แม้ว่าจะเรียกฉู่เหมียน แต่กู้ว่างเชินรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงเขาด้วยคำพูดของฉู่เทียนเหอนั้นชัดเจน เพื่อเร่งให้พวกเขาหย่ากันเร็ว ๆ เลิกลากเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อสักที“เข้าใจแล้วค่ะพ่อ” ฉู่เหมียนตอบไปนิ่ง ๆฉู่เหมียนส่งสายตาให้กู้ว่างเชิน เพื่อเป็นการบอกว่าพวกเขาควรออกไปคุยกันข้างนอกกู้ว่างเชินเดินตามฉู่เหมียนไป เธอสวมกระโปรงสายเดี่ยวหลวม ๆ สีดำ และผมยาวสลวยที่ตกลงไปบนไหล่ ผิวผิวเธอขาวราวหิมะ และกระดูกไหปลาร้าก็เซ็กซี่มากข้อมือและหลังมือของเธอนั้นถูกพันด้วยผ้าก๊อซสีขาว นึกถึงอาการบาดเจ็บเหล่านั้นแล้ว กู้ว่างเฉินก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่“คุณนี่ดื้อจริง ๆ ตามมาถึงในบ้านเลย ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่โกรธ” ฉู่เหมียนพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ใช้มือเด็ดดอกกุหลาบแล้วค่อย ๆ หยิบหนามบนก้านออกอย่างระมัดระวังกู้ว่างเชินสังเกตเห็นกุหลาบเต็มสวนตั้งแต่ที่เดินเข้ามาจึงถาม “หานซือหลี่เป็นคนส่งมาให้เหรอ?”ฉู่เหมียนเหลือบมองเขา พลางสูดกลิ่นหอมของดอกกุหลาบเบา ๆ แล้วตอบไปส่ง ๆ “อืม”เขาพูดว่าใช่ งั้นก็ใช่แล้วกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของกู้ว่างเชินก็เข้มขึ้นหานซือหลี่นั้นลงมือจีบเธอเต็มที่จริง ๆฉู่เ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้!” ฉู่เหมียนปฏิเสธหานซือหลี่“ให้ผมไปกับคุณนะ เอาแบบนี้แหละ” หานซือหลี่ไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ แล้ววางสายไปฉู่เหมียนทำอะไรไม่ถูก เธอวางโทรศัพท์ลง และเพิ่งรู้ตัวว่ายังถูกกู้ว่างเชินจับไว้“คุณกู้ มันจะหยาบคายมากเกินไปนะถ้าคุณยังจับมือฉันไว้แบบนี้” เธอเตือนเขาอย่างเป็นมิตรพวกเขาเป็นอดีตสามีภรรยากัน ทำไมยังต้องมาแตะเนื้อต้องตัวกันอีก?ถ้าเกิดถูกลู่เจียวเห็นเข้า คงร้องไห้และโวยวายแน่“เธอจริงจังกับหานซือหลี่แล้วเหรอ?” น้ำเสียงของกู้ว่างเชินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“สนใจแต่ตัวเองเถอะ จะมาสนใจฉันทำไม?” ฉู่เหมียนจับมือกู้ว่างเชินออกด้วยความรังเกียจเราควรทำยังไงดีถ้าอดีตสามีเข้ามาวุ่นวายมากไป? ใครก็ได้บอกหน่อย!“ฉู่เหมียน เขาไม่ใช่คนดีนะ!” กู้ว่างเชินพยายามเตือนเธอฉู่เหมียนหัวเราะ “คนที่เลวที่สุดในโลกฉันก็เคยรักมาแล้ว ฉันต้องกลัวว่าหานซือหลี่จะไม่ใช่คนดีอีกเหรอ?”กู้ว่างเชินอึ้งเขาเป็นคนเลวที่สุดในโลกงั้นเหรอ?“สนใจเรื่องตัวเองเถอะ!” พูดจบ ฉู่เหมียนก็เดินเข้าบ้านเมื่อมองดูฉู่เหมียนที่เดินจากไป ในใจของกู้ว่างเชินนั้นกลับยิ่งรู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้นี่มันจร
