นางถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สามของวัน ยิ่งกว่านั้นทันทีที่เปิดประตูมิติพาน้องชายออกมาพอดีกับที่กำแพงโปร่งแสงที่ขวางกั้นตัวเมืองกับภายนอกออกจากกันหายไปจนสิ้น รอบกายของนางก็พลันปรากฏร่างชาวบ้านขึ้นมาพวกเขาเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ขณะหนึ่ง แต่ละคนเคลื่อนไหวต่อจากที่ทำท่าทางค้างเอาไว้ทั้งแบบนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนไม่รับรู้ว่า ก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ละคนไม่มีท่าทีเอะใจถึงความผิดปกติก่อนหน้านี้เลยตอนนี้สองพี่น้องยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าเมืองพอดี เห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาก่อนหน้านางกับอาจารย์ พวกเขาเองก็เหมือนไม่รับรู้อะไรเช่นกัน“แค่กระเทียมไม่กี่หัวจำต้องถ่อมาถึงในเมืองขนาดนี้ด้วยหรือ”“ก็ถ้าในสัมภาระมันยังเหลืออยู่ จะต้องถ่อออกมาทำไมเล่า ใครใช้ให้เจ้าอุตริเอาพวกมันไปให้น้องเจ้าเล่นหมดล่ะ”“ก็ได้ เรื่องนี้ข้าผิดเอง”คนกลุ่มนั้นเดินผ่านหน้านางไป เด็กหญิงไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่เหมือนเดิมแต่ก็โล่งอก คิดว่าดีแล้วที่ไม่มีใครบาดเจ็บ“คงไม่มีอะไรแล้วละซือหยวน เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ”เพราะไม่ได้เจอผู้คนมานานเด็กชายข้างกายนางก็ตาเป็นประกาย ยามเดินทางผ่านเมืองมองผู้คนอย่างตื่นเต้
“ตามหาข้าจะใช้เวลาสักเท่าไรกันเชียว แผนที่ก็ให้ไปแล้ว มัวแต่เดินเล่นกันอยู่ละสิพวกเจ้าน่ะ”“ท่านอาจารย์สงสารศิษย์เถอะนะ ลำพังแค่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ เป็นเดือนก็อึดอัดจะเป็นจะตายอยู่แล้ว คนที่ถูกขังคุกยังอิสระกว่าพวกข้าก่อนหน้านี้อีก ข้าแทบจะอาเจียนออกมาได้ทันทีที่เห็นหมอกควันอยู่แล้ว”“เอาละ ๆ ไม่ต้องบรรยายให้ข้าเห็นภาพนักก็ได้ พานจะกินข้าวไม่ลงเสียเปล่า ๆ”“ท่านอาจารย์ ข้ามีคำถามเจ้าค่ะ”“เรื่องที่เจ้าเพิ่งเจอมาสินะ”ฉินซือหยวนไม่ได้ออกไปกับพี่สาวจึงไม่รู้ว่านางได้อะไรมา แต่พอพี่สาวพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็สนใจอยู่ไม่น้อย ทำสายตาตื่นเต้นมองตามนางตาไม่กะพริบ“ข้าได้ไข่มาใบหนึ่ง ท่านอาจารย์พอรู้หรือไม่หากได้เห็นว่า มันจะฟักออกมาเป็นตัวอะไร”ซุนเป่ยฉีขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าไม่แน่ใจ หากเป็นไข่ที่ข้าเคยได้อ่านได้เจอมาบ้างก็คงรู้ อย่าคาดหวังมากนักล่ะ”ทั้งสามคนมานั่งล้อมวงที่โต๊ะกลมขนาดเล็ก ฉินหลิวซีนำไข่สัตว์อสูรที่นางได้มาวางตรงกลาง ขนาดของมันใหญ่กว่าศีรษะของผู้ใหญ่หนึ่งคน หมอเทวดาเพ่งมองแล้วก็ลูบเคราที่มีอยู่นิดหน่อยของตัวเอง ฉินหลิวซีไม่รู้ว่าอาจารย์ตั้งใจไว้หนวดเคราเพื่ออำพรา
เขาเห็นว่าพี่สาวเหนื่อยมากแล้ว เวลาจะพักผ่อนเต็มที่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มี เขาจึงอยากให้พี่สาวได้พักผ่อนมาก ๆ ฉินซือหยวนรู้ว่าพี่ตนเองเก่งกาจ แต่หากไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ จอมยุทธ์คนไหนก็เป็นต้องล้มลงทั้งนั้น จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง “ข้าซื้อวัตถุดิบมาไว้แล้ว อยู่ในครัวนั่นละ เอามาใช้ตามสบายเถอะ” ซุนเป่ยฉีเอ่ยบอก หลังจากลูกศิษย์หญิงตัวน้อยขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสองรออาหารเสร็จ เขาก็ลุกไปจัดการหลอมยาในหม้อต่อจากที่ทำค้างไว้ฉินซือหยวนเข้าครัวไปทำอาหารอย่างง่าย สับมีดลงบนเขียงดังโป๊ก ๆ ไปถึงชั้นสอง แต่มันไม่ได้รบกวนฉินหลิวซีที่ใช้ความคิดอยู่แต่อย่างใดจากที่นางจำได้ สัตว์ในตำนานทั้งหกมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน หากนางพบหงส์แดงเพลิงที่นี่ก็เป็นไปได้ว่า จะมีคนพบสัตว์ในตำนานตัวอื่นในยุคนี้เช่นเดียวกัน จะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ไม่อาจรู้ได้จนกว่าจะได้เจอ หากมีการปะทะกันเกิดขึ้นจริงในอนาคตข้างหน้า นางก็ควรต้องหาวิธีรับมือไว้ก่อนดูจากโชคชะตาที่พานางรวนเรไปเรื่อย โอกาสได้พบไม่ใช่ศูนย์เลยขอข้านึกก่อนนะเด็กหญิงนั่งเท้าคางกับโต๊ะระหว่างลากพู่กันลงบนแผ่นกระดาษหงส์แดงเพลิงคือสัตว์ในพันธะวิญญาณข
เด็กหญิงเติบโตขึ้นทีละนิดจนตอนนี้อายุได้สิบปี ฉินหลิวซีเลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดเซียนขั้นก่อเกิดฉินซือหยวนอยู่ระดับปฐพีลมปราณขั้นที่สาม เมื่อความสามารถของนางเหมาะสมแล้วที่จะฟักไข่สัตว์อสูรในตำนานได้ ก็อดทนรอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ แทบไม่ไหวในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง ตรงหน้าของเด็กทั้งสองคือไข่สัตว์อสูรในตำนาน ซุนเป่ยฉีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม“ซือหยวนน้อย เจ้าหลบออกมาจากตรงนั้นก่อน ถอยออกไป”“ทำไมล่ะขอรับท่านอาจารย์ ข้าก็อยากเห็นมันฟักตัวใกล้ ๆ”“มันอาจจะคิดว่าเจ้าเป็นศัตรูต่อเจ้านายของมันได้ เดี๋ยวก็ได้โดนลูกหลงไม่รู้ตัวหรอก”“แม้มันพึ่งฟัก ก็ทำอันตรายได้ขนาดนั้นเชียวหรือ”เด็กชายไม่เข้าใจถึงความร้ายขาดของมัน แม้จะอ่านตำราเพิ่มเติมหรือให้พี่สาวช่วยอธิบาย เขาก็จินตนาการความแข็งแกร่งของมันไม่ออกอยู่ดี ดูห่างไกลจากความเป็นจริง จนเขานึกภาพถึงตอนที่มันแรงฤทธิ์ไม่ออกเลยเหมือนเช่นที่ว่างูคิดภาพไม่ออกว่า หากตนเองมีขาจะเป็นอย่างไร หรือไก่ก็คงคิดภาพไม่ออกว่าหากมันมีแขนมีนิ้วมีเล
ไข่ที่ยังอยู่ตรงนั้นเป็นของหงส์แดงเพลิง และแล้วทิวทัศน์ที่ต่างไปก็ค่อย ๆ เลือนหาย กลายเป็นถ้ำที่นางอยู่เมื่อครู่นี้ เด็กหญิงหันซ้ายหันขวาก่อนจะหันไปดูด้านหลัง พบว่าอาจารย์กับน้องชายยืนนิ่งไม่ไหวติง แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่ได้ยินกระทั่งสายตาเหลือบออกไปเห็นนกที่บินอยู่ด้านนอกค้างอยู่กลางอากาศนี่เป็นภาพความทรงจำเสมือนอย่างนั้นหรือ และตอนนี้ตัวข้าก็ถูกแยกออกมาจากมิติสินะฉินหลิวซีไม่แน่ใจ แต่เมื่อตัวนางถูกตัดขาดมาอยู่ในโลกแห่งนี้ รูปร่างโปร่งแสงของหงส์แดงเพลิงก็ปรากฏขึ้น มันร้องคำรามราวกับจะท้าทายและข่มขวัญคู่ต่อสู้เด็กหญิงหยิบกระบี่อ่อนออกมาตั้งท่า นางไม่มั่นใจว่าเงื่อนไขการผูกพันธสัญญาคืออะไร แต่ดูจากท่าทีของหงส์แดงเพลิงตนนี้ คงเป็นการที่ต้องทำให้อีกฝ่ายสยบเช่นนั้นใช่หรือไม่ร่างเสมือนของหงส์แดงเพลิงขยายปีกออกกว้างและเริ่มทำการจู่โจมนาง ปีกของมันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ม่านมายาที่กีดกันตัวตนของนางออกจากโลกข้างนอกนั่นแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ ผู้เป็นอาจารย์ไม่อาจแทรกแซงได้เลยสักนิด ซึ่งนางก็ไม่แน่ใจว่า เขารับรู้ถึงความผิดปกตินี้หรือไม่ถ้ำที่เคยคับแคบเหมือนถูกขยาย
ฉินหลิวซีหันหน้าไปมองผู้เป็นอาจารย์ก่อนจะหมุนไปหาทั้งตัวทั้งอย่างนั้น พยักหน้าตอบรับคำของเขา ตอนนี้นางเป็นเจ้านายของสัตว์ในตำนานตนนี้แล้วเมื่อรับรู้ได้ถึงบุคคลอื่นที่เข้ามาใกล้ หงส์แดงเพลิงในคราบของลูกหงส์ขาวก็ถอยไปหลบหลังเจ้านาย ฉินหลิวซีนึกว่ามันเป็นหงส์ขาวขี้อายที่ขัดกับภาพลักษณ์จึงไม่ได้นึกติดใจอะไรแต่แท้จริงแล้วหงส์แดงเพลิงตอนนี้รับรู้ได้ถึงตัวตนของบุคคลตรงหน้าที่ทรงพลังเกินกว่ามันจะรักษาความสงบเอาไว้ได้เซียนผู้ไม่ใช่เซียนสร้างแรงกดดันให้มันไม่ใช่น้อย แม้ซุนเป่ยฉีจะตั้งใจปกปิดพลังของตนเอง และไม่ได้เจตนาจะข่มขวัญมันก็ตาม แต่สัญชาตญาณของสัตว์ก็ยังแม่นยำ อีกไม่นานก็ไม่อาจใช้คำว่าเซียนกับคนผู้นี้ได้แล้ว เขากำลังจะก้าวขึ้นไปอย่างระดับขั้นสูงกว่า“ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว คราวนี้เราจะไปไหนดีเจ้าคะ”“จะไม่อยู่ให้นานกว่านี้หน่อยหรือ”“คำว่าจะปักหลักที่ใดนาน ๆ ของท่านอาจารย์เชื่อถือไม่ได้เจ้าค่ะ”ซุนเป่ยฉีเถียงไม่ออก เพราะมันก็ดันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เสียด้วย เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินสะบัดหน้าราวกับคนแก่ช่างแง่งอนออ
