฉันส้มชมพู่มาเดินห้างเพราะส้มมาซื้อของใช้ฉันเลยขอตามมาด้วย“นี่แกอย่าตามใจชมพู่ให้มากนักสิ” ส้มบ่นฉันทันทีที่เราเขามานั่งในร้าน วันนี้ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรอกที่ฉันถูกส้มบ่นฉันฟังมาทั้งวันแล้ว“เอาน่า แค่นิดหน่อยเองถือว่าวันนี้เรามาฉลองที่เราสามคนได้ออกมาเที่ยวกันก็ได้ ใช่ไหมชมพู่” ฉันหันไปถามชมพู่ที่กำลังตักไอศกรีมเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย“ใช่ค่ะ คุณแม่กินสิคะ อร่อยมากเลยค่ะ” ชมพู่ตักไอศกรีมป้อนส้มก่อนจะพูดต่อ “วันนี้หนูมีความสุขม๊าก มาก เลยค่ะ หนูอยากมาเที่ยวกับน้าวรรณแบบนี้บ่อยๆ”“เห็นไหม ชมพู่มีความสุขข
ตอนที่ 14 เก็บกระเป๋า“ตื่นได้แล้วสายแล้ว” เสียงใครมาปลุกฉันตั้งแต่เช้าเนี่ยน่ารำคาญจัง ฉันพลิกตัวหนีเสียงที่ปลุกฉัน“หนึ่ง ตื่นได้แล้ว ถ้ายังไม่ตื่นเธอสายแน่” หืม เรียกฉันเหรอคนเดียวที่จะเรียกฉันว่าหนึ่งมีแค่คนเดียวก็คือไอ้บ้าดินเหนียว อะไรนะ หนึ่งงั้นเหรอ ฉันสะดุ้งลุกขึ้นนั่งสุดตัวก่อนจะหันไปมองข้างหลัง“กรี๊ด.......” ฉันกรี๊ดเสียงดังก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ไอ้บ้าดินเหนียวหมอนั่นมาอยู่ในห้องนอนของฉันได้ยังไง“เอ้า ตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำสิ จะเอาผ้ามาคลุมไว้ทำไม” หมอนั่นบอกไม่พอยังมาดึงผ้าห่มฉันอีก แต่ฉันก็จับผ้าไว้แน่นยังไงก็ไม่มีทางหลุดได้ง่ายๆ หรอก“นายมาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไง ใครอนุญาตให้นายเข้ามา” ฉันถามเสียงดังใต้ผ้าห่ม“ยายเธอเป็นคนอนุญาตให้ฉันเข้ามาแถมยังช่วยเปิดประตูห้องเธอให้ด้วย” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมอนั่นจะตอบฉันด้วยสีหน้าแบบไหน คงจะยิ้มหน้าบานอยู่แน่ๆ แล้วยายฉันก็นะ ทำไมถึงได้กล้าปล่อยให้ผู้ชายที่ขโมยจูบแรกของหลานตัวเองเข้ามาปลุกฉันในห้องได้เนี่ย ไม่กลัวว่าฉันจะถูกหมอนี่จับกินหรือไง แล้วทำไมฉันต้องคิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นด้วยเนี่ย รีบๆ ลืม ไปเลยนะย
ตอนพิเศษ 2ชื่อของเธอคือหนึ่ง ชื่อของนายคือดินเหนียว“คุณแม่ขา ทำไมเราต้องไปบ้านคุณตาคุณยายด้วยคะ เราให้คุณตาคุณยายมาหาเหมือนทุกที ไม่ได้เหรอ” เด็กหญิงวรัญญาในวัยเก้าขวบถามขึ้น ตอนนี้เธอกำลังไปที่บ้านเกิดของแม่เธอซึ่งก็คือบ้านที่ตายายของเธออยู่ตอนนี้“เพราะแม่จะไปทำธุระที่ที่ดินด้วยไง อีกอย่างลูกๆ ก็ปิดเทอมแม่ก็เลยพามาเล่นบ้านตายายไม่ดีเหรอ”“ดีครับผมอยากไปเล่นบ้านตายาย” พี่วี พี่ชายเธอพูดด้วยความตื่นเต้น“ไม่ดี วรรณไม่อยากไป”“ดี”“ไม่ดี พี่วีว่าดีก็ไปคนเดียวสิ วรรณไม่ได้อยากไปสักหน่อย”“ทำไมเราถึงไม่อยากไปบ้านตายายเหรอ” แม่ถาม“ก็คุณตาเล่าให้ฟังว่าที่บ้านคุณตามีควายตัวใหญ่มาก แล้วยังมีเป็ดมีไก่ แล้วคุณตาก็ยังเคยบอกว่าตอนคุณตาไปเก็บไข่ไก่คุณตาเคยถูกไก่ตีด้วย คุณแม่ว่าไม่น่ากลัวเหรอคะ”“ไม่น่ากลัวหรอก ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่ยุ่งกับเราหรอก แล้วพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเราสักหน่อย ต้องไปที่สวนต่างหากถึงจะเจอ” แม่เธออธิบาย“อ้าว ไม่ได้อยู่ในบ้านคุณตาหรอกเหรอคะ”“ไม่ได้อยู่จ้ะ ที่บ้านคุณตามีแค่แมวตัวเดียวที่ลูกไม่อยากไปเพราะเรื่องนี้เหรอ”“ค่ะ ก็คุณตาบอกว่าที่บ้านมี วรรณเลยคิดว่า
