ส่วนหลานชายคนรองของหนิงซวนหยวนที่ชอบสมุนไพรนั้นเขาก็เตรียมหาหญิงชาวบ้านมาเป็นภรรยาให้เท่านั้น เพื่อที่หลานชายจะได้ไม่จากไปไหน ตอนนี้ภรรยาของเขาตายไปก่อนแล้วทำให้เขาเหงาไม่น้อย เขาจึงได้ชดเชยความคิดถึงภรรยาโดยการสั่งสอนหนิงเจิ้งให้เป็นชาวบ้านเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อที่เขาจะได้เข้ากับคนอื่น ๆ ได้ในอนาคตหากเขาไม่อยู่แล้วนั่นเอง หนิงเจิ้งยังรู้ด้วยว่าหากมีเรื่องเดือดร้อนอันใด เขาสามารถส่งจดหมายไปหาพี่ใหญ่ได้เช่นกัน พี่ใหญ่ให้ที่ติดต่อเอาไว้ให้กับเขาแล้วเรื่องการส่งจดหมาย เพียงแต่หนิงเจิ้งผู้ชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนที่ท่านปู่สอนนั้นไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องการนอกจากการปลูกสมุนไพรขายเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้หนิงซวนหยวนพอใจไม่น้อยที่หลานชายได้ดั่งใจ เขายังกำชับให้หนิงเจิ้งตั้งใจปลูกสมุนไพรเป็นอาชีพจะได้เลี้ยงดูครอบครัวในภายภาคหน้าได้ หนิงเจิ้งที่อายุเพียง 14 ปีก็ตั้งใจที่จะดูแลท่านปู่ตามที่พี่ใหญ่ขอร้องเอาไว้ก่อนจากไป เขายังคงคิดไม่ออกว่าเหตุใดพี่ชายจึงอยากไปเมืองหลวง เพราะตอนเขาจากมาเขายังเด็กนักจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวใดเกี่ยวกับครอบครัวเหมือนกับหนิงจิ้ง แต่เขาก็ยังคงรับปากพี่ชายว่าเขาจะดูแลท่านปู่ให้ดี
ปีต่อมาหนิงเจิ้งอายุสิบห้าปีแล้ว เขาทำพิธีสวมกวานโดยมีชาวบ้านมาร่วมงานไม่น้อย เพราะพวกเขาอยู่กันมาถึงสิบกว่าปีแล้วจึงได้คุ้นเคยกันดีกับครอบครัวหนิงซวนหยวน ถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย แต่พวกเขาก็ยังไปมาหาสู่กันได้บ้างตามความเหมาะสม หนิงซวนหยวนยังขอให้ผู้ใหญ่บ้านหาหญิงสาวที่ดูดีหน่อยมาแต่งงานกับหลานชายคนรองก่อนที่เขาจะแก่ไปมากกว่านี้จนไม่สามารถจัดการเรื่องแต่งงานให้หลานชายได้
ผู้ใหญ่บ้านรับปากจะลองหาดูที่หมู่บ้านใกล้เคียงให้ก่อนที่จะจบพิธีสวมกวานตามธรรมเนียม ทุกคนในหมู่บ้านยังได้ร่วมกินเลี้ยงที่เรือนของหนิงซวนหยวน เขาเองมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้หลานชายคนโตไปแล้ว ตอนนี้ทรัพย์สินของเขาที่เหลือก็จะมอบให้กับหลานชายคนรองต่อไป เขายังกำชับให้หลานชายคนรองหากไม่จำเป็นก็ห้ามบอกใครแม้แต่ภรรยาว่าเขามีสมบัติเก็บซ่อนอยู่ที่ใด เนื่องจากเกรงว่าหญิงสาวที่จะแต่งเข้ามาอาจไม่ดีเท่าหลานสะใภ้คนโตของเขาก็เป็นได้ สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ค่อยไว้วางใจหญิงสาวในหมู่บ้านมากนัก
