หมอพวกนั้นไม่ได้เรื่องเลย! เขาทำเอง!“ไม่” ฉู่เหมียนเขยิบถอยหลัง“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!” กู้ว่างเชินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เหมียนถอยหลังจนชนกับราวเหล็กกั้นเตียง และอดไม่ได้ที่จะหายใจเฮือกออกมากู้ว่างเชินสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติกับฉู่เหมียน เขารับยาทาแผลกับคีมปากนกแก้วมา ลดเสียงลงแล้วถามว่า “เจ็บตรงไหน?”ฉู่เหมียนมองไปที่กู่ว่างเชินด้วยดวงตาแดงก่ำ ดวงตาของเธอสูญเสียความเฉียบคม เหลือเพียงความสิ้นหวังเท่านั้นหัวใจของกู้ว่างเชินดูเหมือนจะถูกฟาดด้วยบางสิ่งบางอย่าง เขาร้อนใจและหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ได้ “ฉันถามว่าเธอเจ็บตรงไหน!”นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!ทำไมเขาเห็นฉู่เหมียนได้รับบาดเจ็บแล้วถึงอารมณ์เสียขนาดนี้? ใจเขาไม่เป็นสุขแม้แต่เศษเสี้ยวนาทีเลย!ยิ่งเมื่อเห็นฉู่เหมียนมองเขาแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกคนที่ทำให้ฉู่เหมียนเป็นแบบนี้ไม่ใช่เขาสักหน่อย! แล้วอะไรกันที่คอยรบกวนใจเขาไม่หยุด?ฉู่เหมียนหลุบตาลงพลางชี้นิ้วไปที่ด้านหลังกู้ว่างเชินเดินมาตรงด้านหลังของฉู่เหมียนใต้รอยสักรูปผีเสื้อ มีเศษแก้วเล็ก ๆ สองชิ้นปักติดอยู่ผิวของฉู่เหมียนขาวเนียนและบอบบาง เมื่อเศษแก้ว
ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว ไม่พอใจกับการหยอกล้อของกู้ว่างเชินและกำลังจะผลักเขาออกไปทว่ากู้ว่างเชินกลับยังกอดเธอไว้ในอ้อมแขน โดยจงใจวางคางไว้บนไหล่ของเธอ จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือ “ก็ไม่ใช่ว่าฉันทำให้เธอพอใจไม่ได้นะ”ฉู่เหมียน “…”ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่สังเกตเห็นว่ากู้ว่างเชินเป็นคนหน้าหนาขนาดนี้ฉู่เหมียนเหยียบหลังเท้าของกู้ว่างเชินเขาไม่ถอยหลัง แต่ปล่อยฉู่เหมียนไปฉู่เหมียนจ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง และขณะที่กำลังจะหันหลังจากไป กู้ว่างเชินก็ขมวดคิ้วถาม “เดินได้แล้วเหรอ? อย่าล้มอีกล่ะ”ฉู่เหมียนแสร้งยิ้มและพูดว่า “คุณกู้ไม่ต้องเป็นห่วง!”หลังจากพูดจบเธอก็ยกขาขึ้น แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอจะล้มลงอีกครั้งหลังจากก้าวไปได้แค่ก้าวเดียว!กู้ว่างเชินรีบก้าวไปจะประคองเธอ แต่เธอก็พยุงตัวเองขึ้นมาบนขอบเตียงแล้วฉู่เหมียนก้มหน้าลงและเห็นว่าชายกระโปรงเกี่ยวกับขอบเตียง!กู้ว่างเชินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงทุ้มเหมือนเสียงเชลโลที่หนักหน่วงแต่น่าอภิรมย์เขาเข้ามาช่วยแกะกระโปรงของฉู่เหมียนออกฉู่เหมียนกับเขามองหน้ากัน และฉู่เหมียนก็รู้สึกอายมากจนอยากจะบ้าตายเธอร
