ลู่เจียวผลักประตูเข้าไปในที่ห้องส่วนตัว999 ข้างในนั้นว่างเปล่าไม่มีใครเลยบอดี้การ์ดถาม “คุณหนู เจ้าพ่อเอ็มนี่เชื่อถือได้เหรอ?”“เชื่อถือได้แน่นอน!” เธอถลึงตาใส่บอดี้การ์ดเจ้าพ่อเอ็มคนนี้ช่วยเธอหาบัวหิมะพันปี ใครพูดว่าเขาไม่น่าเชื่อถือ เธอจะเป็นคนแรกที่เข้าข้างเขา!ลู่เจียวนั่งบนโซฟา เธอหยิบโทรศัพท์มา ส่งข้อความไปหากู้ว่างเชินอย่างมีความสุข[อาเชิน คุณไม่ต้องช่วยฉันตามหาบัวหิมะพันปีแล้วนะ ฉันหาเจอแล้ว!]พิมพ์จบลู่เจียวก็ปิดโทรศัพท์ลง ใบหน้าเต็มไปด้วยการรอคอยเวลาอยู่ที่สองทุ่ม ลู่เจียวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวที่จะไปต้อนรับเจ้าพ่อเอ็มในวันปกติเจ้าพ่อเอ็มนั้นจะปรากฏตัวน้อยมาก การที่เธอได้พบเจอกับเจ้าพ่อเอ็ม คงเป็นเพราะว่าเธอโชคดีใช่ไหม?ใบหน้าของลู่เจียวประดับไปด้วยรอยยิ้ม และเอาแต่เดินไปมาเวลาผ่านไปจนใกล้จะสองทุ่มแล้ว เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าพ่อเอ็มเลย“คุณหนู เจ้าพ่อเอ็มยังไม่มาอีกเหรอครับ?” บอดี้การ์ดเดินเข้ามาถามลู่เจียวกัดปาก ในใจก็ยังรู้สึกกังวล แต่ว่าเพื่อบัวหิมะพันปี เธอก็ยังคงบ่นพึมพำ “คงจะยุ่งอยู่ พวกเราก็รอไปก่อนเถอะ!”บอดี้การ์ดพยักหน้า แล้วเดินออกไปเฝ้าข้าง
ลู่เจียวโมโหมาก!เธอรอเขามาทั้งคืน ตั้งแต่สองทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง เขากลับพูดว่าไม่มา นี่คงไม่ได้แกล้งเธอใช่ไหม?เธอคือลู่เจียวนะ! ลู่เจียว! คุณหนูใหญ่ของตระกูลลู่!ที่ผ่านมาเธอมีแต่เป็นคนผิดนัด อีกฝ่ายมีสิทธิ์อะไรที่จะผิดนัดเธอ มีสิทธิ์อะไร?!ลู่เจียวโมโห เธอถือโทรศัพท์กำลังคิดที่จะด่ากลับไปคน ๆ นั้นกลับส่งข้อความมา[ต้องขอโทษจริง ๆ พรุ่งนี้ตอนกลางวันพวกเราค่อยนัดกันใหม่!]ลู่เจียวหรี่ตา ยังจะนัดอีกเหรอ?[คุณคงไม่เป็นเหมือนวันนี้ใช่ไหม? ฉันจะบอกอะไรคุณให้ว่าฉันไม่พอใจเป็นอย่างมาก!]เอ็ม [แน่นอนว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก วันนี้ต้องขอโทษจริง ๆ! พรุ่งนี้จะเอาบัวหิมะไปให้ตามนัด! แน่นอนถ้าวันนี้ทำให้คุณไม่พอใจแล้วคุณไม่ยอมมาเจอกันอีกก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอีก!]ลู่เจียวขมวดคิ้ว เอาบัวหิมะพันปีมาให้?เมื่อเห็นประโยคนี้แล้ว เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะมาตามนัดดีหรือเปล่าเธออยากได้บัวหิมะพันปี อยากได้จนจะเป็นบ้าแล้ว![ได้! งั้นพรุ่งนี้ตอนเที่ยง มาเจอกันที่นี่!]เธอจะให้โอกาสคน ๆ นี้อีกครั้งถ้าเกิดพรุ่งนี้เขาผิดนัดอีก ต่อให้ต้องหาทั่วทั้งเมืองอวิ๋น เธอจะจับคน ๆ นี้มาสับเป็นชิ้
