หมอพวกนั้นไม่ได้เรื่องเลย! เขาทำเอง!“ไม่” ฉู่เหมียนเขยิบถอยหลัง“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!” กู้ว่างเชินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เหมียนถอยหลังจนชนกับราวเหล็กกั้นเตียง และอดไม่ได้ที่จะหายใจเฮือกออกมากู้ว่างเชินสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติกับฉู่เหมียน เขารับยาทาแผลกับคีมปากนกแก้วมา ลดเสียงลงแล้วถามว่า “เจ็บตรงไหน?”ฉู่เหมียนมองไปที่กู่ว่างเชินด้วยดวงตาแดงก่ำ ดวงตาของเธอสูญเสียความเฉียบคม เหลือเพียงความสิ้นหวังเท่านั้นหัวใจของกู้ว่างเชินดูเหมือนจะถูกฟาดด้วยบางสิ่งบางอย่าง เขาร้อนใจและหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ได้ “ฉันถามว่าเธอเจ็บตรงไหน!”นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!ทำไมเขาเห็นฉู่เหมียนได้รับบาดเจ็บแล้วถึงอารมณ์เสียขนาดนี้? ใจเขาไม่เป็นสุขแม้แต่เศษเสี้ยวนาทีเลย!ยิ่งเมื่อเห็นฉู่เหมียนมองเขาแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกคนที่ทำให้ฉู่เหมียนเป็นแบบนี้ไม่ใช่เขาสักหน่อย! แล้วอะไรกันที่คอยรบกวนใจเขาไม่หยุด?ฉู่เหมียนหลุบตาลงพลางชี้นิ้วไปที่ด้านหลังกู้ว่างเชินเดินมาตรงด้านหลังของฉู่เหมียนใต้รอยสักรูปผีเสื้อ มีเศษแก้วเล็ก ๆ สองชิ้นปักติดอยู่ผิวของฉู่เหมียนขาวเนียนและบอบบาง เมื่อเศษแก้ว
ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว ไม่พอใจกับการหยอกล้อของกู้ว่างเชินและกำลังจะผลักเขาออกไปทว่ากู้ว่างเชินกลับยังกอดเธอไว้ในอ้อมแขน โดยจงใจวางคางไว้บนไหล่ของเธอ จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือ “ก็ไม่ใช่ว่าฉันทำให้เธอพอใจไม่ได้นะ”ฉู่เหมียน “…”ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่สังเกตเห็นว่ากู้ว่างเชินเป็นคนหน้าหนาขนาดนี้ฉู่เหมียนเหยียบหลังเท้าของกู้ว่างเชินเขาไม่ถอยหลัง แต่ปล่อยฉู่เหมียนไปฉู่เหมียนจ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง และขณะที่กำลังจะหันหลังจากไป กู้ว่างเชินก็ขมวดคิ้วถาม “เดินได้แล้วเหรอ? อย่าล้มอีกล่ะ”ฉู่เหมียนแสร้งยิ้มและพูดว่า “คุณกู้ไม่ต้องเป็นห่วง!”หลังจากพูดจบเธอก็ยกขาขึ้น แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอจะล้มลงอีกครั้งหลังจากก้าวไปได้แค่ก้าวเดียว!กู้ว่างเชินรีบก้าวไปจะประคองเธอ แต่เธอก็พยุงตัวเองขึ้นมาบนขอบเตียงแล้วฉู่เหมียนก้มหน้าลงและเห็นว่าชายกระโปรงเกี่ยวกับขอบเตียง!กู้ว่างเชินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงทุ้มเหมือนเสียงเชลโลที่หนักหน่วงแต่น่าอภิรมย์เขาเข้ามาช่วยแกะกระโปรงของฉู่เหมียนออกฉู่เหมียนกับเขามองหน้ากัน และฉู่เหมียนก็รู้สึกอายมากจนอยากจะบ้าตายเธอร
