แม้ลู่เจียวจะรู้สึกกังวล แต่เธอก็ยังคงรักษาท่าทางสงบนิ่งและพูดว่า “เอาสิ อยากตรวจสอบก็เอาเลย!”“ฉันซื้อบัวหิมะพันปีมาในราคาหมื่นล้านบาท คิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม นอกจากนี้? อีกอย่างฉันจะกล้าให้บัวหิมะพันปีของปลอมแก่คุณหญิงได้ยังไง?” ลู่เจียวโยนกระเป๋าและดึงเก้าอี้มานั่งลงทำท่าราวกับว่าไม่สนใจว่าโม่อี้จะตรวจสอบมันละเอียดแค่ไหน“คุณฉู่ ถ้าวันนี้คุณใส่ความฉัน ถึงคุณจะคุกเข่าขอโทษฉันก็ไม่มีทางให้อภัยแน่!” ลู่เจียวแค่นเสียงเย็นคิดว่าเธอไม่โมโหเหรอ?ทำไมฉู่เหมียนถึงบอกว่าของที่เธอมีมันเป็นของปลอม!“แล้วถ้าฉันไม่ได้กล่าวหาคุณล่ะ?” ฉู่เหมียนเอียงหัวลู่เจียวยิ้มเยาะ เธอชี้ไปที่รองเท้าส้นสูงของฉู่เหมียน พลางกัดฟันพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุกเข่าเช็ดรองเท้าให้คุณเองเลย!”ทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างเขย่งเท้าชูคอมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฉากอันน่าขำเรื่องเกี่ยวกับ ‘บัวหิมะพันปีของจริงและของปลอม’ นี่ตระกูลฉู่ด้อยกว่าตระกูลลู่มากเสียขนาดนั้น แล้วตระกูลฉู่จะคว้าบัวหิมะพันปีของจริงมาได้ยังไง?ตระกูลลู่ป่าวประกาศไปแล้วว่าพวกเขาจะมอบบัวหิมะพันปีให้แก่คุณหญิง ถ้าน
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที…เธอเป็นเด็กสาวที่แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของฉู่เหมียน“ฉันเกือบจะเชื่อแล้วว่าบัวหิมะพันปีของคุณลู่เป็นของปลอม!”“หอบดอกกุหลาบของคุณแล้วรีบออกไปเถอะ!”ผู้ชมในเหตุการณ์เริ่มฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งและเยาะเย้ยฉู่เหมียนอย่างไร้ปรานีแต่ละประโยคราวกับเมฆดำหนาทึบที่ปกคลุมเธอจนจนหายใจไม่ออกที่เธอยอมถอยให้เพราะไม่อยากทำให้คุณหญิงไม่พอใจ แต่ในสายตาของพวกเขา มันเป็นกลับแรงกระตุ้นที่ทำให้ตำหนิเธอมากกว่าเดิมในเมื่อเป็นอย่างนี้เธอก็จะตรวจสอบด้วยตัวเองไปเลยว่าบัวหิมะพันปีของใครคือของจริงกันแน่!ฉู่เหมียนแย่งเครื่องทดสอบมาจากมือของโม่อี้ จากนั้นก็วาดไปเหนือบัวหิมะพันปีที่เธอนำมาท่ามกลางสายตาเยาะเย้ยของทุกคน“เหมียนเหมียน…” โจวซิ่วหยาเรียกฉู่เหมียน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล!ยังไม่ทันฝูงชนจะทันได้ปิดปากเงียบ พวกเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังออกมาจากเครื่องทดสอบ “สิ่งของที่ตรวจสอบ บัวหิมะพันปี เป็นวัตถุดิบยาที่ล้ำค่าอย่างมาก มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้”เนื่องจากยังมีเสียงจอแจดังมาจากฝูงชน หลาย