ตอนที่ฉู่เหมียนเดินออกมาจากบาร์ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะแต่กลับไม่มีเสียงฟ้าร้อง เธอเป็นคนแปลกเพราะชอบวันที่ฝนตก โดยเฉพาะตอนที่ได้อยู่บ้านนั่งดูละครแล้วกินอะไรไปด้วยตอนที่ข้างนอกฝนตก แบบนั้นใจเธอจะรู้สึกสงบผ่อนคลายมากแต่ว่าเธอกลัวฟ้าร้องอาการกลัวฟ้าร้องนั้นเริ่มตอนที่เธอตกลงไปในทะเล เสียงนั้นกระตุ้นความกลัวที่อยู่ลึกในตัวเธอ มันเหมือนมีอะไรมาระเบิดใส่หูเธอตอนที่ฉู่เหมียนกำลังจะขึ้นรถ ก็เห็นรถมายบัคที่จอดอยู่ใกล้ ๆประตูรถเปิดออกก็มีผู้ชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังรีบลงมา ในมือถือเขาร่มเดินไปรับลู่เจียวฉู่เหมียนมองคน ๆ นั้น สายตาก็พลันมืดมนคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองอวิ๋น มีอำนาจมากที่สุด กำลังมารับลู่เจียวท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ถ้าไม่ได้รักมากแล้วคืออะไร?จังหวะพอดีกับที่คน ๆ นั้นเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากันพอดีในคืนมืดมิด ที่จู่ ๆ ฝนก็ตกหนัก เสียงฝนตกกระทบหลังคารถดัง “ซ่าซ่าซ่า” สนั่นกู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ฉู่เหมียนมาทำอะไรที่นี่?ฉู่เหมียนเม้มปาก กำลังจะก้าวขึ้นรถจู่ ๆ ฟ้าก็แลบ มาพร้อมกับเสียง “ครืน” กึกก้องฉู่เหมียนตัวสั่น ใจเต้นรัว สายต
ลู่เจียวมองออกไปนอกหน้าต่าง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังและมีสายฟ้าฟาดราวกับจะฉีกท้องฟ้าให้ขาดเป็นรูลู่เจียวสะดุ้ง “น่ากลัวมากเลย”กู้ว่างเชินปรายตามอง ตอนนี้ในสมองของเขาคิดหนักรถพวกเขาขับผ่านรถของฉู่เหมียนไปฝนตกหนัก เขามองเข้าไปเห็นฉู่เหมียนฟุบหน้ากับพวงมาลัยอยู่ลาง ๆ แม้ผ่านมาเนิ่นนานแต่รถก็ยังไม่ขับออกไปฉู่เหมียนฟุบหน้ากับพวงมาลัย ทั้งสองมือปิดหูไว้ พยายามจะปิดกั้นเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังสนั่นแต่ไม่รู้ทำไม สายฟ้านั้นเหมือนรู้ว่าเธอกำลังกลัว ตั้งใจที่จะแกล้งผ่าลงมาดังกึกก้องหลายครั้งเมื่อฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งดวงหน้าก็ขาวซีดเธอเอาผ้าห่มออกมาจากเบาะด้านหลัง แล้วห่อคลุมตนเองไว้ที่ปัดน้ำฝนยังคงทำงานอยู่ ส่วนฉู่เหมียนก็ขดตัวเป็นก้อนพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยตีหนึ่งของเมืองอวิ๋นควรเป็นเวลาที่เริ่มต้นชีวิตยามกลางคืน แต่เพราะฝนตก ถนนก็เลยว่างเปล่าร้างผู้คนแสงไฟที่บาร์สลัวลง ฉู่เหมียนยังคงอยู่บนรถ รอให้ฝนหยุดติ๊ง…จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นหานซือหลี่ [เหมือนผมจะเห็นรถของคุณ]ฉู่เหมียนมองโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นมาตรงที่นั่งข้างคนขับ เมื่อกำลังจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์
