ร้านชาอันเย่ฉู่เหมียนกับเสิ่นเหราเดินเข้าไปที่ห้องส่วนตัว เสิ่นเหราถามขึ้น “แล้วเธอจะเลือกยังไง?”“แน่นอนว่าต้องไปโรงพยาบาล! การหย่าของฉันกับกู้ว่างเชินไม่ได้จะหย่ากันได้ง่าย ๆ นะ คุณหญิงกู้จับตามองอยู่แบบนั้น!” ฉู่เหมียนถอนหายใจ“ที่รักของฉันช่างน่าสงสารจริง ๆ เพิ่งหลุดออกมาจากการแต่งงานที่แสนขมขื่นได้ ไม่นานก็ต้องทำงานแล้ว!” เสิ่นเหราอดหัวเราะไม่ได้ ฉู่เหมียนปิดประตูห้องส่วนตัว พ่นลมหายใจ แล้วจู่ ๆ ก็ทำท่าทางเป็นเหมือนตาแก่หื่นกาม ยิ้มตาหยีแล้วชูกระเป๋ายาเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือ “มานี่สิแม่ดาราดัง ให้ป๋าได้ดูแลเธอหน่อย!”เสิ่นเหรา “…อี๋! ขนลุก!”เสิ่นเหราเพิ่งกลับมาจากการถ่ายทำภาพยนตร์ มีอาการปวดหลังและตะคริวที่ขา ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวมาก ๆ!เมื่อฉู่เหมียนได้ยิน เธอก็รีบมาหาพร้อมเข็มและแก้วสำหรับครอบแก้ว วางแผนที่จะฝังเข็มและครอบแก้วให้เสิ่นเหราเพื่อคลายความเหนื่อยล้า!“รีบถอด ๆ สิ!” ฉู่เหมียนเปิดกระเป๋าชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์และหรี่ตามองเสิ่นเหราไปด้วยใครมันจะไม่ชอบมองผู้หญิงสวยกัน?เสิ่นเหราป
แต่จนถึงวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าเทคนิคการฝังเข็มแบบนี้มาจากฉู่เหมียน!“เสร็จแล้ว อีกสี่สิบนาทีฉันจะถอดเข็มให้เธอ” ฉู่เหมียนบอกแล้วใข้ผ้าห่มผืนบางคลุมให้เสิ่นเหราแล้วถามว่า “ช่วงนี้จะมีถ่ายหนังไหม? ฉันจะได้ไม่ต้องครอบแก้วให้”“มี” เสิ่นเหราพยักหน้าทุกครั้งที่ฉู่เหมียนฝังเข็มให้เธอ เธอมักจะรู้สึกง่วงนอนมากเธอรู้ดีว่าฉู่เหมียนนั้นตั้งใจทำแบบนี้ ฉู่เหมียนรู้ว่าปกติเธอนั้นพักผ่อนไม่เพียงพอก็เลยอยากให้เธอนอนหลับลึกเพื่อเป็นการเติมพลังให้ตัวเอง!คนนอกอาจจะมองว่าฉู่เหมียนนั้นไร้ค่า แต่ในสายตาของเสิ่นเหรานั้น ฉู่เหมียนเป็นคนแสนวิเศษที่สามารถรักษาได้ทุกอย่าง!ฉู่เหมียนนอนอยู่บนเก้าอี้โยกด้านข้าง เธอหยิบโทรศัพท์มาดูและเห็นว่าวันนี้ข่าวค่อนข้างเงียบ ไม่มีข่าวแย่ ๆ เกี่ยวกับงานเลี้ยงคุณหญิงกู้เมื่อคืนออกมาเลยแม้แต่ข่าวเดียว!เรื่องที่ลู่เจียวมอบบัวหิมะพันปีปลอมให้กับคุณหญิงไม่มีใครพูดถึงเลยเหรอ?ฉู่เหมียนหรี่ตา เธอค้นหาคำว่า “บัวหิมะพันปี” แต่กลับไม่พบอะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่าดูเหมือนว่าจะมีคนจงใจบล็อกคำค้นหานี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นตระกูลลู่ที่กลัวขายหน้า ตระกูลกู้หรือไม่ก็เป็นกู้ว่างเชิ
