Share

สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง
สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง
Author: มายุมายูมายา

บทนำ

last update Last Updated: 2025-04-09 10:48:21

บทนำ

           

เขตวังหลวงเป็นสถานที่คนนอกอยากเข้ามาดูด้วยตาสักครา ทว่าหากมิใช่เหล่าขุนนางที่ต้องเข้ามาว่าราชการกับฮ่องเต้แห่งแคว้น ก็ต้องมีรับสั่งจากคนภายในอนุญาตให้เข้ามาได้เท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ย่างกายเข้ามา

...คนที่อาศัยอยู่ข้างในนั้นกลับมีความคิดอยากออกไปข้างนอกยิ่ง และก็ออกไปได้ยากเช่นกัน

ซุนเฟยเมี่ยวเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยคิดอยากเข้าวังหลวงแต่พอได้มาอาศัยอยู่จริงแล้วกลับหาทางออกไปนอกวังหลวงเสียทุกวันและทุกเวลา

เฟยเมี่ยวมิใช่นางกำนัล และยิ่งไม่ใช่คนในราชวงศ์ที่ต้องอาศัยอยู่ในวังหลวงอันเปรียบเสมือนกรงทองแห่งนี้ แต่นางคือสตรีวัยสิบสี่ย่างเข้าสิบห้าใกล้วัยปักปิ่นที่ถูกบุพการีทอดทิ้ง !

บิดา มารดาของซุนเฟยเมี่ยวนั้น ทิ้งให้นางต้องเติบโตในวังที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบและลำดับขั้น ยศถาบรรดาศักดิ์ ที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอ ไม่แพ้ข้าวสามมื้อที่ต้องกินทุกวันเลยล่ะ

หากเจอคนที่มีศักดิ์สูงกว่าไม่ว่าตนเองจะมีอายุมากน้อยเพียงใดก็ต้องน้อมเคารพเสมอ มิเช่นนั้นแล้วอาจลืมตาตื่นอีกทีในคุกหลวงก็เป็นได้

ทว่าสิ่งที่แม้ว่าทำถูก หากไม่เป็นที่ถูกใจก็ย่อมสามารถกลายเป็นผิดได้เสมอ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...

“พวกท่านช่างกล้าแย่งที่ประทับชมสวนขององค์หญิงสาม ที่แห่งนี้องค์หญิงเสด็จมาทุกวันหลังเสวยพระกระยาหารเช้าพวกท่านเข้าวังหลวงมานานจะไม่รู้เชียวหรือ ?!”

สตรีสามนางที่ถูกหาว่าแย่งที่ประทับองค์หญิงสาม คือ บุตรีของขุนนางขั้นสูงที่ได้รับเกียรติเข้ามาร่วมเรียนเป็นสหายของเหล่าองค์หญิงองค์ชายในวังนั่นเอง

หนึ่งในนั้นคือซุนเฟยเมี่ยว บุตรีของแม่ทัพใหญ่ซุนเหวินเชาที่ตอนนี้กำลังออกศึกกำราบเหล่าชนเผ่าเร่ร่อนประจำชายแดนในขณะนี้ คุณหนูตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง เพราะนอกจากนางแล้ว พี่ชายและน้องชายรวมถึงมารดาก็ล้วนตามไปประจำที่ชายแดนด้วยกันทั้งสิ้น

...จะไม่ให้เรียกว่า ถูกทิ้งได้อย่างไรเล่า ใช่ไหมล่ะ

ส่วนสตรีอีกสองนางที่มีชะตากรรมโชคร้ายร่วมกันในตอนนี้ก็เป็นลูกของขุนนางขั้นสูงไม่แพ้กัน แต่จะให้สูงส่งอย่างไรก็ไม่สามารถสู้ได้กับองค์หญิงสาม จ้าวลู่เอิน อันประสูติจากฮ่องเต้และฮองเฮา อีกทั้งยังเป็นองค์หญิงที่โปรดปราณที่สุดของฮ่องเต้อีกด้วย

หากพูดกันตามความจริงแล้ว ศาลาแห่งนี้เป็นที่ประจำของพวกนางทั้งสามคนมาหลายวันแล้วมากกว่า มีวันนี้นั่นล่ะที่อยู่ดีดีองค์หญิงสามเสด็จมา...

ทั้งสามคนที่ยังก้มหน้าจากการที่เพิ่งคำนับไปนั้นชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของนางกำนัลข้างกายขององค์หญิงสาม

คุณหนูคนซ้ายมือของเฟยเมี่ยว นามเหลียงซู เป็นบุตรีคนโตของตระกูลเลี่ยง ประมุขตระกูลเป็นถึงผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายตุลาการ คุณหนูนางนี้จึงมีนิสัยโดดเด่นคือรักความยุติธรรมยิ่ง ออกจะโผงผาง อันไม่เหมาะกับการต้องมาเป็นสหายของคนในราชวงศ์ยิ่งนัก เท่าที่เฟยเมี่ยวพูดคุยและอยู่ด้วยกันมาค่อนข้างเดาได้ว่าสหายของนางผู้นี้คงจะอยู่ในวังหลวงได้อีกไม่นานหรอก และวันนั้นอาจจะมาถึงแล้วด้วยน่ะสิ

เหลียงซูเงยหน้าขึ้นตอบโต้นางกำนัลที่กล่าวก่อนหน้าทันที

“เจ้าพูดผิดแล้ว ศาลาตรงนี้พวกเรามานั่งเล่นก่อนเข้าเรียนประจำมิเคยเห็นองค์หญิงสามเสด็จสักครา อันใดคือมาทุกวันกันเล่า”

เหลียงซูพูดมิผิด แต่นางผิดที่พูดในตอนนี้ต่างหาก !

