ทั้งอัปลักษณ์และบ้าใบ้
นางคือสตรีผู้กุมหัวใจแม่ทัพปีศาจ
***************************
เขาไม่ปล่อยริมฝีปากอิ่มสวยให้เป็นอิสระ และยังแทรกเรียวลิ้นอุ่นกวาดตวัดไม่หยุด ส่วนมือข้างหนึ่งเอื้อมมากอบกุมความขาวนุ่มนิ่มและนวดสลับบีบคลึงเคล้า ทั้งบี้ปลายยอดถันนางเพิ่มความซ่านสยิวต่อเนื่อง
ทุกสัมผัสของกวนเฉินหลางทำให้หญิงใบ้ร้อนฉ่าทั่วร่าง และส่งผลให้หัวใจสาวแทบกระโจนออกมาอยู่นอกอก
หญิงใบ้คงเสียสติเป็นแน่แท้ นางเกลียดเขา ชิงชังจับใจ และอยากฆ่าคนตัวโตให้ตาย ทว่าเหตุใดทุกความรู้สึกเหล่านี้กลับมลายและด้อยค่าลงเพียงเพราะถูกเขาหลอกล่อด้วยไฟราคะ
อวิ๋นมู่หลันกลายเป็นหญิงร่านและไร้ค่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด นางเกิดความสับสน หัวสมองขาวโพลนไปหมด
‘อ๊ะ... อื๊อ... ทะ… ท่าน...’ น่าละอายเหลือเกิน นางร้องประท้วงเขาได้เพียงเท่านี้ ด้วยใจกลับอ่อนยวบลงทีละน้อย ไม่ต่างจากร่างกายที่คล้ายกับจะยอมศิโรราบแก่กวนเฉินหลาง
จวบจนเขาปล่อยริมฝีปากนางเป็นอิสระจึงส่งเสียงเข้ม ๆ ขึ้น
“เจ้าเป็นของข้า... หญิงใบ้!”
*******************
ข้าตายแล้วหรือ!!?
อวิ๋นมู่หลันพยายามขยับร่างกาย ทว่าทุกอย่างหนักอึ้งไปหมด การหายใจเนิบช้าลง ผิดแต่หูยังได้ยินเสียงรอบด้าน ที่สำคัญยิ่งกว่าคือภาพโหดร้ายก่อนสลบไปมันเป็นสีแดงฉานของเลือดสด ๆ และเสียงกระดูกถูกของแข็งฟัน ปะปนการหวีดร้องเสียขวัญ
เลือด? นางตายแล้วหรือ นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจ แต่ใน ตอนนี้นางไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกาย ทว่ากลับรับรู้ถึงการสัมผัสหยาบกร้านที่น่องและเสื้อผ้านางคล้ายกำลังถูกรุมทึ้ง
อื๊อ... อ๊ะ... ขนนางลุกทั่วทั้งสรรพางค์กาย ความรู้สึกดังกล่าวทำให้หัวใจบีบเกร็ง
ดวงตานางพร่ามัวจึงมองเห็นสิ่งใดไม่แน่ชัด ผิดแต่กลิ่นกายรุนแรงของบุรุษที่โชยเข้าจมูกแจ้งชัดว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในบ่วงราคะหนักหน่วง นอกจากนั้นยังผสมด้วยกลิ่นสุราชั้นต่ำ
หญิงสาวกลัวเหลือเกิน มือของอีกฝ่ายแกะสายรัดเอวนางทิ้ง มือใหญ่ ๆ นั้นลูบไล้จากน่องขึ้นมาสูงกว่าเดิม ส่วนหน้าอกอวบสวยกำลังจะเผยออกให้มันเชยชม!
“อย่า!!” นางหมายจะร้องออกไป ทว่าเสียงของตนกลับไม่เล็ดลอด ยามนั้นความกลัวจู่โจมอย่างรวดเร็ว เหตุใดนางถึงไม่อาจปกป้องตนเองได้ แม้แต่เสียงที่จะสื่อสารก็ไม่อาจหลุดพ้นลำคอ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่นางจำได้คือ อวิ๋นมู่หลันเดินทางไปกับอวิ๋นหยวนม่าน ซึ่งต้องแต่งเป็นอนุของแม่ทัพกวน อีกฝ่ายคือบุรุษที่สตรีนางใดก็ไม่อยากขึ้นเตียง ด้วยยามนี้เขานับว่าเผด็จการเหนือคนทั้งใต้หล้า และยังเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา อีกทั้งพี่รองของนางได้มีความ สัมพันธ์ลึกซึ้งกับบัณฑิตแซ่หลวนมานานหลายเดือน
หลวนคุน เป็นชายรูปงามคารมดี ครอบครัวมีกิจการค้าขายทางภาคใต้
“น้องหกต้องช่วยพี่...” เสียงอวิ๋นหยวนม่านดังเข้ามาในหัวก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งขนมและจอกน้ำชาที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยให้ดื่ม
“ช่วยอย่างไรหรือ” อวิ๋นมู่หลันเอ่ยถาม อีกฝ่ายตอบอย่างหนักอกหนักใจว่า
“เป็นตัวแทนพี่ และแต่งเข้าสกุลกวน!”
อวิ๋นหยวนม่านมองน้องสาวอย่างขอความเห็นใจ
“พี่รองล้อข้าเล่นแล้ว คนที่แม่ทัพกวนต้องการคือคุณหนูรองสกุลอวิ๋น มิใช่ข้าผู้ต่ำต้อยซึ่งเกิดจากลูกอนุ”
“สำคัญอันใด ในเมื่อชายคนนั้นไม่คิดต้องการสตรีที่เพียบพร้อม เขาแค่อยากได้ใครสักคนไปเฝ้าโลงศพฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่เรือนบรรพบุรุษ และคอยเป็นแม่หมูคลอดบุตรสืบทายาท เรื่องบัดซบเช่นนั้นข้าทำไม่ได้!”
