หลินไห่เม่ยที่ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ลู่เจียวมอบบัวหิมะพันปีปลอมให้เธอแบบนี้นี่คิดจะดูถูกกันเหรอ?ใบหน้าของลู่เจียวซีดเผือด เธอรีบส่ายหัวแล้วพูดกับหลินไห่เม่ยว่า “คุณย่าคะ อย่าไปฟังที่เขาโกหกนะคะ ตระกูลลู่ภักดีต่อตระกูลกู้ และหนูก็เคารพท่านมาก! หนูไม่มีทางดูถูกท่านแน่ ๆ ค่ะ!”เธออยากเข้าตระกูลกู้จะตาย เธอจะไปดูถูกตระกูลกู้ได้ยังไง?ลู่เจียวกัดริมฝีปากล่างพลางชี้ไปที่เครื่องทดสอบในมือของฉู่เหมียนแล้วพูดว่า “ของฉันคือบัวหิมะพันปีของจริง ไม่มีทางเป็นของปลอม! ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับเครื่องทดสอบที่ ฉู่เหมียนนำมาแน่นอน!”ใช่! เครื่องทดสอบต้องมีปัญหาแน่ ๆ เธอไม่ได้บัวหิมะพันปีของจริงมา แต่นางคนไร้ค่าอย่างฉู่เหมียนกลับได้มันไปอย่างนั้นน่ะเหรอ?!เมื่อคิดได้ดังนั้น ลู่เจียวก็รีบหันไปหาฉู่เหมียนอย่างรวดเร็วและตะโกนว่า “เธอทำบางอย่างกับเครื่องทดสอบสินะ!”เธอไม่เชื่อว่าฉู่เหมียนจะหาบัวหิมะพันปีมาได้จริง ๆ !หลายวันมานี้เธอบอกฉู่เหมียนต่อหน้าอยู่เสมอว่าเธอได้บัวหิมะพันปีมาแล้ว แต่ตอนนี้บัวหิมะพันปีกลับอยู่ในมือของฉู่เหมียน!ฉู่เหมียนได้บัวหิมะพันปีมาตั้งนานแล้วเหรอ? แสดงว่าหลายวันนี้เธอ
“ต้นไหนเป็นของคุณลู่?” หวงเฮ่อเสียงถามลู่เจียวที่จริงเขาเห็นที่ตระกูลลู่ออกข่าวว่าจะมอบบัวหิมะพันปีให้คุณหญิงกู้แล้วลู่เจียวชี้ไปที่โสมทันทีดวงตาของหวงเฮ่อเสียงนิ่งงันไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็กระตุกมุมปากโสมไม่ใช่เหรอ?หวงเฮ่อเสียงมองไปที่โสมต้นนั้นและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาสายตาของทุกคน ณ ที่นั้นจับจ้องไปที่หวงเฮ่อเสียง ทันใดนั้นพวกเขาก็เอ่ยขึ้นมาราวกับได้รับสัญญาณบางอย่าง “ดูเหมือนว่าของคุณลู่นั้นจะเป็นของจริงนะ!”“น่าสงสารคุณลู่จริง ๆ เธอพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้มีหน้ามีตา แต่กลับถูกกล่าวหาซะอย่างนั้น!”เมื่อลู่เจียวได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้ทำท่าเสียใจขึ้นมาน้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างรวดเร็ว และดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำภายในไม่กี่วินาทีเมื่อครู่ที่เธอถูกกล่าวหานั้นเธอไม่ได้หลั่งน้ำตาเลย แต่วินาทีที่มีคนหนุนหลังเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา!แต่สิ่งที่หวงเฮ่อเสียงกระทำต่อไปกลับเป็นการราดน้ำเย็นใส่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น“ผมเคยเห็นบัวหิมะพันปีนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในหนังสือประวัติศาสตร์ ต้นนี้เป็นของจริง…”หวงเฮ่อเสียงหยิบบัวหิมะที่ฉู่เหมียนส่งมาให้และยืนยันว่า “นี่คือบัวห