กฎข้อที่หนึ่งของการอยู่รอดในวังหลวงคือ เชื้อพระวงศ์พูดอันใดย่อมถูกเสมอ ทั้งที่รู้ว่าผิดก็ต้องเงียบไว้ หากจะโต้แย้งจำเป็นต้องมีหลักฐานมารองรับ มิเช่นนั้นก็เตรียมรับบทลงโทษไว้ได้เลยในข้อหาหมิ่นเกียรติเชื้อพระวงศ์

“คุณหนูเลี่ยง มาเพียงไม่นานควรสงบปากไว้หน่อยเถอะเจ้าค่ะ ไม่กี่วันมานี้องค์หญิงทรงเบื่อไม่มาบ้างหาได้นับอันใด

ทรงไม่คิดว่าจะมีคนกล้าแย่งที่ประทับเสียได้ อีกทั้งยังกล้ากล่าววาจาจาบจ้วงหมิ่นพระเกียรติองค์หญิงสามอีก ทหารนำคุณหนูท่านนี้ไปรับโทษเสีย คราวหน้าจะได้เจียมตนเสียบ้าง!!!”

“เจ้าต่างหากที่กล้าตะคอกใส่ข้าอันเป็นบุตรีขุนนาง ข้ายังไม่ได้หมิ่นเกียรติองค์หญิงสามเสียสักคำเลย...โอ๊ย!”

เฟยเมี่ยวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมือไปหยิกหลังเรียกสติสหายใหม่เสียหน่อย ก่อนที่โทษจะมากไปกว่านี้ ด้วยอำนาจของบิดาของเหลียงซูย่อมช่วยนางรอดได้อยู่แล้ว เพียงแต่นับจากวันนี้คงไม่เห็นเหลียงซูเข้ามาเรียนในวังหลวงอีกแล้วก็เท่านั้น

เหลียงซูยังมีทีท่าไม่ยอมเช่นเดิมแม้ได้รับสายตาสื่อความหมายจากเฟยเมี่ยวแล้วก็ตาม

“ข้าเป็นนางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงสามย่อมพูดแทนองค์หญิง ใช่ไหมเพคะ?”

แน่นอนลู่เอินที่ยืนสงบนิ่งคอเชิดอยู่เบื้องหลังนางกำนัลปากเก่งย่อมหยักยิ้มให้แทนคำตอบ เพียงเท่านี้เหลียงซูก็ไร้คำใดกล่าวว่านางกำนัลผู้นั้นได้แล้ว

คุณหนูตระกูลเลี่ยงที่เพิ่งมีโอกาสเป็นพระสหายให้กับเหล่าราชวงศ์เพียงห้าวันก็ถูกปลดเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้...

เฟยเมี่ยวได้แต่มองสหายใหม่ถูกพาตัวออกไป จนภายในศาลาหลังงามกลับเข้าสู่ความเงียบอีกคราจนได้ยินเสียงกอบัวในสระน้ำไหวเบาตามแรงลม

...เฟยเมี่ยวมิใช่ไม่อยากช่วย แต่ตอนนี้สำคัญกว่าคือต้องช่วยตนเอง เพราะอย่าหวังเลยว่านางทั้งสองจะถูกปล่อยไปง่าย ๆ

“พวกเจ้าสองคนคิดว่าควรทำอย่างไรโทษฐานมาแย่งที่นั่งชมสระบัวของข้า !”

องค์หญิงสาม หรือ ลู่เอิน เดินนำนางกำนัลมาข้างหน้า ผ่านไปนั่งยังตั่งยาว สีหน้านิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยความรื่นเริงอย่างคนกำลังรอชมความคลื้นเคลง

สตรีอีกคนที่ยืนข้างเฟยเมี่ยวนามว่า หนิงอัน มาจากตระกูลไป๋ มีบิดาเป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการ นางเข้ามาเป็นสหายเล่าเรียนในวังได้ปีกว่าแล้ว อยู่มานานย่อมรู้ดีว่าสถานการณ์เยี่ยงนี้ควรทำอย่างไร

“พวกเราสองคนขอให้องค์หญิงสามโปรดกรุณาพวกเราด้วยเพคะ คราวหน้าพวกเราจะไม่ทำอีกแล้วเพคะ พวกเราจะรีบไปเดี๋ยวนี้ไม่รบกวนเวลาสบายพระทัยองค์หญิงอีกแล้วเพคะ”

...ถูกแล้ว กฎของการเอาตัวรอดในวังหลวงอีกข้อก็คือ หากเจอคนในราชวงศ์ที่ใด ต้องหลบเลี่ยงเป็นการดีที่สุด

เมื่อถวายความเคารพเสร็จ หนิงอันก็รีบเดินนำออกมาจากศาลาทันที ตามด้วยเฟยเมี่ยวข้างหลัง

องค์หญิงเสด็จทั้งทีนางกำนัลเอย ขันทีเอย ติดตามมาไม่ต่ำกว่าสิบคนอยู่แล้ว สตรีทั้งสองเดินออกมาจากศาลาได้พ้นไม่ทันไร หนิงอันที่เดินนำหน้าก็ถูกหนึ่งในนางกำนัลคนติดตามขององค์หญิงสามผลักกระเด็นจนตกน้ำไปเสียแล้ว และพร้อมกันนั้นนางกำนัลอีกคนก็ผลักเฟยเมี่ยวด้วยเช่นกัน

ตูม !  ตูม !

