สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต
เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้
เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วย
สี่เดือนต่อมา
ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
[ ค่ะบอส กำลังจะขึ้นรถตู้แล้วค่ะ ][ อย่าลืมเช็คเอกสารให้ผมก่อนด้วยนะ เดี๋ยวผมรอสาย ][ ทราบแล้วค่ะ สักครู่นะคะบอส ] หนิงชิงรีบวิ่งขึ้นรถตู้ที่กำลังจะออกเดินทางไปเมืองไห่เฉิง ที่ซึ่งเธอต้องไปดูทำเลให้กับบอสของเธอ จากนั้นหนิงชิงก็รื้อกระเป๋าเอาเอกสารออกมาเพื่อบอกข้อมูลที่บอสต้องการ ไม่นานหลังจากคุยโทรศัพท์ เสียงเบรกดังกึกก้องไปทั่วทั้งรถตู้ที่เธอนั่งเอี๊ยด!!! โครม! รถตู้ที่ถูกรถบรรทุกหลับในชนเข้าอย่างจังจนร่างของหนิงชิงที่ยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยลอยทะลุออกจากรถตู้จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนตายเธอได้แต่คิดว่าตนเองสะเพร่าที่ไม่คาดเข็มขัด คนอื่น ๆ ในรถบาดเจ็บกันมากน้อยต่างกันไป มีเพียงหนิงชิงคนเดียวที่วิญญาณหลุดออกจากร่างแล้ว วิญญาณของหนิงชิงได้แต่ดูสภาพรถตู้และคนอื่น ๆ เธอยังคิดว่าซวยจริง ๆ ที่เธอไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจนต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย หลังคิดสะระตะไม่นานก็มีเสียงเฒ่าชราเรียกเธอ เธอจึงหันไปมองเห็นเฒ่าชรากำลังลอยอยู่เหมือนเธอ“คุณตาก็ตายแล้วเหมือนกันเหรอคะ”“เพ้ย! ตายเตยอะไร ข้าเป็นเทพที่จะมาช่วยเจ้าต่างหากเล่า แต่ข้ามาช้าเกินไปจนเจ้าวิญญาณออกจากร่
ย้อนกลับมาเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ในเมืองหลวงมีตระกูลหนิงที่เป็นช่างหลวงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พวกเขาใช้ความรู้ความสามารถที่มีเฉพาะคนในตระกูลหนิงเท่านั้นที่รู้ รับใช้ราชสำนักมาตลอดเวลากว่าร้อยปีจนทำให้ตระกูลหนิงเจิรญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน แต่ยิ่งพวกเขาได้รับความไว้วางใจมากเท่าไหร่ ความปลอดภัยของคนในครอบครัวพวกเขายิ่งลดน้อยลงเท่านั้น ยิ่งการแข่งขันในราชสำนักที่มีมานานหลายปี พวกเขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังตนเองและคนในครอบครัวไม่ให้เผลอทำสิ่งใดผิดพลาดไปจนต้องถูกลงโทษจากฮ่องเต้ ตระกูลหนิงที่มีหน้าที่ออกแบบอาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับราชสำนักต่างทำงานอย่างขยันขันแข็ง พวกเขามีระเบียบในการทำงานมาโดยตลอดจนไม่มีใครสามารถจับผิดพวกเขาได้เลย ความรู้ความสามารถเฉพาะของตระกูลหนิงยิ่งไปเข้าตาฮ่องเต้มากขึ้น ฝ่าบาทถึงขั้นมอบรางวัลให้ตระกูลหนิงไม่น้อยที่สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ให้กับแคว้นมากมาย เสนาบดีฝ่ายต่าง ๆ ถึงจะอิจฉาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เหมือนขุนนางหนิง พวกเขาได้แต่ติชมไปตามเรื่องตามราวเพื่อลดความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีให้กับตระกูลหนิง ซึ่งหนิงซวนหยวนผู้
ฮ่องเต้หลังจากอ่านจดหมายฮองเฮาแล้วก็มานั่งคิดเรื่องที่พระสนมร้องขอ เขาเองก็ใช่ว่าจะไว้ใจนางมากนัก เขาจึงให้องครักษ์คนสนิทพาคนไปปล้นจวนตระกูลหนิงเสีย โดยพยายามอย่าฆ่าใครให้้มากเกินไปนัก ไม่เช่นนั้นเขาคงชดใช้ให้ตระกูลหนิงไม่ได้แน่ ตระกูลหนิงไม่รู้เลยว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น พวกเขาเป็นเพียงช่างหลวงจึงไม่มีคนคุ้มกันอันใดในจวน ทำให้องครักษ์ที่เข้าไปขโมยแบบแปลนจำต้องฆ่าคนที่เห็นเหตุการณ์ ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทคงต้องถูกสงสัยเป็นแน่ ด้านหนิงซวนหยวนผู้นำตระกูลได้แต่บอกให้คนสนิทไปแจ้งข่าวเจ้าหน้าที่ว่าพวกเขาถูกโจรปล้นฆ่าที่จวนตอนนี้ ไม่ถึงสองเค่อทหารก็มาปราบปรามโจรเหล่านี้แต่ไม่สามารถจับตัวการได้สักคนเดียว ด้วยว่าฝีมือพวกเขาเป็นรองพวกโจรมากโข พวกเขายังสงสัยว่าร้อยวันพันปีไม่เคยมีการปล้นแบบนี้มาก่อน จู่ ๆ ก็มาเกิดเหตุกับตระกูลหนิงซึ่งฝ่าบาทไว้วางใจได้อย่างไรกัน หนิงซวนหยวนได้แต่ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็พบว่าลูกชายและลูกสะใภ้ทั้งสองของเขาถูกฆ่าเสียแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงหลานชายสองคนเท่านั้นที่เป็นลูกของลูกชายทั้งสองคน น่าเสียดายที่ตอนนี้คนในจวนเขาเหลือเพียงแ
สามวันต่อมาหลังจากขนของใช้จำเป็นต่าง ๆ เต็มเกวียนและรถม้าแล้ว หนิงซวนหยวนก็พาครอบครัวที่เหลืออยู่เดินทางไปที่ชายแดนตะวันออก เขาให้พ่อบ้านช่วยดูแลจวนเอาไว้ให้เผื่อวันใดวันหนึ่งหลานชายของเขาอยากกลับไปเยี่ยมหลุมฝังศพพ่อแม่ของพวกเขาในอนาคต ขบวนของหนิงซวนหยวนมีเกวียนสี่เล่มพร้อมรถม้าอีกสองคัน เขายังจ้างผู้คุ้มกันไปส่งยังเมืองชายแดนตะวันออกด้วยกลัวว่าจะมีคนมาปล้นทรัพย์สินของเขาระหว่างทางอีก เรื่องนี้ฮ่องเต้ที่ทำให้ครอบครัวหนิงต้องล่มสลายไปยังส่งองครักษ์เงาติดตามช่วยเหลือพวกเขาและดูความเป็นอยู่ของพวกเขาที่เมืองชายแดนก่อนจะกลับมารายงานให้ฝ่าบาททราบ อย่างไรเขาก็เป็นคนทำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจึงไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ การเดินทางไกลครั้งนี้หนิงเจิ้งไม่งอแงเลยแม้แต่น้อย ทำให้หนิงซวนหยวนกับภรรยาเบาใจไปไม่น้อย ส่วนหนิงจิ้งเองก็เงียบขรึมลงไปมากตั้งแต่เกิดเรื่อง เขารู้ดีว่าหนิงจิ้งยังคงมีความคิดแค้นพวกโจรอยู่จึงไม่อยากว่าอันใดหลานชายนัก สาเหตุที่เขาพาทุกคนย้ายไปยังชายแดนเป็นเพราะเบื่อหน่ายการแข่งขันกันในราชสำนัก ตอนนี้ลูก ๆ เขาก็ไม่เหลือแล้ว เขาจึงอยากให้หลาน ๆ อยู่อย่างสงบ