หนิงเจิ้งไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านปู่จึงได้เป็นกังวล แต่เขาก็รับปากจะทำตามที่ท่านปู่บอกเสมอ ไม่นานหลังจากผู้ใหญ่บ้านหาหญิงสาวมาให้หนิงเจิ้งเลือก ท่านปู่ของเขาจึงเลือกหญิงสาวที่ครอบครัวดีหน่อยมาให้กับหลานชาย โดยไม่รู้เลยว่านิสัยที่แท้จริงของนางนั้นเป็นอย่างไร ด้วยเพราะวัยชราของเขา เขาจึงไม่ได้ตรวจสอบสิ่งใดมากมายนัก เขาเพียงแต่อยากได้หญิงชาวบ้านติดดินคนหนึ่งมาให้หลานชายเท่านั้น เขาไม่กล้าที่จะหาหญิงสาวในเมืองให้กับหลานชายด้วยกลัวว่าหลานชายเขาจะไม่ทันคนอย่างคนในเมืองชายแดน
หลังการหมั้นหมายผ่านไปแล้ว หนิงซวนหยวนก็สั่งสอนให้หลานชายเป็นคนติดดิน ส่วนบ่าวทั้งหลายที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้หนิงซวนหยวนก็ให้พวกเขากลับไปบ้านเกิดเช่นกัน ตอนนี้จึงเหลือเพียงบ่าวชราที่ไม่มีครอบครัวอยู่ที่เรือนสองสามคนเท่านั้น คนเหล่านี้ไม่ยอมที่จะไปพร้อมกับบ่าวคนอื่น พวกเขาจงรักภักดีกับนายท่านผู้เฒ่ามากจนไม่อยากจากไป จนกว่าจะสิ้นกันไปข้างหนึ่ง พวกเขายังช่วยนายท่านผู้เฒ่าดูแลสวนสมุนไพรและนำส่งขายให้กับหนิงซวนหยวนอีกด้วย
หนิงซวนหยวนเห็นว่าพวกเขาภักดีกับเขาจริง ๆ จึงได้ขึ้นเงินเดือนให้และทุกคนเขาไม่คิดว่าเป็นบ่าว แต่กลับคิดกับทุกคนเหมือนญาติแทน ทำให้บ่าวยิ่งรักและเคารพนายท่านผู้เฒ่าแสนใจดีคนนี้ พวกเขายังสัญญาว่าจะช่วยดูแลนายน้อยรองให้ดีหลังจากท่านจากไป
หนิงซวนหยวนไม่คิดว่าพวกเขาจะนึกไปถึงขั้นนั้นแล้ว แต่ก็ดีที่เขาจะได้วางใจว่ายังมีคนคอยช่วยเหลือหลานชายคนเล็กของเขาอยู่ ไหนจะผู้ใหญ่บ้านที่รับปากจะดูแลหนิงเจิ้งให้เขาอีกแรงหนึ่งหากเกิดอันใดขึ้นกับเขา หนิงซวนหยวนจึงให้เงินฝากฝังหลานชายเอาไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านไม่น้อย เขาไม่เชื่อใจคนมากนักก็จริง แต่เงินนั้นเชื่อถือได้แน่นอนเขาจึงทำเช่นนี้ คราแรกผู้ใหญ่บ้านไม่อยากรับ แต่พอถูกคะยัั้นคะยอเข้าก็ต้องจำใจรับมาและยังบอกว่าจะดูแลหลานชายให้หนิงซวนหยวนเป็นอย่างดีแน่นอน แค่นี้ก็ทำให้หนิงซวนหยวนวางใจมากแล้ว เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้ อย่างไรสักวันเขาก็ต้องจากไปเหมือนภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขาที่ด่วนจากไปก่อนที่หลานชายคนโตจะแต่งสะใภ้เสียอีก
ฤกษ์แต่งงานของหลานชายคนรองเขาคือปีหน้า ดังนั้น หนิงซวนหยวนจึงไม่รีบร้อนทำสิ่งใดมากกว่าการหมั้นหมายที่ผ่านมา เขาเพียงให้ทรัพย์สินเล็กน้อยเหมือนชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่าว่าที่หลานสะใภ้นำเรื่องนี้ไปโพนทะนาว่าครอบครัวไม่เห็นร่ำรวยอย่างที่คนอื่นว่าสักนิด นางจึงไม่อยากแต่งงานกับหนิงเจิ้งแต่แรก เพียงแต่พ่อแม่ของนางรับสินสอดมาแล้วและใช้ปรับปรุงบ้านไปแล้วด้วย นางจึงต้องจำยอมที่จะต้องแต่งงานในปีหน้าตามกำหนดการเดิมที่มีอยู่