ฉู่เหมียนเลิกคิ้ว เธอเข้ามาหาโจวซิ่วหยาและจงใจแสร้งทำตัวใสซื่อ เธอพูดอย่างอ่อนโยนและมีจริต “แม่คะ ช่างมันเถอะค่ะ หนูก็แค่พูดเล่น ๆ เท่านั้นเอง! คุณลู่อาจจะถูกหลอกจริง ๆ ก็ได้นะคะ!”“ช่างมัน? จะช่างมันได้ยังไง! ไม่ได้! กล้าเดิมพันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้!” โจวซิ่วหยาไม่พอใจพวกเขาจะปล่อยให้ฉู่เหมียนถูกรังแกในงานเลี้ยงอาหารค่ำของตระกูลกู้ได้อย่างไร?อีกอย่างนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่ก็อ่อยกู้ว่างเชินทุกวัน จนทำให้ครอบครัวของกู้ว่างเชินต้องแตกแยก เธอต้องสั่งสอนลู่เจียวให้ได้!เมื่อเห็นโจวซิ่วหยาค้านหัวชนฝา ฉู่เหมียนก็มองไปที่ลู่เจียวอย่างทำอะไรไม่ได้เหมือนกันกำลังพูดว่า ‘ฉันพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว’เป็นครั้งแรกที่ฉู่เหมียนรู้สึกว่าการรับบทคนใสซื่อกลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีขนาดนี้!ลู่เจียวกลืนน้ำลายพลางจับกระโปรงของตัวเองแน่นด้วยมือทั้งสองข้างการคุกเข่าเช็ดรองเท้าให้ฉู่เหมียนจะต่างอะไรกับการเปลื้องผ้าให้คนอื่นดูล่ะ?!ปากบอกว่ากล้าเดิมพันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ แต่นี่มันจงใจทำให้เธอขายหน้าชัด ๆ !ฉู่เหมียนนางคนชั่ว นางคนสารเลว!!เธอไม่ควรขอร้องโอกาสให้ตัวเอง ไม่เช่นนั้นเ
โจวซิ่วหยาเดินไปยืนบังฉู่เหมียนและเอ่ยตำหนิ “กู้ว่างเชิน แกจะมาทำตัวบ้าบออะไรที่นี่? แกรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเหรอถึงได้มาด่าคนอื่นเขาแบบนี้?”“ไม่รู้หรอกครับมันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉู่เหมียนก็ผิดที่สั่งให้ลู่เจียวคุกเข่าต่อหน้าคนตั้งมากมาย!” กู้ว่างเชิน กดเสียงต่ำและโกรธอย่างสุดขีดฉู่เหมียนมองเข้าไปในดวงตาของกู้ว่างเชิน และเห็นความเกลียดชังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในดวงตาคู่นั้นเขาเกลียดเธอมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!ฉู่เหมียนก้มหน้าลง รู้สึกเศร้าและเจ็บปวดในใจจนบรรยายไม่ออกเขาไม่เคยเชื่อหรือปกป้องเธออย่างหนักแน่นขนาดนี้เลย แต่นี่เพื่อปกป้องลู่เจียวแล้ว เขาถึงขั้นต่อว่าและทำให้เธออับอายอย่างดุดันขนาดนี้!“พี่อาเชิน...”ดวงตาของลู่เจียวแดงก่ำ ยามที่กู้ว่างเชินคอยประคองเธอไว้ น้ำตาของเธอก็พาลไหลลงมาด้วยรู้สึกเจ็บใจเหลือเกิน!ในสถานที่ที่เธออยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวขณะนี้ ในที่สุดกู้ว่างเชินที่เธอเฝ้ารอก็มาออกหน้าแทนเธอและสนับสนุนเธอ!“ไม่เป็นไรนะเจียวเจียว” กู้ว่างเชินหลุบตาลงและปลอบใจลู่เจียวอย่างอ่อนโยนจริง ๆ แล้วเขาไม่แนะนำให้ลู่เจียวมางานเลี้ยงวันเกิด แต่ลู่เจียวตั้งใจจะมาให้ได้เพื
