นางหงส์ไฟ อวิ๋นหยวนม่านตัวสั่นเทาอย่างที่บังคับไม่ได้ ในหัวคิดวนเวียนถึงแต่เรื่องชวนให้ประหวั่นใจ ยามนี้นางสับสน ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใดอยู่ในเรือนหลังนี้ ชีวิตที่ตกอยู่ใมมือผู้อื่นที่เห็นนางเป็นศัตรูช่างบัดซบสิ้นดี แน่นอนนางไม่ใช่คนโง่เขลา ฉลาดเกินพี่น้องด้วยซ้ำ ทว่าคำสั่งใต้เท้าเหนี่ยวแจ้งชัดนางเป็นสตรีของเขา... ฝ่ายนั้นให้นางกระทำสิ่งสำคัญนางหรือจะกล้าบิดพลิ้ว เหนี่ยวซีกังเป็นคนสองหน้า ทั้งยังเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นผักปลา และสิ่งเหล่านี้นางรู้แจ้งก็เมื่อกระโดดลงกองเพลิงแล้ว กระนั้นสิ่งที่คาดคิดว่าจะทำให้สำเร็จพังทลายลงจากฝีมือ อวิ๋นมู่หลัน สตรีแสนต่ำต้อยที่เดินทางไกลมาจากต่างแดน แต่เดิมนางสมควรถูกควักลูกตาตัดแขนขากลายเป็นขอทานด้วยซ้ำ แต่ยามนี้อีกฝ่ายกลับเป็นหนามทิ่มแทงหัวใจนางจนเป็นแผลเน่าเหม็นทุกข์ทรมาน อวิ๋นหยวนม่านจดจำทุกอย่างได้ดี ภาพในอดีตฉายชัดให้เห็น มารดานางซึ่งก็คืออนุฉุย ซึ่งเตรียมการหลายอย่างล่วงหน้า พร้อมส่งมือสั่งหารไปหลายสิบชีวิต หลังจากสืบได้ความอย่างลับ ๆ ว่า ใต้เท้าอวิ๋นมีลูกสาวอีกคน เป็นเด็กที่เกิดจากสตรีในคณะละครเร่ ที่
อวิ๋นมูหลันก้าวมาอยู่ที่สวนหิน ใจนั้นเต้นแรงไม่หยุด ก่อนหน้าไม่ได้คิดทำตัวร้ายกาจต่อพี่สาว ทว่าธาตุแท้อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อชีวิตนาง หากนางยังอ่อนแอคิดเมตตาศัตรูอยู่ร่ำไป อวิ๋นมู่หลันคงไม่อาจรับมือผู้ประสงค์ร้ายต่อตนได้ การเป็นสตรีข้างกายกวนเฉินหลางมิใช่เรื่องง่าย หากอยากมีชีวิตรอด ย่อมต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นอำมหิตในบางครั้ง เมื่อใคร่ครวญให้ดีอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจว่า แม้อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกัน ทว่าอวิ๋นหยวนม่านไม่เคยเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา น้องหกผู้เร่ร่อนมาอาศัยจวนเจ้าเมืองเช่นนาง เป็นเพียงเบี้ยล่างหรือสิ่งของที่ อวิ๋นหยวนม่านไม่เคยต้องการ และคิดหาทางทำลายทิ้งตลอดมา นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นสั่งสมความริษยาเอาไว้ในอกย่อมมาจากอนุฉุยสตรีที่มาจากสกุลใหญ่ “เจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าข้ามู่หลัน เจ้าเป็นได้แค่ลูกของนักแสดงละครเร่ข้างถนน มีเลือดของบิดาอยู่ในตัวหรือเปล่ายังไม่แน่ชัด อย่าคิดเทียบชั้นข้าเลย” “ตะ… แต่ ข้าเป็นลูกท่านพ่อ!” “ฮึ เจ้าเอาสิ่งใดมาอ้าง แค่จดหมายและตราประ
