การประมูลเริ่มในช่วงหัวค่ำพวกเขาจึงมารับบัตรตั้งแต่ก่อนยามโหย่ว วนเวียนอยู่แถวนั้นจนกว่าโรงประมูลจะเปิดประตูพอน้องชายจะเบื่อ นางจึงพาเขามาเดินที่ตลาดใกล้ ๆ เพื่อซื้อของว่างกินฆ่าเวลา ใด ๆ แล้วก็ยังซื้อวัตถุดิบบางอย่างเพิ่มเพื่อนำกลับไปทำอาหารในวันหลังด้วย นางเก็บของพวกนั้นไว้ในมิติมันจึงไม่เสียต่อให้เป็นของสด อยู่โรงประมูลสักสองชั่วยามของที่ซื้อมาก็ไม่เสียหายกระทั่งถึงเวลาเหมาะสม ประตูบานใหญ่เปิดอ้าต้อนรับ ผู้คนทยอยกันเดินเข้าไป ฉินหลิวซีจับมือน้องชายเอาไว้แน่น ทั้งสองคนเลือกที่นั่งด้านหลังสุด การประมูลเปิดม่านขึ้นแล้วผลท้อมรกตถูกนำออกมาเป็นรายการที่เจ็ด นางค่อนข้างตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะนี่คือสิ่งที่นางนำมา แต่ละครั้งที่มีคนเสนอราคาทำให้นางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีคนยื้อแย่งที่จะได้มันมาครอง“สี่พันตำลึงทอง!”“สี่พันตำลึงทองขอรับ! สี่พันตำลึงทองครั้งที่หนึ่ง สี่พันตำลึงทองครั้งที่สอง สี่พันตำลึงทองครั้งที่สาม! ขาย!”ฉินซือหยวนถึงกับผุดลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินจำนวนเงินนั้น และนั่นคือราคาต่อหนึ่งผลเท่านั้น การประมูลท้อมรกตผ่านพ้นไปน้องชายของนางก็ยังรู้สึกทึ่งไม่หาย เจ้าของสินค้าชิ
“ได้ข่าวสมุนไพรวิญญาณระดับสูงว่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่น่ะ ข้าจำเป็นต้องใช้งานมัน เราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า”“ไปนานหรือไม่เจ้าคะ” หากไม่ต้องอยู่ข้างนอกข้ามวัน นางก็จะได้ทำโจ๊กเอาไว้ กลับมาก็อุ่นกินได้เลย“ไม่แน่ใจน่ะสิ อาจจะเจออุปสรรคระหว่างทาง”“เช่นนั้นข้าจะจัดของใส่ย่ามไว้นะเจ้า”“อืม ไม่มีอะไรแล้วพวกเจ้ารีบเข้านอนเถอะ”สองพี่น้องราตรีสวัสดิ์ผู้อาวุโสก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนพึ่งพูดไปอยู่ไม่กี่วันว่าจะอยู่หนึ่งเดือน นี่ต้องเดินทางอีกแล้ว เรื่องกำหนดระยะเวลาเชื่อใจอาจารย์ไม่ได้เลยจริง ๆ เฮ้อ…“มีคนนำผลท้อมรกตมาขายหรือ?”“ขอรับ นายน้อยอยากได้หรือ” หากนายท่านได้รู้และแจ้งมาก่อนหน้านี้ เขาก็คงไปร่วมประมูลเพื่อเอามาให้แล้ว แต่คนที่นำมานั้นก็ใจร้อน อาจจะมีเรื่องฉุกเฉินต้องการเงินซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ แต่ที่คนผู้นั้นรีบลงประมูลก็เป็นความจริง“ไม่ ไม่ใช่ คนที่นำมาเป็นใคร ใครเป็นคนรับหน้าไปตามมาเดี๋ยวนี้”ทั่วทั้งหอชิงขุยวุ่นวายขึ้นมาทันทีเมื่อนายน้อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้อย่างมาก แต่เดิมทีก็ไม่มีใครสนใจเรื่องของผู้ที่นำสินค้ามา นอกจากว่ามันจะเป็นของหายากระดับตำนาน ผ