“แล้วข้าจะเหมาะสมเยี่ยงไร ข้า... ย่อมต้องอยู่รับใช้บิดาและก็แม่ใหญ่ที่เรือน อีกทั้งพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็ชอบที่ข้าช่วยงานพวกเขาได้เป็นอย่างดี”
อวิ๋นหยวนม่านยิ้มน้อย ๆ และบอกน้องสาวที่แสนดีของตน
“เด็กโง่ งานพวกนั้นคนอื่นทำได้ดีกว่าเจ้า อีกอย่างทนให้พี่ใหญ่โขกสับในร้านได้อย่างไร ฟังพี่ให้ดี... เสี่ยวหลันย่อมเหมาะสมที่สุด เพราะชีวิตเจ้านับแต่นี้มีข้าขีดเส้นให้เดิน!”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยจบ อวิ๋นมู่หลันก็รู้สึกว่าขนมปุยฝ้ายที่กลืนลงคอไปก่อนหน้ามีรสชาติหวานแหลมเหลือเกิน นางจึงยกจอกน้ำชาขึ้นดื่มแต่เหมือนว่ายังไม่พอ สาวใช้ผู้หนึ่งเลยส่งกาน้ำให้
อวิ๋นมู่หลันรับไปและดื่มน้ำจากกาอย่างคนกระหายหนัก เมื่อรู้ตัวอีกทีนางก็เข้าใจทุกสิ่งอย่างแจ้งชัด นางถูกพี่รองวางยา!
“น้องหลัน จงขึ้นเกี้ยวไปกับพี่ หลังจากนั้นก็แล้วแต่วาสนาของเจ้าว่าจะตายอยู่กลางป่าให้อีกาจิกกินซากศพ หรือเข้าไปตกนรกและตายทั้งเป็นในฐานะอนุ ไม่ใช่สิ เป็นสาวใช้ข้างห้องของแม่ทัพกวนจึงจะเหมาะสมกว่า!”
อวิ๋นมู่หลันนอนอยู่บนพื้นดินชื้นแฉะ มันไม่ได้เปียกน้ำฝนหากเป็นเลือดของผู้อื่น!
หูของนางได้ยินเสียงรอบตัว นอกจากตนกำลังจะถูกย่ำยี ยามนี้มีสตรีกับบุรุษที่เดินทางมาด้วยกันในขบวนเจ้าสาว กำลังถูกกระทำอย่างป่าเถื่อน
เสียงหอบหายใจดังอย่างไม่สิ้นสุด นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวจัดซึ่งลอยอยู่ในสายลม
“อ๊ะ... อ๊า อย่าทำข้า! มะ... มันใหญ่เกินไป เอาออกไป”
อวิ๋นมู่หลันไม่ได้โง่ ถึงอายุน้อยเพียงสิบหกปี แต่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านมาก็มาก อีกทั้งเป็นคนชอบศึกษาเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นการร้องขอความเมตตาดังกล่าวย่อมหมายถึงอีกฝ่ายกำลังถูกข่มเหง
“สวรรค์โปรดเมตตา... อย่าเอามันเข้ามา สิ่งโสโครกนั่น อะ... เอาออกไป!”
หัวใจหญิงสาวเต้นโครมคราม นางหวาดหวั่นเหลือเกิน แต่ไร้เรี่ยวแรงปกป้องตนเอง ยามนี้จะทำสิ่งใดได้ กระทั่งได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อสลับการขู่คำรามของสตรีนางนั้น อวิ๋นมู่หลันเข้าใจแล้วว่า ลานกลางดินที่นอนอยู่ตรงนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับปรนเปรอความสุขให้แก่พวกโจรป่า ซึ่งดักปล้นขบวนเจ้าสาวของอวิ๋นหยวนม่าน ทว่าอีกฝ่ายหาได้อยู่ที่นี่ จะมีก็แต่นางกับเหล่าบ่าวรับใช้ชายหญิงซึ่งตอนนี้คงเหลือรอดไม่กี่คนที่มีลมหายใจ
จากนั้นสายรัดเอวนางถูกกระชากออก เนื้อสาวยามนี้คงเผยให้ผู้อื่นเห็น
หน้าอกทรงสวยรูปหยดน้ำกระเพื่อมขึ้นลง และมีความเย็นเยียบจากปลายของมีคมพยายามจะใช้มันเล่นสนุกกับผิวเนียนละเอียดสีขาวอมชมพู
“ฮึๆ ๆ โอ้ นางยังไม่ตาย น่าจะเป็นของดีเสียด้วย!”
เสียงนั้นหยาบช้า พอได้ยินแล้วอวิ๋นมู่หลันก็เกลียดจับใจ ขณะ เดียวกันนางเริ่มได้ยินเสียงหอบหายใจต่ำ ๆ ดังอยู่ไม่ห่างกัน ก่อนที่จะมีมือหนึ่งเอื้อมมือจับมือนางเอาไว้ อีกฝ่ายคือสาวใช้ของนางนั่นเอง
ดวงตาของสาวใช้แดงก่ำ มีน้ำตาไหลนองหน้า อวิ๋นมู่หลันมองเห็นได้เพียงเท่านั้น เพราะอึดใจต่อมา ผ้าผืนหนึ่งก็ผูกปิดตานางไว้
หญิงสาวตื่นกลัวจนแทบหยุดหายใจ เกิดสิ่งใดขึ้น
“อา... บ่าวของสกุลนี้ดีทั้งชายหญิง ดูสิก้นของเจ้านี่งามนัก ตัวมันยังอุ่น ๆ นี่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าจะให้มันเป็นเมียน้อยอีกคน”
โจรร้ายผู้หนึ่งมันกระทำเรื่องน่ารังเกียจนัก ด้วยเพิ่งปล่อยน้ำรักใส่รูทวารของบ่าวชายผู้หนึ่งทั้งที่เขาสิ้นลมหายใจไปแล้ว
“เจ้าเป็นพวกวิตถารโดยแท้ ส่วนข้าได้พบของดี นางผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ และดูสิ นมของนางงามเหลือเกิน และดูเหมือนว่าไฝพรหมจรรย์ยังอยู่” เสียงดังกล่าวเอ่ยขึ้นพร้อมเห็นว่าใต้วงแขนขวาของอวิ๋นมู่หลันปรากฏแต้มพรหมจรรย์สีแดงชัดเจน