หนิงเจิ้งซึ่งไม่รู้ว่าว่าที่ภรรยาจะดูถูกเขากับครอบครัวก็ยังใช้ชีวิตสบายๆ เช่นที่เป็นมา เขาเองก็มีเงินส่วนตัวไม่น้อยจากการขายสมุนไพรให้ท่านปู่ เพียงแต่เขาไม่ได้บอกท่านปู่เท่านั้นเอง เขายังอยากใช้เงินตัวเองมากกว่าทรัพย์สินที่ท่านปู่เตรียมเอาไว้ให้เสียอีก เรื่องในบ้านตอนนี้เขาเป็นคนจัดการแทนท่านปู่ที่อายุมากแล้วทั้งหมด เขาอยากให้ท่านปู่พักผ่อนบ้างในช่วงบั้นปลาย แต่ท่านก็ยังคงแข็งแรงและขยันมาดูแปลงสมุนไพรเป็นเพื่อนหนิงเจิ้งอยู่บ่อย ๆ เช่นเคย สิ่งนี้ยิ่งทำให้หนิงเจิ้งรักท่านปู่มากขึ้นไปอีก เขาไม่อยากเสียท่านปู่ไปเหมือนตอนเสียท่านย่า แต่ด้วยวัยชราของท่านปู่ สักวันท่านก็ยังต้องจากเขาไปอยู่ดี
หนึ่งปีต่อมา หลานจิวที่หมั้นหมายกับหนิงเจิ้งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีที่เรือนของหนิงเจิ้ง เขาทำพิธีโดยมีท่านปู่กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นพยาน รวมทั้งคนในหมู่บ้านที่มาร่วมสนุกในงานแต่งงานครั้งนี้ พวกเขารู้ดีว่าบ้านหนิงซวนหยวนไม่เคยตระหนี่ของกิน พวกเขาจึงนำเงินเล็กน้อยมาเป็นขวัญถุงให้กับบ่าวสาวตามธรรมเนียม ทั้งที่หนิงซวนหยวนบอกแล้วว่าไม่รับของหรือเงิน แต่ก็ต้องจนใจที่ชาวบ้านบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมที่พวกเขาทำสืบทอดกันมา หนิงซวนหยวนจึงได้ให้บ่าวรับเอาไว้ให้หลานชายเขาทีหลัง หลานจิวที่ตอนแรกไม่อยากแต่งงาน แต่พอเห็นว่าบ้านนี้ใหญ่โตเพียงใดนางก็เกิดโลภขึ้นมาจึงได้ทำตัวดีให้ทุกคนเห็นเป็นฉากหน้า นางคิดว่านางจะได้นั่งเป็นฮูหยินที่สุขสบายในเรือนนี้แน่ ๆ โดยที่นางไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานท่านปู่ผู้เป็นญาติคนเดียวของสามีจะสิ้นไป หนิงเจิ้งเองก็มีความสุขไม่น้อย ภรรยาของเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อย่างที่เคยคิดเอาไว้ นางดูเป็นคนอ่อนหวานและช่างเอาใจไม่น้อย ทำให้หนิงเจิ้งหลงใหลนางเข้าจริง ๆ หนิงซวนหยวนเห็นว่าทั้งคู่เข้ากันได้ดีก็วางใจ อย่างน้อยหากเขาเป็นอันใดไปก็ยังคงวางใจได้
หลังจากวันที่หลานจิวถูกท่านปู่สามีสั่งสอน นางก็ทำตัวดีขึ้นทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกเพ่งเล็งจนต้องหย่ากับสามี ส่วนหนิงเจิ้งนั้นไม่ได้สนใจภรรยา เขากับปู่ช่วยกันเลี้ยงดูเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน ในเมื่อแม่ของพวกเขาใจจืดใจดำนัก ทั้งสองปู่หลานจึงได้ช่วยกันเลี้ยงแทน หนิงซวนหยวนที่ช่วยเลี้ยงจนหลานชายคนโตอายุได้ห้าขวบ เขาก็เริ่มเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ตามประสาคนสูงวัย ทำให้หนิงเจิ้งยิ่งห่างเหินกับภรรยา เขาคอยดูแลท่านปู่และส่งจดหมายบอกพี่ชายแล้วว่าหากกลับมาดูใจท่านได้ก็ให้กลับมา ถ้ามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาจะดูแลท่านปู่จนถึงวาระสุดท้ายเอง