ตอนพิเศษ 1สองขีด- ดิน –“ไอ้ชัด มึงห่อให้ดีๆ หน่อย นั่นของชำร่วยงานแต่งกูนะเว้ย ตั้งใจทำหน่อยดิวะ”“กูก็ตั้งใจทำอยู่เนี่ย มึงไม่แหกตาดูวะ แต่กูมีปัญญาทำได้แค่นี้คนอุตส่าห์มาช่วยแม่งยังบ่นอีก เดี๋ยวก็ปล่อยให้ทำคนเดียวหรอก”“เออๆ ไม่บ่นแล้วทำให้ดีหน่อยก็แล้วกัน”“จะมีเมียทั้งทีลำบากเพื่อนจริงนะมึง” ชัดยังบ่นไม่เลิก ตอนนี้พวกเรามารวมตัวที่บ้านของผมเพื่อมาเตรียมของชำร่วยสำกหรับงานแต่งของผมกับหนึ่งที่จะถึงในอาทิตย์หน้า นี้ก็ผ่านมาตั้งสามเดือนแล้วจากวันที่ผมขอหนึ่งแต่งงาน ในที่สุดเราก็จะเป็นสามีภรรยากันสักที“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดของหนึ่งดังมาจากในห้องน้ำ ผมรีบทิ้งงานทั้งหมดแล้วตรงไปทางห้องน้ำทันที“หนึ่งเป็นอะไร เปิดประตู” ผมถามเสียงดังด้วยความตกใจพร้อมกับทุบประตูห้องน้ำด้วยความร้อนใจ “หนึ่งเปิดประตู”“จะเรียกทำไมเสียงดัง แล้วอยากได้ประตูห้องน้ำใหม่หรือไงถึงได้ทุบแรงขนาดนั้น” หนึ่งที่เปิดประตูออกมาบ่นผมทันที“ก็ฉันได้ยินเสียงเธอกรี๊ด เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า” หนึ่งตอบพร้อมกับยื่นของบางอย่างให้ผม “ที่ฉันกรี๊ดเพราะอันนี้มันขึ้นสองขีดนะ”“สองขีด” ผมมองเจ้าสิ่งนั้นที่หนึ่งยื่นให้
บทส่งท้าย หนึ่งเดียวของดิน“นายพาฉันมาบ้านนายทำไม” หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จดินก็บอกว่าให้ฉันช่วยไปกับเขาหน่อย เขามีอะไรจะให้ฉันดูฉันก็นึกว่าเขาจะพาฉันไปไหนที่แท้ก็พามาบ้านของเขาที่อยู่ที่อู่รถนั่นเอง“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ฉันเดินเข้ามาในบ้านตามที่เขาบอกก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆ“นายจัดบ้านใหม่เหรอ” ที่ฉันรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาจัดบ้านใหม่นี่เอง “นี่เหรอที่นายบอกว่าอยากให้ฉันดู แค่นายจัดบ้านใหม่เนี่ยนะ”“ไม่ใช่ตรงนี้ ที่ฉันอยากให้เธอดูคือข้างบนต่างหาก” เขาชี้ไปที่ชั้นสอง ฉันเลยมองเขาด้วยความระแวงหมอนี่ไม่ได้คิดจะหลอกให้ฉันขึ้นไปข้างบนแล้วทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม “ไม่ต้องมองฉันระแวงแบบนั้นหรอกน่า ฉันสัญญากับพ่อกับพี่ชายเธอไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาด”“นายจะรักษาสัญญาใช่ไหม” ฉันถามย้ำเพื่อความมั่นใจถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญามากแค่ไหนก็ตาม นี่แหละมั้งพ่อกับพี่ฉันเลยวางใจให้ฉันคบกับเขา“อืม ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันตบะแตก” พอเขาพูดจบฉันก็หันหลังเดินลงบันไดทันทีจนเขาต้องรีบขว้าไว้ “เดี๋ยวสิหนึ่งใจเย็นๆ ฉันพูดเล่น ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”“นายแน่ใจนะ”“แน่ใจสิ” ฉันมองตาเขาก่อนจะยอมเดินตามเขาขึ้นชั้นสองไป ดิน