“ช้าก่อน... เช่นนั้น นางย่อมขายได้กำไรงาม”
เมื่อได้ยินคำดังกล่าวโจรทั้งกลุ่มก็บ่นเสียดาย
“นางผู้นี้ ขอข้าเลียกลีบนางกับยอดถันสักหน่อยได้หรือไม่ รับรองราคาไม่ตกเป็นแน่”
อวิ๋นมู่หลันได้ยินคำพูดน่ารังเกียจก็พลันขนลุกซู่
“ฮ่า ๆ ๆ สิ่งที่เจ้าทำได้คือแค่อมและเลียนิ้วเท้านางเท่านั้น”
คนที่ถูกท้าทายใยจะยอมแพ้
“ได้... ขอได้ชมเชยนางข้าก็สำเร็จจนถึงจุดสุดยอด”
โจรร่างอวบหนาว่าแล้วจึงจับเท้าของนางข้างหนึ่งขึ้นแล้วโลมเลียอย่างหื่นกระหาย ภาพดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงให้คนอื่น ทว่าพอเลียได้สักพักหลายคนก็ช่วยตัวเองอย่างหยาบช้าไปด้วย
คนที่นอนตัวแข็งซึ่งไร้เรี่ยวแรงน้ำตาไหลพราก นางไม่เห็นสิ่งใดและร้องประท้วงให้อีกฝ่ายหยุดกระทำสิ่งชวนให้ขยะแขยงไม่ได้ก็จริง ทว่านางเกิดความรู้สึกขนลุกซู่สะท้านไปทั้งร่าง อวิ๋นมู่หลันกำลังซ่านสยิวเยี่ยงนั้นหรือ เรื่องขายหน้าเช่นนี้เกิดขึ้นกับนาง ช่างบัดซบสิ้นดี
นิ้วหัวแม่เท้าถูกโลมเลีย น่องสวยมีมือหยาบกระด้างสัมผัสและบีบด้วยแรงหนัก ๆ
“ปล่อยข้า หยุดเดี๋ยวนี้”
อวิ๋นมู่หลันร้องกรีดก้องอยู่ในใจ กระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปดับ เสียงหอบถี่กระชั้นของชายหลายคนก็ประสานกันอย่างน่าตื่นตระหนก ในตอนนั้นนางต้องตัวแข็งทื่อเมื่อบริเวณเนินหน้าอกมีน้ำอุ่น ๆ หยาดหยดลงใส่!
“เจ้ามันกระจอกเสียจริง เสร็จเร็วเยี่ยงนั้นไม่สมราคาคุย”
“มิได้ ๆ มันเพิ่งรอบแรก ข้ายังทำได้เรื่อย ๆ ถ้าหากปล่อยใส่ปากนางได้รับรอง เจ็ดน้ำข้าก็ยังไหว”
พอรู้ว่าน้ำดังกล่าวมาจากร่างกายของบุรุษอวิ๋นมู่หลันจึงอดสูยิ่งนัก นางอยากมีพลังและเรี่ยวแรงเพื่อจะหนีจากสถานการณ์ตรงหน้านี้เสีย!
และจากชายคนหนึ่งก็มีอีกหลายคนที่พร้อมปลดปล่อยความขุ่นข้นใส่นางที่นอนอยู่บนผืนดิน ทว่าในขณะเดียวกัน มีเสียงม้าดังรุดหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด ชายที่อมนิ้วเท้าของอวิ๋นมู่หลันสบโอกาสเข้าพอดี เขาจึงอุ้มร่างนางขึ้นแล้วพาหลบหนีไป
“ปล่อยข้า!” หญิงสาวร้องประท้วงอีกหน แต่เสียงนางกลับติดอยู่ในลำคอ
ส่งตัวไปเป็นคณิกา กลางป่าทึบ นางถูกจับวางไว้บนแผ่นหินกว้างทั้งเย็นและชื้น เสื้อผ้าค่อย ๆ ถูกถอดออกทีละชิ้น เนื้อขาวอมชมพูนวลเนียนล่อสายตาโจรหื่นกระหาย จวบจนเหลือเพียงชั้นในที่ปิดทับกลีบงามอวบอูม ในขณะที่มันจะกระชากกางเกงผ้าผืนบางออกสายตาหื่นจัดกลับมองใบหน้านางและเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติบนซีกหน้าซ้ายเข้าพอดี “เฮ้ย นะ... นั่น น่าขยะแขยง... จะ... เจ้าต้องพิษร้ายหรือ” โจรป่าว่า และมองซีกหน้าดังกล่าว คราแรกไม่ทันสังเกตให้ดี แต่ยามนี้ เส้นเลือดสีดำขยายใหญ่ราวกับดอกเห็ดหลายดอก และมันคือ โลหิตทมิฬ! “แต่เอาเถอะ หากไม่มองหน้าเจ้า ข้าคงยังชื่นชมเต้างามๆ นี้ และกลีบในร่มผ้าได้ มันคงรับแรงโยกจากแท่งหยกข้าเป็นอย่างดี” เมื่อเขาเอ่ยจบก็เตรียมกระชากกางเกงนางทิ้ง ทว่าเป็นตอนนั้นที่ศีรษะโจรป่าถูกฟันขาดกระเด็น! เลือดบางส่วนสาดกระเซ็นอาบรดร่างของอวิ๋นมู่หลัน กลิ่นคาวเข้มข้มลอยคละคลุ้งอยู่เบื้องหน้า นางคลื่นเหียนอยากสำรอกแต่ทำสิ่งใดไม่ได้ ยามนี้ยังมีผ้าปิดตาอยู่และร่างกายอ่อนแรง แต่สิ่งที่คาดเดาได้คือมีชายผู้หนึ่งจับร่างนางเหวี่ยงขึ้นไปนั่งบนม้าโดย
น้ำหวานอันบริสุทธิ์ เมื่อไร้อาวุธนางจึงทำเรื่องขาดสติด้วยการกัดที่มือของเขา ยามนั้นความเดือดดาลมีมากล้นจึงคิดอย่างขลาดเขลาว่าอย่างน้อยพิษที่อยู่ในร่างกายคงแทรกซึ่งเข้าสู่ร่างกายแม่ทัพหนุ่ม แทนที่เขาจะห้ามนางหรือป้องกันอันตรายจากอวิ๋นมู่หลัน ฝ่ามือใหญ่ ๆ กลับถูกนางคว้าไปโดยง่าย แล้วฝังคมเขี้ยวและกัดจนเลือดไหลอาบ อวิ๋นมู่หลันตกใจการกระทำของตนมิน้อย นางทำเรื่องป่าเถื่อนอันบ้าคลั่ง สิ่งนี้อาจทำให้นางหัวหลุดจากบ่า ยามนั้นกลิ่นคาวอบอวลในโพรงปาก และนางรู้ว่าเขาเจ็บ แต่เหตุใดนอกจากเสียงคำรามต่ำ ๆ เขากลับไม่ทำสิ่งใดอีกเลย กุนซือหนุ่มเห็นภาพดังกล่าว เข้าใจว่าแม่ทัพกวนกำลังเดือดดาลจัด แต่เมื่อเขาขอสตรีนางนี้ให้ไปรับใช้ที่กระโจมส่วนตัว กวนเฉินหลางจึงได้ยั้งมือไม่ผลีผลามทำเรื่องรุนแรง “แม่นาง... ปล่อยมือท่านแม่ทัพก่อน!” และเป็นอวิ๋นมู่หลันที่ถูกดึงร่างออกจากกวนเฉินหลาง ยามนั้นเลือดเต็มปากนาง ท่าทางจึงเหมือนหมาบ้าชวนให้น่าขนลุก “นางวิปลาสอย่างที่ข้าคิดไว้ไม่ผิด หากเจ้าไม่คิดล่ามโซ่หรือมัดมือมัดเท้านางไว้ให้ดี ต่อจากนี
ชดใช้ด้วยชีวิต! “เอาละ... อย่างที่แม่ทัพกวนกล่าว หากอยากมีชีวิตอยู่ในค่ายนี้เจ้าต้องทำงาน และหญิงใบ้เช่นเจ้า ทำสิ่งใดได้บ้าง” หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนแสร้งทำมือทำไม้บอกกับอีกฝ่าย “ฝนหมึกรึ และชงชา และ... ปรุงอาหาร” การทำมือเพื่อสื่อสารของนางไม่ได้เรื่อง แต่โจวจื่อเว่ยรอบรู้ทั้งยังเปี่ยมด้วยทักษะ เมื่อเขามองสิ่งใดย่อมตีความได้อย่างถูกต้องถึงเจ็ดส่วน เข้าวันที่สามแล้วที่อวิ๋นมู่หลันอยู่รับใช้โจวจื่อเว่ย อีกฝ่ายเป็นคนเรียบง่ายไม่ได้ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ แม้แต่เสื้อผ้าเขานางก็ไม่ได้แตะต้อง การใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายจึงเหมือนอยู่ไปวัน ๆ ทว่าด้วยเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อวิ๋นมู่หลันจึงเข้าไปขลุกในโรงครัวที่ปรุงอาหารของเหล่าแม่ทัพและสำหรับโจวจื่อเว่ย “นางใบ้มีลิ้นที่ดีเยี่ยมและยังแกะสลักผักได้ดี การใช้มีดของนางยิ่งน่าอัศจรรย์ มีดเรียวเล็กเพียงนั้นแต่เหตุใดหั่นผักได้ละเอียดนัก” “ดูนางทำหน้าสิ คงคิดว่าเราชม” คนงานบางคนไม่ชอบขี้หน้าหญิงสาว เพราะถึงจะมีความอัปลักษณ์ให้เห็นชัดเจน แต่ดวงตากลับหวานซึ้ง จมูกเชิด ริ
ติดกับดัก ธงของกองทัพอินทรีทองคำโบกสะบัดอยู่บนเนินเขาสูง เบื้องล่างคือเหล่าเชลยศึกนับร้อยชีวิต ทั้งหมดเป็นพวกที่ต้องโทษประหารและเป็นชาวหนานหยาง เนื่องจากมีความผิดร้ายแรงหรือกำลังป่วยด้วยโรคร้ายไร้ทางรักษา อีกทั้งพวกเขาไม่ยินยอมใช้แรงงานสร้างกำแพงเมืองให้แคว้นต้าเหอหรือเดินทางไปปลูกข้าวทำการเกษตรเพื่อส่งให้กองทัพ ดังนั้นโทษที่มีคือความตายเท่านั้น เหนี่ยวซีกังซึ่งอยู่ในวัยยี่สิบห้าปี เขาเป็นรองแม่ทัพที่ได้รับคำสั่งจากรัชทายาทนามว่า หรงถังหวู่ ให้กำจัดเชลยพวกนี้เสีย แต่รองแม่ทัพเหนี่ยวเป็นคนที่มีจิตใจอำมหิต ทั้งยังมีรัชทายาทถือหาง ดังนั้นจึงมักทำเรื่องชั่วช้าเกินมนุษย์ โดยเฉพาะในช่วงที่กวนเฉินหลางไม่อยู่ในค่ายทหาร ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเหนี่ยวซีกังมองไปพื้นที่เบื้องล่าง เชลยหลายคนมีท่าทางตื่นกลัว ทว่าในกลุ่มนั้นยังมีคนที่เขาอยากกำจัดให้ตายในทันที ทว่ามันกลับหนังเหนียวและยังมีฝีมือ ดังนั้นการให้มันได้เห็นพวกพ้องตัวเองต้องตายทีละคน ด้วยการฆ่าฟันกันเองช่างเป็นเรื่องสาแก่ใจเขา เหนี่ยวซีกังมองบุรุษร่างสูงโปร่ง อีกฝ่ายคือองค์ชายไร้แผ่นดินผู้มีนามว่า เมิ
หนีคนชั่วแต่ไม่พ้นมือปีศาจ ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่ามีคนเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นของเล่น ทั้งลูกธนู ทั้งสุนัขดุร้าย กำลังไล่ล่าหมายเอาชีวิตพวกเขา หญิงสาวไม่รอช้า นางสืบเท้าไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย กระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งยื่นมือมาจับข้อมือนางหมับแล้วฉุดให้ออกวิ่งตาม อวิ๋นมู่หลันหันไปมองอีกฝ่ายเห็นว่าซีกหน้าของนางข้างหนึ่งมีแผลลึก ซึ่งอาจเกิดจากของมีคม บาดแผลเช่นนี้น่ากลัวและชวนให้ขนลุก “ปะ… ไป... อย่าอยู่ที่นี่ พวกมันจะฆ่าเราทุกคน” ‘ตะ… แต่พวกเขาเป็นทหาร เหตุใดถึงทำกับผู้อื่นเช่นนั้น!’ อวิ๋นมู่หลันถาม แต่เสียงนางไม่อาจสื่อความหมายให้อีกฝ่ายเข้าใจ เด็กสาวไม่สนใจฟัง เร่งฉุดให้อวิ๋นมู่หลันไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ กระทั่งพวกนางหายใจหายคอสะดวกจึงเอ่ยว่า “หาก ‘หนานหยาง’ ยังไม่ล่มสลาย พวกข้าคงไม่ต้องพบความบัดซบเช่นนี้ เมื่อวานน้องสาวข้าถูกชาวต้าเหอข่มเหงจนเสียชีวิต นางคิดโง่ ๆ ที่จะรับใช้ในค่ายทหาร แต่กลับถูกจับใส่ป้ายแขวนคอเพื่อให้ทหารเลวระบายความใคร่ พวกมันตั้งสิบสี่คนรุมโทรมนางจนถึงแก่ชีวิต!” อวิ๋นมู่หลันตัวสั
เจ้าไม่เคยกอดบุรุษหรือ! เมื่อกวนเฉินหลางกลับมาที่ค่ายทหาร เขามีความคิดจะสั่งทหารจับตัวรองแม่ทัพเหนี่ยวไปโบยให้เนื้อแตก ทว่าอีกฝ่ายมีคำสั่งของรัชทายาทอยู่ในมือ อีกทั้งเหล่าขุนนางหลายคนลงนามเห็นชอบให้จัดการข้าศึกเหล่านั้น เขาจึงได้แต่ผ่อนปรน จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ตนมีอำนาจ นั่นก็คือสั่งให้ตามจับเชลยกลับคืนแล้วส่งตัวไปใช้แรงงาน อย่างน้อยพวกเขาไม่ต้องรับโทษตาย ทั้งยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไป ที่สำคัญในกลุ่มของเชลยที่จับตัวได้มีบุคคลที่เขาต้องการตัวนั่นก็คือเมิ่งถู ซึ่งมีศักดิ์เป็นองค์ชายของแผ่นดินซึ่งล่มสลายลงไปแล้ว หนานหยาง และพอเขารู้ว่าเชลยถูกไล่ต้อนเข้าไปในค่ายกลชายหนุ่มก็เดือดดาล “ไม่ใช่เพียงแค่คนจากหนานหยาง ยังมีสตรีแซ่อวิ๋นด้วย” โจวจื่อเว่ยร้อนใจ พอได้พบหน้ากวนเฉินหลางจึงแจ้งข่าวร้ายทันที “ฮึ นางเป็นคนของเจ้า สาวใช้ห้องข้างมิใช่หรือ!” แม่ทัพกวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขายกนางให้อีกฝ่ายทั้งที่ใจไม่เห็นด้วยสักนิด “โถ พี่กวน...” เมื่อต้องการให้อีกฝ่ายช่วยเหลือโจวจื่อเว่ยมักเรียกกวนเฉินหลางเช่นนั้น อย่างไรค
ป้อนน้ำหวานซ่านทรวง บนต้นไม้สูงที่แผ่กิ่งก้านออกไปไกลและเชื่อมต่อกับต้นไม้อื่น ๆ ด้านบนนี้ให้ความร่มรื่น ทั้งเป็นเกาะกำบังที่ดีเนื่องจากอยู่ในช่วงเวลากลางคืนทั้งยังมีสัตว์กินเนื้อและแมลงหลายชนิดอยู่ด้านล่าง กวนเฉินหลางจึงเลือกพักอยู่บนนี้ “หากไม่พลัดตกลงไป เจ้าคงมีชีวิตรอดได้อีกหนึ่งคืน” อวิ๋นมู่หลันถลึงตาใส่เขา ทั้งที่อยากสงบเสงี่ยมไม่คิดกวนใจกวนเฉินหลาง แต่เขาเป็นคนปากร้าย พูดจาดี ๆ กับผู้อื่นไม่เป็น ‘ข้าดูแลตัวเองได้ หาใช่สตรีอ่อนแออย่างที่ท่านคิด!’ “ประเสริฐ เช่นนี้ข้าควรส่งเสริมเจ้าให้มาก” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ปรับสมดุลในร่างกาย ยามนั้นเหงื่อซึมบนหน้าผาก การหายใจก็ควบคุมลำบากกว่าปกติ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อเข้ามาในค่ายกลเขาต้องรับมือหลายชีวิต หนึ่งในนั้นคือเมิ่งถู อีกฝ่ายแสร้งป่วยไข้ หลังจากเขาใช้ตาข่ายสุนัขดักจับตัวแล้วส่งขังคุกในค่ายทหาร แต่เหนี่ยวซีกังซึ่งประมาทและบ้าอำนาจคิดอวดบารมีของตน จึงปล่อยเมิ่งถูกับเชลยนับร้อยชีวิต ก่อนไล่ต้อนฝ่ายนั้นด้วยการยิงธนูเพื่อให้เข้ามาในพื้นที่อันตรายนี้ “ข้าทำทั้ง
แนบเนื้อผสานใจ อวิ๋นมู่หลันนึกว่าตนฝันไป เมื่อลืมตาตื่นนางก็รู้ว่ากำลังนอนซุกซบร่างกายอีกฝ่าย ที่เรียกว่าเกือบจะเปลือยเปล่านางตกเป็นของเขาแล้ว!?!... เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร! เมื่อแสงตะวันแรกโผล่พ้นขอบฟ้าอาการไข้ของชายหนุ่มก็เหมือนจะลดลง สีหน้าเขาแต้มสีเลือด ไม่ดูซีดจัด ดวงตาไม่ได้เจือความน่าหวาดหวั่นเหมือนกลางดึก ทว่าสิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้าต่ำคือกึ่งกลางลำตัวเขา แท่งหยกใหญ่โตที่กราดเกรี้ยวหนักเมื่อคืนกลับตั้งผงาด ถึงจะมีผ้าปิดไว้ ทว่าภาพดังกล่าวชวนให้นางครั่นคร้ามใจ นางบอกตนเองว่าอย่าอยู่ใกล้เขาให้มาก มิเช่นนั้นเรื่องน่าละอายอาจเกิดขึ้นอีก เสียงครางกระเส่า เสียงหอบหายใจหนักหน่วง ซึ่งเป็นจังหวะแสนรัญจวนยังดังย้ำย้อนในหัว และแรงกระแทกพร้อมความเข้มข้นจากเรือนกายสูงใหญ่ที่แทรกเข้าสู่ความนุ่มนิ่มอันชุ่มชื่นในเนื้อสาว มันคือสิ่งที่อวิ๋นมู่หลันยังสับสน ร่างกายนางตอบรับเขาทุกหยาดหยด! “เจ้าบีบและรัดข้าแน่นกว่าสตรีใด ๆ ในใต้หล้านี้” ถ้อยคำของเขาแฝงความนัยเยี่ยงไร นางไม่ใช่คนปัญญาทึบ ทว่าเมื่อได้ยินกลับ