หลินไห่เม่ยที่ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ลู่เจียวมอบบัวหิมะพันปีปลอมให้เธอแบบนี้นี่คิดจะดูถูกกันเหรอ?ใบหน้าของลู่เจียวซีดเผือด เธอรีบส่ายหัวแล้วพูดกับหลินไห่เม่ยว่า “คุณย่าคะ อย่าไปฟังที่เขาโกหกนะคะ ตระกูลลู่ภักดีต่อตระกูลกู้ และหนูก็เคารพท่านมาก! หนูไม่มีทางดูถูกท่านแน่ ๆ ค่ะ!”เธออยากเข้าตระกูลกู้จะตาย เธอจะไปดูถูกตระกูลกู้ได้ยังไง?ลู่เจียวกัดริมฝีปากล่างพลางชี้ไปที่เครื่องทดสอบในมือของฉู่เหมียนแล้วพูดว่า “ของฉันคือบัวหิมะพันปีของจริง ไม่มีทางเป็นของปลอม! ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับเครื่องทดสอบที่ ฉู่เหมียนนำมาแน่นอน!”ใช่! เครื่องทดสอบต้องมีปัญหาแน่ ๆ เธอไม่ได้บัวหิมะพันปีของจริงมา แต่นางคนไร้ค่าอย่างฉู่เหมียนกลับได้มันไปอย่างนั้นน่ะเหรอ?!เมื่อคิดได้ดังนั้น ลู่เจียวก็รีบหันไปหาฉู่เหมียนอย่างรวดเร็วและตะโกนว่า “เธอทำบางอย่างกับเครื่องทดสอบสินะ!”เธอไม่เชื่อว่าฉู่เหมียนจะหาบัวหิมะพันปีมาได้จริง ๆ !หลายวันมานี้เธอบอกฉู่เหมียนต่อหน้าอยู่เสมอว่าเธอได้บัวหิมะพันปีมาแล้ว แต่ตอนนี้บัวหิมะพันปีกลับอยู่ในมือของฉู่เหมียน!ฉู่เหมียนได้บัวหิมะพันปีมาตั้งนานแล้วเหรอ? แสดงว่าหลายวันนี้เธอ
“ต้นไหนเป็นของคุณลู่?” หวงเฮ่อเสียงถามลู่เจียวที่จริงเขาเห็นที่ตระกูลลู่ออกข่าวว่าจะมอบบัวหิมะพันปีให้คุณหญิงกู้แล้วลู่เจียวชี้ไปที่โสมทันทีดวงตาของหวงเฮ่อเสียงนิ่งงันไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็กระตุกมุมปากโสมไม่ใช่เหรอ?หวงเฮ่อเสียงมองไปที่โสมต้นนั้นและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาสายตาของทุกคน ณ ที่นั้นจับจ้องไปที่หวงเฮ่อเสียง ทันใดนั้นพวกเขาก็เอ่ยขึ้นมาราวกับได้รับสัญญาณบางอย่าง “ดูเหมือนว่าของคุณลู่นั้นจะเป็นของจริงนะ!”“น่าสงสารคุณลู่จริง ๆ เธอพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้มีหน้ามีตา แต่กลับถูกกล่าวหาซะอย่างนั้น!”เมื่อลู่เจียวได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้ทำท่าเสียใจขึ้นมาน้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างรวดเร็ว และดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำภายในไม่กี่วินาทีเมื่อครู่ที่เธอถูกกล่าวหานั้นเธอไม่ได้หลั่งน้ำตาเลย แต่วินาทีที่มีคนหนุนหลังเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา!แต่สิ่งที่หวงเฮ่อเสียงกระทำต่อไปกลับเป็นการราดน้ำเย็นใส่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น“ผมเคยเห็นบัวหิมะพันปีนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในหนังสือประวัติศาสตร์ ต้นนี้เป็นของจริง…”หวงเฮ่อเสียงหยิบบัวหิมะที่ฉู่เหมียนส่งมาให้และยืนยันว่า “นี่คือบัวห