ตอนที่ 29 กลับมาอีกครั้ง“ถ้าลูกไม่มีความสุขต้องรีบบอกพ่อนะ พ่อจะไปรับลูกกลับมาทันที”“นี่คุณลูกแค่กลับไปอยู่บ้านตายายจะไม่มีความสุขอะไร ไม่ได้ไปลำบากอะไรสักหน่อย”“ไม่ต้องไปฟังแม่นะลูก ถ้าลูกอยากกลับมาบอกพ่อได้เสมอเลยพ่อจะรีบไปรับ”“เอะ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ ทีตอนเราเป็นแฟนกันคุณก็ยังอยากให้ฉันไปอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่เหรอ ขนาดพ่อฉันเอาปืนไล่ยิงคุณยังไม่กลัวเลย จะพาฉันมาอยู่ด้วยให้ได้ ทีตอนนี้ทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย” ฉันพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย คุณตาฉันก็แสบใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ยก็อย่างว่าแหละแม่ฉันออกจะสวย“โธ่คุณ อย่าพูดเรื่องอดีตสิมันไม่เหมือนกันสักหน่อย”“ไม่เหมือนยังไง ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าตอนนั้นพ่อฉันรู้สึกยังไง”“รู้สึกแล้วค้าบ” พ่อฉันตอบเสียงอ่อย“รู้แล้วก็ดี แล้วก็รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้ลูกจะลำบากใจ” แม่ฉันถามเสียงดุ“รู้”“ถ้ารู้แล้วจะทำทำไม จะเลิกทำให้ลูกลำบากใจไหม”“เลิกแล้ว” แล้วพ่อฉันก็ต้องยอมแม่อีกตามเคย แม่ฉันนี่สุดยอดไปเลย“ดี” แม่ฉันบอกกับพ่อก่อนจะหันมาพูดกับดิน “ดินเราจำได้ใช่ไหมว่าสัญญาอะไรกับป้าไว้”“จำได้ครับ”“ดี งั้นก็ไปเถอะเดี๋ยวตากับยายจะรอ”
ตอนที่ 28 ถูกเท“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พี่ปุ้มปุ้ยช่างประจำตัวฉันบอกก่อนจะก็บเครื่องสำอางใส่กระเป๋า ฉันมองสำรวจตัวเองก่อนจะขอบคุณ“ขอบคุณมากค่ะ พี่ปุ้มปุ้ย แล้วพี่วีเสร็จหรือยังคะ” ฉันถามถึงพี่ชาย ที่จะไปร่วมงานกับฉันคืนนี้“คุณวีไปด้วยเหรอคะ คุณวีไม่ได้บอกพี่ พี่เลยไม่ได้เตรียมช่างมาให้ นี่พี่มาคนเดียวนะคะ” หมายความว่ายังไง ไหนวันนั้นตกลงกันแล้วว่าพี่จะไปเป็นเพื่อนฉัน อย่าบอกนะว่าจะเทฉันนะฉันโกรธจริงๆ ด้วยนะ“พี่วี พี่วีอยู่ไหน” ฉันส่งเสียงเรียกพี่วีเสียงดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน ดังขนาดที่ต่อให้พี่ชายฉันไปแอบในท่อระบายน้ำก็ต้องได้ยิน ถึงพี่ชายฉันจะไม่ไปแอบที่นั่นก็ตาม“เสียงดังอะไรตัวเล็ก พี่อยู่นี้” พี่ชายฉันเดินออกมาจากทางห้องรับแขก แล้วจากชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านจริงๆ“ไหนพี่บอกว่าจะไปกับฉัน แล้วทำไมยังไม่แต่งตัว อย่าบอกนะว่าพี่จะเทฉัน ฉันโกรธจริงๆ นะ” ฉันเดินโวยวายลงบันไดมา“เดินช้าๆ สิเดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” พี่วีรีบเดินมารับฉันที่บันได “พี่ก็อยากไปกับเรานะ แต่มีคนมาขออาสาไปเป็นเพื่อนเราแทนพี่นะสิ ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่แม่นะสิอนุญาตแล้ว พี่เลยทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอมถอย”“ใคร”“ไปดู