ลูกหมา ลูกข้า และลูกของเรา หญิงสาวอารมณ์ดีจนนางยังประหลาดใจ ถึงพรุ่งนี้กวนเฉินหลางจะแต่งอนุเข้าเรือนนอก และอีกฝ่ายยังเป็นพี่สาวนาง แต่พอรับรู้เรื่องเสี่ยวเฮยอวิ๋นมู่หลันกลับเลิกสนใจการขึ้นเกี้ยวของอวิ๋นหยวนม่านไปเสียนี่ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเครียดจัดจนนั่งไม่ติด กวนเฉินหลางร้อนใจ ยิ่งเห็นนางยิ้มและมองเขาราวกับไม่เห็นว่ามีตัวตน หัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนถูกเหล็กร้อน ๆ นาบเข้าใส่จนทุกข์ทรมาน “อาหลันไม่สนใจข้าแล้วหรืออย่างไร” กวนเฉินหลางพยายามระงับความฉุนเฉียว เขาเก็บอารมณ์ก็แล้ว แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง ดวงตาข้างที่มีพิษโลหิตทมิฬคล้ายจะกำเริบขึ้น ผมสีขาวส่งไอเย็นจัดแผ่ขยาย ยามนี้คำว่าปีศาจกวนยังคงน้อยไปหากใช้ขนานนามเขา ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยังเรือนโจวจื่อเว่ย พอกุนซือหนุ่มเห็นเขาก็พยายามเรียกหาพ่อบ้านและคนของตนมาอยู่ใกล้ ๆ ที่เป็นเช่นนั้นด้วยกลัวจะถูกกวนเฉินหลางหาเรื่องระบายอารมณ์ใส่นั่นเอง “เหตุใดนางถึงเย็นชาต่อข้า!” กวนเฉินหลางถามเสียงเข้ม ก่อนจ้องไปยังคนที่อยู่ในห้องนั้น แสดงออกว่าต้องการคาดคั้นให้ผ
ใบหน้าอวิ๋นมู่หลันบึ้งตึง นางกำลังสับสนมิน้อย ตนกำลังขุ่นใจต่อพฤติกรรมเสี่ยวเฮยหรือว่าเป็นกวนเฉินหลางกันแน่! “แต่มันจะเป็นได้เช่นไร เสี่ยวเฮยยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จะข่มหมาตัวเมียเป็นแล้วหรือ” อวิ๋นมู่หลันเลี้ยงเสี่ยวเฮยมาพักใหญ่ ดูอย่างไรมันก็ซุกซนเฉกเช่นเด็กเล็ก ๆ แต่นั่นแหละ นางอยู่กับเสี่ยวเฮยทุกวัน อาจไม่ทันสังเกตว่ามันตัวโตเกินวัย ตอนนี้หากเทียบอายุคนคงเท่ากับเด็กผู้ชายวัยสิบสี่สิบห้าปี “แม่นางหลัน เสี่ยวเฮยของท่านเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักเท่ากับสตรีผู้หนึ่ง ความสูงมากกว่าสามฉื่อ* (1 ฉื่อ* ประมาณ 22.7-23.1 เซนติเมตร)ภายหน้าหากโตเต็มวัย เกรงว่าคงมีตัวเท่า ๆ กับลูกม้าโลหิต และข้าอาจสู้แรงไม่ไหวด้วยซ้ำ” หลิวตงอธิบายให้นางฟัง หน้าที่ตอนนี้ของเขาคือเลี้ยงเสี่ยวเฮยให้ดี พร้อมฝึกให้เป็นสุนัขที่ฉลาดรอบรู้ในการป้องกันภัย ซึ่งเป็นคำสั่งกวนเฉินหลาง อวิ๋นมู่หลันคิดภาพตาม อย่างไรนางแค่ต้องการเลี้ยงแค่สุนัข มิใช่อยากให้เสี่ยวเฮยเป็นนักล่าหรือใช้เพื่อการศึก นางรู้ว่ากวนเฉินหลางมีหน่วยพิเศษฝึกสุนัขไว้เป็นหน่วยลอบโจมตีศัตรู ซึ่งสุนัขเหล่าน
เสี่ยวเฮยเกี้ยวรัก เย็นวันนี้โจวจื่อเว่ยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเป็นหนุ่มทั้งแท่งย่อมมีอารมณ์พิศวาสต่อสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าภาพที่เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจในห้องอาบน้ำ แทนที่จะชวนให้รู้สึกหวามไหวและขาที่สามพองขยาย เขากลับต้องรีบเบือนหน้าหนี เตรียมหุนหันหลบออกไปเพื่อไม่ให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สาเหตุมาจากสตรีนางนั้นกำลังแช่ร่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างสำราญใจ “อุ๊ย นะ… นั่น ทะ… ท่านกลับมาแล้วหรือ?” “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!” “โอ้ อ๊ะ ใต้เท้าโจว... ขะ… ข้า ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เจ้าเปลื้องอาภรณ์ อยากให้ข้าต้องเป็นบุรุษไร้ยางอายหรืออย่างไร!” “มิได้ ข้าเพียงแต่เหนียวตัว ที่เรือนของข้าบังเอิญเหลือเกินที่อ่างไม้แตกและยังประตูพัง ข้ามิอาจเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็น ข้าถามสาวใช้แล้ว นางบอกว่าท่านไปทำงานนอกเมืองอีกสองวันถึงจะกลับ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่” ถึงนางยกเหตุผลมาอ้าง แต่สมควรแล้วหรือที่ต้องมาใช้ถังไม้ร่วม กับเขา ซึ่งหากเขาเหี้ยมโหดและใจคออำมหิตสักหน่อย อวิ
อวิ๋นมูหลันก้าวมาอยู่ที่สวนหิน ใจนั้นเต้นแรงไม่หยุด ก่อนหน้าไม่ได้คิดทำตัวร้ายกาจต่อพี่สาว ทว่าธาตุแท้อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อชีวิตนาง หากนางยังอ่อนแอคิดเมตตาศัตรูอยู่ร่ำไป อวิ๋นมู่หลันคงไม่อาจรับมือผู้ประสงค์ร้ายต่อตนได้ การเป็นสตรีข้างกายกวนเฉินหลางมิใช่เรื่องง่าย หากอยากมีชีวิตรอด ย่อมต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นอำมหิตในบางครั้ง เมื่อใคร่ครวญให้ดีอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจว่า แม้อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกัน ทว่าอวิ๋นหยวนม่านไม่เคยเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา น้องหกผู้เร่ร่อนมาอาศัยจวนเจ้าเมืองเช่นนาง เป็นเพียงเบี้ยล่างหรือสิ่งของที่ อวิ๋นหยวนม่านไม่เคยต้องการ และคิดหาทางทำลายทิ้งตลอดมา นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นสั่งสมความริษยาเอาไว้ในอกย่อมมาจากอนุฉุยสตรีที่มาจากสกุลใหญ่ “เจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าข้ามู่หลัน เจ้าเป็นได้แค่ลูกของนักแสดงละครเร่ข้างถนน มีเลือดของบิดาอยู่ในตัวหรือเปล่ายังไม่แน่ชัด อย่าคิดเทียบชั้นข้าเลย” “ตะ… แต่ ข้าเป็นลูกท่านพ่อ!” “ฮึ เจ้าเอาสิ่งใดมาอ้าง แค่จดหมายและตราประ
นางหงส์ไฟ อวิ๋นหยวนม่านตัวสั่นเทาอย่างที่บังคับไม่ได้ ในหัวคิดวนเวียนถึงแต่เรื่องชวนให้ประหวั่นใจ ยามนี้นางสับสน ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใดอยู่ในเรือนหลังนี้ ชีวิตที่ตกอยู่ใมมือผู้อื่นที่เห็นนางเป็นศัตรูช่างบัดซบสิ้นดี แน่นอนนางไม่ใช่คนโง่เขลา ฉลาดเกินพี่น้องด้วยซ้ำ ทว่าคำสั่งใต้เท้าเหนี่ยวแจ้งชัดนางเป็นสตรีของเขา... ฝ่ายนั้นให้นางกระทำสิ่งสำคัญนางหรือจะกล้าบิดพลิ้ว เหนี่ยวซีกังเป็นคนสองหน้า ทั้งยังเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นผักปลา และสิ่งเหล่านี้นางรู้แจ้งก็เมื่อกระโดดลงกองเพลิงแล้ว กระนั้นสิ่งที่คาดคิดว่าจะทำให้สำเร็จพังทลายลงจากฝีมือ อวิ๋นมู่หลัน สตรีแสนต่ำต้อยที่เดินทางไกลมาจากต่างแดน แต่เดิมนางสมควรถูกควักลูกตาตัดแขนขากลายเป็นขอทานด้วยซ้ำ แต่ยามนี้อีกฝ่ายกลับเป็นหนามทิ่มแทงหัวใจนางจนเป็นแผลเน่าเหม็นทุกข์ทรมาน อวิ๋นหยวนม่านจดจำทุกอย่างได้ดี ภาพในอดีตฉายชัดให้เห็น มารดานางซึ่งก็คืออนุฉุย ซึ่งเตรียมการหลายอย่างล่วงหน้า พร้อมส่งมือสั่งหารไปหลายสิบชีวิต หลังจากสืบได้ความอย่างลับ ๆ ว่า ใต้เท้าอวิ๋นมีลูกสาวอีกคน เป็นเด็กที่เกิดจากสตรีในคณะละครเร่ ที่
ฮูหยินใหญ่ของปีศาจกวน ถึงอวิ๋นมู่หลันเตรียมใจไว้แล้วแต่นางอดแสดงความหึงหวงมิได้ ในเมื่อปีศาจกวนเป็นของนาง แต่กลับเห็นดีเห็นงามกับคำพูดโจวจื่อเว่ย สิ่งนี้ส่งผลให้นางแทบกระอักเลือด เขาคิดจะแต่งพี่รองมาเป็นอนุจริง ๆ หรือ กระทั่งมีจดหมายคำสั่งจากรัชทายาทส่งมาถึงกวนเฉินหลาง สิ่งที่โจวจื่อเว่ยกล่าวบนโต๊ะอาหารคงต้องเป็นไปตามนั้น กวนเฉินหลางเดินมาจากด้านหลังแล้วรวบเอวอวิ๋นมู่หลันไป เขากอดนาง กอดนิ่ง ๆ พร้อมส่งความห่วงใยแสนอบอุ่นถึงกัน “ยามนี้อาจมีหลายสิ่งที่อาจทำให้อาหลันไม่สบายใจ” หญิงสาวอยากโวยวาย อยากตบตีเขา และสะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดคนตัวโต แต่นางก็มีสติ ทั้งยังรู้ว่าทุกอย่างที่เขาตัดสินใจทำย่อมมีเหตุผลที่ดีรองรับ “นับแต่ข้าเลือกอยู่กับท่านแม่ทัพ ข้ารู้ว่าชีวิตจะไม่ง่าย ทั้งยังต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝันเสมอ” “แล้วอาหลันหวงหรือไม่ หากข้าต้องรับหยวนม่านเป็นอนุ” หัวใจนางเจ็บแปลบต่อคำถามนั้น นางจะเอ่ยสิ่งใดออกไปดี ด้วยจู่ ๆ หัวสมองตื้อไปหมด และรู้สึกเหมือนถูกคนรักหักหลัง “ข้ามีทางเลือกอื่นหรื
อาหลันฟ้าประทาน กวนเฉินหลางมาถึงเรือนหลังดังกล่าวในอีกสองวันต่อมาและเป็นช่วงดึก ซึ่งเขาไม่อยากกวนอวิ๋นมู่หลัน ด้วยคิดว่านางคงเหนื่อยจากการเดินทางและยังต้องรับมือพี่สาวแสนอำมหิตคนนั้น ทว่าภายในห้องพัก นางกลับนั่งอ่านหนังสือรอเขาอยู่ “เหตุใดยังไม่เข้านอน” เขาถามสาวงามของตน หญิงสาวยิ้มเต็มวงหน้าก่อนแสร้งทำเป็นหน้าบึ้งเพราะนางรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังจากฝีมือปีศาจกวน “ตอบข้ามา ท่านแม่ทัพมีแผนใดกัน” “แผน... อันใด?” คนตัวโตแกล้งทำไขสือ “ฮึ ข้าเป็นน้องสาวบุญธรรมกุนซือโจว ย่อมต้องอ่านความคิดท่านออก” “เช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้ามีสิ่งใดในใจ” เมื่อถูกเขาท้าทายนางจึงกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ จงใจให้ข้าพักโรงเตี๊ยมแห่งนั้น และรู้ว่าพี่รองจะมารอซีกังที่นั่น” “สมแล้วที่เป็นสตรีที่ข้าพึงพอใจ เจ้าฉลาด ทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมจนน่ากลัว” “ที่เป็นเช่นนั้นล้วนเกิดจากการที่ท่านทำให้ข้าไม่อาจไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ” “ฮ่า ๆ ๆ นับว่า เจ้าเป็นแม่เสือตัวจริง ต่อไปข้าคงวางใจ
คืนที่พระจันทร์ถูกก้อนเมฆบดบังแสง เหนี่ยวซีกังโถมแรงของเขาและแทรกความใหญ่โตเข้าสู่เนื้อนิ่มของนาง ทั้งคู่คลอเคลียกันในโรงพักม้าซึ่งมีทั้งกลิ่นฟางกลิ่นหญ้า มันให้ความรู้สึกที่แสนประหลาด น่าตื่นกลัว ชั้นต่ำ ทว่ากลับเพิ่มความสยิวร้อนแรงทั้งนางกับเขา “อยากไปเมืองหลวงกับข้าหรือไม่” “ตะ… แต่... ข้าคือหยวนม่าน บุตรสาวของเจ้าเมืองซ่ง ผู้ที่ต้องแต่งเป็นอนุของแม่ทัพกวน!” “กังวลใจอันใด ยามนี้เจ้าอยู่กับข้า ย่อมเป็นสตรีของซีกัง ใต้เท้าระดับสามผู้ดูแลหน่วยบูรพา!” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระต่ออำนาจของกวนเฉินหลาง ยามนี้ถึงฝ่ายนั้นอยู่เหนือเขาหนึ่งขั้น แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เช่นเดิม อีกทั้งยังบังอาจขวางทางรัชทายาท ดังนั้นอนาคตกวนเฉินหลางยังจะสดใสอีกหรือ “เช่นนั้น ชีวิตนี้ของผู้น้อยคงต้องฝากใต้เท้าชี้นำ” นางว่าแล้วจึงช้อนสายตามองเขา ก่อนถูกชายหนุ่มจับให้หันหลังเข้าผนังคอกม้า จากนั้นเขาก็เริ่มขยับสะโพกรัวแรง พร้อมส่งเสียงสั่นพร่า ทั้งหยาบคายสลับการตบตีบั้นท้ายนาง ก่อนบีบปลายคางบังคับให้นางหันหน้ามาจูบแลกลิ้น อวิ๋นหยวน
คืนนั้นอวิ๋นมู่หลันไม่ได้กลับค่าย และกวนเฉินหลางก็ดีกับนางเหลือเกิน เขาพาชมเมืองเล็ก ๆ ที่มีอาหารอร่อย ทั้งยังมีโรงละครที่น่าตื่นใจ นอกจากมีนางรำเอวอ่อน การแสดงวิชาปามีดกับฟาดแส้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยังมีหุ่นกระบอกเคลื่อนไหวด้วยมือให้ชมด้วย หญิงสาวนึกว่าตนย้อนกลับคืนสู่วัยเด็ก นางยิ้มอยู่ตลอดและคนตัวโตก็เอาใจ คอยป้อนของหวานให้กินไม่ขาดปาก “ท่านแม่ทัพ... ข้ากินเองได้” “เห็นอาหลันชอบ ข้าจึงอยากเอาใจ” เขาพูดง่าย ๆ เช่นนั้น แต่นางกลับสะเทิ้นอาย ยามนี้หัวใจไปอยู่กับคนผมขาวหน้าดุ มองอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษที่นางพึงใจ แม้ลึก ๆ มีอคติอยู่ ทว่ากวนเฉินหลางช่วยนางหลายหน จริงอยู่บุรุษผู้นี้ไม่ใช่คนดี และยังขึ้นชื่อว่าปีศาจ ทว่าปีศาจย่อมมีหัวใจและเลือดเนื้อ หลังจากเพลินใจในโรงละคร เขาพานางไปเลือกซื้อผ้า และเครื่อง ประดับที่ตลาดกลางคืนติดคลองสายยาว แสงไฟและเสียงดนตรีกับผู้คนที่เดินขวักไขว่ให้ความบันเทิงใจ อวิ๋นมู่หลันไม่คาดคิดว่า จะมีโอกาสเดินเคียงข้างผู้ชายตัวโตมาก่อนจึงค่อนข้างประหม่า แต่เป็นกวนเฉินหลางที่ดูแลนางอ