โอสถทะลวงลมปราณ ฉินหลิวซีเคยคิดจะใช้มันให้พ่อแม่ได้กลายเป็นผู้ฝึกตน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านอายุทำให้นางต้องล้มเลิกที่จะใช้ยาตัวนี้ไป โอสถทะลวงลมปราณหนึ่งเม็ดราคาเป็นหมื่นตำลึงทอง หายากยิ่งกว่าตัวยาที่นางเคยให้อาจารย์ช่วยปรุง สมุนไพรที่ต้องใช้ก็มีหลายชนิดมาก ๆ จนยาห้ามเลือดของนางยังต้องอายหลังจากเช็ดคราบเลือดออกจากกระบี่อ่อนนางก็จัดการลากชายผู้นั้นไปทิ้งไว้มุมถ้ำ ส่วนตัวเองก็มาจัดการกับสมุนไพรที่เหลือ สมุนไพรทั้งหมดที่ต้องใช้มีถึงเก้าสิบเก้าชนิด ตอนนี้นางได้ชนิดที่เจ็ดสิบสองในรายการมาแล้ว ตั้งแต่ได้เรียนรู้ และฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดานางก็เก็บสมุนไพรสะสมไว้มาโดยตลอดตำรับตำราเกี่ยวกับยาเป็นของอาจารย์นางที่เขียนขึ้นเอง นางได้เรียนรู้มันตั้งแต่ตอนที่พึ่งเจอเขาเหตุแห่งความบังเอิญที่นำพามาพบกัน ทำให้ปัจจุบันนางลงเอยที่ฝากตัวเป็นศิษย์เขา และเพราะตำราที่เขียนขึ้นเองไม่ใช่ของที่ใครจะได้รับอนุญาตให้เปิดอ่านก็ได้ ในนั้นมีทั้งข้อมูลที่เป็นทั้งคุณและโทษ หากถูกคนเจตนาไม่ดีนำไปใช้งานอาจกลายเป็นความโกลาหล ฉินหลิวซีจึงไม่เคยวางใจให้ผู้อื่นปรุง“เท่านี้พอแล้วหรือไม่เจ้าคะ”ซุนเป่ยฉีเหลือบมองในย่ามน
ฉินซือหยวนวิ่งหนีจนเหนื่อย เขาไม่ชอบการต่อสู้ ชอบใช้สมองมากกว่ากำลัง ไม่รู้ทำไมพี่สาวต้องบังคับขู่เข็ญให้เขาออกแรงขนาดนี้ด้วย การใช้กำลังต่อสู้ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ แต่นางเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว มองจากสีหน้าก็รู้ หากเขาไม่ลงมือทำอะไรเสียที นางคงกวาดหุ่นไม้พวกนี้ทิ้งแล้วลงสนามเองเป็นแน่ไม่ ๆ แบบนั้นน่ากลัวกว่าเดิมอีก!นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเคี่ยวเข็ญให้เอาชนะด้านพละกำลัง แต่ไม่ว่าจะถูกสั่งให้ทำแบบนี้กี่ครั้ง เขาก็ยังไม่ชินอยู่ดี แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็จำใจต้องตอบโต้ แม้ใจจะไม่ชอบ แต่เขาก็เข้าใจว่าพี่สาวปรารถนาดีต่อตน เพียงแต่วิธีการของนางบางครั้งก็หนักมือเสียเหลือเกิน“เอาละ ๆ ข้ายอมแล้ว”ฉินซือหยวนหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับหุ่นไม้ทั้งห้าตนอย่างไรเสียเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินก็ห่างไกลจากเด็กบ้านนอกธรรมดามาไกลแล้ว อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเขาไม่อยากจะคิด คิดไปก็เท่านั้นทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาก็รู้สึกชอบมันไม่น้อย และที่ทำอยู่ก็เพื่อให้สามารถปกป้องตนเองได้แม้ว่าฉินซือหยวนจะอิดออดและเอาแต่วิ่งหนีท่าเดียวมาหลายชั่วยาม แต่ตอนนี้
ฉินหลิวซีมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร และใช้พลังธาตุในการปลูกสมุนไพรได้ หากนำไปปรุงในมิติประสิทธิภาพยิ่งสูง และพลังของนางก็จะทำงานได้ดีกว่าอยู่ข้างนอก เพราะข้างในนั้นนับว่ามีพลังทิพย์บริสุทธิ์วนเวียนอยู่อย่างหนาแน่น ต้นท้อมรกตของนางเติบโตได้ดีก็เป็นเพราะสิ่งนี้ด้วยเช่นกันขั้นตอนแรกของการฝึกปรุงยา น้องชายของนางเงอะงะมากจนอาจารย์ต้องจับมือทำเลยทีเดียว ส่วนตัวนางที่เชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้วสามารถทำไปได้เลย แค่รอให้อาจารย์มาประเมินผลลัพธ์ในภายหลังเท่านั้นสมุนไพรในตำรามากกว่าหมื่นชนิด ส่วนผสมในการปรุงโอสถ ฉินหลิวซีจำได้ทั้งหมดแล้ว แต่ยาบางตัวนางไม่สามารถทำได้ เพราะยังขาดวัตถุดิบอีกหลายอย่าง ระหว่างเดินทางนี้ก็เก็บพวกมันมาได้ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ครบเป็นการเรียนรู้ที่ยาวนานเหลือเกิน แต่แค่นี้ไม่ทำให้นางท้อใจได้หรอกครึ่งปีให้หลังทั้งสามก็ยังไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้าน การเดินทางของนางกับท่านอาจารย์ไร้จุดหมายแน่นอน บทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนโดยง่าย ปัจจัยภายนอกส่งผลต่อการเดินทางของพวกนางไม่น้อย บ้างก็เป็นเพราะใจอาจารย์อยากเปลี่ยนเอง บ้างก็เป็นเพราะมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนจุดหมายกะทันหันเช่นวันนี้ที่ซุนเป่ย
หมอเทวดารวมปราณเอาไว้ที่ดวงตาของตน เงยหน้าขึ้นมองเหนือกำแพง เห็นเป็นแสงสะท้อนบางอย่างคล้ายว่ามีหลังคาทรงกลมครอบทั้งเมืองเอาไว้ คล้ายว่าเมืองนี้ถูกห่อหุ้มเอาไว้ในฟองอากาศใบหน้าของเขาฉายแววเคร่งเครียด ระหว่างที่ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขากำลังหาทางออกมา ซุนเป่ยฉีก็ทำการวิเคราะห์กำแพงล่องหนนี้อยู่ด้านนอก พอเขาตั้งใจจะตรวจสอบจริง ๆ มันกลับไม่ดีดเขาออก สร้างความประหลาดใจให้หมอเทวดาเป็นอย่างมากหรือว่ามันจะเลือกที่เจตนา?เขาลองดูอีกครั้งโดยครั้งนี้ตั้งใจว่า จะเข้าไปให้ได้ ผลคือร่างของเขาถูกดีดกลับมาที่เดิมไม่ถูกสิ ถ้าอย่างนั้นทำไมลูกศิษย์ข้าถึงเข้าไปอยู่ภายในล่ะซุนเป่ยฉีทำการตรวจสอบกำแพงตรงหน้าต่อ มีกลิ่นอายของสัตว์อสูรที่รวมเป็นส่วนหนึ่งของกำแพง ราวกับว่ากำแพงนี้เป็นสัตว์อสูรมาก่อน เรื่องนี้มีบางอย่างน่าสงสัย ที่สายฟ้าฟาดลงมาเมื่อครู่ก็เพราะไม่อยากให้ฉินหลิวซีออกมาหรือว่ามันตั้งใจจะเลือกนาง?มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่นานครั้งจึงจะพบเจอสักหน เรียกได้ว่าเป็นแค่นิทานก็ยังไม่มีใครเชื่อ เรื่องแบบนี้ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ พันปีจะพบคนที่ประสบสักคนก็ว่ายากแล้ว กว่าจะเล่าขานต่อกันมาให