เธอมุ่งความสนใจไปที่คุณย่า คงเป็นเพราะแนวการปฏิบัติทางการแพทย์ของเธอนั้นคล้ายกับย่า เพราะยังไงฉู่เหมียนได้รับอิทธิพลจากคุณย่ามาตั้งแต่เด็กเชียนลี่จวินรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลูกศิษย์ผู้หญิงเหรอ?ตลอดชีวิตนี้เธอไม่เคยรับลูกศิษย์เลย! คนเดียวที่เธออยากสอนก็คือฉู่เหมียน แต่ฉู่เหมียนไม่เชื่อฟัง ไม่อยากเรียนแพทย์กับเธอ!มันน่าโมโหจริง ๆ“เสี่ยวหลิน ฉันไม่เคยรับลูกศิษย์เลยนะลืมไปแล้วเหรอ?” เชียนลี่จวินถามด้วยสีหน้าจริงจังหลินเฮิงชุยนิ่งไป แล้วคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้“งั้น…” หลินเฮิงชุยเงยหน้าขึ้น อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉู่เหมียน“สวัสดีค่ะคุณลุงหลิน” ฉู่เหมียนยิ้ม ในที่สุดก็มีโอกาสเอ่ยทักทายหลินเฮิงชุยมองไปที่ฉู่เหมียน นี่คือฉู่เหมียน…เธอดูมีรูปร่างคล้าย ๆ กับเด็กสาวในวันนี้หรือจะเป็นฉู่เหมียน?แม้ว่าผู้คนข้างนอกจะบอกว่าฉู่เหมียนไร้ฝีมือทางการแพทย์ แต่เขารู้ว่าฉู่เหมียนนั้นไม่ธรรมดา!แต่เสียงของฉู่เหมียนไม่เหมือนกับคนผู้นั้น เสียงของสาวน้อยคนนั้นแหบห้าวกว่าคิดถึงตรงนี้ หลินเฮิงชุยก็หยิบเข็มออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนแล้วส่งให้คุณหญิงดู แล้วถาม “อาจารย์ คุณรู้ไหมครับว่าเป็น
“กู้ว่างเชิน คุณมาที่นี่ทำไม?” ฉู่เหมียนมองคนตรงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยกู้ว่างเชินใบหน้าเรียบเฉย “คุณไม่ดีใจที่เห็นผมเลยนะ?”ดูจากการแสดงออกของฉู่เหมียน เธอไม่ใช่แค่ไม่ดีใจแต่ยังโมโหอีก เธอผิดหวังเป็นเพราะเขาไม่ใช่หานซือหลี่งั้นเหรอ?ตอนนั้นเองเสียงเซิ่งฉิงก็ดังมาจากในบ้าน “เหมียนเหมียน มีอะไรหรือเปล่า?”“ไม่ค่ะ หานซือหลี่มาแล้ว หนูไปก่อนนะคะ!” ฉู่เหมียนพูด แล้วจับแขนของกู้ว่างเชินมาข้างนอกกู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของฉู่เหมียนซึ่งไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีเวลาโกหก แล้วถาม “คิดว่าฉันเป็นหานซือหลี่เหรอ?”“ถ้าคุณไม่กลัวพ่อของฉันทุบด้วยไม้กวาด คุณก็พูดเองเลยว่าคุณเป็นใคร!” ฉู่เหมียนถลึงตาใส่กู้ว่างเชิน แล้วมองด้วยสายตารังเกียจกู้ว่างเชิน “…”ฉู่เทียนเหอทำแบบนั้นได้จริง ๆฉู่เหมียนผลักกู้ว่างเชินออกไปที่นอกประตูใหญ่ก่อนที่จะปล่อยมือ “มาทำไมอีก?”“นี่สามวันแล้ว ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผล” เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างใจเย็นเขาจะไม่ยอมให้หานซือหลี่เป็นคนพาฉู่เหมียนไปทำแผลแน่นอนคนในโรงพยาบาลทุกคนรู้ว่าฉู่เหมียนเป็นภรรยาของกู้ว่างเชิน ถ้าหานซือหลี่เป็นคนพาไป คนอ
ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นและเห็นรถของหานซือหลี่ หานซือหลี่นั่งมองพวกเขาอยู่ในรถอย่างเงียบ ๆไม่นาน หานซือหลี่ลงจากรถ แล้วเดินมาหาพวกเขาฉู่เหมียนขยับออกมาสองก้าว เพื่อรักษาระยะห่างจากกู้ว่างเชินการรักษาระยะห่างแบบนี้ทำให้กู้ว่างเชินปวดใจ“เหมียนเหมียน ผมมาสายหรือเปล่า?” หานซือหลี่ถามติดตลก“ไม่เลย” เขาไม่ได้มาสาย แต่เป็นกู้ว่างเชินที่มาถึงก่อน“งั้นผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีไหม?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจฉู่เหมียนพยักหน้าและพูดอย่างชัดเจน “ได้”พูดจบเธอก็เดินไปกับหานซือหลี่กู้ว่างเชินจับมือของฉู่เหมียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใช้แรงมากกว่าที่ผ่านมาใต้ต้นอู๋ถง แสงแดดส่องผ่านลอดกิ่งไม้ ทำให้เกิดเงาทอดกระทบกับทั้งสามคน กู้ว่างเฉินก้มหน้ามองมือที่สั่นเทาของฉู่เหมียน เขากลืนน้ำลาย เสียงของเขาต่ำลงและนิ่ง “แน่ใจนะว่าอยากไปกับเขา?”ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินเขาเงยมาสบตาเธอพอดี สายตาของเขานั้นยากจะคาดเดา ฉู่เหมียนมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่เธอไม่เข้าใจกู้ว่างเชิน แต่หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยเข้าใจกู้ว่างเชินเลยจู่ ๆ ฉู่เหมียนก็นึกถึงฤดูร้อนตอนปีสี่ กู้ว่างเชินพาลู่เจี
ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินที่เดินอ้อมรถแล้วขึ้นมานั่งในที่นั่งคนขับด้วยสายตางุนงงว่างเปล่าเขากำลังข่มขู่เธอเหรอ?คนที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการหย่าไม่ใช่เขาเหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นเธอได้?น่าตลกเสียจริง!หานซือหลี่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถ แล้วมองกู้ว่างเชินอย่างงุนงง หลังผ่านไปสักพัก เขาก็กอดอกพิงหน้ารถแล้วยิ้มออกมาอย่างจนปัญญาหมอนั่่นรักหรือไม่รักฉู่เหมียนกันแน่?ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินที่อยู่ฝั่งคนขับ รู้ดีว่าไม่สามารถใช้วิธีแข็งกร้าวกับกู้ว่างเชินได้ เธอจึงลองพูดดี ๆ ดูเธอยิ้มอย่างสดใสด้วยใบหน้าจริงใจ “คุณกู้ ฉันซาบซึ้งในความมีน้ำใจของคุณ แต่หานซือหลี่เขาก็มาแล้ว ฉันไม่สามารถปล่อยให้เขามาเก้อได้ใช่ไหม? นั่นกระอักกระอ่วนไปหน่อยไหม?”กู้ว่างเชินเงยหน้ามองไปที่ดวงตารูปอัลมอนด์ของฉู่เหมียนเธอดูสวยงามที่สุดยามเธอยิ้ม ดูราวกับสายลมที่ทำให้หัวใจคนสั่นไหว“แล้วเธอคิดว่าปล่อยให้ฉันเก้อได้อย่างนั้นเหรอ?” เขาโน้มตัวไปหาฉู่เหมียน ดวงตาสีเข้มของเขามองไปที่ฉู่เหมียน เสียงต่ำลง “หืม?”ฉู่เหมียน “…” เขาพยายามแข่งกับหานซือหลี่เหรอ?“คุณกู้ คุณไร้เหตุผลมากเกินไปหรือเปล่า? คู่หมั้นของคุณก็สบายใจแล
