ความเงียบงันแทรกเข้ามาในทางเดินยาวเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไม่พูดอยู่นาน ฉู่เหมียนก็ค่อย ๆ ก้มหน้ากู้ว่างเชินมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เขาได้ยินเธอถามด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณกลัวว่าฉันจะใช้คุณย่าเพื่อรั้งไว้คุณไว้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”กู้ว่างเชินหรี่ตา และขณะกำลังจะอธิบาย เขาก็ได้ยินเสียงขอคุณหญิงดังมาจากห้องผู้ป่วย “เหมียนเหมียน…”ฉู่เหมียนมองเข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “คุณย่าฟื้นแล้วเหรอคะ?”พูดจบ ฉู่เหมียนก็เลี่ยงกู้ว่างเชินเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยโจวซิ่วหยาประคองคุณหญิงขึ้นมา ท่านนั่งเอนพิงหัวเตียงพลางมองฉู่เหมียนด้วยความรู้สึกเศร้าหมองกู้ว่างเชินเดินตามหลังฉู่เหมียนมาติด ๆหลังจากที่ทั้งสองปรากฏตัวพร้อมกัน หลินไห่เม่ยก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นสุดท้ายก็มาถึงจุดนี้เหรอ?จะหย่ากันแน่ ๆ ใช่ไหม?ฉู่เหมียนนั่งลงตรงขอบเตียง พลางช่วยจัดผมให้หลินไห่เหม่ยและพูดพร้อมส่งสายตาอ่อนโยน “คุณย่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”หลินไห่เม่ยจับมือของฉู่เหมีย และถามอย่างน่าสงสารว่า “เหมียนเหมียน หนูลืมวันเกิดย่าแล้วเหรอ?”ฉู่เหมียนยิ้มทันที “คุณย่าพูดอะไรคะ หนูจะลืมวันเกิดคุณย่าได้ยังไง?”หลินไห่เม่ยมองตรง
เขาย้ำกับเธอและคนรอบตัวไปไม่รู้กี่ครั้งว่าเขาไม่ได้รักเธอแต่เธอก็ยังเอาแต่หันหน้าเข้ากำแพงไม่รับรู้สิ่งใดฉู่เหมียนก้มหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายทันใดนั้นเธอก็ได้ยินชายหนุ่มข้าง ๆ พูดว่า “ฉู่เหมียน ผมขอโทษสำหรับสามปีที่ผ่านมานะ”ฉู่เหมียนหันหน้าไปมองเขา ดวงตาทั้งสองสบกัน ฉู่เหมียนยิ้มและพูดอย่างเรียบเฉย “ขอโทษอะไรกัน ทุกอย่างมันเป็นเพราะความเอาแต่ใจของฉันทั้งนั้น”ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะโทษกู้ว่างเชิน ว่าทำไมเขาถึงไม่รักเธอและก็คงจะด่าลู่เจียว ว่าทำไมหล่อนถึงต้องเข้ามายุ่งกับผู้ชายของคนอื่นตอนนี้เธอทั้งล้ม ทั้งเจ็บมาแล้ว จึงได้รู้ปัญหาของตัวเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง“ผมจะชดเชยให้คุณ” เขากล่าวแววตาเย้ยหยันฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของฉู่เหมียนเธอไม่ต้องการการชดเชยจากกู้ว่างเชินเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ฉู่เหมียนก็เดินเข้าไปกู้ว่างเชินตั้งใจจะตามไปด้วย แต่เธอก็ขวางเขาให้อยู่ข้างนอกฉู่เหมียนเงยหน้าคลี่ยิ้ม พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ต้องแล้ว คุณกู้หยุดแค่ตรงนี้เถอะ”กู้ว่างเชินมองเธอนิ่ง ๆ พร้อมก้าวถอยหลังฉู่เหมียนยิ้มเล็กน้อยและชักมือกลับด้ว