ตอนที่ 27 เด็กฝึกงาน“เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะตัวเล็ก”“ฉันบอกว่า ฉันจะไปช่วยงานพี่ที่บริษัท” ฉันพูดย้ำอีกครั้งชัดๆ ช้าๆ“พี่หูฝาดไป หรือว่าเราไม่สบายกันแน่” พี่วีเอามือแคะหูก่อนจะเอาอีกมือมาแตะที่หน้าฝากฉัน “ตัวก็ไม่ได้ร้อนหูพี่ก็ยังปกติดี หรือว่าตอนที่อยู่ที่นู้นหัวเราไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า”“นี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่อย่าเวอร์ฉันแค่เบื่อที่จะอยู่บ้านนี่ก็อยู่เฉยๆ มาตั้งหลายวันแล้ว” ฉันเดินเข้าไปเกาะแขนพี่วีแล้วเอนหัวไปซบที่แขน พี่ชายใครเนี่ยทำไมแขนแน่นแบบนี้ “อีกอย่างที่ผ่านมาพี่กับพ่อก็อยากให้ฉันไปลองฝึกงานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ ก็ถือโอกาสตอนนี้ให้ฉันไปฝึกเลยไม่ดีเหรอ”“เอาจริงเหรอ” พี่วีถามอีกครั้ง“จริง” ฉันตอบเสียงหนักแน่นและแล้วเช้าวันที่ฉันต้องไปทำงานที่บริษัทก็มาถึง ฉันแต่งตัวเสร็จก็เดินฮัมเพลงลงมาข้างล่างด้วยความอารมณ์ดี“อารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอที่จะได้ไปทำงานน่ะ” แม่ถาม“ใช่ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวที่พ่อกับแม่ แล้วก็พี่วีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นี่ฉันว่าฉันรีบแล้วนะแต่ก็ยังช้ากว่าทั้งสามคนอยู่ดี“ถ้าลูกไม่อยากไปไม่ต้องฝืนใจไปทำก็ได้นะ ลูกสาวคนเดียวพ่อเลี้ยงได้
ตอนที่ 26 เปลี่ยนไป“ป้าแจ่มหยิบไขควงเบอร์หกให้ผมหน่อย ที่อยู่ในกล่องเครื่องมือ”“มันอันไหนวะ อันนี้ไหม” ป้าแจ่มโชว์ไขควงให้น้อยคนขับรถของที่บ้านฉันดู“ไม่ใช่ป้าอีกอัน อันที่มันใหญ่กว่านี้อันนั้นนะที่อยู่ข้างๆ” น้อยพยายามชี้ให้ป้าแจ่มดู“อันนี้เหรอ” แต่ป้าแจ่มก็ยังหยิบผิดอันอยู่ดี“ไม่ใช่ป้า อีกอัน”“อันนี้ค่ะป้า” ฉันที่ยืนมองอยู่สักพักแล้วรู้สึกทนไม่ไหวเลยเดินเข้าไปหยิบไขควงเบอร์ที่น้อยต้องการส่งให้ป้าแจ่ม“ขอบคุณค่ะ คุณหนู” ป้าแจ่มขอบคุณฉันก่อนจะหันไปถามน้อย “อันนี้ใช่ไหม”“ใช่ป้า ใช่อันนั้นแหละ” น้อยรับไขควงไปก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ“คุณหนูต้องการอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวป้าจัดการให้” ป้าแจ่มหันมาถามฉัน เพราะปกติฉันไม่ค่อยเข้ามาบริเวณห้องครัว เพราะกลัวกลิ่นอาหารจะติดเสื้อผ้า“วรรณจะมาถามนะคะว่ามีใครเห็นคุณแม่บ้างไหม วรรณเดินหาจนทั่วบ้านแล้วแต่ก็หาไม่เจอ”“อ่อ คุณผู้หญิงไปบ้านคุณดวงค่ะ พอดีคุณลูกหนูเธอกลับมาบ้านแล้วก็ยังพาลูกๆ ของเธอมาด้วยคุณผู้หญิงเลยไปเล่นกับเด็กๆ นะคะ”“พี่ลูกหนูคลอดลูกคนที่สองแล้วเหรอคะ”พี่ลูกหนูที่ฉันพูดถึงคือลูกสาวคนเล็กของบ้านหฤทัยรัตน์ที่แต่งงานกับพี่ธันแ
ตอนที่ 25 เหตุผล“โอ๊ย เมื่อไรจะถึงเนี่ย ทำไมรถถึงได้ติดแบบนี้นะ” ฉันบ่นเรื่องรถติดเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ก็จะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไงก็รถมันติดชนิดที่ช้ายิ่งกว่าเต่าเดินอีก“บ่นไปก็ไม่ได้อะไรหรอกน่า เลิกบ่นเถอะทีเมื่อก่อนนะพี่ไม่เห็นเราจะเคยบ่นเรื่องรถติด”“นั่นมันเมื่อก่อนนี้ ตอนนี้ฉันเริ่มแปลกใจตัวเองแล้วสิเมื่อก่อนฉันทนรถติดแบบนี้ได้ยังไง มันน่าเบื่อมากเลยนะเสียเวลาสุดๆ เลยด้วย” ฉันยังคงบ่นไม่เลิก“ลูกกลัวเสียเวลาด้วยเหรอ ไหนเมื่อก่อนลูกบอกว่าลูกมีเวลาว่างเยอะแยะเรื่องแค่นี้ไม่ส่งผลอะไรกับลูกหรอก” ฉันเคยพูดแบบที่แม่บอกด้วยเหรอ“ใช่ แม่พูดถูกเวลาพ่อบ่นเรื่องรถติดแล้วทำให้เสียเวลา ลูกยังบอกพ่ออยู่เลยเสียเวลานิดหน่อยจะเป็นอะไรแค่นี้เอง” พ่อเองก็กับเขาด้วยเหรอ“นี่สรุปหนูผิดเหรอ ก็ที่บ้านตาไม่มีรถติดแบบนี้นี่ ไปไหนมาไหนก็แป๊บเดียวขนาดที่ไกลๆ ยังแป๊บเดียวเลย แต่นี้อะไรอีกแค่แปดโลก็ถึงบ้านเราแต่เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงเลย” คิดดูก็แล้วกันกับอีแค่แปดโลแต่นี่เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังแปดโลเหมือนเดิมจะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไง อีกชั่วโมงจะถึงบ้านหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เผลอๆ เดินไปอาจจ
ตอนที่ 24 หายหัว“มานั่งทำอะไรตรงนี้มืดๆ คนเดียว ไฟก็ไม่เปิด ยุงไม่กัดเหรอ” ฉันนั่งเล่นมือถืออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน แม่คงเห็นว่าฉันนั่งอยู่นานแล้วมั้งตั้งแต่เย็นๆ จนตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้วก็ยังไม่ยอมเข้าบ้านสักทีแถมยังไม่ยอมเปิดไฟอีก ดีที่ยังมีพัดลมที่ตาเอามาเปิดให้ไม่งั้นมีหวังได้ถูกยุงกัดทั้งตัวแบบที่แม่บอกแน่ๆ“พ่อกับพี่ล่ะ” ฉันไม่ตอบแต่ถามแม่กลับ ทั้งที่ก็รู้แหละว่าสองคนนั้นอยู่ไหน แค่อยากเปลี่ยนเรื่อง“คุยอยู่กับตายายอยู่ข้างในไง แล้วจะบอกแม่ได้ยังว่ามานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้”“เปล่าค่ะ แค่มานั่งเล่นเฉยๆ”“จริงเหรอ ไม่ใช่ว่ารอใครอยู่เหรอ”“หนูจะรอใคร ไม่มีสักหน่อยแค่มานั่งเล่นเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“จ้า จ้า นั่งเล่นก็นั่งเล่น แล้วไม่ร้อนเหรอ ปกติเราขี้ร้อนจะตายไม่ใช่เหรอ” ใช่ ปกติฉันเป็นพวกความอดทนต่อความร้อนต่ำมาก แต่ตอนนี้กลับนั่งอยู่หน้าบ้านโดยมีแต่พัดลมตัวเดียวถึงที่นี่จะเป็นต่างจังหวัดที่อากาศดีกว่ากรุงเทพ แต่ก็เป็นต่างจังหวัดในช่วงกลางเดือนเมษาของประเทศไทยไม่มีที่ไหนที่จะไม่ร้อนจ้า ถึงจะเป็นเวลาค่ำแล้วก็ตาม“สงสัยชินแล้วมั้ง”“สงสัยการที่แม่ส่งเรามาอยู่ที่นี่จะได้ผลจริงๆ อย่างน้อ