ลมหนาวพัดพาเข้ามาจากนอกหน้าต่างเสิ่นเจ๋อเฉิงจุดบุหรี่ขึ้น ควันลอยคลุ้งไปทั่วใบหน้าของเขาทำให้คนอื่นมองไม่เห็นอารมณ์ของเขา เขามองมาที่ฉัน"เธอเหมือนดวงอาทิตย์น้อย ที่มีท่าทางดูสดใสเสมอ""ไม่เหมือนคุณ ที่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา""งานก็ทำให้ผมปวดหัวมากพอแล้ว กลับบ้านยังต้องเจอคุณอีก"เสิ่นเจ๋อเฉิงขยี้ขมับ พูดอย่างเหนื่อยล้าออกมา"ซูซู ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ "ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง พร้อมกับพึมพำออกมาว่า"ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ขอหย่าล่ะ?"เสิ่นเจ๋อเฉิงก้มหน้าลงเล็กน้อย มองฉันอย่างจริงจัง "ซูซู ผมแค่เหนื่อย แต่ไม่เคยคิดที่จะไปจากคุณ""ผมแค่ต้องการหาที่พักให้หายใจสักพัก""แบบนี้ ผมจะได้รวบรวมอารมณ์และรักคุณต่อไป"ดังนั้น เจียงชิงฉือจึงเป็นที่พักหายใจของเขา เป็นบ้านแห่งความอบอุ่นของเขามันช่างน่าขำเสียจริง และไร้สาระเกินไปฉันมองเขาอย่างไม่เชื่อ"คุณนี่ไร้ยางอายจริงๆ "เสิ่นเจ๋อเฉิงพ่นควันบุหรี่ออกมา น้ำเสียงแฝงความหงุดหงิด"ทีแรก ผมเองก็เคยคิดที่จะเปิดรับคุณตลอด""แต่ว่าซูซู อาการคลั่งของคุณ""มันน่าเกลียดเกินไป ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง"ราวกับมีกรรไกรฉีกหัวใจ ฉันฝืนยิ
เสิ่นเจ๋อเฉิงดึงฉันไปที่บันได ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ยังไม่จางหาย"คุณพูดจาอะไรไม่เข้าท่าต่อหน้าเด็ก?"ฉันลูบข้อมือที่เขาบีบแน่นจนแดง พร้อมกับพูดสวนไปว่า"มีคำไหนที่ฉันพูดผิดงั้นเหรอ?""เป็นคำที่ว่าเป็นภรรยาของคุณ หรือประโยคที่ว่าเขาเป็นคนทำให้ลูกของฉันตาย?"สีหน้าโกรธเกรี้ยวของเสิ่นเจ๋อเฉิงทันทีนั้นนิ่งงัน"เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..."ฉันยืนชิดติดกับผนังโรงพยาบาล มองเขาอย่างเงียบงัน"พูดคำนี้ออกมา คุณเชื่อเองหรือเปล่า?"หนึ่งปีที่แล้ว ฉันทำงานเสร็จแล้วรีบกลับมาจากต่างจังหวัดเพื่อที่จะบอกข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ให้เสิ่นเจ๋อเฉิงฟังแต่เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไป กลับพบว่าบ้านยุ่งเหยิงไปหมดที่บันได ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของเราก็แตกกระจายอยู่ที่พื้นฉันขึ้นบันไดไปดูสถานการณ์แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะมีสบู่ลื่นอยู่ที่บันไดฉันเหยียบและลื่นกลิ้งตกบันไดไปเพราะแบบนี้จึงทำให้ฉันสูญเสียลูกในท้องไป"ตอนนั้นคุณบอกฉันว่า เป็นลูกของญาติที่มาก่อความวุ่นวายที่บ้าน""จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบนั้น""เสิ่นเจ๋อเฉิง คุณมีจิตสำนึกบ้างไหม?"เขาอ้าปาก พยายามจะพูด แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ
ฉันจ้องมองแสงที่สะท้อนอยู่บนพื้นอย่างว่างเปล่าค่อย ๆ สัมผัสถึงความเศร้าโศกที่ไม่สามารถระงับได้ที่กำลังแพร่กระจาย"คุณไม่อยากได้เด็กคนนี้ ใช่ไหม?"เสิ่นเจ๋อเฉิงจุดบุหรี่ จากนั้นคาบที่ปากและดูดมัน"ซูซู มีเหตุผลหน่อย ผมไม่ได้ไม่ต้องการ"เขามองฉันผ่านควันบุหรี่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคลุมเครือ"หวังว่าคุณจะไม่ผลักความคิดของคุณมาใส่ผมทุกครั้ง"ในชีวิตสมรส คนที่ผันใจมักดูเหมือนจะเป็นแบบนี้พอสันหลังหวะก็จะชอบโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น"แต่ถ้าคุณอยากได้ลูกคนนี้จริงๆ"ฉันยิ้มให้เขาและพูดทีละคำ"ก็จะไม่จุดบุหรี่ต่อหน้าฉันหรอก"ครั้งนี้ เสิ่นเจ๋อเฉิงเงียบไปนานจนปลายบุหรี่ที่ติดอยู่กับมือร้อนจนเขาต้องสะดุ้ง เขาถึงได้สติกลับมาสายตาของเขาจับอยู่ที่ท้องฉันไม่กี่วินาทีจากนั้นก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงแหบพร่า"ซูซู คุณอยากได้เด็กคนนี้ไหม?"เสี้ยววินาทีนั้น อากาศรอบตัวเหมือนจะเบาบางลงในชั่วขณะนานพอสมควร ฉันถึงได้หัวเราะออกมา "เสิ่นเจ๋อเฉิง ตรงๆ หน่อย ได้ไหม?"เสิ่นเจ๋อเฉิงจ้องมองฉันอย่างมั่นคง สีน้ำตาลในตาของเขาหม่นหมองลง"ขอโทษนะ ซูซู ไจ่ไจเป็นคนขี้หวง""เขาจะไม่ยอมรับเด็กที่เก
พอฉันก้าวออกจากบันได เจียงชิงฉือก็ยืนอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นฉันออกมา ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวดวงตาคู่นั้นเหมือนกระต่ายที่ถูกตื่นตระหนก มีสีแดงระเรื่อ"คุณหนูหลี คุณอย่าทำร้ายลูกของคุณเลย"เธอทำมือประนมอยู่ที่อก ดวงตาเต็มไปด้วยความวิงวอน"ฉันจะพาไจ่ไจไปจากที่นี่ ขอเพียงคุณอย่าทำร้ายเขาเลย""อย่าพูดจาไร้สาระเลย คุณจะไปไหนได้?"เสิ่นเจ๋อเฉิงก้าวไปคุณงหน้า คอยปกป้องเจียงชิงฉือไว้ในอ้อมแขน"มีผมอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายพวกคุณหรอก"คำนี้ กล่าวออกมาให้ใครฟัง ไม่ต้องบอกก็รู้ในใจฉันเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย และตาก็เริ่มเศร้า"ขอโทษนะคะ รบกวนพวกคุณสองคนหน่อย""ไจ่ไจรู้ไหมว่าแม่ของเขาคือเมียน้อย เขาเองเป็นลูกนอกสมรสเหรอ?"สีหน้าของเจียงชิงฉือทันทีเปลี่ยนเป็นขาวซีดเผือดทันทีเธอจับชายเสื้อของเสิ่นเจ๋อเฉิง มองเขาอย่างหวั่นกลัว"ไจ่ไจไม่ใช่...ไจ่ไจไม่ใช่..."เธอกัดริมฝีปาก สะท้านและอ่อนแอใบหน้าที่มีน้ำตาคลอเบ้า ทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจอย่างยิ่งเสิ่นเจ๋อเฉิงเห็นใจ รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองฉัน ด้วยสีหน้ารู้สึกรำคาญและเย็นชา"หลีซู รู้ไหมว่าทำ
ฉันนั่งอยู่ริมหน้าต่าง หันไปมองนอกบ้าน แสงไฟที่สว่างสวยงามยิ่งขับให้ภายในบ้านดูมืดหม่นเศร้าหมองขึ้น ตอนที่ฉันเริ่มต้นสร้างธุรกิจกับเสิ่นเจ๋อเฉิง ชีวิตช่างยากลำบากจริงๆ เราอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินที่ชื้นและมืด ผนังเต็มไปด้วยเชื้อรา ตอนนั้นเราขัดสนมาก จนมีผื่นขึ้นก็ยังไม่ยอมไปหาหมอ ถึงแม้จะลำบาก แต่การมีคนรักเคียงข้างทำให้รู้สึกพอใจในชีวิต บัดนี้เมื่อความลำบากสิ้นสุดลง แต่หัวใจคนกลับเปลี่ยนไป ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ กัดฟันทนกับความเจ็บปวดในใจ เปิดดูข้อความ ลบแล้วพิมพ์ใหม่อยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ส่งไปเพียงประโยคเดียว... "เสิ่นเจ๋อเฉิง เราหย่ากันเถอะ" ...... เสิ่นเจ๋อเฉิงกลับถึงบ้านในยามเย็น ฉันรีบถามเขาก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา "คุณเห็นข้อความหรือยัง?" เสิ่นเจ๋อเฉิงทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ ราวกับนึกอะไรได้ ทันใดนั้นน้ำเสียงเขาก็จริงจังขึ้น "นี่เป็นวิธีใหม่ที่คุณคิดค้นขึ้นมาอีกหรือไง?" "หลีซู เลิกเล่นได้แล้ว คราวนี้ถึงขั้นเอาการหย่ามาขู่ผมเลยหรือ" รู้สึกระคายตามาก คนตรงหน้าที่อยู่ด้วยกันมาสิบสี่ปี ช่างแปลกหน้าเหลือเกิน "ฉันไม่ได้เล่น" เมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้ล้อเ
ในวันที่บริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้น เสิ่นเจ๋อเฉิงยืนกล่าวคำขอบคุณอยู่บนเวที ขณะที่ใกล้จบคำกล่าว เขาพูดถึงฉัน "ณ ที่แห่งนี้ ผมขอขอบคุณภรรยาของผมเป็นพิเศษ" "เพราะมีเธอ ผมถึงมีวันนี้" "นอกจากนี้ เรายังมีข่าวดีที่จะมาแบ่งปันกับทุกท่าน" สายตาของฉันลอดผ่านฝูงชนและสบตาเข้ากับเขา เพียงชั่วพริบตา ฉันก็รู้ถึงแผนการของเขา ตามคาด รอยยิ้มของเขาปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก แสดงความสุขล้น "ภรรยาของผมตั้งครรภ์แล้ว" "ต่อไปนี้ เธอจะลาออกจากตำแหน่งรองประธานเพื่อพักผ่อนที่บ้าน" ท้ายสุด เขากล่าวว่าเขารักฉัน ดวงตาเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง เสียงปรบมือดังก้องรอบห้องทันที หลังจากกล่าวคำขอบคุณเสร็จ เขาพาเจียงชิงฉือเดินมาที่ด้านหน้าของฉัน ใบหน้าที่มีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย "หลีซู ในเมื่อคุณเชื่อฟังไม่มากพอ" "จากนี้ไป ชิงฉือจะเข้ามาแทนที่คุณ" เขาคิดจะใช้บริษัทบีบให้ฉันยอมทำตาม หลายปีที่ผ่านมา ฉันเป็นคนสร้างบริษัทขึ้นมากับมือ เขารู้ดีว่าฉันผูกพันกับบริษัทมากแค่ไหน แต่คืนนี้ บางทีเขาคงต้องผิดหวังแล้ว ฉันสะบัดมือเขาออก และดึงเจียงชิงฉือมาอยู่ตรงหน้า แม้เธอจะพยายามขัดขืน แต่ฉันกระชากผมของเธออย่
