เขาคุมม้าให้เดินไปได้อย่างนิ่มนวล ตัวรถแทบจะไม่สะดุดก้อนหินเลยหลังออกจากเมืองมาได้ครึ่งทาง ทั้งสองคนก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ ฉินหลิวซีเก็บหนังสือลงถุงย่ามอย่างเป็นธรรมชาติ นางแอบจับด้ามกระบี่อ่อนของตนเอาไว้แทนหลี่เจิ้นหัวเหลือบมองสิ่งที่อยู่ข้างเอวของนางก็ยิ้มออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเรื่องเดียวของที่เขาเคยให้นาง ฉินหลิวซีไม่เคยทิ้งขว้างและยังใช้พวกมันเป็นอย่างดี แม้ตอนที่เขามอบให้นางจะพูดอย่างไม่คิดอะไรว่าคงเอาไปขายแน่ แต่ตอนนี้ของทุกอย่างกลับยังอยู่ที่เจ้าของ ทำให้หัวใจของเด็กชายพองโตทุกครั้งที่มองมันสตรีน้อยข้างกายเขานี้จะว่าประหลาดหรือก็ใช่ จะว่าน่าสนใจหรือก็ดี บ่อยครั้งที่เขารู้สึกว่านางมีความย้อนแย้งในตัวเองสูงมาก แต่นั่นก็คือเสน่ห์ที่ทำให้เขาละสายตาไปจากนางไม่ได้สมัยยังเด็กนางกรอกหูเขาทุกวันว่าห้ามล่าสัตว์มากเกินไป แต่ตัวเองกลับล่าเอาหนังเอาเนื้อพวกมันเป็นว่าเล่นอย่างเผลอตัว พอรู้สึกตัวก็มานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าอะไรที่นางทำจนติดลมก็จะลืมตัวได้ง่าย ไม่รู้ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะหากเขาอยู่ด้วยก็จะปรามนางไว้เองหลี่เจิ้นห
ฉินหลิวซีเก็บกระบี่อ่อนเข้าฝัก ชายเสื้อผ้าของทั้งสองคนขาดเป็นริ้วเพราะลูกธนูบางส่วนหลุดจากการป้องกันมาได้ ดีว่าไม่มีใครได้แผลแม้แต่รอยเดียว เพราะหลี่เจิ้นหัวแน่ใจว่าจำนวนรอยแผลที่ปรากฏเหล่านั้นจะถูกจดลงในจำนวนการเอาคืนของเด็กหญิงข้างกายอย่างไม่ต้องสงสัยพวกเขานำรถม้าไปส่งที่ร้านแล้วรีบมาที่หอกระจายข่าวทันที หลี่เจิ้นหัวแสดงป้ายหยกประจำตัวตั้งแต่หน้าประตู เห็นดังนั้นทุกคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของหอกระจายข่าวชิงขุยก็เอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเสียงดังสนั่นไปจนถึงชั้นบน"ขอต้อนรับนายน้อยกลับมาขอรับ! / เจ้าค่ะ!"ฉินหลิวซีกวาดสายตาดูก็พบว่าทุกคนดูกระฉับกระเฉงเหมือนพร้อมทำงานตลอดเวลา แม้แต่สตรีที่ทำหน้าที่ต้อนรับหรือคอยแนะนำลูกค้าก็สวมชุดทะมัดทะแมง ไม่ใช่กระโปรงยาวพะรุงพะรังอย่างที่สตรีอ่อนหวานนิยมใส่กัน หลี่เจิ้นหัวพานางมาที่ห้องพักชั้นบน ตอนนั้นชุดน้ำชาและของว่างก็เตรียมพร้อมเอาไว้พร้อมแล้ว"ข้าจะไปจัดการธุระสักครู่ เจ้ารออยู่ที่นี่นะ"เด็กหญิงพยักหน้าแทนการตอบแล้วเอนนอนบนเก้าอี้หุ้มเบาะนุ่ม ๆหลังจากปล่อยให้นางอยู่ในห้องตามลำพังเขาก็ออกมาสั่งงานลูกน้อง "ตามข้ามา""นายน้อยจะไปไหนหรือขอรับ""ฆ่า
รถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับผู้ติดตามที่คอยอารักขานายน้อยของหอ พวกตนต่างแปลกใจว่าเด็กหญิงที่อายุเพียงเท่านี้ ทำไมจึงมีระดับฝึกตนที่สูงกว่านายน้อยได้ แต่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม หนึ่งเพราะเห็นว่าเป็นสหายของเจ้านาย สองคือพวกเขาเคยเห็นเด็กอัจฉริยะเช่นนี้มาแล้ว ก็ที่ยืนอยู่ข้างกันนั่นอย่างไรเล่าหลังจากได้คนคุ้มกันมา การเดินทางก็ราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อจนถึงเมืองหลวงได้โดยที่ไม่ต้องสู้เลยสักครั้งเดียว นางรู้สึกตัวอีกครั้งก็ถึงแล้ว ไม่ได้เดินทางลำบากจนรู้สึกว่านานเหมือนตอนที่มากับทาสของตน"เจ้าคิดเอาไว้หรือยังว่าจะไปพักที่ไหน""ก็คงต้องเป็นโรงเตี๊ยมเดิมที่ข้าเคยพัก" ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุดในเมือง แต่นางก็ประทับใจที่นั่นอยู่พอสมควร "เช่นนั้นไปพักที่บ้านข้าไหม" "นั่นจะไม่เป็นการรบกวนอย่างนั้นหรือ" ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความลังเล ฉินหลิวซีไม่แน่ใจว่านี่เป็นความคิดที่ดี"ข้าอยากให้เจ้าไปเจอกับครอบครัวของข้า และข้าก็อยากให้พวกเขาเจอเจ้าด้วย" เด็กชายส่งสายตาออดอ้อนกลับมาฉินหลิวซีคิดทบทวนดูแล้วเขาช่วยนางไว้ตั้งมากมาย หลายต่อหลายครั้งที่นางจัดการปัญหาได้ง่ายขึ้นก็เป็นเพราะมีเขาคนนี้อยู่
หลี่เจินฮ่าวมองหน้าบุตรชายเขาจึงเริ่มรายงานว่าช่วงที่ผ่านมาตนไปทำอะไรมาบ้าง ผู้เป็นพ่อนั่งฟังก็พยักหน้าไปครั้งละทีสองที "ท่านพ่อยิ้มอะไรขอรับ""เปล่านี่"แน่นอนว่าหลี่เจิ้นหัวไม่เชื่อ ดูท่าว่าพ่อของเขาจะสนใจฉินหลิวซีมากเสียจนเขายังสังเกตได้ แต่เป็นความสนใจที่เขาก็คาดเดาจุดประสงค์ไม่ออกหรืออาจจะแค่เพราะข้าพาสหายมาบ้านกันนะ"เจ้ากลับมาแล้วก็พักผ่อนให้มาก ๆ ล่ะ" หลังจากบุตรชายรายงานความเป็นไปในช่วงที่ไม่ได้พบหน้ากันเสร็จเขาก็ไล่ให้ลูกพักผ่อนหลี่เจิ้นฮ่าวมองประตูที่เคลื่อนปิดลงอย่างเงียบเชียบ เรื่องของฉินหลิวซีเขารู้มาก่อนนานแล้ว นานมากทีเดียวจนเผลอลืมไปชั่วขณะ ตั้งแต่ที่เขาไปทำงานต่างเมืองเมื่อหลายปีก่อน...เพราะสงสัยว่าบุตรชายหายไปไหนทุกวันในเวลาเดิม ๆ เขาส่งคนไปติดตามและเฝ้าดู เป็นยอดฝีมือระดับสูงชนิดที่ต่อให้เป็นปรมาจารย์ก็ยังรับรู้ถึงตัวตนของเขาได้ไม่ง่ายหลี่เจินฮ่าวเป็นห่วงลูกชายกลัวจะเดินทางผิด แต่รายงานที่ได้รับมามีเพียงว่าเขาไปพบกับเด็กหญิงเด็กชายคู่หนึ่งที่น่าจะเป็นพี่น้องกันประเมินจากสายตา วรยุทธ์ของนางระดับสูงกว่ามาตรฐานไปมากเมื่อเทียบกับอายุ แต่พอเห็นว่าทั้งสองไม่ได้ทำอ