ดวงตาของกู้ว่างเชินเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขารู้มาว่าช่วงนี้ฉู่เหมียนกำลังทำตัวบ้าคลั่ง แต่เขาไม่คิดว่าฉู่เหมียนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา!“ฉู่เหมียน เธอรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา?” กู้ว่างเชินก้าวไปข้างหน้าและจับข้อมือของฉู่เหมียนไว้แน่นด้วยมือเดียวฉู่เหมียนกัดริมฝีปากเพราะรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านิ้วของเขาเต็มไปด้วยแรงโทสะเพราะเธอพูดว่า ‘อยากให้ลู่เจียวตาย’ถ้าลู่เจียวตายขึ้นมาจริง ๆ เธอก็คงหนีไม่พ้นสินะฉู่เหมียนเงยหน้าจ้องมองชายที่เธอรักมานานหลายปี ดวงตาของเธอไม่มีความรักอันอ่อนโยนอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความเฉยชาเธอเคยคิดว่าหากวันหนึ่งเธอไม่รักกู้ว่างเซินแล้ว ชีวิตของเธอก็คงจะไม่มีหลักค้ำจุนอีกต่อไปแต่ตอนนี้กลับพบว่าหากเลิกรักกู้ว่างเชิน เธอก็จะมีแต่ชีวิตที่มีสีสันมากขึ้นฉู่เหมียนยิ้มมุมปากและค่อย ๆ ตวัดดวงตาลูกกวางของเธอขึ้นอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นปลายนิ้วของเธอก็เกี่ยวเข้ากับคอเสื้อของกู้ว่างเชินและดึงเขาเข้ามาหาในทางเดินสลัวที่ไร้แสงสว่างบนใบหน้าของเธอ ใบหน้าของเธอมีเงาสลัวมีความคลุมเครืออย่างอธิบายไม่ได้กู้ว่างเชินขมวดคิ้วและเอนตัวไปหาเธอพลางเท้
จากนั้นลู่เจียวก็ยื่นมือออกไปจับแขนของฉู่เหมียนแล้วพูดว่า “เธอพอใจรึยัง?”ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะหันมามองเธอ ไม่แปลกที่เธอจะเป็นผู้หญิงที่กู้ว่างเชินรัก เพราะคำถามของเธอเหมือนกันกับกู้ว่างเชินเลย“ฉู่เหมียน เธออยากเห็นฉันกลายเป็นตัวตลกเหรอ?” ลู่เจียวกัดริมฝีปากล่างพลางจ้องมองฉู่เหมียนฉู่เหมียนจับมือลู่เจียวแล้วพูดว่า “มันก็ไม่ถูกอยู่แล้วที่คุณเอาบัวหิมะพันปีของปลอมมาหลอกคุณย่า ในเมื่อคุณกลัวที่จะกลายเป็นตัวตลกก็อย่าเอาของปลอมมาสิ”“มันอยู่ที่เธอจริง ๆ ด้วยสินะ แล้วทำไมไม่บอกฉัน!” ลู่เจียวสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเธอทันทีถ้าฉู่เหมียนพูด เธอจะเอาของปลอมมาไหมล่ะ?!“ก็คุณไม่ได้ถามนี่?” ฉู่เหมียนยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยลู่เจียวกัดริมฝีปากของเธอแล้วสำลักออกมาทุกครั้งที่เจอกันเธอเอาแต่บอกว่ามีบัวหิมะพันปีอยู่ฝ่ายเดียว จริง ๆ แล้วเธอไม่เคยถามฉู่เหมียนเลย!เพราะในใจของเธอคิดว่าคนอย่างฉู่เหมียนไม่คู่ควรที่จะได้บัวหิมะพันปีไปครอบครอง ทำได้แค่มองก็ถือว่าบุญมากแล้ว!“ฉู่เหมียน เธอคิดว่าถ้าเอาชนะฉันได้แล้วกู้ว่างเชินจะรักเธอเหรอ?” ลู่เจียวเชิดหน้ามองอีกฝ่าย ถึงจะเกทับฉู่เหมียนไม่