ฉู่เหมียนเอาแต่เหม่อ ไม่ทันได้สนใจว่ากู้ว่างเชินนั้นตามเธอมาหานซือลี่ขับรถเร็วขึ้น พยายามสลัดกู้ว่างเชินให้หลุดแต่พอเขาเร่งความเร็ว กู้ว่างเชินก็ขับเร็วตามไล่มาด้านหลังเมื่อรถขึ้นไปบนทางด่วนยกระดับ สายฝนที่กระหน่ำก็ปะทะเข้ากับกระจกรถฉู่เหมียนชำเลืองมองกระจกหลังก็เห็นรถของกู้ว่างเชินอย่างไม่ได้ตั้งใจเธอลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะหันกลับไปมองหานซือลี่พูด “กู้ว่างเชินตามพวกเรามา”ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้? เขาไปส่งลู่เจียวกลับบ้านไม่ใช่เหรอ?ฉู่เหมียนคิดแล้วพูดไป “เขาคงแค่กำลังจะไปไหนน่ะค่ะ”แต่หานซือลี่ไม่คิดแบบนั้นดูจากการที่กู้ว่างเชินเร่งความเร็วตามแล้ว เขาคงไม่ใช่แค่บังเอิญไปทางเดียวกันแน่รถทั้งสองคันแข่งกันขับอยู่บนทางด่วน ทักษะการขับรถของกู้ว่างเชินนั้นดีมาก หลายครั้งที่เขาไล่ตามทันและขับมาตีคู่กับหานซือลี่ฉู่เหมียนมองไปที่กู้ว่างเชิน จู่ ๆ ในใจก็รู้สึกเหมือนอารมณ์ท่วมท้นถ้าเกิดเขาขับตามมาจริง ๆ งั้นแสดงว่าเขายังเป็นห่วงเธออยู่เหรอ แม้สักนิดก็ตาม?ฉู่เหมียนได้แค่คิดในใจ ไม่กล้าที่จะหวังเยอะคนเรามักจะผิดหวังก็เพราะว่าตั้งความหวังมากเกินไป!ฉู่เหมียนก้มหน้าลง ไม่มอ
หลังจากนั้นเธอก็อับจนหนทาง ก็เลยโทรไปหาฉู่เทียนเหอชายที่สาบานว่าจะตัดพ่อตัดลูกคนนั้น รีบมาหาเธอทั้ง ๆ ที่สภาพอากาศย่ำแย่และมีต้นไม้ล้มระเนระนาดไปทั่วตอนเช้าวันต่อมา ฉู่เทียนเหอก็ทำบะหมี่หมูตุ๋นให้เธอกินเหมือนวันนี้แต่เธอกลับทะเลาะกับฉู่เทียนเหอเสียใหญ่โตเพราะเขาพูดไม่ดีถึงกู้ว่างเชิน จนทำบะหมี่หกลงพื้นหมดคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหมียนก็อดไม่ได้ที่จะตาแดงรื้นขึ้นมาเธอทำดีกับกู้ว่างเชินและทำดีกับคนอื่น แต่กลับไม่เคยทำดีกับครอบครัวที่รักเธอ“ทำไมแค่กินบะหมี่ก็ร้องไห้ล่ะ? อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉู่เทียนเหอกินบะหมี่ไปหนึ่งคำแล้วอดจิ๊ปากไม่ได้“ไม่เลว นี่มันรสดั้งเดิมเลยนะ! อร่อยจนร้องไห้เลยเหรอ?”ฉู่เหมียนไม่ได้ตอบเขา แต่กลับก้มหน้าลงไป น้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุดฉู่เทียนเหอรู้สึกสถานการณ์มันแปลกไป จึงรีบเดินไปข้าง ๆ ฉู่เหมียนแล้วถามเธอว่า “เป็นอะไรเหรอ?” ฉู่เหมียนหันไปมอง น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างน่าสงสาร เมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวเท่านั้น เธอถึงจะกล้าแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาฉู่เหมียนกอดฉู่เทียนเหอไว้ พูดเสียงอู้อี้ “พ่อ หนูรักพ่อนะคะ”ฉู่เทียนเหอชะงักไป หลังจากนั้นก็ยิ้มโล่งใจแต่เขา