หลี่เจิ้นหัวพานางไปซื้อของอีกหลายอย่างที่จำเป็นในการเข้าวัง อะไรก็ดูรีบร้อนไปหมดเพราะเวลาที่มาถึงนั้นกระชั้นชิดมาก นางแทบไม่มีเวลาพักหายใจจนกระทั่งฟ้ามืดไปแล้วเช้าตรู่ของวันถัดมาใบหน้าของนางจึงดูอิดโรย ต้องแต่งแต้มสีสันจากเครื่องประทินผิวปกปิดเอาไว้และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เรื่องที่หมอเทวดาถูกเรียกตัวมาเพื่อเลี้ยงปลอบใจเป็นข่าวลือหนาหูอยู่ในวัง มีแต่คนเฝ้ารอจะได้ยลโฉมสักครั้ง เพราะไม่มีใครเคยเห็นตัวจริงหรือถึงเคยก็อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเขา จึงมีข่าวเรื่องรูปลักษณ์อันวิจิตรที่ถูกแต่งแต้มแพร่ออกไปนางกำนัลและนางสนมหลายคนเฝ้าจดจ่อ หากว่าหมอเทวดามาจริงพวกนางอาจจะสามารถขอสูตรความงามที่ทำให้อ่อนเยาว์มาจากเขาได้ แต่ผู้ที่ปรากฏกายหลังจากที่ส่งเทียบเชิญซึ่งได้รับมาให้ผู้ทำหน้าที่ประกาศกลับพบว่าเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งนางรับรู้ถึงสายตาที่มองมาจึงได้เอ่ยไขข้อข้องใจให้เดี๋ยวนั้น"ข้าฉินหลิวซี รับคำสั่งจากอาจารย์มาเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เจ้าค่ะ"สิ้นเสียงนางประกาศตัวก็มีเสียงฮือฮาตามมา"แบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติฝ่าบาทหรือเปล่า""คนผู้นั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งเด็กคนนี้มาแทน จะบอกว
"ต้องขอโทษแทนสนมเหอด้วย นี่แทนคำขอโทษจากทางวัง เจ้ากลับไปนั่งที่เถอะ" เมื่อไกล่เกลี่ยตามหน้าที่มารดาของแผ่นดินแล้วก็ไม่สนใจเด็กหญิงผู้นั้นอีก หลังจากฮ่องเต้เสด็จมาถึงงานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้นและจบลงอย่างเรียบง่าย"ในที่สุดก็จบเสียที" ฉินหลิวซีถอนหายใจออกมาเบา ๆ หลังจากขึ้นรถม้าและออกมานอกกำแพงวังแล้ว หลี่เจิ้นหัวไม่ได้กลับรถม้าคันเดียวกับบิดาแต่เลือกจะกลับพร้อมนาง"หลังจากนี้เจ้าจะไปไหนต่อ""ข้าคิดว่าจะกลับบ้าน ไม่มีธุระอะไรที่ต้องอยู่แล้ว น้องข้าก็อยู่ที่สำนัก และเขารับปากว่าหลังเรียนจบจะกลับบ้านเอง""ถ้าอย่างนั้นข้าไปด้วยได้หรือเปล่า"คำพูดของเขาทำให้นางตกใจมาก "เจ้าจะมาด้วยทำไมล่ะนั่น""ข้าไม่ได้กลับไปที่นั่นนานแล้ว อยากรู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างไร แล้วก็ถือโอกาสไปรำลึกความหลังด้วย" หลี่เจิ้นหัวชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อให้นางยอมให้เขาตามไป สุดท้ายเด็กหญิงก็ใจอ่อนยอมให้จนได้"ก็ได้ ๆ ถ้าเจ้าอยากไปขนาดนั้นแล้วพ่อเจ้าอนุญาตข้าจะลองคิดดู""เขาอนุญาตแน่ เจ้าเก็บของรอได้เลย"นางไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมั่นใจขนาดนั้น แต่เรื่องนั้นช่างมันเถิด หลายวันมานี้ต้องรีบเดินทางและทำอะไรหลายต่อหลายอย่างเพียงเพ