เพราะการกำเนิดใหม่ทำให้หงส์เพลิงไม่มีความทรงจำเก่า และเป็นเหมือนสัตว์อสูรแรกเกิดเท่านั้น ทำให้ต้องมาฝึกฝนใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อว่างจากการฝึกด้วยกำลัง นางก็ต้องฝึกจิตใจด้วยเช่นกัน แม้จะแข็งแรงอยู่แล้วก็ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้เพื่อที่จะสามารถปกป้องตัวเองจากภาพมายาได้ แม้ว่านางจะเป็นนายของหงส์แดงเพลิง แต่ก็ไม่มีอะไรรับรองว่าหากมันคลุ้มคลั่งหรือมีเหตุสุดวิสัยอะไรเกิดขึ้น พลังนั้นจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายเจ้านาย ดังนั้นหากป้องกันตัวเองไว้ได้ก็จะเป็นการดี“ข้ากลับมาแล้ว” เสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยมาแต่ไกล หันไปจึงเห็นว่าเป็นอาจารย์กับน้องชายของนางที่เดินทางกลับมาในรอบหลายวันระยะนี้พวกเขาต้องแยกกันบ่อย ๆ โดยหมอเทวดาจะพาน้องชายของนางติดตามไปด้วยทุกครั้ง สามสี่วันจึงจะกลับมาที ซุนเป่ยฉีไม่ได้บอกลูกศิษย์ว่า ตนกำลังตามหาอะไรอยู่ ใช้เวลาหลายวันในที่สุดก็เจอเสียที“ท่านอาจารย์ไปไหนมาหรือเจ้าคะ หายไปเสียหลายวันแล้วก็ไม่ได้บอกข้าเอาไว้ด้วย”“สมุนไพรเก้าสิบเก้าชนิดที่เราเคยคุยกันอย่างไรล่ะ”“ท่านอาจารย์หาได้ครบแล้วหร
สมุนไพรที่หามามีทั้งหายากและง่าย เก็บมาได้มากน้อยต่างกัน ตัวยาใดที่หายากแต่ต้องใช้ในปริมาณมาก ทั้งที่เจอก็จะเก็บตุนเอาไว้เท่าที่หาได้ แต่ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ใครจะอยากพบเจอฉินซือหยวนนั่งนอนมองแผ่นหลังของคนทั้งคู่ตั้งแต่ตื่นยันหลับ เวลาล่วงเลยผ่านไปถึงเจ็ดทิวาเจ็ดราตรี กว่าจะได้โอสถทะลวงลมปราณมาสิบเม็ด เม็ดยาสีเหลืองทองเปล่งประกายอยู่ตรงหน้า ต่อให้ไม่ใช่นักปรุงยาหรือหมอประจำโรงแพทย์ที่ไหนก็คงจะดูออกได้ว่ามันมีราคาสูงมากยิ่งความบริสุทธิ์ของยาสูงประสิทธิภาพก็ยิ่งดี ดูความบริสุทธิ์ได้จากสีของเม็ดยาหลังจากที่หลอมออกมาแล้วนางเข้าใจแล้วว่า ทำไมมันถึงได้มีราคาสูงนัก ในตระกูลที่มีเงินอยู่บ้าง ส่วนมากจะใช้โอสถสร้างแก่นปราณที่ราคาไม่กี่ตำลึงและหาได้ทั่วไปในตอนที่ตามหามันก็รู้สึกว่ายากลำบากแล้ว ใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้ขนาดนี้ ไหนจะขั้นตอนการปรุงที่ผิดพลาดไม่ได้อีก หากมันไม่สำเร็จช่วงเวลาหลายปีที่ตามหาวัตถุดิบเท่ากับความสูญเปล่า ส่วนที่ผิดพลาดมีค่าไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของตัวมันเองหากสำเร็จด้วยซ้ำหลังจากที่ชั่งน้ำหนักความยากลำบากของตนเอง นางเห็นด้วยมาก ๆ ที่จะตั้งราคา
"ท่านแม่ทำยา""อุ๊บ! ฮ่า ๆ ๆ ขอโทษด้วยนะ แต่แม่ไม่ได้เป็นกระต่ายหรอก" ฉินหลิวซีขำพรืดก่อนเอี้ยวตัวมาลูบศีรษะบุตรชายด้วยความเอ็นดู"ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เสี่ยวไป๋สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ลูกอยากเป็นเลย จะเป็นกระต่ายหรือดวงดาวก็ได้ แม้จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าได้ทิ้งสิ่งนี้ที่อยู่ในใจของลูกไปเลยนะ"เมื่อการเติบโตทำให้ความรับผิดชอบมากขึ้น ความสุขที่ไขว่คว้าได้ก็น้อยลง ต้องยอมปล่อยมือจากสิ่งที่รักและหวงแหน ต้องสละบางอย่างเพื่อสิ่งที่อาจไม่ปรารถนาแต่จำเป็นต้องมี