ฉู่เหมียนที่อยู่ในอาการงุนงงก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาแล้วเรียบร้อยเธอเงยหน้าขึ้นและริมฝีปากของเธอก็เฉี่ยวแก้มของชายคนนั้นเบา ๆ จนเขาตกใจไปชั่วขณะฉู่เหมียนกลืนน้ำลาย มือของเธอโอบรอบคอของชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ก้มหน้าลง“อาเชิน รีบพาเหมียนเหมียนไปโรงพยาบาลสิ!” โจวซิ่วหยารีบเตือนกู้ว่างเชินลูกกระเดือกของกู้ว่างเชินขยับ หลังจากตอบรับเขาก็อุ้มฉู่เหมียนแน่นหานซือหลี่ขมวดคิ้วและกำลังจะตามไป แต่กู้ว่างเชินก็เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา “คุณไม่วางใจที่ผมดูแลเธอเหรอ?”หานซือหลี่หยุดชะงักและพูดด้วยรอยยิ้ม “ประธานกู้อย่าเข้าใจผิดเลยครับ”เลือดจากข้อมือของฉู่เหมียนไหลลงไปที่คอของกู้ว่างเชิน ความรู้สึกที่กำลังเปื้อนเลือดเหนียวเหนอะหนะทำให้กู้ว่างเชินรู้สึกตื่นตระหนกและไม่สบายใจ!เขารีบมองฉู่เหมียนด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน และฝีเท้าของเขาก็ก้าวเร็วขึ้นฉู่เหมียนเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของเขา เธอไม่รู้ว่าตัวเองมองผิดไปหรือเปล่าด้านลู่เจียวนั้นจะตามไปด้วย แต่ก็ถูกต้วนจิ่นเหนียนขวางเอาไว้“คุณลู่ คุณอย่าไปยุ่งเรื่องของสามีภรรยาเขาเลย” ต้วนจิ่นเหนียนยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่ลู่เจียวมองเขาอย่างไม่เป็น
หมอพวกนั้นไม่ได้เรื่องเลย! เขาทำเอง!“ไม่” ฉู่เหมียนเขยิบถอยหลัง“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!” กู้ว่างเชินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เหมียนถอยหลังจนชนกับราวเหล็กกั้นเตียง และอดไม่ได้ที่จะหายใจเฮือกออกมากู้ว่างเชินสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติกับฉู่เหมียน เขารับยาทาแผลกับคีมปากนกแก้วมา ลดเสียงลงแล้วถามว่า “เจ็บตรงไหน?”ฉู่เหมียนมองไปที่กู่ว่างเชินด้วยดวงตาแดงก่ำ ดวงตาของเธอสูญเสียความเฉียบคม เหลือเพียงความสิ้นหวังเท่านั้นหัวใจของกู้ว่างเชินดูเหมือนจะถูกฟาดด้วยบางสิ่งบางอย่าง เขาร้อนใจและหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ได้ “ฉันถามว่าเธอเจ็บตรงไหน!”นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!ทำไมเขาเห็นฉู่เหมียนได้รับบาดเจ็บแล้วถึงอารมณ์เสียขนาดนี้? ใจเขาไม่เป็นสุขแม้แต่เศษเสี้ยวนาทีเลย!ยิ่งเมื่อเห็นฉู่เหมียนมองเขาแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกคนที่ทำให้ฉู่เหมียนเป็นแบบนี้ไม่ใช่เขาสักหน่อย! แล้วอะไรกันที่คอยรบกวนใจเขาไม่หยุด?ฉู่เหมียนหลุบตาลงพลางชี้นิ้วไปที่ด้านหลังกู้ว่างเชินเดินมาตรงด้านหลังของฉู่เหมียนใต้รอยสักรูปผีเสื้อ มีเศษแก้วเล็ก ๆ สองชิ้นปักติดอยู่ผิวของฉู่เหมียนขาวเนียนและบอบบาง เมื่อเศษแก้ว
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