เสี่ยวเฮยเกี้ยวรัก เย็นวันนี้โจวจื่อเว่ยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเป็นหนุ่มทั้งแท่งย่อมมีอารมณ์พิศวาสต่อสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าภาพที่เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจในห้องอาบน้ำ แทนที่จะชวนให้รู้สึกหวามไหวและขาที่สามพองขยาย เขากลับต้องรีบเบือนหน้าหนี เตรียมหุนหันหลบออกไปเพื่อไม่ให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สาเหตุมาจากสตรีนางนั้นกำลังแช่ร่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างสำราญใจ “อุ๊ย นะ… นั่น ทะ… ท่านกลับมาแล้วหรือ?” “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!” “โอ้ อ๊ะ ใต้เท้าโจว... ขะ… ข้า ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เจ้าเปลื้องอาภรณ์ อยากให้ข้าต้องเป็นบุรุษไร้ยางอายหรืออย่างไร!” “มิได้ ข้าเพียงแต่เหนียวตัว ที่เรือนของข้าบังเอิญเหลือเกินที่อ่างไม้แตกและยังประตูพัง ข้ามิอาจเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็น ข้าถามสาวใช้แล้ว นางบอกว่าท่านไปทำงานนอกเมืองอีกสองวันถึงจะกลับ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่” ถึงนางยกเหตุผลมาอ้าง แต่สมควรแล้วหรือที่ต้องมาใช้ถังไม้ร่วม กับเขา ซึ่งหากเขาเหี้ยมโหดและใจคออำมหิตสักหน่อย อวิ
ใบหน้าอวิ๋นมู่หลันบึ้งตึง นางกำลังสับสนมิน้อย ตนกำลังขุ่นใจต่อพฤติกรรมเสี่ยวเฮยหรือว่าเป็นกวนเฉินหลางกันแน่! “แต่มันจะเป็นได้เช่นไร เสี่ยวเฮยยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จะข่มหมาตัวเมียเป็นแล้วหรือ” อวิ๋นมู่หลันเลี้ยงเสี่ยวเฮยมาพักใหญ่ ดูอย่างไรมันก็ซุกซนเฉกเช่นเด็กเล็ก ๆ แต่นั่นแหละ นางอยู่กับเสี่ยวเฮยทุกวัน อาจไม่ทันสังเกตว่ามันตัวโตเกินวัย ตอนนี้หากเทียบอายุคนคงเท่ากับเด็กผู้ชายวัยสิบสี่สิบห้าปี “แม่นางหลัน เสี่ยวเฮยของท่านเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักเท่ากับสตรีผู้หนึ่ง ความสูงมากกว่าสามฉื่อ* (1 ฉื่อ* ประมาณ 22.7-23.1 เซนติเมตร)ภายหน้าหากโตเต็มวัย เกรงว่าคงมีตัวเท่า ๆ กับลูกม้าโลหิต และข้าอาจสู้แรงไม่ไหวด้วยซ้ำ” หลิวตงอธิบายให้นางฟัง หน้าที่ตอนนี้ของเขาคือเลี้ยงเสี่ยวเฮยให้ดี พร้อมฝึกให้เป็นสุนัขที่ฉลาดรอบรู้ในการป้องกันภัย ซึ่งเป็นคำสั่งกวนเฉินหลาง อวิ๋นมู่หลันคิดภาพตาม อย่างไรนางแค่ต้องการเลี้ยงแค่สุนัข มิใช่อยากให้เสี่ยวเฮยเป็นนักล่าหรือใช้เพื่อการศึก นางรู้ว่ากวนเฉินหลางมีหน่วยพิเศษฝึกสุนัขไว้เป็นหน่วยลอบโจมตีศัตรู ซึ่งสุนัขเหล่าน