"โอ๊ะ นี่เจ้ากำลังหาอะไรอยู่หรือ" หลี่เจิ้นหัวเห็นนางขีด ๆ เขียน ๆ ลงบนกระดาษหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็ห้ามความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่"ข้ากำลังรวบรวมวัตถุดิบทำยาระหว่างทาง""ข้าช่วยเจ้าด้วยสิ""ตามใจเจ้า มีคนช่วยข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"หลี่เจิ้นหัวอาสาตนเองอย่างขยันขันแข็ง เพราะมีลูกมือคอยช่วย ฉินหลิวซีจึงมีเวลาเที่ยวเล่นระหว่างทางพลางหาของที่ต้องการได้อย่างครบถ้วนช่วงเวลาที่ได้อยู่กับฉินหลิวซีทำให้หลี่เจิ้นหัวรู้สึกสดใสมาก เขามีความสุขจนดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าของเด็กชายเปื้อนรอยยิ้ม ผู้ติดตามที่เดินทางมาด้วยจะช่วยก็ไม่ยอม เขาดึงดันจะช่วยฉินหลิวซีด้วยตัวเองพวกเขาวิ่งเล่นหยอกล้อกันบ้างบางครั้งระหว่างเดินผ่านเส้นทางข้างเมือง นึกดูแล้วฉินหลิวซีจำไม่ได้เลยว่าตนเองไปทำแบบนี้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นางไม่เคยได้เที่ยวเล่นเป็นเด็ก จนตอนนี้อายุเป็นเลขสองหลักแล้วเพิ่งเคยได้ทำอะไรสมวัยเป็นครั้งแรกเสียงหัวเราะสดใสของนางดังก้อง เห็นนางหัวเราะได้อย่างนั้นหลี่เจิ้นหัวยิ่งรู้สึกสุขล้นในอกคิดถูกแล้วที่ตามนางมา แม้จะเกิดในตระกูลขุนนาง แต่เขาไม่หวังอยากได้อะไรเลยแม้แต่สืบทอดตำแหน่งขุนนางต่อจากบิดา ดีว่ามีน้อง
หลังจากการเดินทางยาวนาน ในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองบ้านเกิดได้โดยปลอดภัย ไม่ใช่คฤหาสน์ในตัวเมืองแต่เป็นบ้านหลังเล็กที่อยู่ข้างนอกในชุมชนเดียวกันกับบ้านท่านยายบ้านหลังนี้เดิมทีคิดจะขายหรือปล่อยเช่า แต่เพราะยังมีเรื่องที่ไม่ได้จัดการให้เสร็จฉินหลิวซีจึงยังเก็บเอาไว้ เมื่อใดที่นางไม่อยู่ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ได้ไปพักที่คฤหาสน์ มันกว้างขวางเกินไปจนเรียกได้ว่าเหงาเมื่ออยู่กันเพียงสองคน แต่ชิวย่าหนานยังไปทำความสะอาดเอาไว้อยู่เป็นประจำ เผื่อวันใดลูกทั้งสองกลับมาจะได้ไม่ต้องวุ่นวายฉินหลิวซีตรงดิ่งไปทักทายพ่อกับแม่ที่กำลังดูแลผักในสวนอยู่หลังเรือน ทั้งสองพอเห็นหน้านางก็ร้องดีใจออกมาเสียงดัง"ท่านพ่อท่านแม่!""เสี่ยวซี! / หลิวเอ๋อร์!" ฉินหลิวซีไม่ทันตั้งตัวก็โดนสวมกอดเข้าเต็มรักจนเกือบใจล้ม หลังจากกอดลูกให้หายคิดถึงจึงพึ่งเห็นว่ามีแขกแปลกหน้าอยู่ด้วย"นั่นใครหรือ?""ท่านพ่อท่านแม่ นี่สหายข้าเอง เขาจะมาพักอยู่ในเมืองนี้""ข้าหลี่เจิ้นหัวขอรับ" เด็กชายภูมิทักทาย"แล้วน้องชายเจ้าล่ะ ตอนนี้อยู่ไหน" มารดาไม่เห็นบุตรชายคนเล็กก็เป็นห่วง ฉินหลิวซีจึงพึ่งนึกได้ว่าจดหมายฉบับล่าสุดที่ส่งมา ไม่ได้เขียนรายละเอี
"ข้าเปล่าไล่เจ้าค่ะ แค่ให้เบาเสียงลงหน่อย" ชิวย่าหนานทั้งสั่นทั้งเถียงสู้ นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแต่จะปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนในร้านของบุตรสาวไม่ได้เป็นอันขาด"ข้าไม่น่ายอมรับเจ้ามาเป็นสะใภ้เลยจริง ๆ นังคนไม่รู้จักคุณคน เชื้อไม่ทิ้งแถว เด็กที่เจ้าคลอดออกมามันก็อกตัญญูเหมือนกัน อะไรที่ควรตอบแทนก็ไม่เคยให้ จะขอข้าวกินก็ต้องทำงานสิ ข้าคิดไม่ผิดเลยจริง ๆ ที่มอบแต่เศษอาหารให้พวกเจ้า เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก!""