ฉู่เหมียนเลิกคิ้ว เธอเข้ามาหาโจวซิ่วหยาและจงใจแสร้งทำตัวใสซื่อ เธอพูดอย่างอ่อนโยนและมีจริต “แม่คะ ช่างมันเถอะค่ะ หนูก็แค่พูดเล่น ๆ เท่านั้นเอง! คุณลู่อาจจะถูกหลอกจริง ๆ ก็ได้นะคะ!”“ช่างมัน? จะช่างมันได้ยังไง! ไม่ได้! กล้าเดิมพันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้!” โจวซิ่วหยาไม่พอใจพวกเขาจะปล่อยให้ฉู่เหมียนถูกรังแกในงานเลี้ยงอาหารค่ำของตระกูลกู้ได้อย่างไร?อีกอย่างนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่ก็อ่อยกู้ว่างเชินทุกวัน จนทำให้ครอบครัวของกู้ว่างเชินต้องแตกแยก เธอต้องสั่งสอนลู่เจียวให้ได้!เมื่อเห็นโจวซิ่วหยาค้านหัวชนฝา ฉู่เหมียนก็มองไปที่ลู่เจียวอย่างทำอะไรไม่ได้เหมือนกันกำลังพูดว่า ‘ฉันพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว’เป็นครั้งแรกที่ฉู่เหมียนรู้สึกว่าการรับบทคนใสซื่อกลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีขนาดนี้!ลู่เจียวกลืนน้ำลายพลางจับกระโปรงของตัวเองแน่นด้วยมือทั้งสองข้างการคุกเข่าเช็ดรองเท้าให้ฉู่เหมียนจะต่างอะไรกับการเปลื้องผ้าให้คนอื่นดูล่ะ?!ปากบอกว่ากล้าเดิมพันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ แต่นี่มันจงใจทำให้เธอขายหน้าชัด ๆ !ฉู่เหมียนนางคนชั่ว นางคนสารเลว!!เธอไม่ควรขอร้องโอกาสให้ตัวเอง ไม่เช่นนั้นเ
โจวซิ่วหยาเดินไปยืนบังฉู่เหมียนและเอ่ยตำหนิ “กู้ว่างเชิน แกจะมาทำตัวบ้าบออะไรที่นี่? แกรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเหรอถึงได้มาด่าคนอื่นเขาแบบนี้?”“ไม่รู้หรอกครับมันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉู่เหมียนก็ผิดที่สั่งให้ลู่เจียวคุกเข่าต่อหน้าคนตั้งมากมาย!” กู้ว่างเชิน กดเสียงต่ำและโกรธอย่างสุดขีดฉู่เหมียนมองเข้าไปในดวงตาของกู้ว่างเชิน และเห็นความเกลียดชังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในดวงตาคู่นั้นเขาเกลียดเธอมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!ฉู่เหมียนก้มหน้าลง รู้สึกเศร้าและเจ็บปวดในใจจนบรรยายไม่ออกเขาไม่เคยเชื่อหรือปกป้องเธออย่างหนักแน่นขนาดนี้เลย แต่นี่เพื่อปกป้องลู่เจียวแล้ว เขาถึงขั้นต่อว่าและทำให้เธออับอายอย่างดุดันขนาดนี้!“พี่อาเชิน...”ดวงตาของลู่เจียวแดงก่ำ ยามที่กู้ว่างเชินคอยประคองเธอไว้ น้ำตาของเธอก็พาลไหลลงมาด้วยรู้สึกเจ็บใจเหลือเกิน!ในสถานที่ที่เธออยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวขณะนี้ ในที่สุดกู้ว่างเชินที่เธอเฝ้ารอก็มาออกหน้าแทนเธอและสนับสนุนเธอ!“ไม่เป็นไรนะเจียวเจียว” กู้ว่างเชินหลุบตาลงและปลอบใจลู่เจียวอย่างอ่อนโยนจริง ๆ แล้วเขาไม่แนะนำให้ลู่เจียวมางานเลี้ยงวันเกิด แต่ลู่เจียวตั้งใจจะมาให้ได้เพื