เสียงแรกเป็นหนิงอันตกน้ำ

ส่วนอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงของนางกำนัลที่ตั้งใจผลักเฟยเมี่ยวตก พลาดเป้าตกน้ำไปเสียเอง

“นั่น ๆ คุณหนูซุนกล้าผลักนางกำนัลขององค์หญิงสามตกน้ำหรือ ?! ท่านคิดจะหมิ่นเกียรติองค์หญิงใช่หรือไม่!!!”

นางกำนัลปากกล้าคนเดิมตะโกนออกมาจากศาลา ซึ่งก็ไม่เกินจากที่คาดไว้เลย เฟยเมี่ยวเบี่ยงหลบชะตากรรมเยี่ยง

หนิงอันได้ย่อมไม่พ้นชะตากรรมต่อไป เพราะสุดท้ายอย่างไรองค์หญิงสามมากอำนาจ และมากด้วยคนเอาใจย่อมไม่ปล่อยพวกนางสามคนให้สบายอยู่แล้ว

จัดการได้สองคนเหลืออีกหนึ่ง...

“ไยเจ้าคิดเยี่ยงนั้นได้ ข้าอยู่ใกล้ ๆ ย่อมเห็นว่าเป็นเพราะนางกำนัลคนนั้นเห็นคุณหนูหนิงอันพลัดตกน้ำจึงกระโดดไปช่วยต่างหาก”

“นั่นมัน...”

แน่นอนนางกำนัลปากมากก้าวขึ้นเป็นถึงคนสนิทขององค์หญิงสามได้ ทั้งวาจาและหัวสมองย่อมไม่โง่เป็นแน่

เฟยเมี่ยวรู้ดีว่าสตรีนางนี้ทำหน้าที่เยี่ยงมือขวาคอยใช้ปากหาเรื่องแทนเจ้านาย หากอยากจะหยุดปากนั่นได้ต้องเอ่ยอันใดที่ไม่ให้นางกำนัลปากเก่งต่อความเอามาเป็นโทษได้

เฟยเมี่ยวอาศัยในวังมาเป็นปีปะทะมาหลายครั้งแล้ว อยู่รอดมาได้ เป็นเพราะทักษะติดตัวนั่นล่ะ

“เจ้าอย่าได้สนทนาให้มากความกับนางเลย นางสติไม่ดี มิเช่นนั้นบิดามารดาจะทิ้งนางไว้กับเสด็จแม่ข้าหรือ”

มาแล้ว ท่าไม่ตายขององค์หญิงสามยามมิรู้จะจัดการกับเฟยเมี่ยวอย่างไร ก็มักจะจบด้วยการนำจุดด้อยของนางมาเอ่ยทวน ย้ำแล้วย้ำอีกเสมอ

อันใดก็สติไม่สมประกอบแล้วถูกทิ้ง หรือไม่ก็เป็นภาระของฮองเฮา มารดารักของนาง สิ่งที่เฟยเมี่ยวเจอมาล้วนมาจากการที่ลู่เอินอิจฉานางที่เป็นที่รักของฮองเฮามากกว่าตนเองซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ต่างหาก

องค์หญิงสามถูกไทเฮาขอไปเลี้ยงแต่เล็ก พอได้กลับสู่อ้อมอกผู้เป็นมารดาแท้ ๆ อย่างฮองเฮา กลับถูกเฟยเมี่ยวอันถูกสหายฝากฝังให้ช่วยเลี้ยงดู แย่งชิงความรักไปเสีย ก็ไม่แปลกที่

ลู่เอินจะคอยตามราวีเฟยเมี่ยวให้อยู่อย่างยากลำบากตลอดมา

เฟยเมี่ยวไม่ตอบโต้ ก็มิใช่ว่าจะยอมให้ถูกรังแก เพียงแต่นางยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรอเวลาเท่านั้น...

อา อีกไม่นาน ท่านผู้นั้นก็น่าจะถึงแล้ว...

ทนอีกนิดเดียว นางเพียงรับคำกล่าวดูถูกและคำพูดเจ็บแสบให้ผ่านเข้าหูและปล่อยเลยออกไปเท่านั้น ไม่ตอบโต้อันใดเพียงยืนนิ่งให้ลู่เอินปลดปล่อยความอัดอั้นก็เท่านั้นเอง

ขันทีนายหนึ่งวิ่งจากที่ไกลเข้ามากระซิบกับนางกำนัลปากมากก่อนที่จะถูกถ่ายทอดไปสู่เจ้านายอย่างลู่เอิน

เฟยเมี่ยวสังเกตการสีหน้าของแต่ละคนที่ได้รับสารก็รู้แล้ว ในที่สุดเฟยเมี่ยวก็หลุดพ้นเสียที

“ฝากไว้ก่อนเถอะ หึ่ย!”