หลังจากที่ฉู่เหมียนออกไปแล้ว ลู่เจียวก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเธอต่อสายหาผู้ชายคนหนึ่ง แล้วถาม “หาบัวหิมะพันปีเจอหรือยัง? มันตกไปอยู่ในมือใครกันแน่?”ปลายสายตอบอย่างหมดปัญญา “คุณลู่ ผมพยายามแล้วครับ แต่หาร่องรอยของบัวหิมะพันปีไม่เจอเลย!”เขาก็อยากจะถามเหมือนกัน บัวหิมะนี่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ทำไมถึงมีคนอื่นฉกไปได้กัน?!ใครเอาไปกันนะ?คน ๆ นี้ต้องมีอำนาจมากอย่างแน่นอน!“ไม่ได้เรื่อง!” ลู่เจียวกระทืบเท้าด้วยความโมโห เธอขมวดคิ้วแล้วถาม “รีบหาวิธีมา ทำยังไงฉันถึงจะหาบัวหิมะเจอกันแน่?”ใกล้จะถึงงานวันเกิดของคุณหญิงกู้แล้ว แถมเธอก็ได้บอกไปแล้วด้วยแต่กลับไม่มีร่องรอยของบัวหิมะพันปี!ถ้าหาไม่เจอคงต้องถูกคนทั้งประเทศหัวเราะเยาะใช่ไหม? ถ้าถึงเวลานั้นกู้ว่างเชินจะคิดยังไงกับเธอ คิดยังไงกับตระกูลลู่“คุณลู่ ผมมีอยู่หนึ่งวิธี ถ้างั้นเราไปซื้อที่ตลาดมืดของเจ้าพ่อเอ็มดีไหม?”ลู่เจียวกัดปาก เจ้าพ่อเอ็ม…ดู ๆ แล้ว ก็มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น! ก่อนหน้านี้เธอสนใจในตัวของเจ้าพ่อเอ็ม เขาเป็นคนที่น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก!ลู่เจียวหมกมุ่นอยู่กับคนล
ฉู่เหมียนที่กำลังกินมันฝรั่งทอดอยู่ก็หัวเราะออกมาคุณหนูใหญ่ลู่แสดงความเย่อหยิ่งกับเธอ พูดว่าต้องการบัวหิมะพันปี แล้วยังอยากเป็นเพื่อนกับเจ้าพ่อเอ็ม เบื้องหลังเป็นแบบนี้เองสินะ อยากทำให้ตัวเองเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งไหมเหรอ?ตอนแรกฉู่เหมียนคิดจะปฏิเสธ แต่พอมารู้ทีหลังว่าเป็นลู่เจียว จู่ ๆ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเธอไม่ถูกชะตากับลู่เจียวมานานแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาสที่จะทำอะไรหล่อนได้เลยมันคงไม่ผิดใช่ไหมที่เธอจะเล่นอะไรบ้า ๆ สักหน่อย?คิดถึงตรงนี้ ฉู่เหมียนเข้าไปในฐานระบบ แล้วพูดคุยด้วยตนเองเอ็ม: “หนึ่งหมื่นล้านบาท“แอล: “แค่หนึ่งหมื่นล้านบาท ขอแค่คุณเอาบัวหิมะพันปีมาได้ มันก็ไม่ได้มากอะไรใช่ไหม?”เอ็ม: “มาคุยกันต่อหน้า“แอล: “ได้สิ !”เอ็ม: “ให้เจ้านายคุณ มาคุยกับฉันด้วยตัวเอง“แอล: “ทำไมล่ะ?” เอ็ม: “เวลาสองทุ่ม ที่ห้องส่วนตัว999เฉินอันบาร์ อย่าให้รอนาน”พูดจบ ฉู่เหมียนก็ออฟไลน์ไปฝ่ายตรงข้ามรู้สึกสับสนโม่อี้มองบทสนทนาที่คุยกับฝ่ายตรงข้าม มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นกระต่ายน้อยฉู่เหมียนที่รักของกู้ว่างเชิ