นี่เขา มีเรื่องอะไรจะขอเธอรึเปล่า?ฉู่เหมียนหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ทันสังเกตเห็นขั้นบันไดตรงหน้าทันใดนั้นเท้าของเธอก็ก้าวพลาดและเธอก็พุ่งไปหากู่ว่างเซินอย่างควบคุมไม่ได้“อึ่ก...” ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอแนบไปกับแผ่นหลังของกู้ว่างเชิน ทำเอาลมหายใจของเธอร้อนผ่าวกู้ว่างเชินรีบหันกลับมา ใช้แขนโอบรอบเอวของฉู่เหมียน แล้วพยุงเธอเอาไว้ “เป็นอะไรอีกคราวนี้?”ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว “ฉันไม่ทันได้มองบันได”“ฉู่เหมียน เธอนี่ซุ่มซ่ามอยู่เรื่อย” เขาพูดอย่างเหลืออดฉู่เหมียนจ้องมองเขาเธอแค่ชนเขา เขาก็รู้สึกเหลืออดขึ้นมาแล้วถ้าเธอเป็นลู่เจียว เขาคงจะจูบและกอดปลอบเธออย่างลึกซึ้งเลยใช่ไหม?แต่คาดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมา จู่ ๆ ฉู่เหมียนก็ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขน!เขาพูดเสียงทุ้มว่า “เดี๋ยวฉันพาเธอกลับบ้าน”ฉู่เหมียนเกาะไหล่และคอของกู้ว่างเชินแล้วมองเขาด้วยดวงตาลูกกวางของเธอ ซึ่งสายตาตอนนี้เหมือนกับกวางที่กำลังหวาดกลัว เธอไม่เคยสับสนขนาดนี้มาก่อนกู้ว่างเชินที่สังเกตเห็นสายตาของฉู่เหมียน เขามองไปข้างหน้าและพูดอย่างไร้อารมณ์ “อย่ามองฉันแบบนั้น”“กู้ว่างเชิน” จู่ ๆ ฉู่เหมียนก็เรียกชื่อ
กู้ว่างเฉินเปิดประตูรถ ก้มวางฉู่เหมียนลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “อืม ขึ้นรถก่อน”แขนของฉู่เหมียนโอบรอบคอของเขา และเขาไม่สามารถแกะออกไปได้เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่ยอมให้เธอถามตอนนี้เธอก็จะไม่ปล่อยเขาแน่ฉู่เหมียนเป็นคนหัวแข็งดื้อมากและเขาก็รู้เรื่องนี้ดีเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มลง คงท่าเดิมเอาไว้และพูดอย่างจนใจ “ถามมา”ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น เธอมองตรงไปที่เขา กะพริบตาช้า ๆ และถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ถ้าไม่มีลู่เจียว คุณจะรักฉันไหม?”…ถ้าไม่มีลู่เจียว คุณจะรักฉันไหม?ตลอดสามปีมานี้ นี่เป็นคำถามที่เธออยากถามเขาจนแทบบ้ากู้ว่างเชินจ้องหน้าเธอ ความซับซ้อนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในม่านตาสีเข้มของเขาสายตาของฉู่เหมียนจริงจังมากจนทำให้เขาไม่สามารถตอบไปส่ง ๆ ได้เขาควรจะพูดว่า “ไม่” อย่างหนักแน่น แต่ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อมองฉู่เหมียน เขากลับไม่สามารถพูดคำนั้นออกมาได้ฉู่เหมียนเห็นความลังเลในแววตาและสีหน้าสับสนของกู้ว่างเซิน เธอรู้คำตอบของเขาว่าแม้จะไม่มีลู่เจียว เขาก็ไม่รักเธอที่เขาไม่ตอบคำถามนี้ไม่ใช่เพราะลังเล แต่เขาอยากจะไว้หน้าและไม่อยากให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้ฉู่เหมียนชักแ