เฟยเมี่ยวรอจนขบวนเสด็จขององค์หญิงสามจากไปจนหมด ก็กวักมือเรียกบ่าวของตนเองนาม มู่กวา เป็นบ่าวสตรีร่างใหญ่สองเท่าของขนาดสตรีทั่วไป พละกำลังเทียบเท่าบ่าวบุรุษผู้ทำงานแบกหาม วิ่งเร็วไม่หยอก แต่มีข้อเสียตรงที่หัวทึบไปเสียหน่อย คิดอันใดเองไม่ค่อยเป็นทว่าทำตามคำสั่งได้ดียิ่ง

มู่กวาเป็นบ่าวที่มารดาของเฟยเมี่ยวทิ้งไว้ให้รับใช้ ถือว่าเป็นบุญคุณอย่างเดียวที่เฟยเมี่ยวซึ้งใจ

“พี่มู่ทำดียิ่ง ตอนนี้รีบลงไปช่วยหนิงอันขึ้นมาก่อนเถอะ แล้วรีบพานางไปตำหนักของข้า หาชุดให้เปลี่ยนเสีย”

สิ้นคำสั่ง เสียงตูมก็ดังตามมาเพียงไม่ถึงเค่อ หนิงอันที่คอยนิ่งในสระบัวส่วนตื้นก็ถูกอุ้มขึ้นมาและหายลับไปจากสายตาอีกคนทันใด

เฟยเมี่ยวให้มู่กวารีบวิ่งไปชวนฮองเฮาให้เสด็จมาทอดพระเนตรดอกบัวตั้งแต่เห็นขบวนขององค์หญิงสามมาแต่ไกล ๆ แล้ว เมื่อครู่ที่ลู่เอินยอมละเว้นนางก็เพราะไม่กล้าหาเรื่องเฟยเมี่ยวต่อหน้าฮองเฮานั่นล่ะ

ณ ที่ชั้นสามของตำหนักชมวิวสระบัวไม่ไกลนั้นเอง...

“เจ้าคิดว่าใครฉลาดสุด”

หนึ่งในสองบุรุษชุดดำทมึน พวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสวนของวังหลวง เอ่ยถามอีกคนด้วยน้ำเสียงทุ้มไร้อารมณ์เอนเอียงใด

“ย่อมเป็นองค์หญิงสามลู่เอินพะยะค่ะ นางเพียงอยู่นิ่งก็สามารถกำจัดคุณหนูสองนางได้ตามที่ใจหวัง ส่วนคุณหนูอีกท่านก็เกือบถูกจัดการ หากฮองเฮาไม่กำลังเสด็จมาเสียก่อนพะยะค่ะ”

“หึ อย่างนั้นรึ”

คนตอบอย่างมั่นใจก่อนหน้าเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว เพราะดูเหมือนว่าเจ้านายของตนเจ้าของคำถามดูไม่ได้เห็นพ้องเช่นเดียวกัน

“...พะยะค่ะ”

“ผิดแล้ว เจ้ายึดติดเพียงแต่ผลลัพธ์ที่เห็นมากเกินไป...

เจ้าคิดว่า อยู่ดีดีไยฮองเฮาเสด็จมายังศาลาริมสระบัวตอนนี้กันเล่า หากไม่เพราะมีคนไปชักชวนมา...”

“พระองค์หมายถึงว่ามีหนึ่งในคุณหนูวางแผนให้ฮองเฮามาอย่างนั้นหรือขอรับ ?”

เจ้าของเสียงทุ้มทรงอำนาจหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถกต่อ

“เดาหน่อยซิ เจ้าคิดว่าคุณหนูท่านใดเป็นผู้ลงมือ”

บุรุษผู้มีศักดิ์ต่ำกว่านิ่งคิดชั่วครู่ก่อนตอบ

“ไม่ใช่คุณหนูเลี่ยงแน่ เพราะนางเพิ่งเข้ามามิน่าคาดเดาได้ก่อนและดูเถรตรงไม่มากเล่ห์ มีนิสัยดุจบิดาของนางมิผิด

และก็ไม่น่าใช่คุณหนูไป๋ มิเช่นนั้นแล้วคงวางแผนให้ตนรอดพ้นได้เร็วก่อนที่จะตกน้ำแน่ ซึ่งคุณหนูซุนดูเป็นคนที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดพะยะค่ะ

...เพียงแต่นางรู้ล่วงหน้าเพียงนั้น ไยไม่คิดช่วยเหลือสหายอีกสองคนให้พ้นภัยเล่าพะยะค่ะ หรือนางคิดถึงเพียงตนเองรอดเป็นพอ ส่วนสหายมิสนใจใยดี”

“หากมองเพียงผิวเผินย่อมคิดเยี่ยงนั้นไม่ผิด ผลลัพธ์ที่เห็นตรงหน้าล้วนมีเพียงคุณหนูซุนที่รอดพ้นในครานี้ ส่วนอีกสองคนไม่เจ็บตัวก็เจ็บใจ ทว่าหากวัดกันที่ผลลัพธ์ในระยะยาวหลังจากวันนี้ ย่อมต้องยกย่องความคิดหลักแหลม รอบครอบของคุณหนูซุนยิ่ง