เสียงเครื่องมือทางการแพทย์ดังกริ๊กๆ ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ทุกส่วนของร่างกายเจ็บแปลบไปทั้งตัว ฉันยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบที่เคยมีชีวิตน้อยๆ อยู่ในนั้น หัวใจรู้สึกว่างเปล่าอย่างไม่อาจบรรยาย ลมหนาวพัดเข้ามาไม่หยุด ทำให้ฉันตัวสั่นสะท้าน นั่นคือลูกของฉัน ฉันจะไม่เสียใจได้อย่างไร แต่ฉันไม่อาจให้ความสุขกับเขาได้ ฉันได้แต่หวังว่า ชาติหน้าเขาจะได้ไปอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์ มีคนดูแล มีคนรัก ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล ...... ขณะที่เสิ่นเจ๋อเฉิงมาถึงโรงพยาบาล เขามาด้วยท่าทีโกรธจัดเพื่อจะเอาเรื่องกับฉัน แต่เขากลับเพียงแค่กวาดสายตามองฉัน ทันใดนั้น ความโกรธเกรี้ยวในตัวเสิ่นเจ๋อเฉิงก็คลายลง เขามองฉันที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ อ้าปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับเงียบอยู่เป็นเวลานาน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ขบกรามแน่นจนเห็นกล้ามเนื้อกรามขยับไปมา เมื่ออารมณ์สงบลง เขาก็พูดออกมาในที่สุด เสียงสั่นเล็กน้อย "คุณเกลียดผมขนาดนั้นเลยหรือ?" "ยอมทำลายตัวเองแบบนี้ เพื่อจะสู้กับผมให้ได้??" ฉันพยักหน้าตอบนิ่งๆ ไม่มีคำพูดใดๆ เพิ่มเติม "ใช่สินะ" เสิ่นเจ๋อเฉิงลูบหน้าด้
ฉันมองเขาอย่างนิ่งๆ และอ้าปากถามเขาอย่างตรงไปตรงมา "ที่คุณไม่อยากหย่า เพราะหวังให้ฉันกลับไปจัดการปัญหาของคุณงั้นเหรอ?" เขากำหมัดแน่น หลังจากนั้นนานพอสมควร เขาก็ค่อยๆ กลับสู่ความสงบเหมือนเดิม "ทั้งคุณและผม สำหรับเราต่างรู้ดีว่าการแต่งงานหมายถึงอะไร" "มันคือการร่วมมือกันในธุรกิจ และยังเป็นหลักฐานแห่งความรักของเรา" "ซูซู คุณรู้อยู่แล้ว" "การหย่าจะกลายเป็นรอยด่างบนชื่อเสียงของเรา และกลายเป็นเรื่องคุยกันในสังคม" เขายื่นมือมาแตะที่ขมับฉัน เสียงของเขานุ่มนวลและมีความมั่นคง "และเราก็เดินทางมาด้วยกันถึงสิบสี่ปีแล้ว" "ซูซู นอกจากผม คุณจะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้" "อย่างอแงอีกเลยนะ หืม?" เสิ่นเจ๋อเฉิงไม่ทำให้ผิดหวัง เขาคือเสือในวงการธุรกิจ มีวาทศิลป์ที่งดงามและการแสดงที่ดี ฉันละสายตากลับมา พร้อมกลับตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า "คุณผิดแล้ว คนที่ใส่ใจคำพูดของคนอื่นเกินไปมีเพียงคุณเท่านั้น" "คำพูดเก่าๆ เหล่านี้ของคุณไม่มีทางโน้มน้าวใจฉันได้" "อีกทั้งไม่ใช่ว่าคุณไม่อยากหย่า" "เพียงแต่คุณรู้ดีว่า คุณจะหาคนที่มีพลังช่วยเหลือคุณมากกว่าฉันไม่ได้" ฉันหันไปมองเขาอย่างลึกซึ้ง