ด้านหนิงจิ้งที่ได้รับจดหมายจากน้องชายได้แต่นึกเสียใจ แต่ตอนนี้เขาได้สอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักแล้ว การจะไปไหนมาไหนย่อมเป็นเรื่องยาก แถมตอนนี้ลูก ๆ ของเขาเองก็อายุมากพอที่จะเข้าเรียนแล้ว เขาจึงไม่อาจจากไปได้ หนิงจิ้งได้แต่ส่งจดหมายตอบกลับน้องชายอย่างเสียใจ คราแรกภรรยาเขาจะเดินทางกลับไปเอง แต่หนิงจิ้งไม่ไว้วางใจให้นางเดินทางคนเดียว เขาจึงไม่ให้นางไปด้วยความเป็นห่วง ฮวงเหมยอี้รู้ดีว่าสามีเป็นห่วง แต่เขาลืมไปหรือเปล่าว่านางเป็นลูกสาว
หนิงเจิ้งที่ยิ่งอยู่กับภรรยานานเข้าก็ยิ่งรู้ว่านางเป็นคนเช่นไร เขาไม่นำพาว่านางจะมีนิสัยอย่างไร เพียงแค่ไม่ทำให้ลูก ๆ ลำบากเขาก็พอใจแล้ว ขนาดว่าหนิงกวานเรียนเก่งกว่าพี่ ๆ นางยังไม่เคยจะคิดชมเชยลูกเลยสักนิด นางกลับเอาอกเอาใจแต่ลูกคนโตกับคนรองของเขา มีแค่เขาเท่านั้นที่คอยส่งเสริมลูกชายคนเล็กให้ขยันเรียนให้มาก และเรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับเขาให้ดี เผื่อว่าในอนาคตเขาจะได้มีวิชาติดตัวไว้บ้าง นับวันหลานจิวจะยิ่งแสดงออกถึงนิสัยที่แท้จริงของนางที่ทั้งตระหนี่ถี่เหนียว ไหนจะเอาแต่ด่าทอลูกคนเล็กให้เขาได้ยินบ่อย ๆ จนเขาต้องทะเลาะกับนางมาตลอดเรื่องนี้ หลานจิวเปรียบเทียบตนเองกับครอบครัวพี่ใหญ่ของหนิงเจิ้งมาตลอดว่าเขาไม่เอาไหน ไม่เหมือนพี่ชายที่เป็นขุนนางเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ยิ่งทำให้หนิงเจิ้งไม่พอใจ เขาชอบที่จะใช้ชีวิตสงบๆ เหตุใดเขาจึงได้มีภรรยาเช่นนี้ ความจริงแล้วเขาอยากหย่ากับนางมานานแล้ว เพียงแต่ลูก ๆ ยังเล็กอยู่เขาจึงจำใจอดทน รอให้ลูก ๆ โตกว่านี้ก่อนแล้วเขาจึงจะหย่านาง อย่างไรนางก็คงไม่ต้องการลูกคนเล็กของเขาแน่ ๆ หากนางคิดว่าสามารถเลี้ยงดูลูกชายสองคนเองได้เขาก็จะไ
หนิงกวานที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยอายุเขายังน้อยก็ได้แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่จึงไม่รักเขาเหมือนพี่ ๆ ความจริงแล้วที่หลานจิวเกลียดหนิงกวานก็เพราะนางไม่สามารถมีลูกได้อีกหลังจากคลอดหนิงกวานนางจึงเกลียดเขาที่ทำให้นางมีลูกได้แค่สามคน ทั้งที่นางอยากได้ลูกสาวสักคนเพื่อจะได้เลี้ยงดูนางให้ดี สิบปีต่อมาหนิงกวานที่โตแล้วรู้ว่าแม่ของเขาเป็นอย่างไรก็หาได้ถือสา อย่างไรเขาก็ยังกตัญญูกับนางเหมือนเดิม ถึงแม้ท่านพ่อจะพยายามไม่ให้เขาเกิดความเกลียดชังแม่ตัวเอง แต่เขาก็มีเพียงความคิดน้อยใจเท่านั้น เมื่อถึงวัยแต่งงาน พี่ชายทั้งสองของเขาไปสู่ขอภรรยาก็ได้รับเงินจากท่านแม่ไปคนละไม่น้อย ส่วนเขาที่มีคนรักอยู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่งนั้นกลับไม่ได้รับเงินจากนางแม้แต่อีแปะเดียว แถมนางยังไม่ยอมให้เขารับนางเข้าบ้านอีกต่างหาก จนท่านพ่อต้องเข้ามาจัดการเรื่องราวให้เขาเอง ท่านพ่อให้เงินทองและของหมั้นมากมายกับหนิงกวานจนทำให้หลานจิวยิ่งไม่พอใจที่สามีลำเอียง หนิงเจิ้งให้เหตุผลว่าเป็นเพราะหนิงกวานช่วยเขาทำสวนสมุนไพรมาตลอด การที่เขาจะตอบแทนลูกรักก็ไม่แปลก ทำเอาคนอื่น ๆ ในบ้านไม่กล้าพูดสิ่