...คุณหนูตระกูลเลี่ยงนั้นมีนิสัยเถรตรงไม่ยอมหักมิเหมาะกับสังคมภายในวังหลวงหรอก ครานี้นางถูกคาดโทษจากลู่เอินย่อมดีกว่าในอนาคตที่นางอาจพลาดครั้งยิ่งใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้ ส่วนคุณหนูไป๋นั้นจิตใจอ่อนแออ่อนไหวง่าย ตกน้ำไปย่อมดีกว่าถูกลงโทษอื่นใดเป็นไหน ๆ อย่างน้อยนางก็ไม่ถูกคาดโทษไว้คิดทดคราหน้า อีกทั้งนางก็ว่ายน้ำเป็น สุดท้ายก็ถูกช่วยขึ้นมาอยู่ดีมิใช่หรือ

เจ้ายังคิดว่าคุณหนูตระกูลซุนไร้น้ำใจอีกหรือไม่”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   1 นางคือสหายขององค์รัชทายาท (1)

    กลางดึกในเขตวังหลวงนั้นเอง องครักษ์เฝ้ายามทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ใครต้องการบุกรุกเข้ามาล้วนทำได้ยากยิ่ง แต่ท่ามกลางความมืดนั้นเองก็ยังมีร่างเพรียวบางสวมชุดสีดำทั้งตัวกระโดดข้ามหลังคาด้วยฝีเท้าเบามิต่างจากฝีเท้าแมว นางห้ามจากหลังคาหนึ่งไปอักหลังหนึ่งด้วยเครื่องมือที่พิสดารไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้ ค่อย ๆ อาศัยจุดบอดของการเฝ้ายาม เดินทางจนมาถึงตำหนักลู่ซานอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ขององค์หญิงสามลู่เอินร่างเพรียวชุดดำผู้นี้คือ ซุนเฟยเมี่ยวเอง คืนนี้นางมีนัดกับสหายข้างนอกวังหลวง แต่ก่อนออกไปนั้นนางต้องจัดการเหล่าบุคคลที่กลั่นแกล้งนางเมื่อช่วงกลางวันเสียก่อนเวลานี้กลางยามห้าย[1]แล้ว จากสายของเฟยเมี่ยวในตำหนักลู่ซานบอกไว้ว่ายามนี้ทั้งเจ้านายและบ่าวรับใช้ต่างเข้านอนหมดแล้ว เป็นช่วงเหมาะสมยิ่งที่เฟยเมี่ยวจะจัดการบางอย่างอย่างลับ ๆ ในตำหนักนี้ นางเข้าไปในตำหนักไม่นานจัดการนำผงสมุนไพรคันใส่ในหีบเสื้อผ้าของลู่เอินเสร็จก็จากไปทันทีเวรยามของวังหลวงเฟยเมี่ยวเข้าใจหมด ด้วยการใช้ทักษะที่ร่ำเรียนมากว่าสิบปีของการเป็นสายลับในชาติก่อน ค่อย ๆ ชักจูงคนด้วยความปรารถนาใต้บึ้งลึกจิตใจ หรือไม่ก็กิเลสหล

    Last Updated : 2025-04-09
  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   1 นางคือสหายขององค์รัชทายาท (2)

    “เมี่ยวเมี่ยวชักจะเหิมเกริมเกินไปเสียแล้วนะ อันใดคือเจ้าหุบยิ้มทันทีที่มิได้อยู่ต่อหน้าเสด็จแม่กัน”เฟยเมี่ยวมิได้กลัวอันใดกับคำพูดเชิงตำหนิแต่เต็มไปด้วยการล้อเลียนของบุรุษข้างเคียง นางยังคงเดินจ้ำอ้าวต่อไปไม่ได้ให้หวงลู่ที่มีศักดิ์เป็นถึงองค์รัชทายาทเดินนำอย่างที่ควรเลย“หม่อมฉันก็เรียนมาจากพระองค์ยามเข้าหน้าเหล่าขุนนางและลับหลังเหล่าขุนนางนั่นแหละเพคะ พระองค์ยิ้มบ่อยน่าจะรู้ว่าการหยักยกริมฝีปากมันเมื่อยเพียงใด”เขาล้อมา เฟยเมี่ยวก็ล้อกลับบ้างไม่ยอมแพ้หรอก ในวังหลวงแห่งนี้มีเพียงหวงลู่ผู้นี้นั่นล่ะที่รู้ว่าเนื้อแท้นิสัยของเฟยเมี่ยวซุกซนและเจ้าเล่ห์เพียงใด นางจึงสบายใจยามอยู่กับเขาและเอ่ยขอให้เขาช่วยพาออกนอกวังหลวงอยู่หลายครา ด้วยอำนาจขององค์รัชทายาทที่เป็นรองเพียงฮ่องเต้และฮองเฮา เฟยเมี่ยวเลือกคบเขาเป็นสหายแล้วมีประโยชน์เป็นที่สุด“เสด็จแม่ก็เอ็นดูเจ้าเสียจริง แล้วนี่ยังถูกลู่หลินแกล้งอยู่หรือไม่?”การที่หวงลู่รู้นั้นมิใช่เพราะว่าเฟยเมี่ยวมาฟ้องนะ แต่เพราะองค์หญิงสามแสนเอาแต่พระทัยผู้นั้นแสดงออกถึงความไม่ชอบหน้านางจนใครต่างก็รู้ดี ไม่เว้นแม้แต่ฮองเฮาเองนั่นแหละ“องค์หญิงสามแกล้งข้า