หลังมาถึงหมู่บ้านหนิงไค่แล้ว หนิงซวนหยวนแวะที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก่อน เขายังไม่รู้ว่าบ้านเดิมของเขายังว่างอยู่หรือไม่“สวัสดีท่านผู้ใหญ่บ้าน ข้าหนิงซวนหยวนที่ส่งจดหมายมาหาท่านก่อนหน้านี้ ไม่ทราบท่านได้ตรวจดูบ้านเก่าให้ข้าหรือยัง” ผู้ใหญ่บ้านมองคนตรงหน้าที่แต่งตัวดีเหมือนขุนนางในเมือง เขาได้แต่ตกใจจนไม่คิดว่าจะมีคนเช่นนี้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตระกูลหนิง แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดี“บ้านเดิมของท่านผุพังไปหมดแล้วขอรับ ไม่ทราบว่าท่านจะจัดการสร้างใหม่หรือทำอย่างไร ส่วนที่ดินของท่านที่ขอซื้อเพิ่มรอบ ๆ บ้านนั้นข้าจัดการให้ท่านเรียบร้อยแล้วขอรับ” ผู้ใหญ่บ้านมอบตั๋วเงินที่เหลือให้กับหนิงซวนหยวนอย่างซื่อสัตย์ เขาไม่กล้าที่จะยักยอกเงินขุนนางใหญ่เช่นนี้หรอก“เจ้ามีใครพอจะแนะนำให้ข้าได้บ้างเรื่องสร้างเรือน ข้าจะได้จ้างช่างมาทำเสียให้เสร็จสิ้น” ผู้ใหญ่บ้านแนะนำช่างที่เป็นเพื่อนบ้านในหมู่บ้านรวมทั้งคนในหมู่บ้านที่ว่างจากการทำนาแล้วมาช่วยสร้างบ้านให้หนิงซวนหยวน ส่วนครอบครัวพวกเขาจะเช่าบ้านในหมู่บ้านอยู่ไปก่อนเพื่อรอให้บ้านเสร็จเรียบร้อย ส่วนผู้คุ้มกันที่มาด้วยเขาก
เด็ก ๆ พากันขึ้นเขาเกือบสิบคน พวกเขาช่วยกันถือกับดักหลายอันที่หนิงจิ้งทดลองทำแล้วนำไปวางเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ที่คิดว่าสัตว์ป่าจะเข้ามาติดกับดัก หลังจากวางแล้วพวกเขาก็ลงจากเขาไปแล้วตอนเย็นค่อยมาดูว่ามีกับดักอันใดล่าเหยื่อได้บ้าง เด็ก ๆ ที่เคยชินกับการหาของป่ายังชวนหนิงจิ้งไปหาผลไม้อร่อย ๆ กินกันก่อนลงเขาด้วย หนิงจิ้งกับหนิงเจิ้งตัวน้อยที่มาด้วยต่างก็แปลกใจไม่น้อยที่เด็ก ๆ ทุกคนยอมเล่นกับพวกเขาเช่นนี้ หนิงจิ้งจึงพาน้องชายเดินตามพวกเขาไปเก็บผลไม้ได้มาไม่น้อย พวกเขานัดกันช่วงบ่ายว่าจะมาดูกับดักกันอีกครั้ง ให้พวกเขามาตามที่เรือนได้เลยหากจะขึ้นเขา เด็ก ๆ รับปากกับหนิงจิ้งว่าจะไปเรียกเขาแน่นอน หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วหนิงจิ้งกับหนิงเจิ้งก็นำผลไม้อร่อยๆ ไปให้กับท่านปู่ท่านย่า ทั้งสองคนต่างชมเชยหลานชายเสียมากมายเพื่อให้กำลังใจพวกเขา โชคดีที่ทั้งสองคนยอมเล่นกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเป็นห่วงพวกเขามากไปกว่านี้แน่ กระทั่งถึงช่วงบ่ายที่พวกเขานัดกัน หนิงจิ้งกับหนิงเจิ้งก็มารอทุกคนอยู่หน้าประตูเรือนแล้ว พวกเขาพากันขึ้นเขาไปดูกับดักก็พบว่าแต่ละอ
ส่วนหลานชายคนรองของหนิงซวนหยวนที่ชอบสมุนไพรนั้นเขาก็เตรียมหาหญิงชาวบ้านมาเป็นภรรยาให้เท่านั้น เพื่อที่หลานชายจะได้ไม่จากไปไหน ตอนนี้ภรรยาของเขาตายไปก่อนแล้วทำให้เขาเหงาไม่น้อย เขาจึงได้ชดเชยความคิดถึงภรรยาโดยการสั่งสอนหนิงเจิ้งให้เป็นชาวบ้านเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อที่เขาจะได้เข้ากับคนอื่น ๆ ได้ในอนาคตหากเขาไม่อยู่แล้วนั่นเอง หนิงเจิ้งยังรู้ด้วยว่าหากมีเรื่องเดือดร้อนอันใด เขาสามารถส่งจดหมายไปหาพี่ใหญ่ได้เช่นกัน พี่ใหญ่ให้ที่ติดต่อเอาไว้ให้กับเขาแล้วเรื่องการส่งจดหมาย เพียงแต่หนิงเจิ้งผู้ชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนที่ท่านปู่สอนนั้นไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องการนอกจากการปลูกสมุนไพรขายเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้หนิงซวนหยวนพอใจไม่น้อยที่หลานชายได้ดั่งใจ เขายังกำชับให้หนิงเจิ้งตั้งใจปลูกสมุนไพรเป็นอาชีพจะได้เลี้ยงดูครอบครัวในภายภาคหน้าได้ หนิงเจิ้งที่อายุเพียง 14 ปีก็ตั้งใจที่จะดูแลท่านปู่ตามที่พี่ใหญ่ขอร้องเอาไว้ก่อนจากไป เขายังคงคิดไม่ออกว่าเหตุใดพี่ชายจึงอยากไปเมืองหลวง เพราะตอนเขาจากมาเขายังเด็กนักจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวใดเกี่ยวกับครอบครัวเหมือนกับหนิงจิ้ง แต่เขาก็ยังคงรับปากพี่ชายว่าเ
หนึ่งปีต่อมา หลานจิวที่หมั้นหมายกับหนิงเจิ้งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีที่เรือนของหนิงเจิ้ง เขาทำพิธีโดยมีท่านปู่กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นพยาน รวมทั้งคนในหมู่บ้านที่มาร่วมสนุกในงานแต่งงานครั้งนี้ พวกเขารู้ดีว่าบ้านหนิงซวนหยวนไม่เคยตระหนี่ของกิน พวกเขาจึงนำเงินเล็กน้อยมาเป็นขวัญถุงให้กับบ่าวสาวตามธรรมเนียม ทั้งที่หนิงซวนหยวนบอกแล้วว่าไม่รับของหรือเงิน แต่ก็ต้องจนใจที่ชาวบ้านบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมที่พวกเขาทำสืบทอดกันมา หนิงซวนหยวนจึงได้ให้บ่าวรับเอาไว้ให้หลานชายเขาทีหลัง หลานจิวที่ตอนแรกไม่อยากแต่งงาน แต่พอเห็นว่าบ้านนี้ใหญ่โตเพียงใดนางก็เกิดโลภขึ้นมาจึงได้ทำตัวดีให้ทุกคนเห็นเป็นฉากหน้า นางคิดว่านางจะได้นั่งเป็นฮูหยินที่สุขสบายในเรือนนี้แน่ ๆ โดยที่นางไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานท่านปู่ผู้เป็นญาติคนเดียวของสามีจะสิ้นไป หนิงเจิ้งเองก็มีความสุขไม่น้อย ภรรยาของเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อย่างที่เคยคิดเอาไว้ นางดูเป็นคนอ่อนหวานและช่างเอาใจไม่น้อย ทำให้หนิงเจิ้งหลงใหลนางเข้าจริง ๆ หนิงซวนหยวนเห็นว่าทั้งคู่เข้ากันได้ดีก็วางใจ อย่างน้อยหากเขาเป็นอันใดไปก็ยังคงวางใจได้
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb
เมื่อหนิงชิงอยู่ไฟครบเดือนแล้ว เจียงเฉิงก็ออกอาการเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ทำเอาหนิงชิงได้แต่ระอา หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะครบการอยู่ไฟ เป็นเจียงเฉิงที่พาลูก ๆ มากินนมกับนาง เขาได้แต่ถามว่านมอร่อยไหมอยู่นั่นแหละ แถมยังคิดจะชิมนมจากอกนางเสียอีก จนนางได้แต่บ่นว่าเขาว่าเป็นพ่อประสาอะไรจะมาแย่งลูกกินนม เจียงเฉิงจึงได้แต่ต้องสงบเสงี่ยมเพราะหนิงชิงขู่ว่าจะไม่ให้เขาพาลูกเข้ามาอีกหากยังเอาแต่พูดว่าจะกินนม วันต่อมา หนิงชิงออกไปทานอาหารร่วมกับพ่อแม่สามีดังเช่นปกติ ตอนนี้นางกินทุกอย่างได้เหมือนเดิมแล้ว หนิงชิงดีใจมาก นางเบื่อที่จะต้องกินแต่อาหารรสเปรี้ยวเสียเหลือเกิน ในเมื่อวันนี้เป็นวันแรกที่นางมาร่วมโต๊ะกับทุกคน หนิงชิงก็กินข้าวพร้อมรอยยิ้ม“หนิงชิงจะต้องเข้าร้านอีกหรือเปล่าลูก แม่ว่ารอให้เด็ก ๆ โตกันเสียก่อนดีหรือไม่ เจ้าค่อยเข้าร้าน”“ได้เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็อยากเลี้ยงเขาด้วยตนเองอยู่เหมือนกัน หา
พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงพอได้ยินเช่นนี้ก็พากันดีใจที่หนิงชิงไม่กลัวว่าเต้านมจะบิดเบี้ยวหรือเสียรูปหากให้นมลูกเอง นางกลับยินดีที่จะให้นมเด็ก ๆ จากใจจริง ทำให้พวกเขาที่เป็นปู่กับย่ามือใหม่ได้แต่ยิ้มให้ลูกสะใภ้อย่างขอบคุณที่นางมอบหลานชายอ้วน ๆ ให้พวกเขาถึงสองคน ส่วนเจียงเฉิงที่รู้ว่าเขาต้องแยกห้องนอนกับภรรยาก็งอแงและยินดีจะมาอยู่ไฟเป็นเพื่อนภรรยา หนิงชิงจึงได้แต่เอ็ดสามีตัวดีว่านั่นจะได้อย่างไร นางก็แค่อยู่ไฟเดือนเดียว เขาก็นอนอยู่ห้องข้าง ๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอันใด หากเขาคิดถึงนางก็ไปเล่นกับลูกแทนนางที่ต้องอยู่ไฟเสียก็สิ้นเรื่อง เจียงเฉิงฟังภรรยารักเช่นนี้ก็ได้แต่คอตก เขาอดกอดภรรยาถึงหนึ่งเดือนเลยนะไม่ใช่หนึ่งวัน เจียงเฉิงโอดครวญในใจอย่างไม่ยินยอม แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ หากเขาแอบเข้าห้องภรรยายามค่ำคืนแล้วถูกจับได้ล่ะก็ เขาต้องถูกภรรยาโกรธเป็นแน่ เจียงเฉิงคิดแล้วไม่คุ้มกับการถูกภรรยารักโกรธเคือง
หลังจากเสียงร้องครั้งแรกดังออกไป เสียงร้องอีกครั้งก็ตามมาติด ๆ หนิงชิงอดทนไม่ไหวจริง ๆ กว่าที่จะคลอดเด็กอ้วนท้วนทั้งสองคนออกมาได้ นางรู้สึกโล่งท้องแปลก ๆ อาจเป็นเพราะเด็ก ๆ ทั้งสองอยู่ในท้องนางมานานจนนางเคยชินกระมัง หมอตำแยกับหมอหลวงต่างรีบให้นางกำนัลนำคุณชายน้อยทั้งสองไปทำความสะอาดเพื่อนำออกไปให้คนที่รออยู่ข้างนอกดู ส่วนนางกำนัลอีกส่วนหนึ่งก็ช่วยกันทำความสะอาดภายในห้อง หมอตำแยทั้งสองช่วยกันทำแผลให้กับหนิงชิงอย่างเบามือ หนิงชิงที่หมดสิ้นเรี่ยวแรงได้แต่หลับไปอย่างไม่รู้ตัว หมอหลวงเองก็เข้าไปตรวจว่านางเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อพบว่านางเพียงแต่อ่อนเพลียเท่านั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หมอตำแยทั้งสองยังคุยกันว่านางคลอดง่ายมากจริง ๆ แสดงว่านางดูแลร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นการคลอดลูกแฝดแบบนี้ต้องใช้เวลานานกว่าเด็กจะออกมาได้ หมอหลวงได้ยินเข้าก็ได้แต่นึกถึงสารพัดยาบำรุงครรภ์ที่ฮ่องเต้ทรง