หลายปีต่อมา หนิงเจิ้งที่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เริ่มเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ตามประสาคนสูงวัย ยังดีที่มีเสี่ยวชุ่ยและลูก ๆ อีกสามคนช่วยกันดูแล หนิงกวานจึงได้ปลูกสมุนไพรได้อย่างสบายใจและดูแลครอบครัวเล็ก ๆ ของเขาเป็นอย่างดี หนิงเจิ้งยังกำชับหนิงกวานว่าหากเขาเป็นอะไรไปก็อย่าให้หลานจิวกับลูกๆ เข้ามาอยู่ที่เรือนอีก เขารู้ดีว่าหนิงกวานเป็นคนใจอ่อนขนาดไหน หนิงกวานเองก็ไม่ได้รับปากอันใด เขาเพียงแต่บอกว่านางเป็นแม่เขาหากเขาไม่กตัญญูแล้วคนอื่นครหาจะทำเช่นใด หนิงเจิ้งฟังแล้วจึงได้บอกให้ลูกชายนำทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาเคยบอกเอาไว้ไปฝังเก็บไว้ที่อื่นเสียเพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นของหลานจิวกับลูกอีกสองคน เขารู้ดีว่าทรัพย์สินเหล่านี้หากอยู่ในมือคนพวกนี้คงไม่สามารถงอกเงยขึ้นมาได้ มีเพียงหนิงกวานเท่านั้นที่เขาเชื่อใจ หนิงกวานเองก็ได้แต่ต้องยอมทำตามที่ท่านพ่อบอก เขาหาสถานที่ฝังทรัพย์สินเอาไว้บนภูเขาห่างไกลจากที่ผู้คนเดินไปมาไม่น้อย เขายังทำสัญลักษณ์เอาไว้เพื่อที่ตนเองจะได้จดจำได้ว่าฝังไว้ที่ใดหากเกิดเหตุการณ์อย่างที่ท่านพ่อคาดเดาเอาไว้ หลังจากดูแลหนิงเจิ้งได้เกือบปีเขาก็จากไปด้
วันหนึ่งหนิงกวานไปขายสมุนไพร ขากลับฝนกลับตกลงมาอย่างแรง เขาจึงขอขึ้นเกวียนกลับหมู่บ้านทั้งที่ปกติเขาจะเดินเอา ด้วยถนนหนทางที่ไม่ดี ทำให้เกวียนเสียหลักคว่ำไปทับหนิงกวานที่กระโดดลงไม่ทัน ส่วนคนอื่นที่ขึ้นเกวียนมาด้วยก็บาดเจ็บมากน้อยต่างกันไป เพียงแต่หนิงกวานเจ็บหนักที่สุดเพราะเขาช่วยเด็กเอาไว้ไม่ให้ถูกเกวียนทับเหมือนเขา กว่าที่จะมีคนมาช่วยหนิงกวานกลับบ้าน อาการของเขาก็หนักมากแล้ว เสี่ยวชุ่ยไปขอเงินหลานจิวเพื่อจะพาสามีไปหาหมอ“ฮึก.. ท่านแม่ ข้าขอร้องท่าน ขอเงินให้ข้าพาหนิงกวานไปหาหมอด้วยเถิดเจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาต้องทนไม่ไหวแน่”“ฮึ! เรื่องอะไรข้าจะช่วยมัน ถ้ามันตายได้ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองข้าวปลาอาหารอีก ไหนมันจะอกตัญญูกับข้าบ่อย ๆ เจ้าเองก็เห็น”“ท่านแม่ แต่นี่หนิงกวานเป็นลูกชายท่านนะเจ้าคะ ท่านไม่คิดจะช่วยเหลือเขาหรืออย่างไร ทั้งที่เขาหาเลี้ยงคนทั้งครอบครัว”“มันเป็นลูกข้าแล้วยังไง ข้าเกลียดที่มันทำให้ข้าไม่สามารถมีลูกได้อีก สามีก็ห่างเหินจากข้าจนหย่ากับข้า เจ้าไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ไป ไป จะไปไหนก็ไป อย่าให้มันมาตายที่บ้านข้าให้อัปมงคล” เสี่ยวชุ่ยไ