ลู่เจียวอ้าปากค้างเล็กน้อย สีหน้าของเธอดูผิดแปลกฉู่เหมียนก็อยากจะเจอเจ้าพ่อเอ็มเหรอ?“คุณลู่ คุณมีอำนาจมากจริง ๆ สามารถเจอคนอย่างเจ้าพ่อเอ็มได้ ไม่เหมือนฉันที่เคยได้ยินแค่ชื่อเขาเท่านั้น…” สีหน้าฉู่เหมียนแสดงออกว่า ‘ฉันก็อยากเจอเจ้าพ่อเอ็มเหมือนกัน’ลู่เจียวทำเสียงฮึดฮัด แน่นอนว่าเธอคือลู่เจียว คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ สิ่งของที่เธออยากได้แค่กระดิกนิ้วก็ได้แล้ว!“ถึงแม้ว่าตระกูลฉู่จะไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ยังไม่เท่ากับอีกสี่ตระกูลใหญ่! ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน งั้นพาฉันไปเจอหน่อยได้ไหมคะ?” ฉู่เหมียนพยายามพูดด้อยค่าตระกูลฉู่ลู่เจียวเลิกคิ้ว เธอเป็นคนที่ทนไม่ไหวเวลาคนอื่นมองเธอด้วยสายตาชื่นชม เธอชอบมาก ๆ เวลามีคนยกย่อง ยิ่งเมื่อคนนั้นเป็นฉู่เหมียนด้วยแล้ว“ฉันจะถามเจ้าพ่อเอ็มก่อน!” ลู่เจียวบอก“คุณกับเจ้าพ่อเอ็มสนิทกัน แค่พาเพื่อนไปด้วยยังต้องถามเขาเหรอ?” ฉู่เหมียนรีบถามทันทีลู่เจียวนิ่งไปสักพัก แล้วจับโทรศัพท์แน่นคำถามของฉู่เหมียนมีประเด็น เธอจะไม่ยอมให้ฉู่เหมียนรู้ว่าเธอกับเจ้าพ่อเอ็มจริง ๆ แล้วไม่ได้สนิทกันเลย!“นั่นคือการให้เกียรติ เธอจะไปเข้าใจอะไร?” ลู่เจียวพูดอย่างไม่พอใจฉ
ลู่เจียวหัวเราะ “ฉู่เหมียน ฉันว่าเธอทำตัวแปลกไปนะ!”“ฉันจะเป็นภรรยาของอาเชินคนต่อไป แต่เธอมานั่งอยู่แบบสงบ ๆ คุยกับฉันได้ยังไง…”ลู่เจียวทนไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาฉู่เหมียนลูบที่ปลายจมูกแน่นอนว่าที่ฉันนั่งอยู่ที่นี่ก็เพราะมาดูเรื่องตลกของเธอไง ยัยโง่ !ฉู่เหมียนทำท่าเจ็บช้ำ “ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? คุณลู่ คุณมีความสามารถมาก ฉันน่ะสู้ไม่ไหวหรอก”“ไม่ใช่แค่สู้ฉันไม่ได้ เธอยังไม่มีกู้ว่างเชินคอยหนุนหลังอีกด้วย!” ที่ผ่านมาลู่เจียวทำตัววุ่นวายได้ก็เป็นเพราะมีกู้ว่างเชินคอยสนับสนุนปกติฉู่เหมียนไม่ชอบฟังคำพูดของลู่เจียวเลยแต่เธอต้องยอมรับว่าคำพูดของลู่เจียวในวันนี้นั้นถูกต้องฉู่เหมียนก้มหน้าลงลู่เจียวยิ้มมุมปาก รู้สึกพออกพอใจ “ทำไม? ฉันพูดสะกิดจุดเจ็บงั้นเหรอ?”“ฉู่เหมียน ฉันก็แปลกใจมากเหมือนกัน ทั้งที่กู้ว่างเชินก็ไม่ได้รักเธอ ทำไมเธอถึงเฝ้ารออยู่ในห้องที่ว่างเปล่ามาได้ตั้งสามปี?”ฉู่เหมียนจ้องตาลู่เจียว ลู่เจียวนั่งบนโต๊ะกาแฟตรงหน้าฉู่เหมียน เธอก้มลงจ้องมองฉู่เหมียนแล้วถาม “กู้ว่างเชินเคยแ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