จู่ ๆ ในหัวของเขาก็เกิดความคิดบ้า ๆ ที่จะครอบครองฉู่เหมียนไว้เป็นของตัวเองวะที่นี่ตอนนี้เลยปลายนิ้วของกู้ว่างเชินกดแรงขึ้น ดวงตาของเขาขรึมลง และเขาทำให้ลิปสติกของฉู่เหมียนเปื้อนอีกด้วยแสงจาง ๆ ตกกระทบบนใบหน้าที่งดงามของเธอ ฉู่เหมียนขมวดคิ้วและส่งเสียงเบา ๆ “อืม…”เสียงที่แผ่วเบาและนุ่มนวลนี้ทำให้กู้ว่างเชิน สูญเสียความยับยั้งชั่งใจไปอย่างสมบูรณ์กู้ว่างเชินก้มหน้าจูบเธออย่างเร่าร้อนเขาควบคุมตนเองได้ดีอยู่เสมอ แต่หลังจากการจูบกันที่บาร์ในวันนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่เหมียนเกราะป้องกันของเขาก็พังทลายลงหลังกู้ว่างเชินบีบคางของฉู่เหมียน คิดอยากจะจูบเธออย่างดูดดื่มมากขึ้นแต่เขากลัวว่าจะเผลอไปปลุกฉู่เหมียนเข้า แล้วสถานการณ์นี้ช่างอธิบายยากจริง ๆกู้ว่างเชินไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปล่อยฉู่เหมียนไปอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นจึงแตะริมฝีปากของเธอและจูบเธอเบา ๆ อีกครั้งเหมือนกับแมลงปอที่ร่อนแตะผิวน้ำเมื่อเธอพิงไหล่ของกู้ว่างเชิน เขาก็เริ่มหายใจหนักและเห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองเขาระงับความปรารถนาของตัวเองและเงยหน้ามองอี้เซิน “อี้เซิน กลับไปที่วิลล่า!”อี้เซินหยุดชะงัก
รถได้แล่นมาจอดที่หน้าวิลล่ากู้ว่างเชินอุ้มฉู่เหมียนลงจากรถเมื่อประตูถูกเปิด ฉู่เหมียนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยถามด้วยเสียงงัวเงีย “ถึงบ้านรึยัง?”กู้ว่างเชินหลุบตามองเธอ ฉู่เหมียนขมวดคิ้วและมีสีหน้าเจ็บปวด อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเธอที่ทำให้เธอต้องทรมาน“อืม” กู้ว่างเชินตอบอย่างเคร่งขรึม พลางเดินขึ้นไปชั้นบนโดยมีฉู่เหมียนอยู่ในอ้อมแขนของเขาฉู่เหมียนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยและหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าเธอง่หลับสนิทมากแค่ไหน ดวงตาของกู้ว่างเชินก็ฉายแววจนใจยัยผู้หญิงบื้อหลับไปอย่างสบายใจเฉิบได้ยังไง? โชคดีที่วันนี้เขาเป็นคนส่งฉู่เหมียนไปโรงพยาบาล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนนั้นเป็นหานซือหลี่?ถ้าสมมติว่าหานซือหลี่พาเธอกลับบ้าน กู้ว่างเชินไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้เลย!กู้ว่างเชินผลักประตูห้องนอนและเปิดไฟ ความว่างเปล่าในห้องนอนทำให้หัวใจของกู้ว่างเชินสั่นสะท้านหลังจากที่ฉู่เหมียนจากไป เขาก็ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้อีกเลย พอได้กลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็ดูแปลกไปหมดกู้ว่างเชินเลิกผ้าห่มแล้ววางฉู่เหมียนลงบนเตียงอย่างช้า ๆฉู่เหมียนพลิกตัวอย่างรวดเร็ว เธอกอดผ้าห่มแน่นแล้วบ่นว่า “