ดวงตาของกู้ว่างเชินเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขารู้มาว่าช่วงนี้ฉู่เหมียนกำลังทำตัวบ้าคลั่ง แต่เขาไม่คิดว่าฉู่เหมียนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา!“ฉู่เหมียน เธอรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา?” กู้ว่างเชินก้าวไปข้างหน้าและจับข้อมือของฉู่เหมียนไว้แน่นด้วยมือเดียวฉู่เหมียนกัดริมฝีปากเพราะรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านิ้วของเขาเต็มไปด้วยแรงโทสะเพราะเธอพูดว่า ‘อยากให้ลู่เจียวตาย’ถ้าลู่เจียวตายขึ้นมาจริง ๆ เธอก็คงหนีไม่พ้นสินะฉู่เหมียนเงยหน้าจ้องมองชายที่เธอรักมานานหลายปี ดวงตาของเธอไม่มีความรักอันอ่อนโยนอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความเฉยชาเธอเคยคิดว่าหากวันหนึ่งเธอไม่รักกู้ว่างเซินแล้ว ชีวิตของเธอก็คงจะไม่มีหลักค้ำจุนอีกต่อไปแต่ตอนนี้กลับพบว่าหากเลิกรักกู้ว่างเชิน เธอก็จะมีแต่ชีวิตที่มีสีสันมากขึ้นฉู่เหมียนยิ้มมุมปากและค่อย ๆ ตวัดดวงตาลูกกวางของเธอขึ้นอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นปลายนิ้วของเธอก็เกี่ยวเข้ากับคอเสื้อของกู้ว่างเชินและดึงเขาเข้ามาหาในทางเดินสลัวที่ไร้แสงสว่างบนใบหน้าของเธอ ใบหน้าของเธอมีเงาสลัวมีความคลุมเครืออย่างอธิบายไม่ได้กู้ว่างเชินขมวดคิ้วและเอนตัวไปหาเธอพลางเท้
จากนั้นลู่เจียวก็ยื่นมือออกไปจับแขนของฉู่เหมียนแล้วพูดว่า “เธอพอใจรึยัง?”ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะหันมามองเธอ ไม่แปลกที่เธอจะเป็นผู้หญิงที่กู้ว่างเชินรัก เพราะคำถามของเธอเหมือนกันกับกู้ว่างเชินเลย“ฉู่เหมียน เธออยากเห็นฉันกลายเป็นตัวตลกเหรอ?” ลู่เจียวกัดริมฝีปากล่างพลางจ้องมองฉู่เหมียนฉู่เหมียนจับมือลู่เจียวแล้วพูดว่า “มันก็ไม่ถูกอยู่แล้วที่คุณเอาบัวหิมะพันปีของปลอมมาหลอกคุณย่า ในเมื่อคุณกลัวที่จะกลายเป็นตัวตลกก็อย่าเอาของปลอมมาสิ”“มันอยู่ที่เธอจริง ๆ ด้วยสินะ แล้วทำไมไม่บอกฉัน!” ลู่เจียวสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเธอทันทีถ้าฉู่เหมียนพูด เธอจะเอาของปลอมมาไหมล่ะ?!“ก็คุณไม่ได้ถามนี่?” ฉู่เหมียนยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยลู่เจียวกัดริมฝีปากของเธอแล้วสำลักออกมาทุกครั้งที่เจอกันเธอเอาแต่บอกว่ามีบัวหิมะพันปีอยู่ฝ่ายเดียว จริง ๆ แล้วเธอไม่เคยถามฉู่เหมียนเลย!เพราะในใจของเธอคิดว่าคนอย่างฉู่เหมียนไม่คู่ควรที่จะได้บัวหิมะพันปีไปครอบครอง ทำได้แค่มองก็ถือว่าบุญมากแล้ว!“ฉู่เหมียน เธอคิดว่าถ้าเอาชนะฉันได้แล้วกู้ว่างเชินจะรักเธอเหรอ?” ลู่เจียวเชิดหน้ามองอีกฝ่าย ถึงจะเกทับฉู่เหมียนไม่