นี่เขา มีเรื่องอะไรจะขอเธอรึเปล่า?ฉู่เหมียนหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ทันสังเกตเห็นขั้นบันไดตรงหน้าทันใดนั้นเท้าของเธอก็ก้าวพลาดและเธอก็พุ่งไปหากู่ว่างเซินอย่างควบคุมไม่ได้“อึ่ก...” ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอแนบไปกับแผ่นหลังของกู้ว่างเชิน ทำเอาลมหายใจของเธอร้อนผ่าวกู้ว่างเชินรีบหันกลับมา ใช้แขนโอบรอบเอวของฉู่เหมียน แล้วพยุงเธอเอาไว้ “เป็นอะไรอีกคราวนี้?”ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว “ฉันไม่ทันได้มองบันได”“ฉู่เหมียน เธอนี่ซุ่มซ่ามอยู่เรื่อย” เขาพูดอย่างเหลืออดฉู่เหมียนจ้องมองเขาเธอแค่ชนเขา เขาก็รู้สึกเหลืออดขึ้นมาแล้วถ้าเธอเป็นลู่เจียว เขาคงจะจูบและกอดปลอบเธออย่างลึกซึ้งเลยใช่ไหม?แต่คาดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมา จู่ ๆ ฉู่เหมียนก็ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขน!เขาพูดเสียงทุ้มว่า “เดี๋ยวฉันพาเธอกลับบ้าน”ฉู่เหมียนเกาะไหล่และคอของกู้ว่างเชินแล้วมองเขาด้วยดวงตาลูกกวางของเธอ ซึ่งสายตาตอนนี้เหมือนกับกวางที่กำลังหวาดกลัว เธอไม่เคยสับสนขนาดนี้มาก่อนกู้ว่างเชินที่สังเกตเห็นสายตาของฉู่เหมียน เขามองไปข้างหน้าและพูดอย่างไร้อารมณ์ “อย่ามองฉันแบบนั้น”“กู้ว่างเชิน” จู่ ๆ ฉู่เหมียนก็เรียกชื่อ
กู้ว่างเฉินเปิดประตูรถ ก้มวางฉู่เหมียนลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “อืม ขึ้นรถก่อน”แขนของฉู่เหมียนโอบรอบคอของเขา และเขาไม่สามารถแกะออกไปได้เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่ยอมให้เธอถามตอนนี้เธอก็จะไม่ปล่อยเขาแน่ฉู่เหมียนเป็นคนหัวแข็งดื้อมากและเขาก็รู้เรื่องนี้ดีเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มลง คงท่าเดิมเอาไว้และพูดอย่างจนใจ “ถามมา”ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น เธอมองตรงไปที่เขา กะพริบตาช้า ๆ และถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ถ้าไม่มีลู่เจียว คุณจะรักฉันไหม?”…ถ้าไม่มีลู่เจียว คุณจะรักฉันไหม?ตลอดสามปีมานี้ นี่เป็นคำถามที่เธออยากถามเขาจนแทบบ้ากู้ว่างเชินจ้องหน้าเธอ ความซับซ้อนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในม่านตาสีเข้มของเขาสายตาของฉู่เหมียนจริงจังมากจนทำให้เขาไม่สามารถตอบไปส่ง ๆ ได้เขาควรจะพูดว่า “ไม่” อย่างหนักแน่น แต่ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อมองฉู่เหมียน เขากลับไม่สามารถพูดคำนั้นออกมาได้ฉู่เหมียนเห็นความลังเลในแววตาและสีหน้าสับสนของกู้ว่างเซิน เธอรู้คำตอบของเขาว่าแม้จะไม่มีลู่เจียว เขาก็ไม่รักเธอที่เขาไม่ตอบคำถามนี้ไม่ใช่เพราะลังเล แต่เขาอยากจะไว้หน้าและไม่อยากให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้ฉู่เหมียนชักแ