ลู่เจียวผลักประตูเข้าไปในที่ห้องส่วนตัว999 ข้างในนั้นว่างเปล่าไม่มีใครเลยบอดี้การ์ดถาม “คุณหนู เจ้าพ่อเอ็มนี่เชื่อถือได้เหรอ?”“เชื่อถือได้แน่นอน!” เธอถลึงตาใส่บอดี้การ์ดเจ้าพ่อเอ็มคนนี้ช่วยเธอหาบัวหิมะพันปี ใครพูดว่าเขาไม่น่าเชื่อถือ เธอจะเป็นคนแรกที่เข้าข้างเขา!ลู่เจียวนั่งบนโซฟา เธอหยิบโทรศัพท์มา ส่งข้อความไปหากู้ว่างเชินอย่างมีความสุข[อาเชิน คุณไม่ต้องช่วยฉันตามหาบัวหิมะพันปีแล้วนะ ฉันหาเจอแล้ว!]พิมพ์จบลู่เจียวก็ปิดโทรศัพท์ลง ใบหน้าเต็มไปด้วยการรอคอยเวลาอยู่ที่สองทุ่ม ลู่เจียวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวที่จะไปต้อนรับเจ้าพ่อเอ็มในวันปกติเจ้าพ่อเอ็มนั้นจะปรากฏตัวน้อยมาก การที่เธอได้พบเจอกับเจ้าพ่อเอ็ม คงเป็นเพราะว่าเธอโชคดีใช่ไหม?ใบหน้าของลู่เจียวประดับไปด้วยรอยยิ้ม และเอาแต่เดินไปมาเวลาผ่านไปจนใกล้จะสองทุ่มแล้ว เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าพ่อเอ็มเลย“คุณหนู เจ้าพ่อเอ็มยังไม่มาอีกเหรอครับ?” บอดี้การ์ดเดินเข้ามาถามลู่เจียวกัดปาก ในใจก็ยังรู้สึกกังวล แต่ว่าเพื่อบัวหิมะพันปี เธอก็ยังคงบ่นพึมพำ “คงจะยุ่งอยู่ พวกเราก็รอไปก่อนเถอะ!”บอดี้การ์ดพยักหน้า แล้วเดินออกไปเฝ้าข้าง
ลู่เจียวโมโหมาก!เธอรอเขามาทั้งคืน ตั้งแต่สองทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง เขากลับพูดว่าไม่มา นี่คงไม่ได้แกล้งเธอใช่ไหม?เธอคือลู่เจียวนะ! ลู่เจียว! คุณหนูใหญ่ของตระกูลลู่!ที่ผ่านมาเธอมีแต่เป็นคนผิดนัด อีกฝ่ายมีสิทธิ์อะไรที่จะผิดนัดเธอ มีสิทธิ์อะไร?!ลู่เจียวโมโห เธอถือโทรศัพท์กำลังคิดที่จะด่ากลับไปคน ๆ นั้นกลับส่งข้อความมา[ต้องขอโทษจริง ๆ พรุ่งนี้ตอนกลางวันพวกเราค่อยนัดกันใหม่!]ลู่เจียวหรี่ตา ยังจะนัดอีกเหรอ?[คุณคงไม่เป็นเหมือนวันนี้ใช่ไหม? ฉันจะบอกอะไรคุณให้ว่าฉันไม่พอใจเป็นอย่างมาก!]เอ็ม [แน่นอนว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก วันนี้ต้องขอโทษจริง ๆ! พรุ่งนี้จะเอาบัวหิมะไปให้ตามนัด! แน่นอนถ้าวันนี้ทำให้คุณไม่พอใจแล้วคุณไม่ยอมมาเจอกันอีกก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอีก!]ลู่เจียวขมวดคิ้ว เอาบัวหิมะพันปีมาให้?เมื่อเห็นประโยคนี้แล้ว เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะมาตามนัดดีหรือเปล่าเธออยากได้บัวหิมะพันปี อยากได้จนจะเป็นบ้าแล้ว![ได้! งั้นพรุ่งนี้ตอนเที่ยง มาเจอกันที่นี่!]เธอจะให้โอกาสคน ๆ นี้อีกครั้งถ้าเกิดพรุ่งนี้เขาผิดนัดอีก ต่อให้ต้องหาทั่วทั้งเมืองอวิ๋น เธอจะจับคน ๆ นี้มาสับเป็นชิ้
ตอนที่ฉู่เหมียนเดินออกมาจากบาร์ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะแต่กลับไม่มีเสียงฟ้าร้อง เธอเป็นคนแปลกเพราะชอบวันที่ฝนตก โดยเฉพาะตอนที่ได้อยู่บ้านนั่งดูละครแล้วกินอะไรไปด้วยตอนที่ข้างนอกฝนตก แบบนั้นใจเธอจะรู้สึกสงบผ่อนคลายมากแต่ว่าเธอกลัวฟ้าร้องอาการกลัวฟ้าร้องนั้นเริ่มตอนที่เธอตกลงไปในทะเล เสียงนั้นกระตุ้นความกลัวที่อยู่ลึกในตัวเธอ มันเหมือนมีอะไรมาระเบิดใส่หูเธอตอนที่ฉู่เหมียนกำลังจะขึ้นรถ ก็เห็นรถมายบัคที่จอดอยู่ใกล้ ๆประตูรถเปิดออกก็มีผู้ชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังรีบลงมา ในมือถือเขาร่มเดินไปรับลู่เจียวฉู่เหมียนมองคน ๆ นั้น สายตาก็พลันมืดมนคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองอวิ๋น มีอำนาจมากที่สุด กำลังมารับลู่เจียวท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ถ้าไม่ได้รักมากแล้วคืออะไร?จังหวะพอดีกับที่คน ๆ นั้นเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากันพอดีในคืนมืดมิด ที่จู่ ๆ ฝนก็ตกหนัก เสียงฝนตกกระทบหลังคารถดัง “ซ่าซ่าซ่า” สนั่นกู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ฉู่เหมียนมาทำอะไรที่นี่?ฉู่เหมียนเม้มปาก กำลังจะก้าวขึ้นรถจู่ ๆ ฟ้าก็แลบ มาพร้อมกับเสียง “ครืน” กึกก้องฉู่เหมียนตัวสั่น ใจเต้นรัว สายต
ลู่เจียวมองออกไปนอกหน้าต่าง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังและมีสายฟ้าฟาดราวกับจะฉีกท้องฟ้าให้ขาดเป็นรูลู่เจียวสะดุ้ง “น่ากลัวมากเลย”กู้ว่างเชินปรายตามอง ตอนนี้ในสมองของเขาคิดหนักรถพวกเขาขับผ่านรถของฉู่เหมียนไปฝนตกหนัก เขามองเข้าไปเห็นฉู่เหมียนฟุบหน้ากับพวงมาลัยอยู่ลาง ๆ แม้ผ่านมาเนิ่นนานแต่รถก็ยังไม่ขับออกไปฉู่เหมียนฟุบหน้ากับพวงมาลัย ทั้งสองมือปิดหูไว้ พยายามจะปิดกั้นเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังสนั่นแต่ไม่รู้ทำไม สายฟ้านั้นเหมือนรู้ว่าเธอกำลังกลัว ตั้งใจที่จะแกล้งผ่าลงมาดังกึกก้องหลายครั้งเมื่อฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งดวงหน้าก็ขาวซีดเธอเอาผ้าห่มออกมาจากเบาะด้านหลัง แล้วห่อคลุมตนเองไว้ที่ปัดน้ำฝนยังคงทำงานอยู่ ส่วนฉู่เหมียนก็ขดตัวเป็นก้อนพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยตีหนึ่งของเมืองอวิ๋นควรเป็นเวลาที่เริ่มต้นชีวิตยามกลางคืน แต่เพราะฝนตก ถนนก็เลยว่างเปล่าร้างผู้คนแสงไฟที่บาร์สลัวลง ฉู่เหมียนยังคงอยู่บนรถ รอให้ฝนหยุดติ๊ง…จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นหานซือหลี่ [เหมือนผมจะเห็นรถของคุณ]ฉู่เหมียนมองโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นมาตรงที่นั่งข้างคนขับ เมื่อกำลังจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์