สามวันต่อมาหลังจากหนิงกวานฟื้นตัวได้ดี เขาก็บอกให้เสี่ยวชุ่ยเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อย ส่วนเงินเก็บเขาก็นำออกมาให้หนิงชิงไปจัดการเรื่องการหาบ้านเช่าที่หมู่บ้านอื่น เสี่ยวชุ่ยแนะนำลูกสาวให้ไปเช่าที่หมู่บ้านนางซึ่งไม่ไกลจากเมืองนัก อีกทั้งเวลาจะพาหนิงกวานไปหาหมอจะได้สะดวกหน่อย หนิงชิงได้แต่กำชับให้น้อง ๆ ดูแลท่านพ่อให้ดี นางกับแม่จะรีบกลับมาหลังจากได้บ้านเช่าแล้ว ครอบครัวเล็ก ๆ ได้แต่อยู่ในห้องเฝ้าพ่อของพวกเขา ตอนนี้สวนสมุนไพรไม่มีใครดูแล ใช่ว่าหนิงกวานจะไม่เป็นห่วงสมุนไพรพวกนั้น แต่จนใจที่ลูก ๆ กลัวว่าหลานจิวจะมาทำร้ายเขาขณะที่ยังบาดเจ็บอยู่จึงไม่ยอมออกไปไหน หนิงชิงยังกำชับไม่ให้เขาเคลื่อนไหวอีกด้วย เพราะกระดูกของเขายังไม่หายดี หนิงชิงเดินตามท่านแม่ของนางไปที่หมู่บ้านคังที่เป็นบ้านเดิมของท่านแม่นาง ซึ่งความจริงแล้วนางไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วตั้งแต่แต่งงาน เป็นเพราะนางท้องต่อ ๆ กันนั่นเองจึงไม่ได้มาเยี่ยมที่บ้านเลย อีกทั้งหลานจิวที่มาอยู่ก็ไม่ยอมให้นางออกไปไหน นางจำเป็นจะต้องรองมือรองเท้าของหลานจิวอยู่ตลอดเวลา วันนี้เมื่อมีโอกาสนางจึงจะแวะเยี่ยมครอบครัว
ช่วงสองสามวันมานี้พวกหนิงชิงไม่สนใจเสียงก่นด่าของหลานจิว พวกนางกินข้าวที่เรือนของพวกนางเองอย่างไม่ไว้หน้าหลานจิว หากพวกเขาหิวก็ให้พวกเขาทำกันเอง พวกนางไม่สนใจจะเป็นที่รองมือรองเท้าของคนพวกนี้อีก นางยังนัดให้ท่านลุงผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเรื่องการแยกบ้านในวันพรุ่งนี้ด้วย ช่วงนี้พวกนางต้องเก็บของที่จำเป็นก่อนที่จะย้ายออกจากเรือนนี้ในวันพรุ่งนี้ หลานจิวเองก็ไม่อยากไปเหยียบเรือนของคนพวกนี้ นางจึงได้แต่ใช้สะใภ้ทั้งสองให้ทำอาหารให้พวกนางกินแทน ถึงแม้ฝีมืออาหารจะไม่อร่อยเท่าเสี่ยวชุ่ยทำแต่ก็พอที่จะกินได้บ้าง ทำให้หลานจิวค่อยสบายใจขึ้นหน่อยที่นางไม่มีคนพวกนี้นางก็ยังอยู่ได้ วันทั้งวันครอบครัวของหนิงชิงไม่คิดไปเหยียบเรือนใหญ่ของท่านย่าแม้แต่นิดเดียว ด้วยยังยุ่งอยู่ว่าจะเอาสิ่งใดไปบ้างในการย้ายบ้านครั้งนี้ พวกหม้อไหต่าง ๆ ก็เป็นของที่บ้านเก่า“ท่านพ่อจะให้ขนสิ่งใดไปบ้างเจ้าคะ ข้าเห็นว่าของพวกนั้นเก่าเก็บมานานแล้ว หากท่านพ่อพอจะมีเงินเหลือบ้างข้าจะได้หาซื้อเอาใหม่ ตอนไปดูบ้านข้าก็ลืืมดูเครื่องครัวว่ามีหรือไม่ด้วยเจ้าค่ะ”“หากเจ้าคิดเช่นนี้ก็ซื้อใหม่เอาเถิดหนิงชิง พ่อเองก็
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb