นางเก็บแก่นอสูรที่แยกมาได้เข้าถุงเฉียนคุน จัดแจงที่นอนให้ตัวเองใหม่ ครั้งนี้นางกางข่ายมนตร์ให้แน่นหนากว่าเดิม คืนนั้นนอนหลับไปด้วยความสงบเงียบดังที่ตั้งใจหวัง ไม่มีใครมารบกวนนางอีกจนสามารถตื่นมารับรุ่งอรุณใหม่ได้อย่างสดใสเด็กหญิงเหยียดกายหลังโดดลงจากเปล นางยืดเส้นยืดสายแล้วคืนสภาพให้พลังธาตุไม้ที่นางหยิบยืมมาใช้เมื่อคืน เนื้อเมื่อวานที่ล่ามายังเหลืออยู่นางจึงย่างมันจากกองไฟที่ทำทิ้งไว้เมื่อวาน หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินทางต่อ ไม่รู้ทางฝั่งผู้ชมเห็นอะไรไปแล้วบ้าง นางไม่แน่ใจว่าการถ่ายทอดมุมมองภาพจากฝั่งนี้มีปัจจัยอะไรหนุนนำหรือใช้สิ่งใดเป็นสื่อกลาง ก็หวังว่าจะไม่ถ่ายภาพน่าอายของนางออกไปให้ใครเห็น เช้าวันนี้ก็ยังต้อนรับนางด้วยเสียงคำรามของสัตว์อสูรตัวใหญ่ เสียงระเบิดดินจากที่ไกล ๆ เสียงฝูงนกแตกรัง เป็นสนามไล่ล่าที่สมกับการล่าสัตว์อสูรโดยแท้หลังจากกินจนอิ่มท้องนางก็สำรวจเส้นทางอื่นต่อทั้งยังเก็บวัตถุดิบสมุนไพรที่หาเจอระหว่างทางไปด้วย นางเก็บสมุนไพรมาได้หลายกำ ก้ม ๆ เงย ๆ จนได้พืชเต็มถุง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสะท้อนของสัตว์คำรามดังกังวานมา ฉินหลิวซีหันกลับทันที เพียงพริบตาเดียวเจ้าของ
สมุนไพรระดับสูงหายากยิ่งกว่านั้น ต้องหาเป็นเดือนหรืออาจต้องฝ่าฟันเส้นทางที่ยากลำบาก อาจต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกว่าจะได้สักต้นหนึ่งมา ส่วนสมุนไพรในตำนานก็อย่างชื่อของมัน เพราะเป็นตำนานจึงไม่ค่อยมีข้อมูลปรากฏมากนะ มีแต่คำบอกเล่าปากต่อปากที่อาจบิดเบือนมาเท่าไรแล้วก็ไม่รู้แต่ที่นี่นางหาสมุนไพรระดับกลางได้เยอะพอสมควรเลยทีเดียว เยอะเสียจนตัวเองยังทึ่ง สำหรับคนชอบศึกษาให้ลึกซึ้งในศาสตร์ที่ตนรู้มา ยิ่งกว่านั้นนางยังรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจนยิ้มออกมาไม่หยุดระหว่างที่กำลังเก็บสมุนไพรอย่างเพลิดเพลินนางก็ได้ต้อนรับแขกของวันนี้อีกหนรู้สึกว่าข้าจะเนื้อหอมเหลือเกินนะเบื้องหน้าของฉินหลิวซีมีจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งขวางทางไว้ เด็กหญิงเอียงคอเล็กน้อยด้วยความฉงนใจ เจตนานั้นไม่ต้องสืบ เป้าหมายคงอยู่ที่แก่นสัตว์อสูรซึ่งนางหามาได้ การแย่งชิงทำให้หาได้ง่ายกว่าการไปล่าสัตว์อสูรทีละตัว ไม่ว่าใครก็คิดอย่างนั้น“สวัสดีผู้อาวุโสทั้งหลาย มาให้ผู้น้อยศึกษาวิชาหรือ” นางประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม ทว่าแววตากลับแข็งกร้าว“คุณหนูน้อยผู้นี้ช่างเก่งกาจ คงต้องเป็นฝ่ายพวกข้าที่ขอศึกษาวิชาจากเจ้า”“ผู้ใหญ่ตั้งหลายคนมารุมเด็กแ
เข้าสู่วันที่สามของการแข่งขันล่าสัตว์อสูร บนต้นไม้ที่นางสร้างเปลจากพลังธาตุเอาไว้ เด็กหญิงเทแก่นอสูรออกมานับ แก่นอสูรมีสีเฉพาะของมัน ยิ่งบริสุทธิ์มากสีสันของมันก็ยิ่งสดใสและมีความบริสุทธิ์สูง โอกาสที่จะนำไปหลอมแล้วล้มเหลวนั้นเป็นไปได้น้อย หากได้แก่นสัตว์อสูรที่มีสีอื่นปะปนมากเกินไปโอกาสที่จะล้มเหลวมีสูงกว่าฉินหลิวซีนอนจนกระทั่งเป็นเวลาสาย จึงค่อยคิดขยับตัวหลายวันมานี้นางแทบไม่ได้นอนเลย ซึ่งสำหรับเด็กแปดขวบ ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เวลาที่การแข่งขันสิ้นสุดลงเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูเปิดเมื่อวันสามก่อนนางยังมีเวลาอยู่ที่นี่อีกประมาณหนึ่ง การแข่งขันนี้จัดขึ้นห้าปีครั้ง กว่าจะได้กลับมาเก็บสมุนไพรระดับปานกลางและระดับสูงพวกนี้อีกก็ต้องรอถึงขนาดนั้น ตอนนี้มีโอกาสที่เก็บเกี่ยวนางต้องกอบโกยให้เต็มที่ฉินหลิวซีล่าสัตว์อสูรเพิ่มได้อีกสองตัว และเก็บสมุนไพรไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเวลา นางมารอใกล้บริเวณทางเข้าป่า ตรงนั้นมีผู้เข้าแข่งขันอีกหลายคนซ่อนตัวอยู่ บ้างก็จับกลุ่มกันอย่างเปิดเผย บ้างก็อยู่กับศิษย์สำนักของตนเองจากที่นางกะด้วยสายตาคนเริ่มทยอยมารวมกันได้ห้าสิบคนแล้ว ไม่รู้ว่าเหลือร
“นำแก่นอสูรมาชดใช้ให้ศิษย์น้องข้า!”เกิดอาการตาพร่าอยู่พักหนึ่งจึงจับใจความสิ่งที่ได้ยินได้ หัวคิ้วเด็กหญิงขมวดมุ่นแล้วสบถตอบออกไปเสียงแข็ง“ข้าไม่ให้ อย่าหวังเลยว่าจะได้ไป!” ฉินหลิวซีใช้มือข้างที่ว่างชักนำปราณสายหนึ่งออกมาแล้วโคจรรอบตัวเอง เป็นเกราะคุ้มกันคอยปัดป้องกระบี่ออกไปในจุดบอดของนางที่สายตาไปไม่ถึงโรมรันกันอยู่ครู่ใหญ่ต่างฝ่ายต่างก็สะบักสะบอม เหลือเวลาเพียงหนึ่งเค่อสุดท้ายฉินหลิวซีจึงคิดยื้อเอาไว้ด้วยการทุ่มกำลังไปที่การป้องกันมากกว่าโจมตีคนพวกนี้ระดับต่ำกว่านาง แต่ด้วยจำนวนมากก็ทำให้นางบาดเจ็บไม่น้อยยิ่งมีคนหนึ่งที่ระดับเท่านางยิ่งทำให้การต่อสู้ยากลำบากมากขึ้น หากสู้ตัวต่อตัวนางเชื่อว่าไม่มีวันพ่ายแพ้ แต่นี่พวกหมาหมู่ชัด ๆ“แค่ก! ชิ...ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าพวกไร้ฝีมือนี่จะทำให้ข้าบาดเจ็บได้”“พูดจาอวดดีเหลือเกินนะ แทบจะยืนไม่ขึ้นแล้วยังปากเก่งอยู่อีก”กฎในการแข่งขันคือห้ามฆ่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามการทำให้บาดเจ็บสาหัส หากจะไปพิการเอาหลังจบการแข่งเพราะผลจากบาดแผลจะไม่ถูกนับ ซึ่งก็เป็นที่แน่นอน หากใครไปพิการในภายหลังด้วยการทำตัวเองหรือหาเรื่องใส่ตัวแล้วมาอ้างกฎการแข่งนี้ ใครจะยอ
“ท่านพี่! ท่านฟื้นแล้ว!” เขาโผเข้ากอดพี่สาวแน่นจนนางร้องโอดโอยขึ้นมาถึงได้ยอมปล่อย“ขะ ข้าขอโทษ ๆ ท่านเจ็บแผลหรือ” พอเห็นพี่สาวร้องเขาก็ทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม“ไม่เป็นไรไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย เจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกันช่วงนี้ จนกว่าแผลข้าจะหาย” เสียงของนางแหบแห้งจนน่าเป็นห่วง หน้าของนางยังซีดอยู่ ฉินซือหยวนจึงเข้าไปช่วยพยุงนางให้เดินง่ายขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของบริเวณนี้มีเวทีไม้ซึ่งถูกยกสูงนำมาตั้งเอาไว้ การประกาศผลกำลังจะเริ่มแล้วทุกคนต่างตื่นเต้นกับผลการแข่งขัน ยกเว้นก็แต่เด็กหญิงผู้บาดเจ็บ นางไม่สนใจผลคะแนนสักเท่าไร เพราะของที่ได้มาระหว่างเก็บเกี่ยวก็มากพออยู่แล้ว ไม่มีอะไรทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นได้ในตอนนี้ อีกทั้งอาการบาดเจ็บยังเด่นชัดกว่าอะไรทั้งหมด นางไม่มีแก่ใจจะฟังด้วยซ้ำว่าคนมอบรางวัลเป็นใคร หรือพูดอะไรอยู่กลับกันน้องชายของนางดูตื่นเต้นมาก สายตาเขาจดจ่ออยู่บนเวทีนั่นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ช่วยฟังให้ข้าด้วยอาการบาดเจ็บภายในนางใช้พลังปราณค่อย ๆ ฟื้นฟูมันได้ ส่วนอาการบาดเจ็บภายนอกแม้จะหายเร็วกว่าคนทั่วไป แต่ก็ใช้เวลามากกว่าการรักษาอวัยวะภายในเล็กน้อย หากได้รับพลังปราณบริสุทธิ์
“ข้ามาแลกของรางวัล”“ต้องการแลกอะไรบ้างเจ้าคะ แก่นอสูรระดับต่ำสามารถแลกของได้ตามรายการนี้ แก่นอสูรระดับกลางแลกของได้ตามรายการนี้ ส่วนแก่นอสูรระดับสูง...”หญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกจ้างวานมาเพื่องานครั้งนี้เป็นการชั่วคราวแนะนำผู้เข้ามาเยือนแต่ละคนด้วยประโยคเดียวกัน ตรงหน้ามีกระดาษอยู่สามแผ่น ในนั้นเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า รางวัลชิ้นไหนต้องใช้อะไรแลกบ้างหากต้องการใช้สมุนไพรแลกรายละเอียดก็อยู่ในแผ่นเดียวกัน ฉินหลิวซีแลกของที่จำเป็นต้องใช้มาหลายอย่าง ส่วนมากเป็นของที่นางไม่มีหรือหาซื้อไม่ได้ในเมืองนี้ส่วนการที่จะนำไปแลกโอสถนางไม่สนใจ เพราะไม่ว่ายาใดอาจารย์หมอเทวดาของนางก็ปรุงเองได้ บางอย่างในรายการพวกนี้นางก็ปรุงจนช่ำชองแล้วด้วยซ้ำ กระทั่งมาสะดุดตาเข้ากับรายการหนึ่ง อาวุธวิเศษระดับกลางต้องใช้แก่นปราณอสูรระดับจักรพรรดิแลกเจ้านี่น่าสนใจ ดีจริงที่บังเอิญพบอยู่หนึ่งชิ้น“ข้าต้องการแลกสิ่งนี้” นางยื่นม้วนกระดาษกลับไปให้เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้น และถูกมองกลับมาด้วยแววตาประหลาดใจ“ธนูทะลวงกาย รอสักครู่นะเจ้าคะ” นางผู้นั้นไม่ถามให้มากกว่า แต่ไปนำของที่ห้องข้างหลังมามอบให้หลังจากนางเข้ามาได้สักพักหนึ
เมื่อมีแผนจะลงไปที่เมืองพร้อมกับอาจารย์ใน เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินซือหยวนก็ถูกพี่สาวซ้อมมือให้อย่างหนักหน่วงชนิดที่ว่าเห็นสมุนไพรก็ทำหน้าขยาด“ข้าจำเป็นต้องจำด้วยหรือ อย่างไรท่านพี่ก็จะบอกข้าอยู่ดี”“ฝึกไว้ก็ไม่เสียหายสักหน่อย จะเป็นผู้ช่วยข้า หากถึงคราวที่ข้าละมือไม่ได้ แต่มีคนรอตรวจอีกมากมายก็จะไม่ช่วยทุ่นแรงกันหน่อยหรือ”“แต่มันเยอะมากเลยนะ...” เขามองสมุนไพรต่างชนิดกันที่วางเรียงรายอยู่แล้วก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมา“ค่อย ๆ จำไปเดี๋ยวก็จำได้เอง ข้าไม่ถึงกับจะบีบคั้นให้เจ้าจำได้วันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่”ก่อนหน้านี้เขาจำได้แต่สมุนไพรพื้นฐานที่พวกจอมยุทธ์ใช้รักษาแผลกันอย่างฉุกเฉิน เป็นพืชที่หาได้ทั่วไปตามป่าเขา ตอนนี้ต้องจำเพิ่มแล้ว รู้สึกเหมือนมีกองตำราอย่างหนาราวสิบเล่มมากองตรงหน้าก็ไม่ปานระหว่างน้องชายกำลังจดบันทึกสมุนไพรแต่ละชนิดลงสมุดพกส่วนตัว ฉินหลิวซีก็มาเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรให้โตทันใช้ และนำไปขายได้ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้บางส่วนนำไปปลูกในมิติลับของนางที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณ ส่วนที่เคยโล่งของนางตอนนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรแทบทุกระดับทั้งต่ำ กลาง สูง และพวกที่มีอายุหลายร้
เมื่อได้ยินว่าจะได้กลับบ้าน ฉินหลิวซีก็คิดรายการของฝากเตรียมเอาไว้หลายอย่าง แต่ต้องเดินทางสักระยะหนึ่งจึงจะเวียนไปถึงเมืองนั้น แต่แค่ได้รู้ว่าจะได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ทั้งสองคนก็ดีใจมากแล้ว ต่างเฝ้ารอให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆสองพี่น้องสะพายย่ามคนละใบพร้อมกับเป้ใส่ของอีกคนละอัน ของในเป้ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ทำกินของอาจารย์ซึ่งศิษย์ทั้งสองก็มีหน้าที่ตามรับใช้ เรื่องแบกของให้เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ทั้งสองคนฝึกตนมาหลายขั้นแล้วมันจึงไม่ได้ให้ความรู้สึกหนักอะไร“ท่านพี่ ท่านว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะจำเราได้หรือเปล่า” พอระหว่างเดินทางข้ามเมืองไม่มีอะไรทำ ทั้งสองคนก็หาเรื่องไร้สาระมาคุยกัน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วแข่งกับฝูงนก“ผ่านมาไม่เท่าไรเอง พวกท่านต้องจำได้อยู่แล้วสิ”“ข้าคิดถึงพวกท่านมากเลย ไม่รู้จะยังสุขสบายดีหรือไม่”“พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนก่อนเราจะออกเดินทางแล้ว เรื่องสุขภาพไม่น่าห่วงหรอก”“จริงของท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้พวกท่านฟังเยอะแยะเต็มไปหมด”“เจ้าพูดแบบนี้ สงสัยพวกท่านจะไม่ได้นอนตลอดสองวันเป็นแน่” นางคิดภาพออกเลยว่า น้องชายตัวดีคงเล่าเรื่องผจญภัยของตัวเองทั้งวันทั้งคืน พวกเขาเดินทางข้ามเมืองจนม
"ท่านแม่ทำยา""อุ๊บ! ฮ่า ๆ ๆ ขอโทษด้วยนะ แต่แม่ไม่ได้เป็นกระต่ายหรอก" ฉินหลิวซีขำพรืดก่อนเอี้ยวตัวมาลูบศีรษะบุตรชายด้วยความเอ็นดู"ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เสี่ยวไป๋สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ลูกอยากเป็นเลย จะเป็นกระต่ายหรือดวงดาวก็ได้ แม้จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าได้ทิ้งสิ่งนี้ที่อยู่ในใจของลูกไปเลยนะ"เมื่อการเติบโตทำให้ความรับผิดชอบมากขึ้น ความสุขที่ไขว่คว้าได้ก็น้อยลง ต้องยอมปล่อยมือจากสิ่งที่รักและหวงแหน ต้องสละบางอย่างเพื่อสิ่งที่อาจไม่ปรารถนาแต่จำเป็นต้องมี วัฏจักรของมนุษย์ดำเนินไปเช่นนั้นฉินหลิวซีปรารถนาให้ลูกของตนไม่ถูกกลืนกินจากมัน แต่สุดท้ายก็คงไม่มีใครรอดพ้นอยู่ดี ดังนั้นก็จงทนุถนอมเอาไว้ให้ยาวนานเท่าที่ได้เถิดหลังจากบินเล่นจนพอใจแล้วหงส์แดงเพลิงก็ร่อนลงตรงที่กว้างสักแห่ง เจ้านายเปิดมิติให้ทุกคนก็เข้าไปพักผ่อน แต่เจ้าตัวสีทองนั่นยังบินเพลินไม่ยอมกลับเข้ามา เดือดร้อนคนรักของเจ้านายต้องออกไปตามอีกรอบมันเดินเตาะแตะมานอนซุกตัวข้างตัวบ้าน มิตินี้ไม่เคยถูกคนนอกรุกล้ำเข้ามาได้ แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้บุกรุกเหล่านั้นก็จะต้องรับมือมันก่อน
ทันทีที่มันลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าการต่อสู้คือความสามารถและวิถีของมันทุกครั้งที่ฟักออกจากไข่ ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายคนก่อนจะหายไป ไม่ว่าความผูกพันธ์นั้นจะมีหรือไม่มี ก็จะถูกลบหายไปอย่างเท่าเทียมตั้งแต่ครั้งที่สามหรือสี่ที่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น มันจึงใช้เวลากับเจ้านายใหม่เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อถูกปลุกขึ้นมา หลังถวายความภักดีให้ก็จะถูกใช้ไปสู้กับตัวอื่น ๆ บ้างก็แพ้บ้างก็ชนะ เคยถูกล่าม ถูกขัง และถูกเลี้ยงปล่อยเป็นอิสระด้วยเช่นกันการต้องจดจำเรื่องเหล่านั้นทุกครั้งที่ตื่นก็ดูเหนื่อยเกินไปจริง ๆ มันเริ่มรู้สึกเห็นด้วยที่ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้านายถูกลบหาย เห็นเป็นเพียงเงาร่างเลือนที่นึกไม่ออกทั้งชื่อและหน้าเจ้านายแต่ละคนปฏิบัติกับมันและมอบบทบาทให้มันไม่เหมือนกันคิดว่าครั้งต่อไปจะให้มันทำอะไรก็ไม่เกินความสามารถ แต่ก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าสัตว์อสูรในตำนานอย่างมันต้องมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กแกว้ก!"เสี่ยวฮั่วเล่นกับ ๆ อยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปรดน้ำแปลงสมุนไพร" วางทารกกับเด็กเล็กหนึ่งคนพิงตัวมันเสร็จก็เดินหนีไปยุคสมัยท
"เจ้าค่ะ!""เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้" ซือหยวนจะตะครุบปากภรรยาเอาไว้ตอนนี้ก็ไม่ทันฉินหลิวซีประติดประต่อเรื่องราว ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปในใจตัวเอง เอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้มพลางปรายตามองน้องชายร่วมสายเลือด"อย่างนี้เอง ข้าเข้าใจแล้ว"อยากให้ยุคนี้มีกล้องจริง ๆ เลยเชียวเพราะเหยื่อล้วนไปที่หอนางโลมนั้น สาเหตุการตายมาจากพิษ คนร้ายต้องเป็นคนใน หากจะหาเบาะแสก็ต้องแฝงตัวเข้าไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หอนางโลมนั้นผู้ชายจะเข้าไปได้ก็ในฐานะลูกค้า ไม่สามารถเป็นคนที่ทำงานในหอนั้นได้ ขอบเขตของเบาะที่หามาย่อมเจอทางตัน สุดท้ายก็ต้องปลอมตัวไปเป็นคนในเสียเองในฐานะสตรีผู้หนึ่ง ฉินหลิวซีทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกดีกับเรื่องนี้ในคนละมุมมอง แต่มันเป็นที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว จะไปคิดมากก็ดูใช้พลังชีวิตเกินความจำเป็นดูจากตอนนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขดี นางคงไม่ยื่นมือไปทำอะไรทั้งนั้น ตั้งใจว่าจะกลับมาเยี่ยมแต่โดนทำให้ตกใจเสียได้"พี่หญิงจะค้างที่นี่กี่วันหรือคะ ข้าจะให้คนจัดห้องให้""ไม่ต้องค้าง กลับไปเลย""พี่สาวเจ้ามาหาทำไมทำตัวแบบนี้ นางอุตส่าห์มาเยี่ยมเจ้า
เมื่อหลายปีก่อนมีสำนักคุ้มภัยเกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมืองที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงเช่นนี้มักไม่ค่อยมีขุนนางน้ำดีแวะเวียนมาเพราะหาประโยชน์กอบโกยไม่ได้แต่แล้วก็มีเซียนโอสถน้อยผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นที่นี่ นางกับน้องชายจากบ้านเกิดไปหลายปีเพื่อร่ำเรียนกับหมอเทวดา ครานั้นผู้คนในเมืองยังคิดกันอยู่เลยว่ามันไม่จริง เหมือนฝันอันห่างไกลที่เมืองแห่งนี้จะเจริญขึ้นได้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย เริ่มมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ในที่ดินใกล้ที่ว่าการซึ่งปล่อยทิ้งร้าง มีร้านโอสถที่ขายยาหายาก เครื่องประทินโฉมอันเลื่องชื่อที่โด่งดังไปถึงต่างแดน"และคนที่เป็นเจ้าของสามในสี่อย่างที่ว่ามานี้ก็คือ ข้าเอง!"เสียงวางไหเหล้ากระแทกโต๊ะดังโครม ทุกคนเงียบกริบ เบนสายตาจากคนที่กำลังอวดอ้างตนเองมายังคนพเนจรร่างผอมบาง ผู้ที่มองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายเพราะสวมผ้าคลุมและหมวกสานปิดหน้าอาไว้"อะไร จะหาเรื่องกันรึ?" ผู้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องเล่ามองเขม็งไม่สบอารมณ์"ได้ข่าวว่าสามสถานที่นั้นเป็นของเจ้าเพียงหนึ่งมิใช่รึ จะอ้างของใครก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยคุณชายฉิน" เสียง
หลี่ไป๋ได้ยินก็หูผึ่ง ต้องเป็นคนของบิดาเขาแน่ เวลาขนาดนี้ท่านแม่ก็น่าจะกลับมาจากออกล่าแล้วเช่นกัน แถมยังกำลังตามหาพวกเขาอยู่ หลี่ไป๋เริ่มมีความหวัง"ย้ายที่กันก่อน รีบพาสินค้าไปจุดรับของ" แม้จะร้อนใจจากเรื่องที่พึ่งได้ยินแต่หัวหน้าคนชั่วก็สั่งด้วยความใจเย็นหลี่ไป๋ขมวดคิ้ว พวกนั้นรีบร้อนแบบนี้ที่นี่คงอยู่ใกล้ ๆ เมือง เขาต้องหาทางถ่วงเวลา"เสี่ยวหนิง" เขากระซิบเรียกน้องสาวที่ยังนอนกลิ้งหนีความจริงไม่เลิก"หือ?" เชือกมัดปากก็ไม่ยอมแกะทำเป็นเล่นจริง ๆ ให้ตายสิแต่ก็ดีกว่านางร้องไห้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาได้หูแตกแน่ แถมเหมืองยังจะถล่มแน่นอนอีกด้วย"ช่วยพี่ชายหน่อยสิ เดี๋ยวซื้อเปาจื่อให้สามลูก"พอเอาของกินมาล่อนางก็พยักหน้าทันทีพวกมันขนสัมภาระขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็วแล้วออกเดินทางจากเมือง ผ่านอุโมงค์ทอดยาวจนมาถึงด้านนอกในที่สุด ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วท้องฟ้าจึงเริ่มเปลี่ยนเวลาที่ใช้ไปกว่าจะออกมาข้างนอกไม่นาน หมายความว่าเมืองแห่งนี้ไม่ได้ลึกอย่างที่คิดหลี่หวานหนิงมองหน้าพี่ชาย พออีกฝ่ายพยักหน้านางก็กรีดร้องเสียงดัง"กร
"สามีที่รัก…การกลับมาอย่างรีบร้อนของข้าเหมือนจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีเท่าไรเลยนะ"เหนืออาคารของหอกระจายข่าวคล้ายมีเมฆครึ้มทั้งที่ท้องฟ้าส่วนอื่นยังแจ่มใสถ้าไม่นับนายท่านที่พึ่งกลับมาได้จังหวะพอดิบพอดีคนอื่น ๆ ล้วนกำลังตามหาร่องรอยคนร้าย หัวหน้าหอแห่งอวิ๋นซีจึงเป็นผู้ร่วมชะตากรรมหนึ่งเดียวที่ต้องมานั่งคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าฮูหยินอยู่ตอนนี้แต่เป็นใครมาอยู่ตรงนี้เฟยหลางก็คิดว่ายอมศิโรราบกันหมดตั้งแต่นางเดินเข้ามาประตูมาอยู่ดี ลองเห็นภาพนางลากคอไก่ฟ้าตัวขนาดพอ ๆ หงส์แดงเพลิงเข้ามาใครจะไม่ผวาบ้างหลี่เจิ้นหัวหน้าซีดตัวหดเหลือสองชุ่น"ยะ ยอดรักจ๋า""ไม่เคยเห็นในเมืองวุ่นวายขนาดนี้ แถมยังเป็นคนของหอกระจายข่าวอีก คิดว่าจะปิดบังได้หรือไง""ก็…ไม่หรอก แต่ข้าอยากรีบหาตัวให้เจอก่อนเจ้ามา"ก่อนมาถึงอาคารนี้นางก็จับคนมาถามความแล้วจึงรู้เรื่อง ไม่ได้แปลกใจอะไร ปญหามันอยู่ต่อจากนี้ต่างหากฉินหลิวซีเอาอาวุธคู่กายทั้งสองออกมา โยนงานจิปาถะให้คนอื่นทำ"ไก่ฟ้านี่ฝากชำแหละหน่อย เดี๋ยวข้ากลับมา"ว่าแล้วก็โดดออกทางหน้าต่างข
"โฮ่ คุณหนูน้อยสองคนคุยเรื่องรูปสลักในร้านยายกันใหญ่เชียว ทำไมไม่เลือกมันเล่า""น้องข้ามีเยอะแล้ว ให้นางเท่านี้ก็พอขอรับ" หลี่ไป๋ตอบกลับอย่างสุภาพ หญิงชราเจ้าของร้านงึมงำอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจหลี่ไป๋เอาถุงเงินออกมาเตรียม แต่ลืมไปว่าฝากไว้ที่เฟยหลาง"พี่เฟย - ""ขอรับคุณชาย…คุณชาย?"เฟยหลางหันซ้ายหันขวา รอบตัวเขาไม่มีใครอยู่เลย แต่เมื่อครู่มั่นใจว่าคุณชายน้อยเรียกเขาแน่ ๆ ร้านแผงลอยก็ปราศจากเจ้าของ เฟยหลางหน้าซีด"ซวยแล้ว…"หลี่หวานหนิงร้องอู้อี้เพราะถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ที่ปากก็มีเชือกผูกไม่ให้ส่งเสียง เพียงพริบตาเดียวที่สายตาหลุดจากหญิงชราตรงหน้าไป พวกเขาก็ถูกพามาที่ไหนสักแห่งด้วยยันต์เคลื่อนย้าย ทันทีที่ร่วงกระแทกพื้นพวกมันก็กรูกันเข้ามาจับมัดทันที แต่เพราะเห็นเป็นเด็กจึงไม่ได้มัดแน่นหนาอะไรหลี่หวานหนิงกระดึ๊บซ้ายทีขวาทีราวกับหนอนยักษ์ นางค่อนจะ…ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกินไปสำหรับเด็กที่ถูกขโมยตัวมา แต่จะว่านางก็เหมือนถ่มน้ำลายใส่หน้าตัวเอง เพราะคนที่สงบนิ่งยิ่งกว่าใครก็คือหลี่ไป๋เองนอกจากพวกเ