“ผู้อำนวยการหลิน ปกติคุณเป็นตะคริวแบบนี้ประจำใช่ไหม? พวกเราโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว! คุณใจเย็น ไว้นะ…”พนักงานร้านน้ำชาปลอบใจเขาฉู่เหมียนแหวกฝูงชนเดินเข้าไปคนกลุ่มนั้นหันมาจ้องมอง “เบียดเข้ามาทำไม!”“ใช่! คุณสามารถรักษาเขาได้เหรอไงกัน?”“ก็แค่ชาวบ้านอยากมามุง พวกไม่รู้จักมารยาท!”“ดูเธอปิดหน้าปิดตาสิ…นี่อะไร? คนดีที่ไหนจะปิดหน้าปิดตาแบบนี้?”พวกเขาปิดปาก สายตาเต็มไปด้วยความตำหนิ แล้วเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เหมียนฉู่เหมียนปรายตามองพวกเขา อดรู้สึกรำคาญไม่ได้คนในสังคมปัจจุบันเต็มไปด้วยความรุนแรงและชอบพูดต่อว่าถากถางคนอื่น!“เจ็บ เจ็บมาก !” หลินเฮิงชุยกัดฟันแน่นที่ผ่านมาเขาเป็นชอบตะคริวอยู่บ่อย ๆ แต่งานของเขายุ่งมากเลยไม่ได้สนใจมันหมอส่วนมาก จะชอบรักษาตนเองและคิดว่าตนเองนั้นไม่เป็นอะไร!ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร เมื่อเขากำลังลุก อาการมันก็หนักขึ้น!อาการคราวนี้รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! ความเจ็บค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นชา เหมือนกับทั้งขานั้นไร้ความรู้สึกฉู่เหมียนสังเกตกล้ามเนื้อที่กระตุกของเขา แผนการฝังเข็มก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอมั่นใจมากกว่าหลังจากที่เธอฝังเข็มแล้วเขาจะค่อย ๆ ดี
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เหมียนไม่ใช่พนักงานของร้านชา ถ้าเกิดฉู่เหมียนทำอะไรที่เกิดปัญหา ร้านน้ำชาของพวกเขาจะไม่รับผิดชอบแน่“ถ้าเกิดปัญหาอะไร ฉันจะรับผิดชอบเอง!” หลินเฮิงชุยพูดอย่างจริงจังฉู่เหมียนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนนี้เชื่อใจเธอจริง ๆ ถ้างั้นเธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง!พอพูดจบฉู่เหมียนจัดการเตรียมเข็มเข็มของเธอดูจริงจังและน่ากลัวหลินเฮิงชุยสังเกตเห็นเข็มในมือของฉู่เหมียนอย่างพินิจพิจารณา เข็มนี้…ทำไมถึงดูคุ้น ๆ นัก?ฉู่เหมียนหันไปมองหลินเฮิงชุย จากนั้นวางมือไปบนขาของเขาที่บวมแล้วม่วงขึ้น “คุณคะ ฉันจะเริ่มแล้วนะคะ”หลินเฮิงชุยพยักหน้าฉู่เหมียนไม่พูดอะไรแล้วลงเข็มทันทีหลินเฮิงชุยคิดว่ามันจะเจ็บมาก แต่แปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่คิดไม่ถึงเมื่อฉู่เหมียนลงเข็มไปกี่สิบเข็ม ไม่มีเข็มไหนเลยที่เจ็บ!นี่มันน่าทึ่งมาก! แม้แต่อาจารย์แพทย์แผนจีนในโรงพยาบาลที่มีประสบการณ์หลายสิบปียังไม่สามารถทำให้ไม่เจ็บเลยได้!เด็กสาวคนนี้ ทำได้ยังไงกัน?“ยังเจ็บอยู่ไหมคะ?” ฉู่เหมียนหันไปถามหลินเฮิงชุยหลินเฮิงชุยพยักหน้า แล้วตอบตามจริง “มันยังไม่ดี