พูดจบ กู้ว่างเชินก็วางสายไปไม่ว่ากู้ว่างเชินจะเป็นคนยังไง ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะหานซือลี่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้!เขาโยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะข้างเตียง แล้วมองฉู่เหมียนที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง สิ่งที่หานซือหลี่พูดเมื่อกี้ยังคงดังก้องอยู่ในหู… “ผู้ชายที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ทำให้ผู้ชายอย่างพวกผมขายหน้าจริง ๆ”กู้ว่างเชินยิ่งหงุดหงิด เขาหยิกแก้มของฉู่เหมียนแล้วบ่น “หว่านเสน่ห์ไปทั่ว!”ในขณะนั้น โทรศัพท์ของกู้ว่างเชินก็ดังขึ้นมาอีกรอบคนที่โทรมาคือ…เจียวเจียวกู้ว่างเชินกำลังจะกดรับสาย แต่มือกลับกดวางสายไปโดยไม่รู้ตัว!กู้ว่างเชินรู้สึกรำคาญ ไม่อยากมานั่งปลอบลู่เจียว ก็เลยกดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วโยนไปไว้ด้านข้าง ตอนกลางดึกฉู่เหมียนนอนไม่ค่อยสบายและรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะความเจ็บปวดเป็นระยะตอนเช้าเมื่อเธอตื่นมาพบว่าเพิ่งจะหกโมงเช้า ข้างนอกยังอากาศมัวซัว แสงในห้องนั้นมืดสลัวฉู่เหมียนบีบนวดศีรษะตนเอง รู้สึกว่าร่างกายนั้นเจ็บปวดไปหมดเมื่อฉู่เหมียนพลิกตัวกำลังจะลุกออกจากเตียง จู่ ๆ ก็เห็นใบหน้าของชายที่นอนหลับอยู่ข้างเธอลู่เจียวนิ่งอึ้งไปคนที่ตอนหลับอยู่ตรงหน้าเธอ ถ้าไม่ใช่กู้ว่างเชินแล้วจะเ
ฉู่เหมียนรู้สึกแปลกใจมากที่กู้ว่างเชินอยากให้เธอทานข้าวเช้าด้วยกันแต่ฉู่เหมียนไม่ได้อยากจะอยู่ต่อ“ไม่ล่ะ ทำให้คุณกู้ลำบากมามากแล้ว” ฉู่เหมียนส่ายหัว ดึงมือกู้ว่างเชินออกแล้วปฏิเสธไปมือของกู้ว่างเชินตกลงข้างตัว เขามองดูฉู่เหมียนเดินออกไป อดไม่ได้ที่จะตามไป“ฉู่เหมียน ฉันรู้ว่าสามปีมานี้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากหย่ากันฉันหวังว่าพวกเราจะยังให้เกียรติกันบ้าง ไม่จำเป็นต้องตัดขาดไม่ติดต่อกันแล้วทำเป็นคนแปลกหน้าหรอก“เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เมื่อฉู่เหมียนได้ฟังก็รู้สึกรำคาญสามปีมานี้ เขาไม่เคยให้อะไรเลยและไม่รู้ว่าความเจ็บปวดใจมันเป็นยังไงแน่นอนว่าเขาสามารถให้เกียรติกันและทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้แต่เธอทำไม่ได้เธอเจ็บปวด ถูกทำร้าย ถูกใส่ร้ายมามากมาย สามีของเธอนอกใจไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นขณะที่ยังแต่งงานกันอยู่ แล้วเขาต้องการจะให้เธอให้เกียรติกันงั้นเหรอ? เธอจะไปทำได้ยังไง?ดังนั้นเมื่อวานที่ทำดีกับเธอ แค่หวังว่าหลังจากหย่ากันแล้วเธอจะไม่สร้างปัญหาให้เขาสินะ?ก็ดูมีเหตุผล ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นประธานบริษัทตระกูลกู้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรักษาชื่อเสียงและหน้าตาเอาไว้“
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