ลูกหมา ลูกข้า และลูกของเรา หญิงสาวอารมณ์ดีจนนางยังประหลาดใจ ถึงพรุ่งนี้กวนเฉินหลางจะแต่งอนุเข้าเรือนนอก และอีกฝ่ายยังเป็นพี่สาวนาง แต่พอรับรู้เรื่องเสี่ยวเฮยอวิ๋นมู่หลันกลับเลิกสนใจการขึ้นเกี้ยวของอวิ๋นหยวนม่านไปเสียนี่ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเครียดจัดจนนั่งไม่ติด กวนเฉินหลางร้อนใจ ยิ่งเห็นนางยิ้มและมองเขาราวกับไม่เห็นว่ามีตัวตน หัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนถูกเหล็กร้อน ๆ นาบเข้าใส่จนทุกข์ทรมาน “อาหลันไม่สนใจข้าแล้วหรืออย่างไร” กวนเฉินหลางพยายามระงับความฉุนเฉียว เขาเก็บอารมณ์ก็แล้ว แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง ดวงตาข้างที่มีพิษโลหิตทมิฬคล้ายจะกำเริบขึ้น ผมสีขาวส่งไอเย็นจัดแผ่ขยาย ยามนี้คำว่าปีศาจกวนยังคงน้อยไปหากใช้ขนานนามเขา ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยังเรือนโจวจื่อเว่ย พอกุนซือหนุ่มเห็นเขาก็พยายามเรียกหาพ่อบ้านและคนของตนมาอยู่ใกล้ ๆ ที่เป็นเช่นนั้นด้วยกลัวจะถูกกวนเฉินหลางหาเรื่องระบายอารมณ์ใส่นั่นเอง “เหตุใดนางถึงเย็นชาต่อข้า!” กวนเฉินหลางถามเสียงเข้ม ก่อนจ้องไปยังคนที่อยู่ในห้องนั้น แสดงออกว่าต้องการคาดคั้นให้ผ
ทั้งอัปลักษณ์และบ้าใบ้นางคือสตรีผู้กุมหัวใจแม่ทัพปีศาจ*************************** เขาไม่ปล่อยริมฝีปากอิ่มสวยให้เป็นอิสระ และยังแทรกเรียวลิ้นอุ่นกวาดตวัดไม่หยุด ส่วนมือข้างหนึ่งเอื้อมมากอบกุมความขาวนุ่มนิ่มและนวดสลับบีบคลึงเคล้า ทั้งบี้ปลายยอดถันนางเพิ่มความซ่านสยิวต่อเนื่อง ทุกสัมผัสของกวนเฉินหลางทำให้หญิงใบ้ร้อนฉ่าทั่วร่าง และส่งผลให้หัวใจสาวแทบกระโจนออกมาอยู่นอกอก หญิงใบ้คงเสียสติเป็นแน่แท้ นางเกลียดเขา ชิงชังจับใจ และอยากฆ่าคนตัวโตให้ตาย ทว่าเหตุใดทุกความรู้สึกเหล่านี้กลับมลายและด้อยค่าลงเพียงเพราะถูกเขาหลอกล่อด้วยไฟราคะ อวิ๋นมู่หลันกลายเป็นหญิงร่านและไร้ค่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด นางเกิดความสับสน หัวสมองขาวโพลนไปหมด ‘อ๊ะ... อื๊อ... ทะ… ท่าน...’ น่าละอายเหลือเกิน นางร้องประท้วงเขาได้เพียงเท่านี้ ด้วยใจกลับอ่อนยวบลงทีละน้อย ไม่ต่างจากร่างกายที่คล้ายกับจะยอมศิโรราบแก่กวนเฉินหลาง จวบจนเขาปล่อยริมฝีปากนางเป็นอิสระจึงส่งเสียงเข้ม ๆ ขึ้น “เจ้าเป็นของข้า... หญิงใบ้!”*******************ข้าตายแล้วหรือ!!?