    Last Updated : 2025-04-09
  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   2 บุคคลที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับหนึ่ง

    ฮือ เฟยเมี่ยวขอถอนคำพูดที่เคยบอกไว้ว่าขี่ม้าง่ายกว่าขี่รถมอเตอร์ไซค์เสียตอนนี้ ชาติก่อนเฟยเมี่ยวขี่รถในสนามแข่งทีไรชนะที่หนึ่งตลอด ไยพอขี่ม้าแข่งบ้าง นางกลับไม่ชนะเสียทีเล่า !แดดแรงแล้ว เฟยเมี่ยวจึงขอทดไว้แข่งกับองค์รัชทายาทหวงลู่คราวหน้าแทน ทั้งสองคนลงจากหลังม้าได้ก็เดินเคียงคู่กันออกมาจากสนามวิ่งม้า จากที่เฟยเมี่ยวคิดไว้ว่าจะเดินกลับตำหนักของทันทีก็ต้องชะลอแผนนั้นไว้ก่อน เพราะที่ทางออกจากสนาม พบผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งยืนอยู่เจอหน้ากันเพียงนี้แล้ว จะเลี่ยงตามกฎที่ตนตั้งไว้ก็ไม่ได้ จำต้องเผชิญหน้าเท่านั้น“ถวายบังคมชินอ๋องเพคะ”“คำนับเสด็จอาพะยะค่ะ”ตรงหน้าของนางนั้นคือบุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำทมึนพาดลายงูใหญ่นูนแต่ดูกลมกลืน บนชุดมีเพียงสีแดงเลือดกับสีทองบ้างช่วยแต่งเติมให้ดูยิ่งทรงอำนาจขึ้นไปอีก ชินอ๋องผู้นี้เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้ที่อายุห่างกว่าสิบปี ปีนี้เขาน่าจะอายุยี่สิบห้า เป็นโอรสองค์เล็กสุดในอดีตฮ่องเต้ ไม่รู้ด้วยความรักสายสัมพันธ์พี่น้อง หรือเป็นเพราะพระมารดาของชินอ๋องเป็นอดีตนางกำนัลคนสนิทของไทเฮา หรือเหตุอันใดทำให้ชินอ๋องผู้นี้สามารถดำรงอยู่ในเมืองหลวงข้างกายฮ่องเต้ได้ ทั้ง

    Last Updated : 2025-04-09
  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   3 ช่วยว่าความสืบคดี (1)

    ศาลยุคโบราณนี้ไม่ต่างจากยุคปีค.ศ.สองพันมากนัก มีตำแหน่งนั่งของคนเข้าดูบรรจุได้หลายสิบคน ตรงกลางเว้นไว้เป็นลานโล่งมีที่นั่งของจำเลย และทุกตำแหน่งนั่งหันไปทางตำแหน่งผู้พิพากษาและเหล่าเจ้าหน้าที่ตัดสินต่าง ๆ ซึ่งจัดไว้ในที่ปิดอย่างเหมาะสมเมื่อกลุ่มของชินอ๋อง องค์รัชทายาทและเฟยเมี่ยวมาถึงก็มีคนอยู่เต็มศาลว่าคดีแล้ว พวกนางมาถึงก็ไปอยู่ตรงตำแหน่งหลังที่นั่งของชินอ๋องอันนั่งแทนตำแหน่งของเสนาบดีหลิงทันที“เริ่มเลย”สิ้นคำของเต๋อรุ่ย บุรุษเคราย้อยผู้หนึ่ง ก็เดินออกมาข้างหน้าพร้อมหนังสือในมือเตรียมเปิดอ่านรายละเอียดคดีให้ทุกคนในศาลว่าคดีรู้กันถ้วนทั่วเขาคือบิดาของเหลียงซู สหายใหม่ที่โดนไล่ออกจากการเป็นพระสหายของเหล่าองค์หญิงองค์ชายไปแล้วนั่นเอง เขามีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเสนาบดีกรมตุลาการ หรือที่คนเรียกกันว่า ผู้ช่วยเลี่ยง“คดีนี้มีผู้ตายคือ นายตู้ อายุสี่สิบห้าปี อาชีพเก็บของป่าไปขาย ไม่มีภรรยา บิดามารดาตายหมดแล้ว เขาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าคนเดียว ในวันเกิดเหตุนั้นมีนายซางที่เป็นสหายมาร่วมดื่มสุราด้วยที่บ้าน เช้าวันต่อมามีชาวบ้านแถบนั้นพบศพนายตู้นอนสิ้นใจอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านในที่ลับตาคน ไม่ไกลมีมีดที

    Last Updated : 2025-04-09

Latest chapter

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   3 ช่วยว่าความสืบคดี (1)

    ศาลยุคโบราณนี้ไม่ต่างจากยุคปีค.ศ.สองพันมากนัก มีตำแหน่งนั่งของคนเข้าดูบรรจุได้หลายสิบคน ตรงกลางเว้นไว้เป็นลานโล่งมีที่นั่งของจำเลย และทุกตำแหน่งนั่งหันไปทางตำแหน่งผู้พิพากษาและเหล่าเจ้าหน้าที่ตัดสินต่าง ๆ ซึ่งจัดไว้ในที่ปิดอย่างเหมาะสมเมื่อกลุ่มของชินอ๋อง องค์รัชทายาทและเฟยเมี่ยวมาถึงก็มีคนอยู่เต็มศาลว่าคดีแล้ว พวกนางมาถึงก็ไปอยู่ตรงตำแหน่งหลังที่นั่งของชินอ๋องอันนั่งแทนตำแหน่งของเสนาบดีหลิงทันที“เริ่มเลย”สิ้นคำของเต๋อรุ่ย บุรุษเคราย้อยผู้หนึ่ง ก็เดินออกมาข้างหน้าพร้อมหนังสือในมือเตรียมเปิดอ่านรายละเอียดคดีให้ทุกคนในศาลว่าคดีรู้กันถ้วนทั่วเขาคือบิดาของเหลียงซู สหายใหม่ที่โดนไล่ออกจากการเป็นพระสหายของเหล่าองค์หญิงองค์ชายไปแล้วนั่นเอง เขามีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเสนาบดีกรมตุลาการ หรือที่คนเรียกกันว่า ผู้ช่วยเลี่ยง“คดีนี้มีผู้ตายคือ นายตู้ อายุสี่สิบห้าปี อาชีพเก็บของป่าไปขาย ไม่มีภรรยา บิดามารดาตายหมดแล้ว เขาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าคนเดียว ในวันเกิดเหตุนั้นมีนายซางที่เป็นสหายมาร่วมดื่มสุราด้วยที่บ้าน เช้าวันต่อมามีชาวบ้านแถบนั้นพบศพนายตู้นอนสิ้นใจอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านในที่ลับตาคน ไม่ไกลมีมีดที

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   2 บุคคลที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับหนึ่ง

    ฮือ เฟยเมี่ยวขอถอนคำพูดที่เคยบอกไว้ว่าขี่ม้าง่ายกว่าขี่รถมอเตอร์ไซค์เสียตอนนี้ ชาติก่อนเฟยเมี่ยวขี่รถในสนามแข่งทีไรชนะที่หนึ่งตลอด ไยพอขี่ม้าแข่งบ้าง นางกลับไม่ชนะเสียทีเล่า !แดดแรงแล้ว เฟยเมี่ยวจึงขอทดไว้แข่งกับองค์รัชทายาทหวงลู่คราวหน้าแทน ทั้งสองคนลงจากหลังม้าได้ก็เดินเคียงคู่กันออกมาจากสนามวิ่งม้า จากที่เฟยเมี่ยวคิดไว้ว่าจะเดินกลับตำหนักของทันทีก็ต้องชะลอแผนนั้นไว้ก่อน เพราะที่ทางออกจากสนาม พบผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งยืนอยู่เจอหน้ากันเพียงนี้แล้ว จะเลี่ยงตามกฎที่ตนตั้งไว้ก็ไม่ได้ จำต้องเผชิญหน้าเท่านั้น“ถวายบังคมชินอ๋องเพคะ”“คำนับเสด็จอาพะยะค่ะ”ตรงหน้าของนางนั้นคือบุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำทมึนพาดลายงูใหญ่นูนแต่ดูกลมกลืน บนชุดมีเพียงสีแดงเลือดกับสีทองบ้างช่วยแต่งเติมให้ดูยิ่งทรงอำนาจขึ้นไปอีก ชินอ๋องผู้นี้เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้ที่อายุห่างกว่าสิบปี ปีนี้เขาน่าจะอายุยี่สิบห้า เป็นโอรสองค์เล็กสุดในอดีตฮ่องเต้ ไม่รู้ด้วยความรักสายสัมพันธ์พี่น้อง หรือเป็นเพราะพระมารดาของชินอ๋องเป็นอดีตนางกำนัลคนสนิทของไทเฮา หรือเหตุอันใดทำให้ชินอ๋องผู้นี้สามารถดำรงอยู่ในเมืองหลวงข้างกายฮ่องเต้ได้ ทั้ง

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   1 นางคือสหายขององค์รัชทายาท (2)

    “เมี่ยวเมี่ยวชักจะเหิมเกริมเกินไปเสียแล้วนะ อันใดคือเจ้าหุบยิ้มทันทีที่มิได้อยู่ต่อหน้าเสด็จแม่กัน”เฟยเมี่ยวมิได้กลัวอันใดกับคำพูดเชิงตำหนิแต่เต็มไปด้วยการล้อเลียนของบุรุษข้างเคียง นางยังคงเดินจ้ำอ้าวต่อไปไม่ได้ให้หวงลู่ที่มีศักดิ์เป็นถึงองค์รัชทายาทเดินนำอย่างที่ควรเลย“หม่อมฉันก็เรียนมาจากพระองค์ยามเข้าหน้าเหล่าขุนนางและลับหลังเหล่าขุนนางนั่นแหละเพคะ พระองค์ยิ้มบ่อยน่าจะรู้ว่าการหยักยกริมฝีปากมันเมื่อยเพียงใด”เขาล้อมา เฟยเมี่ยวก็ล้อกลับบ้างไม่ยอมแพ้หรอก ในวังหลวงแห่งนี้มีเพียงหวงลู่ผู้นี้นั่นล่ะที่รู้ว่าเนื้อแท้นิสัยของเฟยเมี่ยวซุกซนและเจ้าเล่ห์เพียงใด นางจึงสบายใจยามอยู่กับเขาและเอ่ยขอให้เขาช่วยพาออกนอกวังหลวงอยู่หลายครา ด้วยอำนาจขององค์รัชทายาทที่เป็นรองเพียงฮ่องเต้และฮองเฮา เฟยเมี่ยวเลือกคบเขาเป็นสหายแล้วมีประโยชน์เป็นที่สุด“เสด็จแม่ก็เอ็นดูเจ้าเสียจริง แล้วนี่ยังถูกลู่หลินแกล้งอยู่หรือไม่?”การที่หวงลู่รู้นั้นมิใช่เพราะว่าเฟยเมี่ยวมาฟ้องนะ แต่เพราะองค์หญิงสามแสนเอาแต่พระทัยผู้นั้นแสดงออกถึงความไม่ชอบหน้านางจนใครต่างก็รู้ดี ไม่เว้นแม้แต่ฮองเฮาเองนั่นแหละ“องค์หญิงสามแกล้งข้า