จู่ ๆ ในหัวของเขาก็เกิดความคิดบ้า ๆ ที่จะครอบครองฉู่เหมียนไว้เป็นของตัวเองวะที่นี่ตอนนี้เลยปลายนิ้วของกู้ว่างเชินกดแรงขึ้น ดวงตาของเขาขรึมลง และเขาทำให้ลิปสติกของฉู่เหมียนเปื้อนอีกด้วยแสงจาง ๆ ตกกระทบบนใบหน้าที่งดงามของเธอ ฉู่เหมียนขมวดคิ้วและส่งเสียงเบา ๆ “อืม…”เสียงที่แผ่วเบาและนุ่มนวลนี้ทำให้กู้ว่างเชิน สูญเสียความยับยั้งชั่งใจไปอย่างสมบูรณ์กู้ว่างเชินก้มหน้าจูบเธออย่างเร่าร้อนเขาควบคุมตนเองได้ดีอยู่เสมอ แต่หลังจากการจูบกันที่บาร์ในวันนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่เหมียนเกราะป้องกันของเขาก็พังทลายลงหลังกู้ว่างเชินบีบคางของฉู่เหมียน คิดอยากจะจูบเธออย่างดูดดื่มมากขึ้นแต่เขากลัวว่าจะเผลอไปปลุกฉู่เหมียนเข้า แล้วสถานการณ์นี้ช่างอธิบายยากจริง ๆกู้ว่างเชินไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปล่อยฉู่เหมียนไปอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นจึงแตะริมฝีปากของเธอและจูบเธอเบา ๆ อีกครั้งเหมือนกับแมลงปอที่ร่อนแตะผิวน้ำเมื่อเธอพิงไหล่ของกู้ว่างเชิน เขาก็เริ่มหายใจหนักและเห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองเขาระงับความปรารถนาของตัวเองและเงยหน้ามองอี้เซิน “อี้เซิน กลับไปที่วิลล่า!”อี้เซินหยุดชะงัก
รถได้แล่นมาจอดที่หน้าวิลล่ากู้ว่างเชินอุ้มฉู่เหมียนลงจากรถเมื่อประตูถูกเปิด ฉู่เหมียนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยถามด้วยเสียงงัวเงีย “ถึงบ้านรึยัง?”กู้ว่างเชินหลุบตามองเธอ ฉู่เหมียนขมวดคิ้วและมีสีหน้าเจ็บปวด อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเธอที่ทำให้เธอต้องทรมาน“อืม” กู้ว่างเชินตอบอย่างเคร่งขรึม พลางเดินขึ้นไปชั้นบนโดยมีฉู่เหมียนอยู่ในอ้อมแขนของเขาฉู่เหมียนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยและหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าเธอง่หลับสนิทมากแค่ไหน ดวงตาของกู้ว่างเชินก็ฉายแววจนใจยัยผู้หญิงบื้อหลับไปอย่างสบายใจเฉิบได้ยังไง? โชคดีที่วันนี้เขาเป็นคนส่งฉู่เหมียนไปโรงพยาบาล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนนั้นเป็นหานซือหลี่?ถ้าสมมติว่าหานซือหลี่พาเธอกลับบ้าน กู้ว่างเชินไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้เลย!กู้ว่างเชินผลักประตูห้องนอนและเปิดไฟ ความว่างเปล่าในห้องนอนทำให้หัวใจของกู้ว่างเชินสั่นสะท้านหลังจากที่ฉู่เหมียนจากไป เขาก็ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้อีกเลย พอได้กลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็ดูแปลกไปหมดกู้ว่างเชินเลิกผ้าห่มแล้ววางฉู่เหมียนลงบนเตียงอย่างช้า ๆฉู่เหมียนพลิกตัวอย่างรวดเร็ว เธอกอดผ้าห่มแน่นแล้วบ่นว่า “