ส่งตัวไปเป็นคณิกา กลางป่าทึบ นางถูกจับวางไว้บนแผ่นหินกว้างทั้งเย็นและชื้น เสื้อผ้าค่อย ๆ ถูกถอดออกทีละชิ้น เนื้อขาวอมชมพูนวลเนียนล่อสายตาโจรหื่นกระหาย จวบจนเหลือเพียงชั้นในที่ปิดทับกลีบงามอวบอูม ในขณะที่มันจะกระชากกางเกงผ้าผืนบางออกสายตาหื่นจัดกลับมองใบหน้านางและเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติบนซีกหน้าซ้ายเข้าพอดี “เฮ้ย นะ... นั่น น่าขยะแขยง... จะ... เจ้าต้องพิษร้ายหรือ” โจรป่าว่า และมองซีกหน้าดังกล่าว คราแรกไม่ทันสังเกตให้ดี แต่ยามนี้ เส้นเลือดสีดำขยายใหญ่ราวกับดอกเห็ดหลายดอก และมันคือ โลหิตทมิฬ! “แต่เอาเถอะ หากไม่มองหน้าเจ้า ข้าคงยังชื่นชมเต้างามๆ นี้ และกลีบในร่มผ้าได้ มันคงรับแรงโยกจากแท่งหยกข้าเป็นอย่างดี” เมื่อเขาเอ่ยจบก็เตรียมกระชากกางเกงนางทิ้ง ทว่าเป็นตอนนั้นที่ศีรษะโจรป่าถูกฟันขาดกระเด็น! เลือดบางส่วนสาดกระเซ็นอาบรดร่างของอวิ๋นมู่หลัน กลิ่นคาวเข้มข้มลอยคละคลุ้งอยู่เบื้องหน้า นางคลื่นเหียนอยากสำรอกแต่ทำสิ่งใดไม่ได้ ยามนี้ยังมีผ้าปิดตาอยู่และร่างกายอ่อนแรง แต่สิ่งที่คาดเดาได้คือมีชายผู้หนึ่งจับร่างนางเหวี่ยงขึ้นไปนั่งบนม้าโดย
น้ำหวานอันบริสุทธิ์ เมื่อไร้อาวุธนางจึงทำเรื่องขาดสติด้วยการกัดที่มือของเขา ยามนั้นความเดือดดาลมีมากล้นจึงคิดอย่างขลาดเขลาว่าอย่างน้อยพิษที่อยู่ในร่างกายคงแทรกซึ่งเข้าสู่ร่างกายแม่ทัพหนุ่ม แทนที่เขาจะห้ามนางหรือป้องกันอันตรายจากอวิ๋นมู่หลัน ฝ่ามือใหญ่ ๆ กลับถูกนางคว้าไปโดยง่าย แล้วฝังคมเขี้ยวและกัดจนเลือดไหลอาบ อวิ๋นมู่หลันตกใจการกระทำของตนมิน้อย นางทำเรื่องป่าเถื่อนอันบ้าคลั่ง สิ่งนี้อาจทำให้นางหัวหลุดจากบ่า ยามนั้นกลิ่นคาวอบอวลในโพรงปาก และนางรู้ว่าเขาเจ็บ แต่เหตุใดนอกจากเสียงคำรามต่ำ ๆ เขากลับไม่ทำสิ่งใดอีกเลย กุนซือหนุ่มเห็นภาพดังกล่าว เข้าใจว่าแม่ทัพกวนกำลังเดือดดาลจัด แต่เมื่อเขาขอสตรีนางนี้ให้ไปรับใช้ที่กระโจมส่วนตัว กวนเฉินหลางจึงได้ยั้งมือไม่ผลีผลามทำเรื่องรุนแรง “แม่นาง... ปล่อยมือท่านแม่ทัพก่อน!” และเป็นอวิ๋นมู่หลันที่ถูกดึงร่างออกจากกวนเฉินหลาง ยามนั้นเลือดเต็มปากนาง ท่าทางจึงเหมือนหมาบ้าชวนให้น่าขนลุก “นางวิปลาสอย่างที่ข้าคิดไว้ไม่ผิด หากเจ้าไม่คิดล่ามโซ่หรือมัดมือมัดเท้านางไว้ให้ดี ต่อจากนี
ลูกหมา ลูกข้า และลูกของเรา หญิงสาวอารมณ์ดีจนนางยังประหลาดใจ ถึงพรุ่งนี้กวนเฉินหลางจะแต่งอนุเข้าเรือนนอก และอีกฝ่ายยังเป็นพี่สาวนาง แต่พอรับรู้เรื่องเสี่ยวเฮยอวิ๋นมู่หลันกลับเลิกสนใจการขึ้นเกี้ยวของอวิ๋นหยวนม่านไปเสียนี่ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเครียดจัดจนนั่งไม่ติด กวนเฉินหลางร้อนใจ ยิ่งเห็นนางยิ้มและมองเขาราวกับไม่เห็นว่ามีตัวตน หัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนถูกเหล็กร้อน ๆ นาบเข้าใส่จนทุกข์ทรมาน “อาหลันไม่สนใจข้าแล้วหรืออย่างไร” กวนเฉินหลางพยายามระงับความฉุนเฉียว เขาเก็บอารมณ์ก็แล้ว แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง ดวงตาข้างที่มีพิษโลหิตทมิฬคล้ายจะกำเริบขึ้น ผมสีขาวส่งไอเย็นจัดแผ่ขยาย ยามนี้คำว่าปีศาจกวนยังคงน้อยไปหากใช้ขนานนามเขา ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยังเรือนโจวจื่อเว่ย พอกุนซือหนุ่มเห็นเขาก็พยายามเรียกหาพ่อบ้านและคนของตนมาอยู่ใกล้ ๆ ที่เป็นเช่นนั้นด้วยกลัวจะถูกกวนเฉินหลางหาเรื่องระบายอารมณ์ใส่นั่นเอง “เหตุใดนางถึงเย็นชาต่อข้า!” กวนเฉินหลางถามเสียงเข้ม ก่อนจ้องไปยังคนที่อยู่ในห้องนั้น แสดงออกว่าต้องการคาดคั้นให้ผ
ใบหน้าอวิ๋นมู่หลันบึ้งตึง นางกำลังสับสนมิน้อย ตนกำลังขุ่นใจต่อพฤติกรรมเสี่ยวเฮยหรือว่าเป็นกวนเฉินหลางกันแน่! “แต่มันจะเป็นได้เช่นไร เสี่ยวเฮยยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จะข่มหมาตัวเมียเป็นแล้วหรือ” อวิ๋นมู่หลันเลี้ยงเสี่ยวเฮยมาพักใหญ่ ดูอย่างไรมันก็ซุกซนเฉกเช่นเด็กเล็ก ๆ แต่นั่นแหละ นางอยู่กับเสี่ยวเฮยทุกวัน อาจไม่ทันสังเกตว่ามันตัวโตเกินวัย ตอนนี้หากเทียบอายุคนคงเท่ากับเด็กผู้ชายวัยสิบสี่สิบห้าปี “แม่นางหลัน เสี่ยวเฮยของท่านเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักเท่ากับสตรีผู้หนึ่ง ความสูงมากกว่าสามฉื่อ* (1 ฉื่อ* ประมาณ 22.7-23.1 เซนติเมตร)ภายหน้าหากโตเต็มวัย เกรงว่าคงมีตัวเท่า ๆ กับลูกม้าโลหิต และข้าอาจสู้แรงไม่ไหวด้วยซ้ำ” หลิวตงอธิบายให้นางฟัง หน้าที่ตอนนี้ของเขาคือเลี้ยงเสี่ยวเฮยให้ดี พร้อมฝึกให้เป็นสุนัขที่ฉลาดรอบรู้ในการป้องกันภัย ซึ่งเป็นคำสั่งกวนเฉินหลาง อวิ๋นมู่หลันคิดภาพตาม อย่างไรนางแค่ต้องการเลี้ยงแค่สุนัข มิใช่อยากให้เสี่ยวเฮยเป็นนักล่าหรือใช้เพื่อการศึก นางรู้ว่ากวนเฉินหลางมีหน่วยพิเศษฝึกสุนัขไว้เป็นหน่วยลอบโจมตีศัตรู ซึ่งสุนัขเหล่าน
เสี่ยวเฮยเกี้ยวรัก เย็นวันนี้โจวจื่อเว่ยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเป็นหนุ่มทั้งแท่งย่อมมีอารมณ์พิศวาสต่อสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าภาพที่เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจในห้องอาบน้ำ แทนที่จะชวนให้รู้สึกหวามไหวและขาที่สามพองขยาย เขากลับต้องรีบเบือนหน้าหนี เตรียมหุนหันหลบออกไปเพื่อไม่ให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สาเหตุมาจากสตรีนางนั้นกำลังแช่ร่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างสำราญใจ “อุ๊ย