ชงไฉ่อาจมิใช่บุรุษที่เพรียบพร้อมหากแต่มีน้ำใจเป็นเลิศ แม้ต่สุราหนึ่งจอกก็อาจแบ่งบันแก่สหายคนละครึ่งจอกได้ไม่มีบิดพลิ้ว
แต่กระนั้นเขาเองมิใช่ผู้ที่ทานทนต่อความอดกลั้นได้นานหากถูกปองร้ายก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ด้วยกระบี่คู่กาย
ใบหน้าของเขาแม้หล่อเหลาหาผู้เทียบเคียงแต่มธุรสวาจากลับหวานหาผู้เทียบเคียงไม่มีได้ ในยามที่ปักใจหลงใหลแก่หญิงงามคำหวานข้างหูที่อยากจะเบือนหน้าหนีหากแต่ไม่อาจทำเพราะทอดตัวลงด้วยความอ่อนหวานที่เขาปลุกปลอบ
บุรุษผู้ที่ไม่อาจให้หญิงงามโดนรังแกแม้ว่าจะไม่เคยรู้จักนางมาก่อน
ชงไฉ่เมื่อบังเกิความรักแท้กลับคิดว่าอนุภาพของความรักน่าสะพรึงกลัว
ดวงหน้าของหญิงอันเป้นที่รักกลับโยกคลอนจิตใจของบุรุษให้สั่นไหว
ความรักของชงไฉ่แม้ไม่ต้องการยึดครองหากขอเพียงได้ตื่นลืมตามายามเช้าพร้อมกันในทุกวันเมื่อดวงตะวันทอแสงที่ขอบฟ้านั่นขอเพียงมีเจ้าอยู่ในอ้อมแขนพัวพัน
หงส์ซอนน้ำตา
“นายของข้าเมาจนหลับไปแล้วเห็นที่ข้าต้องพากลับตำหนักบูรพาเสียทีไม่รบกวนองค์ชายทั้งสอง”
“ข้านำเกี้ยวมาจากในวังเชิญเจ้าพานายของเจ้ากลับไปกับเกี้ยวที่ข้านำมาเถิด” องค์ชายสิบสองคล้ายจะเตรียมการมาอย่างดี จิ่นฉินไม่กล้ากอดประคองจิวซินด้วยเข้าใจดีว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหน
“พานายของเจ้าไปสิ” องค์ชายสิบสองเร่งเร้าแต่ทว่าจิ่นฉินยังคงลังเล ชงไฉ่ไม่รอช้าสอดวงแขนเข้าที่ลำคอระหงพยุงให้จิวซินลุกขึ้น แต่ไม่เป็นผลเมื่อจิวซินที่เมามายกลับสอดวงแขนเข้ารอบลำคอและดึงศีรษะของชงไฉ่เข้ามาใกล้ใบหน้าของตัวเองด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมดจนริมฝีปากของชงไฉ่เกือบชนกับริมฝีปากของจิวซิน ส่งผลให้องค์รัชทายาทใบหน้าแดงก่ำหาใช่ด้วยการร่ำสุราหากแต่เป็นอาการเขินอาย จิ่นฉินพยายามแกะมือจิวซินออกจากลำคอของชงไฉ่แต่ไม่เป็นผล จิ่นเกอมองดูน้องสาวจากมุมหนึ่งยกมือกุมขมับ
“ลู่ชิงเจ้าแสร้งเข้าไปช่วยพยุงนางทีเถิดข้าไปอยากให้นางเปลืองตัวไปกว่านี้ นางครั้งเมามายมักจะทำเรื่องที่ไม่คาดฝัน” ลู่ชิงพาตัวเองออกไปยังที่คนทั้งหมดอยู่ตรงนั้น
“คุณชายทั้งสามให้ข้าน้อยช่วยพยุงคุณชายท่านนั้นเถิด” จิ่นฉินถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อเห็นลู่ชิงมาแก้ไขสถานการณ์ให้ ส่วนองค์ชายทั้งสองกลับคิดว่าลู่ชิงเป็นหญิงงามในหอนางโลม
“องค์หญิงอย่าทรงดื้อรั้นเมามายแล้วกลับตำหนักเถิด” ลู่ชิงกระซิบข้างหูพยุงจิวซินขึ้นอย่างทุลักทุเลเล็กน้อยก่อนจะพาตัวนางออกมา
ชงไฉ่เดินแกมวิ่งไปเปิดเกี้ยวออกให้ลู่ชิงพาจิวซินเข้าไปข้างใน จัดท่าในนอนไปบนเกี้ยว
“พาองค์ชายใหญ่ส่งที่ตำหนักบูรพา” ชงไฉ่สั่งคนหามเกี้ยว จิ่นฉินเดินตามเกี้ยวไปติดๆ
“พี่ห้ามีเจตนาใดกันแน่ที่นำพาองค์ชายใหญ่มายังสถานที่แห่งนี้” ชงไฉ่อดที่จะถามฮุยโม๋ไม่ได้และด้วยเพราะอารมณ์ขุ่นมัวอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“น้องสิบสองอารมณ์ขุ่นมัวเพราะเหตุใด มองพี่ห้าของเจ้าว่ามีเจตนาไม่ดี” องค์ชายห้าพูดพร้อมกับรอยยิ้มละไม ชงไฉ่พึงสำนึกได้ว่าตัวเองไม่สมควรแสดงกิริยาเช่นนั้น
“พี่ห้าโปรดอภัย ข้าเพียงแต่หวังดีกลัวว่าหากมีใครมาพานพบท่านนำพาราชบุตรเขยมา ยังหอนางโลมจะคิดว่าเป็นพี่ห้าที่มอมเมาองค์ชายใหญ่”
“น้องสิบสองกังวลไปแล้ว พี่ห้าเพียงแต่เห็นว่าองค์ชายใหญ่ เดียวดายอ้างว้าง...จนน่าใจหาย...” คำพูดขาดหายไปเพียงเท่านั้น เป็นเขาเสียอีกที่เดียวดายอ้างว้างแต่เมื่ออยู่ใกล้ ..นางเขากลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา ยังไม่ทันได้สอบหาความจริงจากปากคนเมาความจริงชงไฉ่ก็พูดไม่ผิดเขาตั้งใจมอมเมาเพื่อสืบค้นความจริงจากปาก ..ของนางมากกว่า