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   1 นางคือสหายขององค์รัชทายาท (1)

    กลางดึกในเขตวังหลวงนั้นเอง องครักษ์เฝ้ายามทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ใครต้องการบุกรุกเข้ามาล้วนทำได้ยากยิ่ง แต่ท่ามกลางความมืดนั้นเองก็ยังมีร่างเพรียวบางสวมชุดสีดำทั้งตัวกระโดดข้ามหลังคาด้วยฝีเท้าเบามิต่างจากฝีเท้าแมว นางห้ามจากหลังคาหนึ่งไปอักหลังหนึ่งด้วยเครื่องมือที่พิสดารไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้ ค่อย ๆ อาศัยจุดบอดของการเฝ้ายาม เดินทางจนมาถึงตำหนักลู่ซานอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ขององค์หญิงสามลู่เอินร่างเพรียวชุดดำผู้นี้คือ ซุนเฟยเมี่ยวเอง คืนนี้นางมีนัดกับสหายข้างนอกวังหลวง แต่ก่อนออกไปนั้นนางต้องจัดการเหล่าบุคคลที่กลั่นแกล้งนางเมื่อช่วงกลางวันเสียก่อนเวลานี้กลางยามห้าย[1]แล้ว จากสายของเฟยเมี่ยวในตำหนักลู่ซานบอกไว้ว่ายามนี้ทั้งเจ้านายและบ่าวรับใช้ต่างเข้านอนหมดแล้ว เป็นช่วงเหมาะสมยิ่งที่เฟยเมี่ยวจะจัดการบางอย่างอย่างลับ ๆ ในตำหนักนี้ นางเข้าไปในตำหนักไม่นานจัดการนำผงสมุนไพรคันใส่ในหีบเสื้อผ้าของลู่เอินเสร็จก็จากไปทันทีเวรยามของวังหลวงเฟยเมี่ยวเข้าใจหมด ด้วยการใช้ทักษะที่ร่ำเรียนมากว่าสิบปีของการเป็นสายลับในชาติก่อน ค่อย ๆ ชักจูงคนด้วยความปรารถนาใต้บึ้งลึกจิตใจ หรือไม่ก็กิเลสหล

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   บทนำ

    บทนำเขตวังหลวงเป็นสถานที่คนนอกอยากเข้ามาดูด้วยตาสักครา ทว่าหากมิใช่เหล่าขุนนางที่ต้องเข้ามาว่าราชการกับฮ่องเต้แห่งแคว้น ก็ต้องมีรับสั่งจากคนภายในอนุญาตให้เข้ามาได้เท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ย่างกายเข้ามา...คนที่อาศัยอยู่ข้างในนั้นกลับมีความคิดอยากออกไปข้างนอกยิ่ง และก็ออกไปได้ยากเช่นกันซุนเฟยเมี่ยวเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยคิดอยากเข้าวังหลวงแต่พอได้มาอาศัยอยู่จริงแล้วกลับหาทางออกไปนอกวังหลวงเสียทุกวันและทุกเวลาเฟยเมี่ยวมิใช่นางกำนัล และยิ่งไม่ใช่คนในราชวงศ์ที่ต้องอาศัยอยู่ในวังหลวงอันเปรียบเสมือนกรงทองแห่งนี้ แต่นางคือสตรีวัยสิบสี่ย่างเข้าสิบห้าใกล้วัยปักปิ่นที่ถูกบุพการีทอดทิ้ง !บิดา มารดาของซุนเฟยเมี่ยวนั้น ทิ้งให้นางต้องเติบโตในวังที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบและลำดับขั้น ยศถาบรรดาศักดิ์ ที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอ ไม่แพ้ข้าวสามมื้อที่ต้องกินทุกวันเลยล่ะหากเจอคนที่มีศักดิ์สูงกว่าไม่ว่าตนเองจะมีอายุมากน้อยเพียงใดก็ต้องน้อมเคารพเสมอ มิเช่นนั้นแล้วอาจลืมตาตื่นอีกทีในคุกหลวงก็เป็นได้ทว่าสิ่งที่แม้ว่าทำถูก หากไม่เป็นที่ถูกใจก็ย่อมสามารถกลายเป็นผิดได้เสมอ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...“พวกท่านช่างกล้าแย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status