วัฏจักรของมนุษย์ดำเนินไปเช่นนั้นฉินหลิวซีปรารถนาให้ลูกของตนไม่ถูกกลืนกินจากมัน แต่สุดท้ายก็คงไม่มีใครรอดพ้นอยู่ดี ดังนั้นก็จงทนุถนอมเอาไว้ให้ยาวนานเท่าที่ได้เถิดหลังจากบินเล่นจนพอใจแล้วหงส์แดงเพลิงก็ร่อนลงตรงที่กว้างสักแห่ง เจ้านายเปิดมิติให้ทุกคนก็เข้าไปพักผ่อน แต่เจ้าตัวสีทองนั่นยังบินเพลินไม่ยอมกลับเข้ามา เดือดร้อนคนรักของเจ้านายต้องออกไปตามอีกรอบมันเดินเตาะแตะมานอนซุกตัวข้างตัวบ้าน มิตินี้ไม่เคยถูกคนนอกรุกล้ำเข้ามาได้ แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้บุกรุกเหล่านั้นก็จะต้องรับมือมันก่อน
ทันทีที่มันลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าการต่อสู้คือความสามารถและวิถีของมันทุกครั้งที่ฟักออกจากไข่ ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายคนก่อนจะหายไป ไม่ว่าความผูกพันธ์นั้นจะมีหรือไม่มี ก็จะถูกลบหายไปอย่างเท่าเทียมตั้งแต่ครั้งที่สามหรือสี่ที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น มันจึงใช้เวลากับเจ้านายใหม่เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อถูกปลุกขึ้นมา หลังถวายความภักดีให้ก็จะถูกใช้ไปสู้กับตัวอื่น ๆ บ้างก็แพ้บ้างก็ชนะ เคยถูกล่าม ถูกขัง และถูกเลี้ยงปล่อยเป็นอิสระด้วยเช่นกันการต้องจดจำเรื่องเหล่านั้นทุกครั้งที่ตื่นก็ดูเหนื่อยเกินไปจริง ๆ มันเริ่มรู้สึกเห็นด้วยที่ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายถูกลบหาย เห็นเป็นเพียงเงาร่างเลือนที่นึกไม่ออกทั้งชื่อและหน้าเจ้านายแต่ละคนปฏิบัติกับมันและมอบบทบาทให้มันไม่เหมือนกันคิดว่าครั้งต่อไปจะให้มันทำอะไรก็ไม่เกินความสามารถ แต่ก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าสัตว์อสูรในตำนานอย่างมันต้องมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กแกว้ก!"เสี่ยวฮั่วเล่นกับ ๆ อยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปรดน้ำแปลงสมุนไพร" วางทารกกับเด็กเล็กหนึ่งคนพิงตัวมันเสร็จก็เดินหนีไปยุคสมัยท
"เจ้าค่ะ!""เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้" ซือหยวนจะตะครุบปากภรรยาเอาไว้ตอนนี้ก็ไม่ทันฉินหลิวซีประติดประต่อเรื่องราว ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปในใจตัวเอง เอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้มพลางปรายตามองน้องชายร่วมสายเลือด"อย่างนี้เอง ข้าเข้าใจแล้ว"อยากให้ยุคนี้มีกล้องจริง ๆ เลยเชียวเพราะเหยื่อล้วนไปที่หอนางโลมนั้น สาเหตุการตายมาจากพิษ คนร้ายต้องเป็นคนใน หากจะหาเบาะแสก็ต้องแฝงตัวเข้าไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หอนางโลมนั้นผู้ชายจะเข้าไปได้ก็ในฐานะลูกค้า ไม่สามารถเป็นคนที่ทำงานในหอนั้นได้ ขอบเขตของเบาะที่หามาย่อมเจอทางตัน สุดท้ายก็ต้องปลอมตัวไปเป็นคนในเสียเองในฐานะสตรีผู้หนึ่ง ฉินหลิวซีทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกดีกับเรื่องนี้ในคนละมุมมอง แต่มันเป็นที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว จะไปคิดมากก็ดูใช้พลังชีวิตเกินความจำเป็นดูจากตอนนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขดี นางคงไม่ยื่นมือไปทำอะไรทั้งนั้น ตั้งใจว่าจะกลับมาเยี่ยมแต่โดนทำให้ตกใจเสียได้"พี่หญิงจะค้างที่นี่กี่วันหรือคะ ข้าจะให้คนจัดห้องให้""ไม่ต้องค้าง กลับไปเลย""พี่สาวเจ้ามาหาทำไมทำตัวแบบนี้ นางอุตส่าห์มาเยี่ยมเจ้า
เมื่อหลายปีก่อนมีสำนักคุ้มภัยเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมืองที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงเช่นนี้มักไม่ค่อยมีขุนนางน้ำดีแวะเวียนมาเพราะหาประโยชน์กอบโกยไม่ได้แต่แล้วก็มีเซียนโอสถน้อยผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นที่นี่ นางกับน้องชายจากบ้านเกิดไปหลายปีเพื่อร่ำเรียนกับหมอเทวดา ครานั้นผู้คนในเมืองยังคิดกันอยู่เลยว่ามันไม่จริง เหมือนฝันอันห่างไกลที่เมืองแห่งนี้จะเจริญขึ้นได้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย เริ่มมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ในที่ดินใกล้ที่ว่าการซึ่งปล่อยทิ้งร้าง มีร้านโอสถที่ขายยาหายาก เครื่องประทินโฉมอันเลื่องชื่อที่โด่งดังไปถึงต่างแดน"และคนที่เป็นเจ้าของสามในสี่อย่างที่ว่ามานี้ก็คือ ข้าเอง!"เสียงวางไหเหล้ากระแทกโต๊ะดังโครม ทุกคนเงียบกริบ เบนสายตาจากคนที่กำลังอวดอ้างตนเองมายังคนพเนจรร่างผอมบาง ผู้ที่มองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายเพราะสวมผ้าคลุมและหมวกสานปิดหน้าอาไว้"อะไร จะหาเรื่องกันรึ?" ผู้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องเล่ามองเขม็งไม่สบอารมณ์"ได้ข่าวว่าสามสถานที่นั้นเป็นของเจ้าเพียงหนึ่งมิใช่รึ จะอ้างของใครก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยคุณชายฉิน" เสียง
หลี่ไป๋ได้ยินก็หูผึ่ง ต้องเป็นคนของบิดาเขาแน่ เวลาขนาดนี้ท่านแม่ก็น่าจะกลับมาจากออกล่าแล้วเช่นกัน แถมยังกำลังตามหาพวกเขาอยู่ หลี่ไป๋เริ่มมีความหวัง"ย้ายที่กันก่อน รีบพาสินค้าไปจุดรับของ" แม้จะร้อนใจจากเรื่องที่พึ่งได้ยินแต่หัวหน้าคนชั่วก็สั่งด้วยความใจเย็นหลี่ไป๋ขมวดคิ้ว พวกนั้นรีบร้อนแบบนี้ที่นี่คงอยู่ใกล้ ๆ เมือง เขาต้องหาทางถ่วงเวลา"เสี่ยวหนิง" เขากระซิบเรียกน้องสาวที่ยังนอนกลิ้งหนีความจริงไม่เลิก"หือ?" เชือกมัดปากก็ไม่ยอมแกะทำเป็นเล่นจริง ๆ ให้ตายสิแต่ก็ดีกว่านางร้องไห้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาได้หูแตกแน่ แถมเหมืองยังจะถล่มแน่นอนอีกด้วย"ช่วยพี่ชายหน่อยสิ เดี๋ยวซื้อเปาจื่อให้สามลูก"พอเอาของกินมาล่อนางก็พยักหน้าทันทีพวกมันขนสัมภาระขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็วแล้วออกเดินทางจากเมือง ผ่านอุโมงค์ทอดยาวจนมาถึงด้านนอกในที่สุด ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วท้องฟ้าจึงเริ่มเปลี่ยนเวลาที่ใช้ไปกว่าจะออกมาข้างนอกไม่นาน หมายความว่าเมืองแห่งนี้ไม่ได้ลึกอย่างที่คิดหลี่หวานหนิงมองหน้าพี่ชาย พออีกฝ่ายพยักหน้านางก็กรีดร้องเสียงดัง"กร
"สามีที่รัก…การกลับมาอย่างรีบร้อนของข้าเหมือนจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีเท่าไรเลยนะ"เหนืออาคารของหอกระจายข่าวคล้ายมีเมฆครึ้มทั้งที่ท้องฟ้าส่วนอื่นยังแจ่มใสถ้าไม่นับนายท่านที่พึ่งกลับมาได้จังหวะพอดิบพอดีคนอื่น ๆ ล้วนกำลังตามหาร่องรอยคนร้าย หัวหน้าหอแห่งอวิ๋นซีจึงเป็นผู้ร่วมชะตากรรมหนึ่งเดียวที่ต้องมานั่งคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าฮูหยินอยู่ตอนนี้แต่เป็นใครมาอยู่ตรงนี้เฟยหลางก็คิดว่ายอมศิโรราบกันหมดตั้งแต่นางเดินเข้ามาประตูมาอยู่ดี ลองเห็นภาพนางลากคอไก่ฟ้าตัวขนาดพอ ๆ หงส์แดงเพลิงเข้ามาใครจะไม่ผวาบ้างหลี่เจิ้นหัวหน้าซีดตัวหดเหลือสองชุ่น"ยะ ยอดรักจ๋า""ไม่เคยเห็นในเมืองวุ่นวายขนาดนี้ แถมยังเป็นคนของหอกระจายข่าวอีก คิดว่าจะปิดบังได้หรือไง""ก็…ไม่หรอก แต่ข้าอยากรีบหาตัวให้เจอก่อนเจ้ามา"ก่อนมาถึงอาคารนี้นางก็จับคนมาถามความแล้วจึงรู้เรื่อง ไม่ได้แปลกใจอะไร ปญหามันอยู่ต่อจากนี้ต่างหากฉินหลิวซีเอาอาวุธคู่กายทั้งสองออกมา โยนงานจิปาถะให้คนอื่นทำ"ไก่ฟ้านี่ฝากชำแหละหน่อย เดี๋ยวข้ากลับมา"ว่าแล้วก็โดดออกทางหน้าต่างข
"โฮ่ คุณหนูน้อยสองคนคุยเรื่องรูปสลักในร้านยายกันใหญ่เชียว ทำไมไม่เลือกมันเล่า""น้องข้ามีเยอะแล้ว ให้นางเท่านี้ก็พอขอรับ" หลี่ไป๋ตอบกลับอย่างสุภาพ หญิงชราเจ้าของร้านงึมงำอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจหลี่ไป๋เอาถุงเงินออกมาเตรียม แต่ลืมไปว่าฝากไว้ที่เฟยหลาง"พี่เฟย - ""ขอรับคุณชาย…คุณชาย?"เฟยหลางหันซ้ายหันขวา รอบตัวเขาไม่มีใครอยู่เลย แต่เมื่อครู่มั่นใจว่าคุณชายน้อยเรียกเขาแน่ ๆ ร้านแผงลอยก็ปราศจากเจ้าของ เฟยหลางหน้าซีด"ซวยแล้ว…"หลี่หวานหนิงร้องอู้อี้เพราะถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ที่ปากก็มีเชือกผูกไม่ให้ส่งเสียง เพียงพริบตาเดียวที่สายตาหลุดจากหญิงชราตรงหน้าไป พวกเขาก็ถูกพามาที่ไหนสักแห่งด้วยยันต์เคลื่อนย้าย ทันทีที่ร่วงกระแทกพื้นพวกมันก็กรูกันเข้ามาจับมัดทันที แต่เพราะเห็นเป็นเด็กจึงไม่ได้มัดแน่นหนาอะไรหลี่หวานหนิงกระดึ๊บซ้ายทีขวาทีราวกับหนอนยักษ์ นางค่อนจะ…ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกินไปสำหรับเด็กที่ถูกขโมยตัวมา แต่จะว่านางก็เหมือนถ่มน้ำลายใส่หน้าตัวเอง เพราะคนที่สงบนิ่งยิ่งกว่าใครก็คือหลี่ไป๋เองนอกจากพวกเ