“พี่ห้าช่างเอาใจใส่ทุกคนไม่มียกเว้นอย่างนี้ นี่เองเสด็จพ่อถึงยกย่องพี่ห้าว่าจิตใจอารีไม่มีแบ่งแยก” องค์ชายห้ายังคงยิ้มเยือนชงไฉ่รู้สึกเช่นนั้นมานานแล้วหากแต่ไม่มีโอกาสได้บอกกล่าวแก่ฮุยโม๋เท่านั้นเอง ความคลางแคลงใจหายไปแทบในจะทันที
เกี้ยวที่มีจิวซินนอนอยู่ข้างในเคลื่อนผ่านประตูเมืองเข้าไปช้าๆ จิ่นเกอเดินตามจิ่นฉินก่อนจะรั้งจิ่นฉินไว้
“อยากให้เจ้าจับตามอง ฮ่องเต้”
“องค์ชายสงสัยอะไรในตัวฮ่องเต้ของไห่ตงหยวน”
เสด็จพ่อทรงเป็นกังวลว่าฮ่องเต้คนนี้มีเจตนาแอบแฝงคิดครอบครองเหอตงหยวนไม่ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้”
“ข้าน้อยจิ่นเกอจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อสืบค้นความจริง”
“ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อและไห่หยวนมีอดีตที่ไม่อาจเปิดเผยแต่ใครจะรู้ความสัมพันธ์จากสหายกลายเป็นศัตรูย่อมทำให้สัญญาไม่มีความสำคัญอีกต่อไป”
“หากมีสัญญาณที่ไม่ดีข้าจะส่งข่าวให้องค์ชายทราบทันที”
“หวังว่าเจ้าจิ่นฉินจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังตอนนี้ต้องลำบากเจ้าแล้วต้องคอยปกป้องจิวซินน้องข้าและยังต้องช่วยเหลือเหอตงหยวนของเรา” จิ่นฉินคุกเข่าเบื้องหน้า
“องค์ชายเปรียบดั่งพี่น้องร่วมอุทรแม้จะไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติหากข้าไม่มีองค์ชายไหนเลยจะมีวันนี้” จิ่นเกอใช้มือจับไหล่จิ่นฉินให้ลุกขึ้น
“ลุกขึ้นเถิด เราสองเติบใหญ่มาพร้อมกัน ข้าเองไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นผู้อื่นหากแต่เป็นพี่น้องไม่ต่างไปแม้มีเรื่องใดข้าก็ต้องนึกถึงเจ้าเป็นคนแรกอยู่แล้ว”
เมื่อจิ่นฉินไม่ได้ตามไป เกี้ยวของจิวซินถูกเปลี่ยนเส้นทางจากที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ตำหนักบูรพา ไปอีกทางอย่างเร่งรีบ จิวซินยังหลับใหลด้วยความเมามายอยู่ภายในเกี้ยว
สองใช้สองสามนางพยุงร่างของจิวซินด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน เข้าไปยังห้องที่ถูกปิดมิดชิด วางร่างบางลงบนแท่นนอนทิ้งไว้อย่างนั้น
ขันทีเฒ่าลูบเคราดกขาวด้วยความพึงพอใจอยู่ใกล้ๆ
“องค์ชายใหญ่จิ่นเกอโอกาสอันดีนี้ ข้าคงไม่อาจเพิกเฉย” พึมพำด้วยความกระหายในราคะ ถอดชุดขันทีออกเหลือเพียงหน้าอกเปลือยเปล่ากางเกงลำลองบางเบา ตาเป็นประกายจ้องมองมายังจิวซินตาไม่กะพริบ เอื้อมมืออันหยาบกระด้างจับไหลบางของจิวซินหมายจะ มองใบหน้าของจิวซินที่เจ้าขันทีเฒ่าคิดว่าเป็นบุรุษหนุ่มหน้าหวานท่าทางอ้อนแอ้นเหมือนที่ตนเคย ชอบลิ้มลองมานักต่อนักไม่ว่าจะเป็นบรรดาขันทีวัยหนุ่มหลายคนที่ต้องเป็นเหยื่อราคะเพื่อสังเวยให้แก่ขันเฒ่าผู้มากด้วยตัณหา รอยยิ้มน่าเกลียดบนริมฝีปากที่เต็มไปด้วยหนวดเคราแม้อายุจะย่างเข้าสู่วัยชราแล้วหากแต่ยังเต็มไปด้วยความอยากไม่รู้จักจบจักสิ้น ปลดสายคาดเอวของจิวซินออกด้วยมืออันสั่นเทา“โครม” เสียงประตูห้องใหญ่พังลงอย่างง่ายดายด้วยแรงถีบมหาศาล“เอามือโสมมของเจ้าออกจากตัวขององค์ชายใหญ่เดี๋ยวนี้” ชงไฉ่ชักกระบี่เหยียดตรงเข้าใส่ขันทีเฒ่า ด้วยความโมโหสุดระงับยับยั้งขันทีเฒ่า ที่ปากคอสั่นด้วยความกลัว คุกเข่าลงกับพื้นดวงตาเหลือกลาน“องค์รัชทายาทโปรดอภัย ข้ามิบังอาจเพียงแต่องค์ชายใหญ่เมามายข้าเพียงจะช่วย”“เจ้านี่ช่างแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ข้าสั่งเกี้ยวไปยังตำหนักบูรพาแต่เจ้ากับสับเปลี่ยนคนห