เกินไปแล้วนะเจ้าคะ ท่านจะต่อว่าข้าอย่างไรก็ได้ข้าไม่เคยสนใจ แต่จะมาว่ากล่าวถึงลูกข้าแบบนั้นไม่ได้!" ใครก็ตามที่รู้เรื่องนี้ดีก็คงมองออกว่ามันไม่ได้เป็นดังที่บอก หากฉุกคิดสักนิดบุตรของนางทั้งสองเป็นคนที่พาให้ครอบครัวหลุดพ้นออกมาจากวังวนแห่งความสิ้นหวังนั้นแล้วจะมาว่าเป็นเด็กอกตัญญูได้อย่างไร มีก็แต่เพราะสิ่งที่ทำไปไม่ถูกใจแม่สามี ความล้มเหลวทั้งหลายจึงได้เอามากล่าวโทษพวกนางทั้งหมด"ยิ่งเสียงดังก็เหมือนท่านประจานตัวเองนะเจ้าคะ...ท่านแม่"เพราะตัวย่าฉินเป็นคนเสียงดังก่อน คนจึงเริ่มมองนางไม่ดีมากกว่า สายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาตำหนินางอย่างโจ่งแจ้ง
"ท่านพี่กับพี่ชายหลี่จะทำอย่างไรกับอนาคตต่อจากนี้ล่ะ จะหมั้นหมายกันไว้หรือตบแต่งกันไปเลย""ยังไม่แน่ใจ คงต้องรอคุยกับเขาก่อน ยังมีเรื่องมารดาของเขาอีก""ลำบากแย่เลยนะ สู้ ๆ แล้วกัน""ให้กำลังใจดูขอไปทีแปลก ๆ นะ""พอดีห่างหายจากท่านพี่มานานข้าก็เลยกลายเป็นเด็กเกเรแบบนี้แหละ" ฉินซือหยวนเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ นางถอนหายใจเบา ๆ ไม่ถือสาหาความอะไรหลังจากเดินทางมาหลายวันในที่สุดก็กลับถึงบ้านเสียที ที่คฤหาสน์ของนางมีใครคนหนึ่งมารอเป็นแขกอยู่ก่อนแล้ว ฉินซือหยวนเห็นเขาก็ยิ้มกว้างเอ่ยทักทายเสียงใสพลางจะวิ่งเข้าไปกอด"ฉินซือหยวน นี่เจ้าหรือ!" หลี่เจิ้นหัวโดนโถมร่างกายเข้าใส่ก็แอบเซไปนิดหน่อย ฉินหลิวซีเอ่ยทักเพียงสั้น ๆ แล้วปล่อยให้ทั้งคู่พูดคุยกัน ดูท่าว่าสาวใช้มีบางอย่างต้องการพูดคุยกับนาง ทันทีที่เหยียบเข้ามาในรั้วบ้านก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากเด็กคนนั้นแล้ว"พวกเจ้าไปที่ห้องรับรองรอก่อนสิ ข้าเสร็จธุระแล้วจะตามไปนะ"ดูเหมือนว่าหลี่จนหัวก็มีเรื่องต้องการคุยกับนางเช่นกัน แต่เรื่องของเขานั้นรอได้ฉินหลิวซีพาสาวใช้ที่นางให้เป็นล
วิธีการทำงานก็ดูพึ่งพาได้แล้ว น้องชายข้าเติบโตขึ้นมากขนาดนี้น่าปลื้มใจจริง ๆ โธ่ ให้ตายเถอะ น้ำตาปริ่ม ๆ จะไหลอีกแล้วเนี่ย ข้าไม่ได้เจอเขามากี่ปีแล้วนะ โตขนาดนี้คงไม่ยอมอ้อนพี่สาวแล้วคิดแล้วก็ทั้งเศร้าทั้งสุขฉินหลิวซีถอยกลับไปรอในเขตเมืองใกล้ประตูทางเข้า หากฉินซือหยวนเสร็จงานกลับเข้ามาอย่างไรก็ต้องเห็นนาง หลังจากนั้นเขาก็คงพอหาเวลาปลีกตัวออกมาได้บ้าง หญิงสาวรอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งได้ยินเสียงโครมครามต่อเนื่องดังมาจากในป่า ไม่นานนักก็เงียบลง ด้วยสัญชาตญาณก็เดาได้แล้วว่างานสำเร็จด้วยดีไม่อย่างนั้นคงได้ยินเสียงโวยวายกรีดร้องมาแล้วกลุ่มลูกศิษย์ของสำนักเซียนกระบี่ค่อนข้างจะมอมแมมกับภารกิจครั้งนี้ เนื้อตัวแต่ละคนเปรอะเปื้อนดินและฝุ่น เหมือนเจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นจะมีกำลังมากโดยไม่สามารถจัดการอย่างสง่างามได้ฉินซือหยวนเดินเข้ามาพร้อมสหายร่วมสำนักก็มองซ้ายมองขวาหาใครบางคน กระทั่งสบตาเข้ากับคนที่รอคอยอีกครั้งจึงได้ขอแยกจากกลุ่มตรงนั้นแล้ววิ่งมาหานาง"ท่านพี่!" ฉินซือหยวนแขนอ่อนกว้างเตรียมจะกอดด้วยความเคยชินและคิดถึงฉินหลิวซีโดนกอดเต็มรักไม่ทันตั้งตัวก็เกือบเซไ
ฉินหลิวซีไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะไปเยี่ยมเขา ตั้งใจจะทำให้ประหลาดใจจึงไม่ได้รีบร้อนเดินทาง ใช้เวลาอีกราวสามสี่วันก็คงถึงสำนักเซียนแล้ว ถึงนางจะบอกน้องว่าถ้าว่างให้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างแต่เขาก็ไม่เคยปลีกตัวไปได้ ครั้งนี้จึงตั้งใจมาด้วยตัวเอง"เมืองนี้ก็เจริญขึ้นไม่น้อย" ฉินหลิวซีมองซ้ายมองขวาหาโรงเตี๊ยมที่น่าจะเข้าท่า ต่อให้ต้องจ่ายเงินมากขึ้นหน่อยนางก็เลือกที่จะพักแถวใจกลางเมืองมากกว่า"ห้องเดี่ยวหนึ่งคืน" หญิงสาวเอ่ยบอกหน้าโต๊ะยาวรับแขกด้านล่าง คนทำหน้าที่คิดเงินเงยมองเพียงครู่เดียวก็ยื่นกุญแจให้"ชั้นสองห้องฝั่งซ้ายสุดทางเดิน" นางรับกุญแจมาก็เดินขึ้นไปเดี๋ยวนี้โรงเตี๊ยมมีหลายแบบจากการรับวัฒนธรรมต่างแดนเข้ามาผ่านการแลกเปลี่ยนและการทูตที่กำลังรุ่งเรืองขึ้น จากห้องที่เคยมีแค่ไม้ขัดเป็นกลอนก็เริ่มมีการใช้กุญแจเพิ่ม แต่โดยมากมักจะมีแค่ในโรงเตี๊ยมที่อยู่กลางเมืองเท่านั้นนางจึงพอใจจะอยู่ด้านในมากกว่าหลังจากเข้าพักเรียบร้อยฉินหลิวซีก็ออกมาหาข่าวนางตรงไปที่ร้านอาหารอย่างไม่ลังเล เลือกร้านที่ดูธรรมดาแต่มีคนหมุนเวียนเข้าออกร้านมาก คนพวกนี้มักเป
ในแง่ของการวางตัวเป็นแม่บ้านไม่เรือนและจัดการงานบ้านภายในแล้ว ฉินหลิวซีรู้สึกให้ความนับถือผู้นี้เป็นอย่างมาก หากเป็นนางเองไม่รู้ว่าจะเก็บอารมณ์ได้ตลอดเวลาถึงขนาดนี้ไหม ถ้าเป็นนางคงทำไม่ได้แน่ ความแข็งแกร่งที่แตกต่างในแง่มุมอื่น ๆ นี้ก็มีเสน่ห์ของมันฉินหลิวซีกลับห้องไปเตรียมของและฝึกร่างกายยามเย็นตามปกติ พรุ่งนี้นางตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าเมื่อรุ่งขึ้นมาถึงพี่หญิงของหลี่เจิ้นหัวก็เป็นผู้มาส่งนาง สาวใช้สองสามคนที่สนิทกันระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็มาบอกลา"นี่เป็นเสบียงที่ท่านแม่เตรียมให้ เอาไว้กินระหว่างทางนะ" หลี่เมิ่งเหยาให้เสบียงนางมาหอบใหญ่ กินได้หลายวันเลยทีเดียว ถ้าเก็บไว้ในมิติก็คงจะถนอมเอาไว้ได้เหมือนได้กินอาหารสดใหม่ทุกวัน"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ มารบกวนเสียหลายวันหวังว่าจะไม่เผลอทำอะไรให้พี่หญิงรำคาญใจเข้า""พูดอะไรกัน ข้าก็เห็นเจ้าเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่ง แล้วก็อย่าคิดมากเรื่องท่านแม่เลยนะ""ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ ท่านพี่หญิงไม่ต้องห่วง""เช่นนั้นก็เดินทางปลอดภัย""ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ"ฉินหลิวซีเดินออกมาหน้าจอมันก็เห็นรถม้ารออยู่ ห