หานซือหลี่ยังไม่ไปไหนยิ่งฉู่เหมียนขัดขืน กู้ว่างเชินยิ่งไม่ยอมปล่อยให้เธอลงจากรถ“นั่งดี ๆ” เขาเตือนเสียงเย็น หลังจากนั้นก็เหยียบคันเร่งรถสปอร์ตวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นการท้าทายหานซือหลี่ฉู่เหมียนโมโห ทำได้แค่ส่งข้อความไปขอโทษหานซือหลี่หานซือหลี่ตอบกลับอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไร ผมมาสายเอง”เห็นแบบนี้แล้ว ฉู่เหมียนยิ่งรู้สึกผิดหานซือหลี่นั้นเป็นคนมีความมั่นคงทางอารมณ์ คนแบบนี้แหละเหมาะจะเป็นอีกคู่ชีวิตแต่หัวใจของเธอนั้นกลับยากที่จะรักคนอื่นอีกฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะมองกู้ว่างเชินเขาขับรถด้วยสีหน้าบูดบึ้ง อาจเป็นเพราะสายตาที่ร้อนแรงของเธอที่มองเขา เขาจึงหันมามองเธอฉู่เหมียนรีบมองออกไปนอกหน้าต่าง ใจของเธอนั้นว้าวุ่น ปลายนิ้วของเธอจับกันแน่นอย่างกระวนกระวายจนแทบจะมัดเป็นปมได้ตอนนี้เหมือนความรู้สึกของเธอที่มีต่อกู้ว่างเชินยิ่งเหมือนจะกลายเป็นปมที่ยากจะแก้ไขรถหยุดตรงหน้าประตูโรงพยาบาลกู้ว่างเชินเปิดประตูให้เธอ ฉู่เหมียนเหลือบมองเขานิดหน่อยแล้วก้าวเท้าไปที่ห้องฉุกเฉินกู้ว่างเชินเดินตามหลังเธอไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึมฉู่เหมียนรู้สึกอึดอัด หันไปมองเขาเป็นระยะกู้ว่
“อาเชิน ฉู่เหมียน?”จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลังฉู่เหมียนและกู้ว่างเชินหันไปมองก็เห็นลู่เจียวสวมเสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือแก้วกาแฟอยู่สีหน้าของลู่เจียวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธออดกัดปากไม่ได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงติดต่อกู้ว่างเชินไม่ได้เช้านี้เพราะว่าเขามาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉู่เหมียนนี่เองเขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงไปไหนมาไหนกับภรรยาเก่าอยู่ล่ะ?“ฉันมารบกวนพวกคุณหรือเปล่า?” ลู่เจียวถามอย่างขมขื่นกู้ว่างเชินรีบอธิบายกับลู่เจียว “ไม่เลย งานเลี้ยงไม่กี่วันก่อนที่ฉุ่เหมียนได้รับบาดเจ็บ ผมแค่เธอมาล้างแผล”ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชิน อดไม่ได้ที่จะด่าเขาในใจว่าคนต่ำช้า อยากจะคว้าไว้ทั้งคู่สินะลู่เจียวฝืนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่มีพอใจ แต่ต้องยิ้มไว้ “วันนั้นต้องขอบคุณเหมียนเหมียนที่ช่วยฉัน ไม่งั้น…”“เขาโกหกเธอ” ฉู่เหมียนขัดลู่เจียวกู้ว่างเชินรีบหันไปมองฉู่เหมียนพลางหรี่ตาลง นี่เธอคิดจะทำอะไร?ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้กู้ว่างเชินด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “ลู่เจียว คุณควรจับตาดูคู่หมั้นของคุณไว้ ตอนเช้าเขาก็ไปหาฉันที่บ้านแต่เช้า ยืนกรานจะพาฉันมาโรงพยาบาลเพื่อล้างแผล ตอนนี้ฉันชักเริ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