นางเล่าสถานการณ์ให้น้องชายฟังอย่างคร่าว ๆ ตอนนี้พวกเขาติดอยู่ในเมือง โดยที่อาจารย์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ และยังต้องตามหาไอ้วาสนาอะไรนั่นที่นางก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน แต่คำสั่งของอาจารย์คือต้องหาให้เจอ และต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ให้ได้ด้วยพูดน่ะมันง่ายอยู่หรอก แต่เมืองนี้นอกจากสายฟ้าที่ไล่ผ่าข้าไม่หยุดจะต้องมีกลไกอะไรอีกแน่ แค่คิดก็เหนื่อยไปล่วงหน้าแล้วเด็กหญิงพรูหายใจออกมา เอ่ยกำชับน้องชาย “ซือหยวน เจ้าอยู่ในนี้ก่อน พี่ไม่แน่ใจว่าข้างนอกอันตรายมากแค่ไหน พี่คงปกป้องเจ้าไม่ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยบอกอย่างจริงจัง ลำพังนางสามารถหลบหนีอันตรายได้ หากสู้ไม่ไหวก็หนีเข้ามิติสวรรค์แทน แต่น้องชายนางไม่สามารถหนีไปไหนได้“แล้วท่านพี่ล่ะ”“ข้ามีภารกิจต้องทำ หากเจ้าออกไปด้วยข้าจะห่วงหน้าพะวงหลังไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี เพราะฉะนั้นอยู่เป็นเด็กดีในนี้นะ”ฉินซือหยวนเบะหน้าราวกับคนจะร้องไห้ เขาก็กลัวพี่สาวเป็นอันตรายเหมือนกัน แต่รู้ดีว่าตอนนี้ฝีมือตัวเองยังไม่ถึงขั้นพอที่จะปกป้องภัยได้ กับศัตรูที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร เขาออกไปตอนนี้ก็เป็นตัวถ่วง เผลอ ๆ จะกลายเป็นตัวประกันเข้าให้ด้วย“ท่านพี่ ท่านต้องกลับมาร
ระหว่างที่พูดกับน้องชายอยู่นั้นก็ทำให้นางนึกถึงวันแรกที่เข้ามา โชคดีที่มีมิติลับไม่อย่างนั้นคงได้ตายตั้งแต่มีบางอย่างพุ่งเข้าใส่แล้ว หลังจากสายฟ้าสองสายระลอกแรกหลังจากนั้นก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับตัวอะไรบางอย่างที่นางมองไม่เห็นเหมือนเป็นสัตว์ร้ายที่มีเล็บมีเขี้ยว แต่กลับไม่อาจเห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัดเจน มีเพียงสัมผัสระวังภัยเท่านั้นที่ตื่นตัวถึงขีดสุดฉินหลิวซีเข้ามาในเมืองนี้ได้หนึ่งเดือนแล้ว และตอนนี้นางกำลังหลบหนีบางอย่างที่ตามติดมาหลายวัน คงต้องบอกว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป จากจิตสังหารที่สัมผัสได้แค่วันแรก หลังจากนั้นมันก็ยังจู่โจมนาง เพียงแต่ว่าสัมผัสถึงอันตรายไม่ได้แล้ว ความรู้สึกเหมือนสุนัขตัวโตกำลังวิ่งเล่นไล่จับกับเจ้าของถึงจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะทำอันตรายอะไรต่อนาง แต่ฉินหลิวซีก็รู้สึกกลัวอยู่ดีจึงยังวิ่งหนีต่อไป โผล่ไปที่ไหนมันก็สามารถตามไปได้ และพอได้จังหวะฉินหลิวซีจะเข้าไปหลบในมิติ“เฮ้อ...”หลังจากเข้ามาในมิตินางก็ถอนหายใจเฮือก เป็นภาพที่เห็นจนชินตาแล้วสำหรับฉินซือหยวน“เจอเจ้าตัวนั้นอีกแล้วหรือ”“ใช่ ไล่ตามไม่หยุดเลย ไม่รู้ทำไมมันถึงตามข้าขน
"ท่านแม่ทำยา""อุ๊บ! ฮ่า ๆ ๆ ขอโทษด้วยนะ แต่แม่ไม่ได้เป็นกระต่ายหรอก" ฉินหลิวซีขำพรืดก่อนเอี้ยวตัวมาลูบศีรษะบุตรชายด้วยความเอ็นดู"ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เสี่ยวไป๋สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ลูกอยากเป็นเลย จะเป็นกระต่ายหรือดวงดาวก็ได้ แม้จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าได้ทิ้งสิ่งนี้ที่อยู่ในใจของลูกไปเลยนะ"เมื่อการเติบโตทำให้ความรับผิดชอบมากขึ้น ความสุขที่ไขว่คว้าได้ก็น้อยลง ต้องยอมปล่อยมือจากสิ่งที่รักและหวงแหน ต้องสละบางอย่างเพื่อสิ่งที่อาจไม่ปรารถนาแต่จำเป็นต้องมี วัฏจักรของมนุษย์ดำเนินไปเช่นนั้นฉินหลิวซีปรารถนาให้ลูกของตนไม่ถูกกลืนกินจากมัน แต่สุดท้ายก็คงไม่มีใครรอดพ้นอยู่ดี ดังนั้นก็จงทนุถนอมเอาไว้ให้ยาวนานเท่าที่ได้เถิดหลังจากบินเล่นจนพอใจแล้วหงส์แดงเพลิงก็ร่อนลงตรงที่กว้างสักแห่ง เจ้านายเปิดมิติให้ทุกคนก็เข้าไปพักผ่อน แต่เจ้าตัวสีทองนั่นยังบินเพลินไม่ยอมกลับเข้ามา เดือดร้อนคนรักของเจ้านายต้องออกไปตามอีกรอบมันเดินเตาะแตะมานอนซุกตัวข้างตัวบ้าน มิตินี้ไม่เคยถูกคนนอกรุกล้ำเข้ามาได้ แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้บุกรุกเหล่านั้นก็จะต้องรับมือมันก่อน
ทันทีที่มันลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าการต่อสู้คือความสามารถและวิถีของมันทุกครั้งที่ฟักออกจากไข่ ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายคนก่อนจะหายไป ไม่ว่าความผูกพันธ์นั้นจะมีหรือไม่มี ก็จะถูกลบหายไปอย่างเท่าเทียมตั้งแต่ครั้งที่สามหรือสี่ที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น มันจึงใช้เวลากับเจ้านายใหม่เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อถูกปลุกขึ้นมา หลังถวายความภักดีให้ก็จะถูกใช้ไปสู้กับตัวอื่น ๆ บ้างก็แพ้บ้างก็ชนะ เคยถูกล่าม ถูกขัง และถูกเลี้ยงปล่อยเป็นอิสระด้วยเช่นกันการต้องจดจำเรื่องเหล่านั้นทุกครั้งที่ตื่นก็ดูเหนื่อยเกินไปจริง ๆ มันเริ่มรู้สึกเห็นด้วยที่ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายถูกลบหาย เห็นเป็นเพียงเงาร่างเลือนที่นึกไม่ออกทั้งชื่อและหน้าเจ้านายแต่ละคนปฏิบัติกับมันและมอบบทบาทให้มันไม่เหมือนกันคิดว่าครั้งต่อไปจะให้มันทำอะไรก็ไม่เกินความสามารถ แต่ก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าสัตว์อสูรในตำนานอย่างมันต้องมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กแกว้ก!"เสี่ยวฮั่วเล่นกับ ๆ อยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปรดน้ำแปลงสมุนไพร" วางทารกกับเด็กเล็กหนึ่งคนพิงตัวมันเสร็จก็เดินหนีไปยุคสมัยท
"เจ้าค่ะ!""เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้" ซือหยวนจะตะครุบปากภรรยาเอาไว้ตอนนี้ก็ไม่ทันฉินหลิวซีประติดประต่อเรื่องราว ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปในใจตัวเอง เอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้มพลางปรายตามองน้องชายร่วมสายเลือด"อย่างนี้เอง ข้าเข้าใจแล้ว"อยากให้ยุคนี้มีกล้องจริง ๆ เลยเชียวเพราะเหยื่อล้วนไปที่หอนางโลมนั้น สาเหตุการตายมาจากพิษ คนร้ายต้องเป็นคนใน