พูดจบ กู้ว่างเชินก็วางสายไปไม่ว่ากู้ว่างเชินจะเป็นคนยังไง ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะหานซือลี่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้!เขาโยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะข้างเตียง แล้วมองฉู่เหมียนที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง สิ่งที่หานซือหลี่พูดเมื่อกี้ยังคงดังก้องอยู่ในหู… “ผู้ชายที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ทำให้ผู้ชายอย่างพวกผมขายหน้าจริง ๆ”กู้ว่างเชินยิ่งหงุดหงิด เขาหยิกแก้มของฉู่เหมียนแล้วบ่น “หว่านเสน่ห์ไปทั่ว!”ในขณะนั้น โทรศัพท์ของกู้ว่างเชินก็ดังขึ้นมาอีกรอบคนที่โทรมาคือ…เจียวเจียวกู้ว่างเชินกำลังจะกดรับสาย แต่มือกลับกดวางสายไปโดยไม่รู้ตัว!กู้ว่างเชินรู้สึกรำคาญ ไม่อยากมานั่งปลอบลู่เจียว ก็เลยกดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วโยนไปไว้ด้านข้าง ตอนกลางดึกฉู่เหมียนนอนไม่ค่อยสบายและรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะความเจ็บปวดเป็นระยะตอนเช้าเมื่อเธอตื่นมาพบว่าเพิ่งจะหกโมงเช้า ข้างนอกยังอากาศมัวซัว แสงในห้องนั้นมืดสลัวฉู่เหมียนบีบนวดศีรษะตนเอง รู้สึกว่าร่างกายนั้นเจ็บปวดไปหมดเมื่อฉู่เหมียนพลิกตัวกำลังจะลุกออกจากเตียง จู่ ๆ ก็เห็นใบหน้าของชายที่นอนหลับอยู่ข้างเธอลู่เจียวนิ่งอึ้งไปคนที่ตอนหลับอยู่ตรงหน้าเธอ ถ้าไม่ใช่กู้ว่างเชินแล้วจะเ
ฉู่เหมียนรู้สึกแปลกใจมากที่กู้ว่างเชินอยากให้เธอทานข้าวเช้าด้วยกันแต่ฉู่เหมียนไม่ได้อยากจะอยู่ต่อ“ไม่ล่ะ ทำให้คุณกู้ลำบากมามากแล้ว” ฉู่เหมียนส่ายหัว ดึงมือกู้ว่างเชินออกแล้วปฏิเสธไปมือของกู้ว่างเชินตกลงข้างตัว เขามองดูฉู่เหมียนเดินออกไป อดไม่ได้ที่จะตามไป“ฉู่เหมียน ฉันรู้ว่าสามปีมานี้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากหย่ากันฉันหวังว่าพวกเราจะยังให้เกียรติกันบ้าง ไม่จำเป็นต้องตัดขาดไม่ติดต่อกันแล้วทำเป็นคนแปลกหน้าหรอก“เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เมื่อฉู่เหมียนได้ฟังก็รู้สึกรำคาญสามปีมานี้ เขาไม่เคยให้อะไรเลยและไม่รู้ว่าความเจ็บปวดใจมันเป็นยังไงแน่นอนว่าเขาสามารถให้เกียรติกันและทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้แต่เธอทำไม่ได้เธอเจ็บปวด ถูกทำร้าย ถูกใส่ร้ายมามากมาย สามีของเธอนอกใจไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นขณะที่ยังแต่งงานกันอยู่ แล้วเขาต้องการจะให้เธอให้เกียรติกันงั้นเหรอ? เธอจะไปทำได้ยังไง?ดังนั้นเมื่อวานที่ทำดีกับเธอ แค่หวังว่าหลังจากหย่ากันแล้วเธอจะไม่สร้างปัญหาให้เขาสินะ?ก็ดูมีเหตุผล ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นประธานบริษัทตระกูลกู้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรักษาชื่อเสียงและหน้าตาเอาไว้“