เขาเวียนหาร้านขนมชื่อดังประจำเมือง ซื้อขนมมาให้นางกินวันละอย่าง ล้วนแต่เป็นของขึ้นชื่อของร้านนั้น และฉินหลิวซีก็ชอบมันมาก ๆ เลยด้วยนายของหอกระจายข่าวจัดเรียงม้วนกระดาษรายงานอยู่บนโต๊ะ แบ่งฝั่งที่จัดการเสร็จไปแล้วกับฝั่งที่ยังไม่ได้ทำแยกเอาไวฉินหลิวซีไม่อยากไปแตะต้องมันเพราะถ้าเป็นอะไรที่เป็นความลับขึ้นมาทั้งนางและเขาก็จะถูกมองไม่ดีจากผู้ใต้บังคับบัญชา ยังส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของตัวของหลี่เจิ้นหัวเองอีกด้วย"เจ้าจะไปกับข้าแน่หรือ ดูงานยุ่งมากเลยนะ""ข้าจะไป" หลี่เจิ้นหัวรั้นไม่ยอม"งานที่ต้องสะสางมีไม่น้อย จะไปพร้อมข้าก็ต้องทิ้งงาน คิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าทำหรือไง""ข้าตามไปทีหลังก็ได้ แต่อย่างไรก็จะไป""ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ""ก็ไม่เท่าเจ้าหรอก พอเจ้าจะรั้นใครก็ห้ามไม่อยู่"ฉินหลิวซีคิดตามแล้วก็ว่าจริง ที่ผ่านมาไม่มีใครห้ามความตั้งใจของนางได้ อย่างมากก็แค่เปลี่ยนวิธีการนิดหน่อยก็นั่นสินะ ถ้าข้าห้ามง่ายถึงขนาดนั้นจะมีศัตรูรอบตัวขนาดนี้หรือคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเองถึงความดื้อรั้นในวัยเยาว์ตลอดหลายวันนี้นางมาที่หอ
"อา เรื่องนั้นข้าก็ทำบ่อยเหมือนกัน" สตรีทั้งสองคุยเรื่องเบาสมองกันไปตลอดทางจนมาส่งนางถึงเรือนนอนคุณหนูใหญ่ก็ขอตัวกลับฉินหลิวซีใช้เวลาในช่วงสายไปจนถึงเที่ยงวันกับการฝึกร่างกายให้ได้เหงื่อ เรื่องหลานชายของกุ้ยเฟยที่มาหาสร้างความรำคาญใจจนหงุดหงิด หากนางไม่เคลื่อนไหวร่างกายจนอารมณ์เย็นลงคงได้มีข้าวของเสียหายแทนร่างกายของคุณผู้นั้นไม่รู้หรอกนะว่าท่านอาของเขานั่นบารมีมากน้อยแค่ไหน แต่ต่อให้เป็นใครก็รั้งนางไว้กับที่ไม่ได้ ที่ใดที่จะปักหลักอยู่ฉินหลิวซีย่อมเลือกด้วยตัวเอง ไม่ใช่คนที่ใครบอกว่าดีแล้วนางจะรีบเห็นด้วยว่าดีเรียกเหงื่อไปพอสมควรช่วงบ่ายของวันจึงไปที่หอกระจายข่าว ครั้งนี้แค่แจ้งคุณหนูใหญ่ก็ออกมาได้แล้วเพราะได้ย้ำชัดไปแล้วว่าไม่ต้องส่งนางก็ได้ สายตาของหลี่เมิ่งเหยาเจือความเป็นห่วงอยู่บ้างแต่ก็ยอมปล่อยมาฉินหลิวซีมาแจ้งที่ด้านหน้าว่าจะขอเข้าพบเจ้าของหอ คนที่เมืองหลวงยังไม่คุ้นเคยกับนางจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเหมือนตอนอยู่ที่บ้านเกิดตัวเองไม่ได้หลังจากแจ้งไปนางก็ได้รับอนุญาตโดยเร็ว พอเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่มาหาหลี่เจิ้นหัวก็ทักทันที"ใครทำอะไ