“องค์ชายใหญ่”“องค์ชายใหญ่ราชบุตรเขยนะหรือ”“ใช่”“แล้วทำไมคนของข้าบอกว่าเป็นหญิงงาม” เยว่ฉีพยายามมองพิศใบหน้าของจิวซิน“หากข้าไม่เคยได้ยินคำล่ำลือ คงไม่อาจจะเชื่อได้ว่าเป็นองค์ชายใหญ่ ที่กล่าวกันว่าใบหน้างดงามปานอิสตรี”“เจ้ากล่าวมาไม่ผิด” ชงไฉ่พยายามปกปิดความผิดปกติทางน้ำเสียง“องค์ชายใหญ่ของเหอตงหยวนคนนี้ ช่างต่างจากบุรุษทั่วไปตามสายตาข้า”“เช่นไร” ชงแตกใจกับคำกล่าวของเยว่ฉี“ใบหน้าชดช้อย ไม่มีหนวดเคราอีกทั้งทรวดทรงต่างออกไป แม้แต่....” ด้วยเยว่ฉีคลุกคลีกับขันทีเฒ่าพ่อบุญธรรมจึงมักพบเจอกับเด็กที่เป็น ของเล่นของขันทีเฒ่าที่มักมีร่างกายเป็นชายแต่จริตเป็นหญิง“เจ้าหมายความว่าองค์ชายใหญ่จิ่นเกอมีจริตเป็นหญิงเช่นนั้นหรือ” ชงไฉ่รู้สึกสับสนไม่เข้าใจว่าเขาจะเสียใจทำไมหรือเป็นเพราะหวังอยากให้องค์ชายใหญ่เป็นหญิงแท้ๆ แต่ไม่ใช่แค่มีจริตเป็นหญิงซึ่งเขาไม่ชอบใจนัก“ข้าต้องได้พูดคุยกับองค์ชายใหญ่เสียก่อน” “ข้าต้องได้พูดคุยกับองค์ชายใหญ่เสียก่อน” ชงไฉ่ช่างรู้สึกว่าเยว่ฉีจะมีประโยชน์ก็ตอนนี้นี่เอง“เช่นนั้นเจ้าออกไปเถิดหากองค์ชายใหญ่ได้สติเจ้าคงต้องได้พูดคุย” เยว่ฉีเขม้นมองจิวซิน หากเป็นชายไยน่าตา
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิเสด็จพ่อคงไม่ยอมเช่นนั้น ข้าชงไฉ่มีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่องค์ชายใหญ่จิ่นเกอ”“ข้าคิดว่าท่านสมควรจะ ได้พบนางสักครั้งแล้วท่านจะได้รู้ว่านางน่ารังเกียจเช่นใดในเมื่อเราสองแม้จะไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติข้าไม่อาจปล่อยให้องค์รัชทายาท เสกสมรสกับน้องสาวที่พิกลพิการของข้าได้” เพราะเป็นการเอาเปรียบองค์ชาย12เหลือเกิน” ชงไฉ่ยังคงคิดเหมือนเดิมว่าองค์ชายใหญ่ผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่หรือเพราะความริษยาน้องสาวกันแน่ถึงได้พยายามชี้ให้เขาเห็นว่าองค์หญิงรองของเหอตงหยวนไม่น่าคบหา“ข้าคงต้องเยือนเหอตงหยวนสักครั้ง”“ในฐานะคู่หมั้นเสด็จพ่อของข้าคงไม่ขัดข้องและองค์ชายสิบสองจะได้พบกับจิวซินน้องข้า”“เช่นนั้น ข้ารอบัญชาจากฮ่องเต้ของเหอตงหยวนให้ข้าได้ขออนุญาตจากเสด็จพ่อเสียก่อนเมื่อนั้นข้าพร้อมเดินทางทันที” จิวซินยิ้ม คราวนี้นี้เองที่ชงไฉ่ต้องยกเลิกการหมั้นหมายอย่างแน่นอนหากได้พบกับองค์หญิงรองของเหอตงหยวนในแบบที่จิวซินต้องการให้เป็น แต่ใครเล่าจะเป็นจิวซินในแบบที่จิวซินต้องการนอกจากตัวจิวซินเองงานนี้ต้องมีเรื่องท้าทายให้ลงมือทำอีกแล้ว“ตอนนี้องค์ชายใหญ่ดื่มชาเสียหน่อยสักพักจะรู้สึกดีขึ้น ข้าส่งค
ชายาเอกเหตุใดต้องเป็นคนของเหอตงหยวนแต่ไม่อาจมีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาได้แต่ก้มหน้านิ่ง“ท่านคิดว่าอย่างไรเสีย ก็ยังปักใจให้จิวซินน้องเป็นชายาเอกเช่นนั้นหรือ”“ไม่เป็นการอยุติธรรมไปหน่อยหรือหากข้าจะรีบตัดสินน้องของท่านเพียงเพราะคำพูดของท่านเท่านั้นองค์ชายใหญ่” ชงไฉ่แสดงให้เห็นถึงความเป็นบุรุษอย่างแท้จริงที่ไม่อาจตัดสินหญิงใดเพียงแค่คำนินทา จิวซินเผลอยิ้มด้วยความพึงใจ“ดีเช่นนั้นท่านต้องได้พานพบนางอย่างแน่นอนเมื่อนั้นค่อยตัดสินนางยังไม่สาย” ยกชาขึ้นจิบละเมียดรสชาที่ขมปนฝาดเยว่ฉีเหลือบตามองจิวซินอย่างค้นคว้าแม่เป็นสตรีหากแต่นางก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าจิวซินมิใช่บุรุษอย่างแท้จริงจิวซินระมัดระวังตัวอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวเพราะกิริยาบางอย่างมีเพียงอิสตรีด้วยกันเท่านั้นที่สามารถมองทะลุปรุโปร่ง“องค์ชายใหญ่จิ่นเกอ องอาจงดงามมิเสียแรงที่ทั่วทั้งวังกล่าวขานถึงความองอาจของท่าน” เยว่ฉีลองหยั่งเชิงดู“แม่นางเยว่ฉี กล่าวเช่นนี้องค์รัชทายาทจะเคืองขุ่นเมื่อภรรยากับเห็นผู้อื่นองอาจกว่าคนที่ร่วมเตียงทุกคืนวัน” ชงไฉ่อมยิ้มกับคำกล่าวของจิวซิน เยว่ฉีทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดผิด
การเดินทางรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อสองข้างทางแม้จะรกเรือหากแต่ทางที่ไปนับว่าสะดวกสบายเหลืออีกไม่กี่ลี้ก็จะเข้าเขตแดนของเหอตงหยวนซิงซาบังคับม้าให้หยุด“องค์ชายเบื้องหน้าเป็นเขตแดนของเหอตงหยวนแล้วเราพักที่นี่เสียก่อนพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”“เร่งเดินทางดีกว่าซิงซาอาจมีโรงเตี้ยมสักแห่งให้พักแรมดีกว่านอนกลางป่าเขา” ซิงซากระตุกม้าให้ตะบึงแทนคำตอบทั้งคู่ เข้าสู่ชายแดนเหอตงหยวนดวงอาทิตย์เริ่มอัสดงคล้อยแสงต่ำลงหาได้พบโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้ไม่ชงไฉ่กระตุกม้าเร่งความเร็วจนเคียงคู่ม้าของซิงซา“คงต้องพักค้างแรมเสียแล้วม้าและเราทั้งคู่เหนื่อยล้ามากคงต้องพักเสียที่นี่ไม่มีโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้”“องค์ชายซิงซาจะหายิงไก่ป่ามาย่าง” ซิงซาอาสาคว้าธนูมาถือไว้มั่นเหมาะควบม้าจากไปชงไฉ่หากิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟ ตัดกิ่งไม้มาปูนั่งรอซิงซาความมืดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณแสงสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้าซิงซาควบม้าตะบึงตามกระต่ายไปหาใช่ไก่ป่าไม่จนเข้าไปในดงไผ่หนาทึบ วกวน หาทางออกไม่เจอ ควบม้าวนไปวนมาจนเหนื่อยล้ามือสังหารนับสิบกรูกันเข้ามาล้อมกรอบชงไฉ่ไว้กระบี่ในมือไม่อาจดูดายถูกชักออกจากฝักด้วยท่วงท่าสง่างามเข้าพันตุด้วยไม
จิวซิน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นอาภรณ์ขององค์หญิงไม่ลืมที่จะหยิบผ้าแพรฝืนบางเบาคาดปิดใบหน้าครึ่งปากครึ่งจมูกทรุดตัวลงนั่งข้างชงไฉ่ บรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ดึกสงัดจิวซินเผลอฟุบหลับพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือด้วยความง่วงและความอ่อนเพลียจากการเดินทางชงไฉ่งัวเงียอาการเจ็บแปลบที่แผลทำเอาไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นได้กลอกตาไปมารอบๆ จนสะดุดเข้ากับร่างบางในอาภรณ์สีสวยสดข้างกาย ใบหน้างดงามแต่ถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าแพรบางเบา ความสงสัยไม่อาจอดกลั้นได้ ชงเอื้อมมือหมายปลดผ้าแพรบนใบหน้างามที่มองขัดตาเหลือเกิน แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเอื้อมมือไปจับชายผ้าได้จิวซินกลับตื่นขึ้นมาเสียก่อน ปัดมือของชงไฉ่อย่างแรงด้วยความตกใจ“ใบหน้าข้าอัปลักษณ์ยิ่ง ท่านไม่สมควรจะได้เห็นมัน” ชงไฉ่หดมือกลับ“แม่นางขอบคุณที่ช่วยข้าไว้แม่นางมีชื่อแซ่ว่าอย่างไร”“ข้าจิวซินองค์หญิงรองของเหอตงหยวน หวังว่าท่านคงจะเคยได้ยิน” ชงไฉ่ตะลึงมอง คำพูดของจิ่นเกอที่เขาได้ยินว่าน้องสาวร่วมบิดาใบหน้าขี้ริ้วกิริยาหยาบกระด้างไม่อาจปฏิเสธได้“ข้าชงไฉ่องค์ชายสิบสององค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนยินดีที่พบองค์หญิงรอง” ชงไฉ่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังฐานะของตนเองในเมื่อ
“ทำไม่ไม่เอ่ยปากสักคำเล่าข้าป้อนท่านก็ได้” จิวซินนึกเป็นห่วงชงไฉ่ไม่น้อยคิดว่าตัวเองเล่นแรงไปหน่อยเมื่อวานเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรแล้วยังบาดเจ็บอีกยกชามข้าวต้มในมือขึ้นจ่อริมฝีปากขององค์ชายสิบสอง กลิ่นหอมนั้นทำเอาชงไฉ่ถึงกับกลืนน้ำลาย“ความกตัญญูของบุรุษคือล้างแค้นแทนพ่อ ความกตัญญูของลูกสาวคือการปรนนิบัติคนในครอบครัว” จิวซินตักข้าวต้มส่งถึงปากชงไฉ่ความหิวนั้นอาจไม่ถึงกับฆ่าคนแต่สามารถทำให้คนถูกฆ่าได้ ชงไฉ่กินอาหารด้วยความหิวโหยรสชาติที่ดีอยู่แล้วของเครื่องเทศของเหอตงหยวนยิ่งทำให้อาหารอร่อยจิวซินมองชงไฉ่คิดหาแผนการที่จะทำให้ชงไฉ่เห็นความร้ายกาจของจิวซิน“องค์หญิงอาหารของเหอตงหยวนรสชาติดีไม่เลว”“ท่านก็ว่าเช่นนั้นใช่ไหมเห็นไหมเล่าเสี่ยวถังเจ้าหาว่าข้ากินจุความจริงทุกอย่างที่นี่อร่อยข้าถึงกินไม่หยุด”“องค์หญิงหญิงงามกินแต่น้อย ไม่เช่นนั้น...”“เจ้าไม่ต้องกังวลเสี่ยวถัง ก็ในเมื่อองค์รัชทายาทเขาอย่างไรเสียต้องแต่งกับข้าแน่นอนข้าไม่จำเป็นต้องห่วงว่าข้าจะ...ไม่มีสวามี555” หัวเราะเสียงดังสนั่นโดยไม่มีอาการสำรวมแต่อย่างใดชงไฉ่รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างไรพิกลจนแทบจะสำลักนางช่างต่างจากองค์ชายใหญ่จ
“ที่เหอตงหยวนมีน้ำพุบำบัดอยากให้องค์รัชทายาทได้ลงไปแช่เพื่อสมานแผลตามแบบของเราให้จิวซินพาองค์ชายไปเถิด” จิวซินเปลี่ยนเรื่องพูดทันควัน ชงไฉ่เผลอยิ้มที่มุมปากนับว่านางฉลาดล้ำลึกรู้หลบหลีกไม่ปะทะตรงๆ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับคนอีกคนในตำหนักบูรพา ตอนนี้เองที่ไม่ได้มีความรู้สึกถวิลหาเหมือนก่อนคล้ายกับว่าคุยกับคนผู้เดียวกันพยุงชงไฉ่ลุกจากแท่นนอนอกอุ่นเบียดชิดอกแน่นด้วยมัดกล้าม ชงไฉ่เหลือบตามองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมอย่างลืมตัวจิวซินหลบตาวุ่นวาย ทั้งคู่มาถึงยังบ่อน้ำพุกลางสวนร่มรื่นชงไฉ่ นึกชื่นชมความงามของสวนน้ำพุแห่งนี้“สวยงามเกินกว่าที่ข้าจะคาดเดาได้”“ข้าจิวซินเป็นผู้จัดตกแต่งมันด้วยตัวเอง” ที่แห่งนี้เป็นที่แห่งเดียวในเหอตงหยวนที่จิวซินจะเร้นกายได้ในยามที่ทุกข์ระทม ชงไม่อยากเชื่อสายตาพี่น้องสองคนนี้มีหลายอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจชงไฉ่หย่อนตัวลงไปในบ่อน้ำพุ แต่ทว่าบ่อกลับลึกเกินกว่าที่เขาคาดคิดจึงลื่นไถลลงไป จิวซินเอื้มมือคว้าแต่ไม่ทันทำเอาทั้งสองคนหล่นโครมลงไปในน้ำพุด้วยกันเสียงดังสนั่นจิวซินยันกายลุกขึ้นได้ก่อนควานหาตัวของชงไฉ่ที่ยังอยู่ในน้ำอาภรณ์บางเบาไม่อาจปกปิดเรือนร่างที่อวบอ
“ข้าคิดว่าควรจะค่อยเป็นค่อยไปกับองค์หญิงดีกว่าเมื่อถึงเวลาที่องค์หญิงแต่งกับข้าชงไฉ่ไปแล้วข้าเห็นที่ต้องสั่งสอนว่าฝ่ามือนุ่มๆ ขององค์หญิงมันใช้ลูบไล้ให้คนเป็นสามีเท่านั้นมิใช่มีไว้แสดงว่าองค์หญิงมีวรยุทธ์” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นจิวซินดึงผ้าแพรออกจากในหน้าสวยด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองโมโหตัวเองทีเสียทีให้กับชงไฉ่ เผยให้เห็นใบหน้าหวานสวยจนไร้ที่ติปากคอคิ้วคางที่รับกับใบหน้าและเครื่องสำอางที่แต่งแต้ม ขย้ำผ้าแพรปาทิ้งด้วยความหงุดหงิดยังไม่ทันให้เขาได้รู้ว่าเหอตงหยวนมีเคล็ดวิชาที่น่ากลัวเพียงใดกับโดนเขาย้อนรอยกอดรัดไม่เป็นท่าและที่น่าโมโหกว่านั้นคือจิวซินรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของเขาแม่ปากจะปฏิเสธแต่ใจเจ้ากรรมกลับบอกว่าอยากลิ้มลองมากกว่านั้นเลือดสาวซูบฉีดจนน่ากลัวไม่สิเขามีชายาออกมากมายคงทำไปเพราะความเคยชินไม่ได้รู้สึกกับจิวซินพิเศษอย่างสัมผัสของเขาจิวซินบอกตัวเองไม่ให้หลงเตลิดไปกับสัมผัสอ่อนโยนนั้น คิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้เขาไม่ชอบจิวซินจนถึงกับต้องถอนหมั้นเพื่อยุติเรื่องราววุ่นวายต่างๆ ให้จบสิ้นไปอากาศข้างนอกหนาวเหน็บจิวซินเผลอหลับใหลภายใต้อากาศเย็นยะเยือกจิวซิน ฟุบหน้าลงบนโต๊ะผมยาวสลวยบดบังใบหน้