"หมายความว่าอย่างไรโดนลักพาตัว!""ขออภัยขอรับนายท่าน ข้าคลาดสายตาไปเพียงนิดเดียวพวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว"หลี่เจิ้นหัวตะโกนเสียงดัง "คิดว่าข้ออ้างแบบนั้นจะแก้ตัวขึ้นหรือไง รีบไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย!"คนของหอกระจายข่าวสาขาประจำเมืองกระจายกำลังกันไปอย่างรวดเร็ว จะมีอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนไปกว่าเรื่องที่บุตรทั้งสองของนายท่านหายตัวไป แถมยังเป็นความสะเพร่าซึ่งเกิดขึ้นตอนฮูหยินไม่อยู่ หากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ได้ ไม่แน่ว่าสิ่งที่อยู่ในหม้อต้มยาจะไม่ใช่วัตถุดิบสมุนไพรแต่เป็นกระดูกพวกเขาต่างหากเด็กเก้าขวบกับห้าขวบตัวไม่ใช่เล็ก ๆ จะหายไปทันทีได้อย่างไร อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพียงการเล่นสนุกของเด็ก ๆ คนที่ทำเรื่องอย่างนี้ต้องมีมากกว่าสอง หรืออาจจะทำกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยก็ได้ ต้องรีบหาให้เจอภายใต้เงาของเมืองอันเงียบสงบคนของหอกระจายข่าวกำลังเคลื่อนไหว เกิดเรื่องที่ไหนไม่เกิดมาเกิดที่เมืองพวกเขาเสียได้ สาขาของหอกระจายข่าวมีตั้งมากดันเลือกมาเกิดที่เมืองที่สงบสุขที่สุดในแคว้นช่างน่าเวทนาผู้ไม่ประสงค์ดีกลุ่มนั้นเหลือเกิน…หลี่เจิ้นหั
นายท่านหอชิงขุยจัดการแยกงานที่ต้องทำด่วนจะทำทีหลังได้ออกจากกันเป็นสองกอง พอไม่ได้เข้ามาที่หอนานแบบนี้งานก็กองสุมการจนล้นมือไปหมด พอมีลูกสองคนแล้วเขาก็ยิ่งขยันทำงานมากขึ้นคงต้องเข้ามาที่หอชิงขุยบ่อยกว่านี้แล้วล่ะ"ฉินหลิวซีไม่อยู่แบบนี้คือช่วงเวลาพิสูจน์ฝีมือสินะ"เมื่อนางกลับมาจะต้องภูมิใจในตัวสามีร่วมงานคนนี้ ที่เขาเลี้ยงลูกได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง คิดแล้วก็เผลอยิ้มออกมา"ท่านพ่อ ทำหน้าตาพิลึกจัง""พิลึก!" พอโดนเด็กทักแบบนี้ทำเอาใจแป้วเลยทีเดียว นี่เขายิ้มแล้วหน้าตาพิลึกหรอกหรือ"หรือจริง ๆ แล้วข้าไม่ได้รูปงาม แต่หน้าตาแปลกพิสดาร?"ท่านแม่ รีบกลับมาทีขอรับ"เสี่ยวไป๋…ทำไมมองพ่อด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นล่ะลูก"คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบ บุตรชายเอียงคอมองหน้างง ๆ คล้ายไม่เข้าใจ ทำให้ยิ่งเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าหรือจริง ๆ แล้วเขาเอง เป็นเขาเองที่แปลก"อ้ะ แต่ถ้านางชอบ แปลกก็ดีแล้วนี่นา"ท่านแม่…ไม่รู้ด้วยเหตุใดแต่บุตรคนแรกของเขาดูจะมีความคิดที่โตเกินวัยไปสักหน่อย รวมถึงคำพูดคำจาที่เด็กวัยเดียวกันไม่น่าคิด