"หากแต่งงานตอนนี้การเดินทางไปที่อื่นคงลำบาก ไม่สะดวกต่อการทำงานของข้า""เช่นนั้นหมั้นหมายไว้ก่อนก็ได้""ก็ยังถือเป็นข้อผูกมัดที่มากเกินไปสำหรับข้า""เจ้านี่อย่างไรนะ ถือว่าตนมีคนสนใจด้วยรูปโฉมงดงาม จะเล่นตัวพิรี้พิไรให้มากงั้นหรือ"ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก ถ้าความยุ่งยากในอนาคตที่แสนน่ารำคาญจะไม่ตามมานางคงลงไม้ลงมือไปแล้ว"คุณชายเป็นหลานของกุ้ยเฟย ตัวข้าก็เป็นลูกศิษย์ของเซียนโอสถ ผู้ที่ไปไหนต่อไหนไม่เคยมีอะไรกักขังเขาไว้ได้ แม้แต่สายลมก็อาจไม่รู้ที่อยู่ของเขา"นางกล่าวเกินจริงไปเองเพื่อข่มอีกฝ่ายคืน ที่ไหนมีอากาศที่นั่นต้องมีลม คงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่รู้ว่าอาจารย์ของนางอยู่ไหน ฉินหลิวซีรักษาความใจเย็นและสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้แม้ในใจจะโมโหมากก็ตาม คำตอบของนางเมื่อครู่นี้ทำให้หลายคนตกตะลึง แม้แต่โจวเมิ่งอิ๋งก็เบิกตาโพลงมีใครบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงของหมอเทวดา เห็นว่าพวกเขาน่าจะรู้กิตติศัพท์อาจารย์นางดี ฉินหลิวซีรีบโหมไฟเพิ่ม"เมื่อใดก็ตามที่อาจารย์ของข้าเรียกหาข้าต้องไปในทันที คงไม่อาจตอบรับไมตรีของคุณชายไว้ได้""โกหก เป็นอน
คนที่รู้ว่าฉินหลิวซีมีวิชาติดตัวมีอยู่ไม่กี่คน และหลี่เมิ่งเหยาไม่ใช่หนึ่งในนั้น สายตาของนางถ่ายทอดความจริงใจทำให้หญิงสาวผู้เลี้ยงหงส์แดงเพลิงเอาไว้อดจะรู้สึกประทับใจไม่ได้ หากไม่นับรวมเรื่องที่เป็นบุตรสาวของสตรีที่ชังน้ำหน้าตนก็ถือว่าน่าคบหาเอาไว้เชียวล่ะหลี่เมิ่งเหยาคงวางตัวลำบากน่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ฮูหยินโจวเห็นลูกชายมาคุยกับนางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ถ้าบุตรสาวมาข้องแวะกับนางมากเกินไปก็คงถูกตำหนิ อย่างไรก็เป็นลูกที่กตัญญู ถ้าผู้เป็นแม่ออกปากห้ามจริงคงลำบากใจแย่หลังจากแยกกันฉินหลิวซีก็ไปที่หอกระจายข่าวสาขาประจำเมือง หลี่เจิ้นหัวรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว"ไปดูร้านมาเป็นอย่างไรบ้าง" นายของหอกระจายข่าวเห็นหน้านางก็ยิ้มแป้น"อยากฟังข้อดีหรือข้อเสียก่อนล่ะ""พูดแบบนั้นน่ากลัวชะมัด ฟังพร้อมกันเลยไม่ได้เหรอ" ฉินหลิวซีเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ยกชาที่รินไว้ให้แล้วเครื่องดื่ม"ตกแต่งร้านดูดีทีเดียว ต่อให้ใครมาเดินก็คงไม่ถูกตำหนิ แต่ว่าจุดอับสายตามีเยอะเกินไป สามารถขโมยของได้ง่าย ๆ เลยล่ะ ไม่รู้ว่ามีคนใดรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ตรวจสอบเอาไว้หน่อย