แผนการที่วางไว้รัดกุมไม่น้อยยากที่ชงไฉ่องค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนจะคาดเดาได้เหอหยวนเดินออกจากตำหนักของจิวซินจนลับตาจิวซินรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ได้ยินเช่นไรถึงเรียกว่าในเหอตงหยวนแห่งนี้ใครกล้านินทาว่าร้ายองค์หญิงรอง“ชงไฉ่ยิ้มแย้มสมใจคิดว่าอย่างไรเสียต้องเปิดเผยโฉมหน้าของจิวซินให้ได้“เห็นไหมเล่าทุกอย่างช่างเป็นใจเหลือเกินเจ้ากับข้าเราสองต้องได้ทำความคุ้นเคยกันมากกว่าจริงเหอจิวซิน”“องค์ชายคิดว่าอย่างไรจิวซินคงไม่มีทางเลือกหรือคิดว่าอย่างไรเสียจิวซินก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ แต่องค์ชายลองทบทวนดูเถิดว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกไก่ในกำมือที่นี่เหอตงหยวนหาใช่ไห่ตงหยวนที่องค์ชายเป็นถึงองค์รัชทายาทไม่” ชงไฉ่หาได้สนใจคำกล่าวของจิวซินไม่ยังคงมองดูจิวซินที่สารวนอยู่กับการดึงผ้าปิดปากปิดจมูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาต้องรู้ให้ได้ว่าภายใต้ผ้าแพรผืนนั้นใบหน้าที่ซ่อนอยู่จะงดงามหรืออัปลักษณ์เพียงใด“คำพูดของเจ้าอันไหนจริงอันไหนเท็จข้าชงไฉ่ไม่อาจแยกแยะ”“เช่นนั้นจงรู้ไว้เถิดว่าข้าจิวซินคนนี้ไม่ใช่ลูกไก่”“ข้ากลับไปคราวนี้เห็นทีต้องทูลขอเสด็จพ่อประทานอนุญาตให้ส่งเกี้ยวมารับตัวเจ้าไปดัดนิสัยในตำหนักชงหยวนเสียทีเ
“ปล่อยได้แล้ว องค์รัชทายาทไม่อายคนของท่านหรืออย่างไร” จิวซินพยายามยกมือขึ้นกระชับผ้าแพรบางเบาที่ปิดบังใบหน้าชงไฉ่ทำสีหน้ายียวน“หญิงใดที่เข้าใกล้ข้าชงไฉ่แล้วไม่มีใครปฏิเสธข้าได้เจ้าไยไม่เหมือนหญิงคนอื่นไหนว่าอยากแต่งกับข้ารอข้าส่งเกี้ยวมาจิวซินคิดว่าหากอยู่อย่างนี้ต้องเปลืองตัวแน่ขึงพยายามดิ้นรนแต่ยิ่งเหมือนชงไฉ่ยิ่งแกล้งอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเจ้าเห็นไหมเหอจิวซินข้าไม่เคยรังเกียจใบหน้าอัปลักษณ์ของเจ้า ข้าชงว่าสู้เจ้าเปิดผ้าแพรออกเสียแล้วให้ข้าได้รู้จักเจ้ามากกว่านี้” มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นหมายปลดผ้าที่ปิดบังใบหน้าไว้จิวซินคิดหาหนทางเอาตัวรอด“ฮ่องเต้เสด็จจจจจ” เสียงขันทีขานมาแต่ไกลจิวซินใช้ศอกกระทุ้งชงไฉ่จนหลุดออกมาจากอ้อมกอด“จิวซินถวายพระพรเสด็จพ่อ”“ไห่ชงไฉ่ถวายพระพร เสด็จลุง” เหอหยวนสะบัดชายเสื้อด้วยท่าทียโส จะว่าไปใบหน้าของชงมิแตกต่างจากไห่หยวนยามหนุ่มแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง“ข้าเหอหยวนหวังว่าเจ้าจะได้รับความสะดวกสบายมิใช่น้อยในการเดินทางและพำนักที่เหอตงหยวน”“ข้าชงไฉ่ พำนักในตำหนักองค์หญิงรอง ได้รับความสะดวกอย่างดี”“เราชาวเหอตงหยวนเมื
“องค์รัชทายาทชิงซาด้อยสามารถไม่อาจปกป้ององค์ชายในยามวิกฤติ”“ลุกขึ้นเถิดชิงซา ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหากแต่เป็นพวกมันที่ฉวยโอกาส”“องค์รัชทายาทหมายถึงผู้ใด”“ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าพวกมันเป็นใครด้วย วรยุทธ์ล้ำลึกและยังไม่เปล่งสำเนียงของแคว้นใดออกมา”“เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้ของเหอตงหยวนที่ต้องการสังหารองค์ชายเพื่อแก้แค้นฝ่าบาท” ชงไฉ่หันมองชิงซาเเต็มตา“เสด็จพ่อกับเหอหยวนฮ่องเต้บาดหมางกันเรื่องใด” สายตาคาดคั้น“องค์ชายรู้ไหมว่าเสด็จแม่ขององค์ชายงดงามเพียงใดจึงไม่น่าแปลกใจที่สองสหายฝ่าบาทและเหอหยวนฮ่องเต้จะหมายปองหญิงงามคนเดียวกัน” ชงไฉ่ขมวดคิ้ว“แล้วเหตุใด ท่านพ่อต้องการให้จิ่นเกอและองค์หญิงรองจิวซิน เข้ามาอยู่ในไห่ตงหยวนเล่า”“ฝ่าบาทนั้นเป็นฝ่ายกุมหัวใจของเสด็จแม่ขององค์ชาย ผู้ที่พ่ายแพ้มีอยู่สองอย่างที่พึงกระทำคือหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้และสองคือแค้นเคืองผู้ที่เป็นฝ่ายชนะเช่นนั้นเสด็จพ่อของพระองค์จึงจำเป็นต้องหาทางชดเชยให้แก่เหอหยวนฮ่องเต้เพราะเห็นแก่คำว่าสหาย”“อย่างนี้นี่เององค์ชายใหญ่จิ่นเกอและเหอจิวซินถึงได้ไม่ชอบขี้หน้าข้านัก”“อันนี้ชิงซาคิดว่าเป็นองค์ชายเสียอีก ที่ทรงไม่ชอบ