นะ… นั่น ทะ… ท่านกลับมาแล้วหรือ?” “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!” “โอ้ อ๊ะ ใต้เท้าโจว... ขะ… ข้า ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เจ้าเปลื้องอาภรณ์ อยากให้ข้าต้องเป็นบุรุษไร้ยางอายหรืออย่างไร!” “มิได้ ข้าเพียงแต่เหนียวตัว ที่เรือนของข้าบังเอิญเหลือเกินที่อ่างไม้แตกและยังประตูพัง ข้ามิอาจเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็น ข้าถามสาวใช้แล้ว นางบอกว่าท่านไปทำงานนอกเมืองอีกสองวันถึงจะกลับ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่” ถึงนางยกเหตุผลมาอ้าง แต่สมควรแล้วหรือที่ต้องมาใช้ถังไม้ร่วม กับเขา ซึ่งหากเขาเหี้ยมโหดและใจคออำมหิตสักหน่อย อวิ
อวิ๋นมูหลันก้าวมาอยู่ที่สวนหิน ใจนั้นเต้นแรงไม่หยุด ก่อนหน้าไม่ได้คิดทำตัวร้ายกาจต่อพี่สาว ทว่าธาตุแท้อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อชีวิตนาง หากนางยังอ่อนแอคิดเมตตาศัตรูอยู่ร่ำไป อวิ๋นมู่หลันคงไม่อาจรับมือผู้ประสงค์ร้ายต่อตนได้ การเป็นสตรีข้างกายกวนเฉินหลางมิใช่เรื่องง่าย หากอยากมีชีวิตรอด ย่อมต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นอำมหิตในบางครั้ง เมื่อใคร่ครวญให้ดีอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจว่า แม้อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกัน ทว่าอวิ๋นหยวนม่านไม่เคยเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา น้องหกผู้เร่ร่อนมาอาศัยจวนเจ้าเมืองเช่นนาง เป็นเพียงเบี้ยล่างหรือสิ่งของที่ อวิ๋นหยวนม่านไม่เคยต้องการ และคิดหาทางทำลายทิ้งตลอดมา นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นสั่งสมความริษยาเอาไว้ในอกย่อมมาจากอนุฉุยสตรีที่มาจากสกุลใหญ่ “เจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าข้ามู่หลัน เจ้าเป็นได้แค่ลูกของนักแสดงละครเร่ข้างถนน มีเลือดของบิดาอยู่ในตัวหรือเปล่ายังไม่แน่ชัด อย่าคิดเทียบชั้นข้าเลย” “ตะ… แต่ ข้าเป็นลูกท่านพ่อ!” “ฮึ เจ้าเอาสิ่งใดมาอ้าง แค่จดหมายและตราประ
นางหงส์ไฟ อวิ๋นหยวนม่านตัวสั่นเทาอย่างที่บังคับไม่ได้ ในหัวคิดวนเวียนถึงแต่เรื่องชวนให้ประหวั่นใจ ยามนี้นางสับสน ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใดอยู่ในเรือนหลังนี้ ชีวิตที่ตกอยู่ใมมือผู้อื่นที่เห็นนางเป็นศัตรูช่างบัดซบสิ้นดี แน่นอนนางไม่ใช่คนโง่เขลา ฉลาดเกินพี่น้องด้วยซ้ำ ทว่าคำสั่งใต้เท้าเหนี่ยวแจ้งชัดนางเป็นสตรีของเขา... ฝ่ายนั้นให้นางกระทำสิ่งสำคัญนางหรือจะกล้าบิดพลิ้ว เหนี่ยวซีกังเป็นคนสองหน้า ทั้งยังเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นผักปลา และสิ่งเหล่านี้นางรู้แจ้งก็เมื่อกระโดดลงกองเพลิงแล้ว กระนั้นสิ่งที่คาดคิดว่าจะทำให้สำเร็จพังทลายลงจากฝีมือ อวิ๋นมู่หลัน สตรีแสนต่ำต้อยที่เดินทางไกลมาจากต่างแดน แต่เดิมนางสมควรถูกควักลูกตาตัดแขนขากลายเป็นขอทานด้วยซ้ำ แต่ยามนี้อีกฝ่ายกลับเป็นหนามทิ่มแทงหัวใจนางจนเป็นแผลเน่าเหม็นทุกข์ทรมาน อวิ๋นหยวนม่านจดจำทุกอย่างได้ดี ภาพในอดีตฉายชัดให้เห็น มารดานางซึ่งก็คืออนุฉุย ซึ่งเตรียมการหลายอย่างล่วงหน้า พร้อมส่งมือสั่งหารไปหลายสิบชีวิต หลังจากสืบได้ความอย่างลับ ๆ ว่า ใต้เท้าอวิ๋นมีลูกสาวอีกคน เป็นเด็กที่เกิดจากสตรีในคณะละครเร่ ที่
ฮูหยินใหญ่ของปีศาจกวน ถึงอวิ๋นมู่หลันเตรียมใจไว้แล้วแต่นางอดแสดงความหึงหวงมิได้ ในเมื่อปีศาจกวนเป็นของนาง แต่กลับเห็นดีเห็นงามกับคำพูดโจวจื่อเว่ย สิ่งนี้ส่งผลให้นางแทบกระอักเลือด เขาคิดจะแต่งพี่รองมาเป็นอนุจริง ๆ หรือ กระทั่งมีจดหมายคำสั่งจากรัชทายาทส่งมาถึงกวนเฉินหลาง สิ่งที่โจวจื่อเว่ยกล่าวบนโต๊ะอาหารคงต้องเป็นไปตามนั้น กวนเฉินหลางเดินมาจากด้านหลังแล้วรวบเอวอวิ๋นมู่หลันไป เขากอดนาง กอดนิ่ง ๆ พร้อมส่งความห่วงใยแสนอบอุ่นถึงกัน “ยามนี้อาจมีหลายสิ่งที่อาจทำให้อาหลันไม่สบายใจ” หญิงสาวอยากโวยวาย อยากตบตีเขา และสะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดคนตัวโต แต่นางก็มีสติ ทั้งยังรู้ว่าทุกอย่างที่เขาตัดสินใจทำย่อมมีเหตุผลที่ดีรองรับ “นับแต่ข้าเลือกอยู่กับท่านแม่ทัพ ข้ารู้ว่าชีวิตจะไม่ง่าย ทั้งยังต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝันเสมอ” “แล้วอาหลันหวงหรือไม่ หากข้าต้องรับหยวนม่านเป็นอนุ” หัวใจนางเจ็บแปลบต่อคำถามนั้น นางจะเอ่ยสิ่งใดออกไปดี ด้วยจู่ ๆ หัวสมองตื้อไปหมด และรู้สึกเหมือนถูกคนรักหักหลัง “ข้ามีทางเลือกอื่นหรื
อาหลันฟ้าประทาน กวนเฉินหลางมาถึงเรือนหลังดังกล่าวในอีกสองวันต่อมาและเป็นช่วงดึก ซึ่งเขาไม่อยากกวนอวิ๋นมู่หลัน ด้วยคิดว่านางคงเหนื่อยจากการเดินทางและยังต้องรับมือพี่สาวแสนอำมหิตคนนั้น ทว่าภายในห้องพัก นางกลับนั่งอ่านหนังสือรอเขาอยู่ “เหตุใดยังไม่เข้านอน” เขาถามสาวงามของตน หญิงสาวยิ้มเต็มวงหน้าก่อนแสร้งทำเป็นหน้าบึ้งเพราะนางรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังจากฝีมือปีศาจกวน “ตอบข้ามา ท่านแม่ทัพมีแผนใดกัน” “แผน... อันใด?” คนตัวโตแกล้งทำไขสือ “ฮึ ข้าเป็นน้องสาวบุญธรรมกุนซือโจว ย่อมต้องอ่านความคิดท่านออก” “เช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้ามีสิ่งใดในใจ” เมื่อถูกเขาท้าทายนางจึงกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ จงใจให้ข้าพักโรงเตี๊ยมแห่งนั้น และรู้ว่าพี่รองจะมารอซีกังที่นั่น” “สมแล้วที่เป็นสตรีที่ข้าพึงพอใจ เจ้าฉลาด ทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมจนน่ากลัว” “ที่เป็นเช่นนั้นล้วนเกิดจากการที่ท่านทำให้ข้าไม่อาจไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ” “ฮ่า ๆ ๆ นับว่า เจ้าเป็นแม่เสือตัวจริง ต่อไปข้าคงวางใจ