เสิ่นเหรานอนอยู่บนเตียง แล้วโทรหาฉู่เหมียน “คุณหนูฉู่ หายไปไหนมาตั้งนาน?”ทันทีที่พูดจบ ประตูก็ถูกเปิดออกเสิ่นเหรามองออกไป ก็เห็นฉู่เหมียนกลับสู่สภาพเดิม“ดาราของฉัน ฉันมาถอนเข็มให้เธอแล้ว” ฉู่เหมียนเดินไปหา ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก“หมวกล่ะ?” เสิ่นเหราถามเธอ“ฉันชอบก็เลยเก็บไว้เอง เธอไม่ต้องใส่แล้ว ไม่งั้นถ้าออกไปไหนพวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นเธอ!” ฉู่เหมียนหาเหตุผลมาพูดแบบส่ง ๆเสิ่นเหราไม่ได้ถามอะไรต่อมากมายหลังจากที่ฉู่เหมียนฝังเข็มให้กับเสิ่นเหราแล้ว ร่างกายของเสิ่นเหราก็ผ่อนคลายลง ไม่รู้สึกล้าเลยสักนิดเมื่อเดินออกไป ฉู่เหมียนได้ยินผู้จัดการพูดที่ล็อบบี้ “แปลกจริง ๆ ทำไมคลิปจากกล้องวงจรปิดช่วงนั้นถึงหายไปได้?”“คุณหลินขอร้องให้ฉันตามแขกคนหนึ่ง นี่มันกลายเรื่องยุ่งยากไปแล้ว!”“โอ๊ย ก็ไม่รู้เลยว่าสาวน้อยคนนั้นมาจากไหน! แปลกมากจริง ๆ!”ฉู่เหมียนก้มหน้าดูโทรศัพท์ แล้วบ่นพึมพำ “ดูสิ พวกเราจะไปกินอะไรดี?”“เหมียนเหมียน!” มีมือมาแตะแขนเธอฉู่เหมียนหันไปกำลังจะถามเสิ่นเหราว่ามีอะไร ก็เห็นสองคนที่เดินเข้าประตูมากู้ว่างเชินกับลู่เจียวในมือของกู้ว่างเชินมีของขวัญอยู
ทีแรกเธอไม่อยากจะด่ากู้ว่างเชิน เพราะฉู่เหมียนยังรักกู้ว่างเชินอยู่ หากเธอด่ากู้ว่างเชินฉู่เหมียนคงเสียใจ แต่เขาดันเสนอหน้ามาให้เธอด่าเอง!ใบหน้าของกู้ว่างเชินนั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาพูดเสียงต่ำ “เสิ่นเหรา!”เสิ่นเหราไม่ใช่ฉู่เหมียนไม่เคยทนยอมให้ใครมาเหยียบย่ำ เธอถลึงตาใส่กู้ว่างเชินและพูดอย่างไม่แยแส “เรียกอะไรหนักหนา คิดว่าเรียกหมาเหรอ”กู้ว่างเชินขมวดคิ้วแน่น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาคนอื่นที่อยู่ในร้านน้ำชาต่างมองมา เมื่อผู้จัดการร้านเห็นกู้ว่างเชิน ก็รีบขอให้คนมาจัดการกับผู้มุงอยู่เพื่อไม่ให้รอบ ๆ มีคนมากเกินไปลู่เจียวมองดูสถานการณ์ ก็ไปยืนขวางหน้ากู้ว่างเชิน “พอเถอะ! เสิ่นเหรา ถ้าเธอมีปัญหาอะไรกับฉันก็มาลงที่ฉัน เธอจะด่าอาเชินทำไม?”“เธอคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ?” เสิ่นเหราจ้องลู่เจียวลู่เจียวคิดว่าตัวเองเป็นใคร?“เธอก็เป็นเมียน้อย คิดจะมาสร้างเรื่องอะไรต่อหน้าเมียหลวงเหรอ?”ลู่เจียวได้ยินตัวก็สั่นไปหมด เสิ่นเหราด่าว่าเธอเป็นเมียน้อยงั้นเหรอ?“เสิ่นเหรา เธอพูดแรงเกินไปหรือเปล่า?”เสิ่นเหราหัวเราะ แรงงั้นเหรอ? เธอสามารถพูดได้แรงกว่านี้อีกนะไม่รู้ลู่เจียวจะอยากฟัง