"หมายความว่าอย่างไรโดนลักพาตัว!""ขออภัยขอรับนายท่าน ข้าคลาดสายตาไปเพียงนิดเดียวพวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว"หลี่เจิ้นหัวตะโกนเสียงดัง "คิดว่าข้ออ้างแบบนั้นจะแก้ตัวขึ้นหรือไง รีบไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย!"คนของหอกระจายข่าวสาขาประจำเมืองกระจายกำลังกันไปอย่างรวดเร็ว จะมีอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนไปกว่าเรื่องที่บุตรทั้งสองของนายท่านหายตัวไป แถมยังเป็นความสะเพร่าซึ่งเกิดขึ้นตอนฮูหยินไม่อยู่ หากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ได้ ไม่แน่ว่าสิ่งที่อยู่ในหม้อต้มยาจะไม่ใช่วัตถุดิบสมุนไพรแต่เป็นกระดูกพวกเขาต่างหากเด็กเก้าขวบกับห้าขวบตัวไม่ใช่เล็ก ๆ จะหายไปทันทีได้อย่างไร อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพียงการเล่นสนุกของเด็ก ๆ คนที่ทำเรื่องอย่างนี้ต้องมีมากกว่าสอง หรืออาจจะทำกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยก็ได้ ต้องรีบหาให้เจอภายใต้เงาของเมืองอันเงียบสงบคนของหอกระจายข่าวกำลังเคลื่อนไหว เกิดเรื่องที่ไหนไม่เกิดมาเกิดที่เมืองพวกเขาเสียได้ สาขาของหอกระจายข่าวมีตั้งมากดันเลือกมาเกิดที่เมืองที่สงบสุขที่สุดในแคว้นช่างน่าเวทนาผู้ไม่ประสงค์ดีกลุ่มนั้นเหลือเกิน…หลี่เจิ้นหั
นายท่านหอชิงขุยจัดการแยกงานที่ต้องทำด่วนจะทำทีหลังได้ออกจากกันเป็นสองกอง พอไม่ได้เข้ามาที่หอนานแบบนี้งานก็กองสุมการจนล้นมือไปหมด พอมีลูกสองคนแล้วเขาก็ยิ่งขยันทำงานมากขึ้นคงต้องเข้ามาที่หอชิงขุยบ่อยกว่านี้แล้วล่ะ"ฉินหลิวซีไม่อยู่แบบนี้คือช่วงเวลาพิสูจน์ฝีมือสินะ"เมื่อนางกลับมาจะต้องภูมิใจในตัวสามีร่วมงานคนนี้ ที่เขาเลี้ยงลูกได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง คิดแล้วก็เผลอยิ้มออกมา"ท่านพ่อ ทำหน้าตาพิลึกจัง""พิลึก!" พอโดนเด็กทักแบบนี้ทำเอาใจแป้วเลยทีเดียว นี่เขายิ้มแล้วหน้าตาพิลึกหรอกหรือ"หรือจริง ๆ แล้วข้าไม่ได้รูปงาม แต่หน้าตาแปลกพิสดาร?"ท่านแม่ รีบกลับมาทีขอรับ"เสี่ยวไป๋…ทำไมมองพ่อด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นล่ะลูก"คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบ บุตรชายเอียงคอมองหน้างง ๆ คล้ายไม่เข้าใจ ทำให้ยิ่งเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าหรือจริง ๆ แล้วเขาเอง เป็นเขาเองที่แปลก"อ้ะ แต่ถ้านางชอบ แปลกก็ดีแล้วนี่นา"ท่านแม่…ไม่รู้ด้วยเหตุใดแต่บุตรคนแรกของเขาดูจะมีความคิดที่โตเกินวัยไปสักหน่อย รวมถึงคำพูดคำจาที่เด็กวัยเดียวกันไม่น่าคิด