คืนที่พระจันทร์ถูกก้อนเมฆบดบังแสง เหนี่ยวซีกังโถมแรงของเขาและแทรกความใหญ่โตเข้าสู่เนื้อนิ่มของนาง ทั้งคู่คลอเคลียกันในโรงพักม้าซึ่งมีทั้งกลิ่นฟางกลิ่นหญ้า มันให้ความรู้สึกที่แสนประหลาด น่าตื่นกลัว ชั้นต่ำ ทว่ากลับเพิ่มความสยิวร้อนแรงทั้งนางกับเขา “อยากไปเมืองหลวงกับข้าหรือไม่” “ตะ… แต่... ข้าคือหยวนม่าน บุตรสาวของเจ้าเมืองซ่ง ผู้ที่ต้องแต่งเป็นอนุของแม่ทัพกวน!” “กังวลใจอันใด ยามนี้เจ้าอยู่กับข้า ย่อมเป็นสตรีของซีกัง ใต้เท้าระดับสามผู้ดูแลหน่วยบูรพา!” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระต่ออำนาจของกวนเฉินหลาง ยามนี้ถึงฝ่ายนั้นอยู่เหนือเขาหนึ่งขั้น แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เช่นเดิม อีกทั้งยังบังอาจขวางทางรัชทายาท ดังนั้นอนาคตกวนเฉินหลางยังจะสดใสอีกหรือ “เช่นนั้น ชีวิตนี้ของผู้น้อยคงต้องฝากใต้เท้าชี้นำ” นางว่าแล้วจึงช้อนสายตามองเขา ก่อนถูกชายหนุ่มจับให้หันหลังเข้าผนังคอกม้า จากนั้นเขาก็เริ่มขยับสะโพกรัวแรง พร้อมส่งเสียงสั่นพร่า ทั้งหยาบคายสลับการตบตีบั้นท้ายนาง ก่อนบีบปลายคางบังคับให้นางหันหน้ามาจูบแลกลิ้น อวิ๋นหยวน
คืนนั้นอวิ๋นมู่หลันไม่ได้กลับค่าย และกวนเฉินหลางก็ดีกับนางเหลือเกิน เขาพาชมเมืองเล็ก ๆ ที่มีอาหารอร่อย ทั้งยังมีโรงละครที่น่าตื่นใจ นอกจากมีนางรำเอวอ่อน การแสดงวิชาปามีดกับฟาดแส้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยังมีหุ่นกระบอกเคลื่อนไหวด้วยมือให้ชมด้วย หญิงสาวนึกว่าตนย้อนกลับคืนสู่วัยเด็ก นางยิ้มอยู่ตลอดและคนตัวโตก็เอาใจ คอยป้อนของหวานให้กินไม่ขาดปาก “ท่านแม่ทัพ... ข้ากินเองได้” “เห็นอาหลันชอบ ข้าจึงอยากเอาใจ” เขาพูดง่าย ๆ เช่นนั้น แต่นางกลับสะเทิ้นอาย ยามนี้หัวใจไปอยู่กับคนผมขาวหน้าดุ มองอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษที่นางพึงใจ แม้ลึก ๆ มีอคติอยู่ ทว่ากวนเฉินหลางช่วยนางหลายหน จริงอยู่บุรุษผู้นี้ไม่ใช่คนดี และยังขึ้นชื่อว่าปีศาจ ทว่าปีศาจย่อมมีหัวใจและเลือดเนื้อ หลังจากเพลินใจในโรงละคร เขาพานางไปเลือกซื้อผ้า และเครื่อง ประดับที่ตลาดกลางคืนติดคลองสายยาว แสงไฟและเสียงดนตรีกับผู้คนที่เดินขวักไขว่ให้ความบันเทิงใจ อวิ๋นมู่หลันไม่คาดคิดว่า จะมีโอกาสเดินเคียงข้างผู้ชายตัวโตมาก่อนจึงค่อนข้างประหม่า แต่เป็นกวนเฉินหลางที่ดูแลนางอ