ตอนนี้ตระกูลฉู่เต็มไปด้วยดอกไม้ เสิ่นเหราเกือบซื้อดอกกุหลาบที่มีในเมืองอวิ๋นทั้งหมดให้ฉู่เหมียนฉู่เหมียนยืนอยู่ตรงระเบียงมองดูดอกกุหลาบที่อยู่เต็มสนามหญ้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และคิดในใจว่ามีเพื่อนซี้ที่ดีขนาดนี้จะมีแฟนไปทำไมกัน?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ข้างล่าง ฉู่เทียนเหอที่กำลังเลิกงานกลับมารู้สึกงุนงง “ลูกมีหนุ่มคนใหม่มาจีบเหรอ? โอ้โห ทุ่มเทชะมัดเลย?!”“โอ๊ยลูกสาวฉัน อย่าให้คนใช้สวนดอกกุหลาบนี้มาหลอกเอาล่ะ!” ฉู่เทียนเหอเงยหน้าเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนยิ้มเศร้าติ๊งจู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉู่เหมียนหันกลับไปแล้วพิงราวระเบียงไว้ ปรากฏว่าเป็นกู้ว่างเชินที่โทรมาหาฉู่เหมียนลังเลอยู่สักครู่แล้วกดรับสาย เธอยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแล้วก้มหน้าลง น้ำเสียงนั้นเย็นชาและห่างเหิน ”คุณกู้”“ออกมาสิ ฉันอยู่หน้าบ้านเธอ” น้ำเสียงออกคำสั่งของเขานั้นชัดเจนและเข้มงวดฉู่เหมียนนิ่งไปสักพัก หา?เธอรีบหันกลับไปมองที่ประตูบ้าน มองผ่านสวนกุหลาบไปก็เห็นซุปเปอร์คาร์สีเทาเงินจอดอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกล“มีเรื่องอะไร?” ฉู่เหมียนสงสัยเขามาที่ตระกูลฉู่น้อยมาก ทำไมช่วงนี้ถึงมาที่นี่เสียบ่อย?“ลู่เจีย
แม้ว่าจะเรียกฉู่เหมียน แต่กู้ว่างเชินรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงเขาด้วยคำพูดของฉู่เทียนเหอนั้นชัดเจน เพื่อเร่งให้พวกเขาหย่ากันเร็ว ๆ เลิกลากเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อสักที“เข้าใจแล้วค่ะพ่อ” ฉู่เหมียนตอบไปนิ่ง ๆฉู่เหมียนส่งสายตาให้กู้ว่างเชิน เพื่อเป็นการบอกว่าพวกเขาควรออกไปคุยกันข้างนอกกู้ว่างเชินเดินตามฉู่เหมียนไป เธอสวมกระโปรงสายเดี่ยวหลวม ๆ สีดำ และผมยาวสลวยที่ตกลงไปบนไหล่ ผิวผิวเธอขาวราวหิมะ และกระดูกไหปลาร้าก็เซ็กซี่มากข้อมือและหลังมือของเธอนั้นถูกพันด้วยผ้าก๊อซสีขาว นึกถึงอาการบาดเจ็บเหล่านั้นแล้ว กู้ว่างเฉินก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่“คุณนี่ดื้อจริง ๆ ตามมาถึงในบ้านเลย ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่โกรธ” ฉู่เหมียนพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ใช้มือเด็ดดอกกุหลาบแล้วค่อย ๆ หยิบหนามบนก้านออกอย่างระมัดระวังกู้ว่างเชินสังเกตเห็นกุหลาบเต็มสวนตั้งแต่ที่เดินเข้ามาจึงถาม “หานซือหลี่เป็นคนส่งมาให้เหรอ?”ฉู่เหมียนเหลือบมองเขา พลางสูดกลิ่นหอมของดอกกุหลาบเบา ๆ แล้วตอบไปส่ง ๆ “อืม”เขาพูดว่าใช่ งั้นก็ใช่แล้วกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของกู้ว่างเชินก็เข้มขึ้นหานซือหลี่นั้นลงมือจีบเธอเต็มที่จริง ๆฉู่เ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