หากจะหาเบาะแสก็ต้องแฝงตัวเข้าไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หอนางโลมนั้นผู้ชายจะเข้าไปได้ก็ในฐานะลูกค้า ไม่สามารถเป็นคนที่ทำงานในหอนั้นได้ ขอบเขตของเบาะที่หามาย่อมเจอทางตัน สุดท้ายก็ต้องปลอมตัวไปเป็นคนในเสียเองในฐานะสตรีผู้หนึ่ง ฉินหลิวซีทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกดีกับเรื่องนี้ในคนละมุมมอง แต่มันเป็นที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว จะไปคิดมากก็ดูใช้พลังชีวิตเกินความจำเป็นดูจากตอนนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขดี นางคงไม่ยื่นมือไปทำอะไรทั้งนั้น ตั้งใจว่าจะกลับมาเยี่ยมแต่โดนทำให้ตกใจเสียได้"พี่หญิงจะค้างที่นี่กี่วันหรือคะ ข้าจะให้คนจัดห้องให้""ไม่ต้องค้าง กลับไปเลย""พี่สาวเจ้ามาหาทำไมทำตัวแบบนี้ นางอุตส่าห์มาเยี่ยมเจ้า
เมื่อหลายปีก่อนมีสำนักคุ้มภัยเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมืองที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงเช่นนี้มักไม่ค่อยมีขุนนางน้ำดีแวะเวียนมาเพราะหาประโยชน์กอบโกยไม่ได้แต่แล้วก็มีเซียนโอสถน้อยผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นที่นี่ นางกับน้องชายจากบ้านเกิดไปหลายปีเพื่อร่ำเรียนกับหมอเทวดา ครานั้นผู้คนในเมืองยังคิดกันอยู่เลยว่ามันไม่จริง เหมือนฝันอันห่างไกลที่เมืองแห่งนี้จะเจริญขึ้นได้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย เริ่มมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ในที่ดินใกล้ที่ว่าการซึ่งปล่อยทิ้งร้าง มีร้านโอสถที่ขายยาหายาก เครื่องประทินโฉมอันเลื่องชื่อที่โด่งดังไปถึงต่างแดน"และคนที่เป็นเจ้าของสามในสี่อย่างที่ว่ามานี้ก็คือ ข้าเอง!"เสียงวางไหเหล้ากระแทกโต๊ะดังโครม ทุกคนเงียบกริบ เบนสายตาจากคนที่กำลังอวดอ้างตนเองมายังคนพเนจรร่างผอมบาง ผู้ที่มองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายเพราะสวมผ้าคลุมและหมวกสานปิดหน้าอาไว้"อะไร จะหาเรื่องกันรึ?" ผู้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องเล่ามองเขม็งไม่สบอารมณ์"ได้ข่าวว่าสามสถานที่นั้นเป็นของเจ้าเพียงหนึ่งมิใช่รึ จะอ้างของใครก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยคุณชายฉิน" เสียง
หลี่ไป๋ได้ยินก็หูผึ่ง ต้องเป็นคนของบิดาเขาแน่ เวลาขนาดนี้ท่านแม่ก็น่าจะกลับมาจากออกล่าแล้วเช่นกัน แถมยังกำลังตามหาพวกเขาอยู่ หลี่ไป๋เริ่มมีความหวัง"ย้ายที่กันก่อน รีบพาสินค้าไปจุดรับของ" แม้จะร้อนใจจากเรื่องที่พึ่งได้ยินแต่หัวหน้าคนชั่วก็สั่งด้วยความใจเย็นหลี่ไป๋ขมวดคิ้ว พวกนั้นรีบร้อนแบบนี้ที่นี่คงอยู่ใกล้ ๆ เมือง เขาต้องหาทางถ่วงเวลา"เสี่ยวหนิง" เขากระซิบเรียกน้องสาวที่ยังนอนกลิ้งหนีความจริงไม่เลิก"หือ?" เชือกมัดปากก็ไม่ยอมแกะทำเป็นเล่นจริง ๆ ให้ตายสิแต่ก็ดีกว่านางร้องไห้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาได้หูแตกแน่ แถมเหมืองยังจะถล่มแน่นอนอีกด้วย"ช่วยพี่ชายหน่อยสิ เดี๋ยวซื้อเปาจื่อให้สามลูก"พอเอาของกินมาล่อนางก็พยักหน้าทันทีพวกมันขนสัมภาระขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็วแล้วออกเดินทางจากเมือง ผ่านอุโมงค์ทอดยาวจนมาถึงด้านนอกในที่สุด ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วท้องฟ้าจึงเริ่มเปลี่ยนเวลาที่ใช้ไปกว่าจะออกมาข้างนอกไม่นาน หมายความว่าเมืองแห่งนี้ไม่ได้ลึกอย่างที่คิดหลี่หวานหนิงมองหน้าพี่ชาย พออีกฝ่ายพยักหน้านางก็กรีดร้องเสียงดัง"กร
"สามีที่รัก…การกลับมาอย่างรีบร้อนของข้าเหมือนจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีเท่าไรเลยนะ"เหนืออาคารของหอกระจายข่าวคล้ายมีเมฆครึ้มทั้งที่ท้องฟ้าส่วนอื่นยังแจ่มใสถ้าไม่นับนายท่านที่พึ่งกลับมาได้จังหวะพอดิบพอดีคนอื่น ๆ ล้วนกำลังตามหาร่องรอยคนร้าย หัวหน้าหอแห่งอวิ๋นซีจึงเป็นผู้ร่วมชะตากรรมหนึ่งเดียวที่ต้องมานั่งคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าฮูหยินอยู่ตอนนี้แต่เป็นใครมาอยู่ตรงนี้เฟยหลางก็คิดว่ายอมศิโรราบกันหมดตั้งแต่นางเดินเข้ามาประตูมาอยู่ดี ลองเห็นภาพนางลากคอไก่ฟ้าตัวขนาดพอ ๆ หงส์แดงเพลิงเข้ามาใครจะไม่ผวาบ้างหลี่เจิ้นหัวหน้าซีดตัวหดเหลือสองชุ่น"ยะ ยอดรักจ๋า""ไม่เคยเห็นในเมืองวุ่นวายขนาดนี้ แถมยังเป็นคนของหอกระจายข่าวอีก คิดว่าจะปิดบังได้หรือไง""ก็…ไม่หรอก แต่ข้าอยากรีบหาตัวให้เจอก่อนเจ้ามา"ก่อนมาถึงอาคารนี้นางก็จับคนมาถามความแล้วจึงรู้เรื่อง ไม่ได้แปลกใจอะไร ปญหามันอยู่ต่อจากนี้ต่างหากฉินหลิวซีเอาอาวุธคู่กายทั้งสองออกมา โยนงานจิปาถะให้คนอื่นทำ"ไก่ฟ้านี่ฝากชำแหละหน่อย เดี๋ยวข้ากลับมา"ว่าแล้วก็โดดออกทางหน้าต่างข
"โฮ่ คุณหนูน้อยสองคนคุยเรื่องรูปสลักในร้านยายกันใหญ่เชียว ทำไมไม่เลือกมันเล่า""น้องข้ามีเยอะแล้ว ให้นางเท่านี้ก็พอขอรับ" หลี่ไป๋ตอบกลับอย่างสุภาพ หญิงชราเจ้าของร้านงึมงำอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจหลี่ไป๋เอาถุงเงินออกมาเตรียม แต่ลืมไปว่าฝากไว้ที่เฟยหลาง"พี่เฟย - ""ขอรับคุณชาย…คุณชาย?"เฟยหลางหันซ้ายหันขวา รอบตัวเขาไม่มีใครอยู่เลย แต่เมื่อครู่มั่นใจว่าคุณชายน้อยเรียกเขาแน่ ๆ ร้านแผงลอยก็ปราศจากเจ้าของ เฟยหลางหน้าซีด"ซวยแล้ว…"หลี่หวานหนิงร้องอู้อี้เพราะถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ที่ปากก็มีเชือกผูกไม่ให้ส่งเสียง เพียงพริบตาเดียวที่สายตาหลุดจากหญิงชราตรงหน้าไป พวกเขาก็ถูกพามาที่ไหนสักแห่งด้วยยันต์เคลื่อนย้าย ทันทีที่ร่วงกระแทกพื้นพวกมันก็กรูกันเข้ามาจับมัดทันที แต่เพราะเห็นเป็นเด็กจึงไม่ได้มัดแน่นหนาอะไรหลี่หวานหนิงกระดึ๊บซ้ายทีขวาทีราวกับหนอนยักษ์ นางค่อนจะ…ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกินไปสำหรับเด็กที่ถูกขโมยตัวมา แต่จะว่านางก็เหมือนถ่มน้ำลายใส่หน้าตัวเอง เพราะคนที่สงบนิ่งยิ่งกว่าใครก็คือหลี่ไป๋เองนอกจากพวกเ
"หมายความว่าอย่างไรโดนลักพาตัว!""ขออภัยขอรับนายท่าน ข้าคลาดสายตาไปเพียงนิดเดียวพวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว"หลี่เจิ้นหัวตะโกนเสียงดัง "คิดว่าข้ออ้างแบบนั้นจะแก้ตัวขึ้นหรือไง รีบไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย!"คนของหอกระจายข่าวสาขาประจำเมืองกระจายกำลังกันไปอย่างรวดเร็ว จะมีอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนไปกว่าเรื่องที่บุตรทั้งสองของนายท่านหายตัวไป แถมยังเป็นความสะเพร่าซึ่งเกิดขึ้นตอนฮูหยินไม่อยู่ หากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ได้ ไม่แน่ว่าสิ่งที่อยู่ในหม้อต้มยาจะไม่ใช่วัตถุดิบสมุนไพรแต่เป็นกระดูกพวกเขาต่างหากเด็กเก้าขวบกับห้าขวบตัวไม่ใช่เล็ก ๆ จะหายไปทันทีได้อย่างไร อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพียงการเล่นสนุกของเด็ก ๆ คนที่ทำเรื่องอย่างนี้ต้องมีมากกว่าสอง หรืออาจจะทำกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยก็ได้ ต้องรีบหาให้เจอภายใต้เงาของเมืองอันเงียบสงบคนของหอกระจายข่าวกำลังเคลื่อนไหว เกิดเรื่องที่ไหนไม่เกิดมาเกิดที่เมืองพวกเขาเสียได้ สาขาของหอกระจายข่าวมีตั้งมากดันเลือกมาเกิดที่เมืองที่สงบสุขที่สุดในแคว้นช่างน่าเวทนาผู้ไม่ประสงค์ดีกลุ่มนั้นเหลือเกิน…หลี่เจิ้นหั
นายท่านหอชิงขุยจัดการแยกงานที่ต้องทำด่วนจะทำทีหลังได้ออกจากกันเป็นสองกอง พอไม่ได้เข้ามาที่หอนานแบบนี้งานก็กองสุมการจนล้นมือไปหมด พอมีลูกสองคนแล้วเขาก็ยิ่งขยันทำงานมากขึ้นคงต้องเข้ามาที่หอชิงขุยบ่อยกว่านี้แล้วล่ะ"ฉินหลิวซีไม่อยู่แบบนี้คือช่วงเวลาพิสูจน์ฝีมือสินะ"เมื่อนางกลับมาจะต้องภูมิใจในตัวสามีร่วมงานคนนี้ ที่เขาเลี้ยงลูกได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง คิดแล้วก็เผลอยิ้มออกมา"ท่านพ่อ ทำหน้าตาพิลึกจัง""พิลึก!" พอโดนเด็กทักแบบนี้ทำเอาใจแป้วเลยทีเดียว นี่เขายิ้มแล้วหน้าตาพิลึกหรอกหรือ"หรือจริง ๆ แล้วข้าไม่ได้รูปงาม แต่หน้าตาแปลกพิสดาร?"ท่านแม่ รีบกลับมาทีขอรับ"เสี่ยวไป๋…ทำไมมองพ่อด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นล่ะลูก"คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบ บุตรชายเอียงคอมองหน้างง ๆ คล้ายไม่เข้าใจ ทำให้ยิ่งเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าหรือจริง ๆ แล้วเขาเอง เป็นเขาเองที่แปลก"อ้ะ แต่ถ้านางชอบ แปลกก็ดีแล้วนี่นา"ท่านแม่…ไม่รู้ด้วยเหตุใดแต่บุตรคนแรกของเขาดูจะมีความคิดที่โตเกินวัยไปสักหน่อย รวมถึงคำพูดคำจาที่เด็กวัยเดียวกันไม่น่าคิด