“ที่เหอตงหยวนมีน้ำพุบำบัดอยากให้องค์รัชทายาทได้ลงไปแช่เพื่อสมานแผลตามแบบของเราให้จิวซินพาองค์ชายไปเถิด” จิวซินเปลี่ยนเรื่องพูดทันควัน ชงไฉ่เผลอยิ้มที่มุมปากนับว่านางฉลาดล้ำลึกรู้หลบหลีกไม่ปะทะตรงๆ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับคนอีกคนในตำหนักบูรพา ตอนนี้เองที่ไม่ได้มีความรู้สึกถวิลหาเหมือนก่อนคล้ายกับว่าคุยกับคนผู้เดียวกันพยุงชงไฉ่ลุกจากแท่นนอนอกอุ่นเบียดชิดอกแน่นด้วยมัดกล้าม ชงไฉ่เหลือบตามองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมอย่างลืมตัวจิวซินหลบตาวุ่นวาย ทั้งคู่มาถึงยังบ่อน้ำพุกลางสวนร่มรื่นชงไฉ่ นึกชื่นชมความงามของสวนน้ำพุแห่งนี้“สวยงามเกินกว่าที่ข้าจะคาดเดาได้”“ข้าจิวซินเป็นผู้จัดตกแต่งมันด้วยตัวเอง” ที่แห่งนี้เป็นที่แห่งเดียวในเหอตงหยวนที่จิวซินจะเร้นกายได้ในยามที่ทุกข์ระทม ชงไม่อยากเชื่อสายตาพี่น้องสองคนนี้มีหลายอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจชงไฉ่หย่อนตัวลงไปในบ่อน้ำพุ แต่ทว่าบ่อกลับลึกเกินกว่าที่เขาคาดคิดจึงลื่นไถลลงไป จิวซินเอื้มมือคว้าแต่ไม่ทันทำเอาทั้งสองคนหล่นโครมลงไปในน้ำพุด้วยกันเสียงดังสนั่นจิวซินยันกายลุกขึ้นได้ก่อนควานหาตัวของชงไฉ่ที่ยังอยู่ในน้ำอาภรณ์บางเบาไม่อาจปกปิดเรือนร่างที่อวบอ
“ทำไม่ไม่เอ่ยปากสักคำเล่าข้าป้อนท่านก็ได้” จิวซินนึกเป็นห่วงชงไฉ่ไม่น้อยคิดว่าตัวเองเล่นแรงไปหน่อยเมื่อวานเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรแล้วยังบาดเจ็บอีกยกชามข้าวต้มในมือขึ้นจ่อริมฝีปากขององค์ชายสิบสอง กลิ่นหอมนั้นทำเอาชงไฉ่ถึงกับกลืนน้ำลาย“ความกตัญญูของบุรุษคือล้างแค้นแทนพ่อ ความกตัญญูของลูกสาวคือการปรนนิบัติคนในครอบครัว” จิวซินตักข้าวต้มส่งถึงปากชงไฉ่ความหิวนั้นอาจไม่ถึงกับฆ่าคนแต่สามารถทำให้คนถูกฆ่าได้ ชงไฉ่กินอาหารด้วยความหิวโหยรสชาติที่ดีอยู่แล้วของเครื่องเทศของเหอตงหยวนยิ่งทำให้อาหารอร่อยจิวซินมองชงไฉ่คิดหาแผนการที่จะทำให้ชงไฉ่เห็นความร้ายกาจของจิวซิน“องค์หญิงอาหารของเหอตงหยวนรสชาติดีไม่เลว”“ท่านก็ว่าเช่นนั้นใช่ไหมเห็นไหมเล่าเสี่ยวถังเจ้าหาว่าข้ากินจุความจริงทุกอย่างที่นี่อร่อยข้าถึงกินไม่หยุด”“องค์หญิงหญิงงามกินแต่น้อย ไม่เช่นนั้น...”“เจ้าไม่ต้องกังวลเสี่ยวถัง ก็ในเมื่อองค์รัชทายาทเขาอย่างไรเสียต้องแต่งกับข้าแน่นอนข้าไม่จำเป็นต้องห่วงว่าข้าจะ...ไม่มีสวามี555” หัวเราะเสียงดังสนั่นโดยไม่มีอาการสำรวมแต่อย่างใดชงไฉ่รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างไรพิกลจนแทบจะสำลักนางช่างต่างจากองค์ชายใหญ่จ
จิวซิน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นอาภรณ์ขององค์หญิงไม่ลืมที่จะหยิบผ้าแพรฝืนบางเบาคาดปิดใบหน้าครึ่งปากครึ่งจมูกทรุดตัวลงนั่งข้างชงไฉ่ บรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ดึกสงัดจิวซินเผลอฟุบหลับพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือด้วยความง่วงและความอ่อนเพลียจากการเดินทางชงไฉ่งัวเงียอาการเจ็บแปลบที่แผลทำเอาไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นได้กลอกตาไปมารอบๆ จนสะดุดเข้ากับร่างบางในอาภรณ์สีสวยสดข้างกาย ใบหน้างดงามแต่ถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าแพรบางเบา ความสงสัยไม่อาจอดกลั้นได้ ชงเอื้อมมือหมายปลดผ้าแพรบนใบหน้างามที่มองขัดตาเหลือเกิน แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเอื้อมมือไปจับชายผ้าได้จิวซินกลับตื่นขึ้นมาเสียก่อน ปัดมือของชงไฉ่อย่างแรงด้วยความตกใจ“ใบหน้าข้าอัปลักษณ์ยิ่ง ท่านไม่สมควรจะได้เห็นมัน” ชงไฉ่หดมือกลับ“แม่นางขอบคุณที่ช่วยข้าไว้แม่นางมีชื่อแซ่ว่าอย่างไร”“ข้าจิวซินองค์หญิงรองของเหอตงหยวน หวังว่าท่านคงจะเคยได้ยิน” ชงไฉ่ตะลึงมอง คำพูดของจิ่นเกอที่เขาได้ยินว่าน้องสาวร่วมบิดาใบหน้าขี้ริ้วกิริยาหยาบกระด้างไม่อาจปฏิเสธได้“ข้าชงไฉ่องค์ชายสิบสององค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนยินดีที่พบองค์หญิงรอง” ชงไฉ่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังฐานะของตนเองในเมื่อ
การเดินทางรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อสองข้างทางแม้จะรกเรือหากแต่ทางที่ไปนับว่าสะดวกสบายเหลืออีกไม่กี่ลี้ก็จะเข้าเขตแดนของเหอตงหยวนซิงซาบังคับม้าให้หยุด“องค์ชายเบื้องหน้าเป็นเขตแดนของเหอตงหยวนแล้วเราพักที่นี่เสียก่อนพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”“เร่งเดินทางดีกว่าซิงซาอาจมีโรงเตี้ยมสักแห่งให้พักแรมดีกว่านอนกลางป่าเขา” ซิงซากระตุกม้าให้ตะบึงแทนคำตอบทั้งคู่ เข้าสู่ชายแดนเหอตงหยวนดวงอาทิตย์เริ่มอัสดงคล้อยแสงต่ำลงหาได้พบโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้ไม่ชงไฉ่กระตุกม้าเร่งความเร็วจนเคียงคู่ม้าของซิงซา“คงต้องพักค้างแรมเสียแล้วม้าและเราทั้งคู่เหนื่อยล้ามากคงต้องพักเสียที่นี่ไม่มีโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้”“องค์ชายซิงซาจะหายิงไก่ป่ามาย่าง” ซิงซาอาสาคว้าธนูมาถือไว้มั่นเหมาะควบม้าจากไปชงไฉ่หากิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟ ตัดกิ่งไม้มาปูนั่งรอซิงซาความมืดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณแสงสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้าซิงซาควบม้าตะบึงตามกระต่ายไปหาใช่ไก่ป่าไม่จนเข้าไปในดงไผ่หนาทึบ วกวน หาทางออกไม่เจอ ควบม้าวนไปวนมาจนเหนื่อยล้ามือสังหารนับสิบกรูกันเข้ามาล้อมกรอบชงไฉ่ไว้กระบี่ในมือไม่อาจดูดายถูกชักออกจากฝักด้วยท่วงท่าสง่างามเข้าพันตุด้วยไม
ชายาเอกเหตุใดต้องเป็นคนของเหอตงหยวนแต่ไม่อาจมีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาได้แต่ก้มหน้านิ่ง“ท่านคิดว่าอย่างไรเสีย ก็ยังปักใจให้จิวซินน้องเป็นชายาเอกเช่นนั้นหรือ”“ไม่เป็นการอยุติธรรมไปหน่อยหรือหากข้าจะรีบตัดสินน้องของท่านเพียงเพราะคำพูดของท่านเท่านั้นองค์ชายใหญ่” ชงไฉ่แสดงให้เห็นถึงความเป็นบุรุษอย่างแท้จริงที่ไม่อาจตัดสินหญิงใดเพียงแค่คำนินทา จิวซินเผลอยิ้มด้วยความพึงใจ“ดีเช่นนั้นท่านต้องได้พานพบนางอย่างแน่นอนเมื่อนั้นค่อยตัดสินนางยังไม่สาย” ยกชาขึ้นจิบละเมียดรสชาที่ขมปนฝาดเยว่ฉีเหลือบตามองจิวซินอย่างค้นคว้าแม่เป็นสตรีหากแต่นางก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าจิวซินมิใช่บุรุษอย่างแท้จริงจิวซินระมัดระวังตัวอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวเพราะกิริยาบางอย่างมีเพียงอิสตรีด้วยกันเท่านั้นที่สามารถมองทะลุปรุโปร่ง“องค์ชายใหญ่จิ่นเกอ องอาจงดงามมิเสียแรงที่ทั่วทั้งวังกล่าวขานถึงความองอาจของท่าน” เยว่ฉีลองหยั่งเชิงดู“แม่นางเยว่ฉี กล่าวเช่นนี้องค์รัชทายาทจะเคืองขุ่นเมื่อภรรยากับเห็นผู้อื่นองอาจกว่าคนที่ร่วมเตียงทุกคืนวัน” ชงไฉ่อมยิ้มกับคำกล่าวของจิวซิน เยว่ฉีทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดผิด