“ไม่รู้บิดาไอย่าจะว่ายังไงบ้าง ถ้าหากฉันจะเชิญไอย่าไปเป็นแขกที่บ้าน”
มีคำถามมากมายในดวงตากลมโตใสแจ๋ว ที่อันเดซาอีอยากยื่นมือไปทาบบนสองแก้มซับสีเลือด แล้วกดปากลงบนหน้าผากนวลไล่ลงมาถึงดวงตา สิ้นสุดบนกลีบปากสีชมพูสด
“ไม่อยากปล่อยให้ไอย่าเดินคนเดียว กลัวใครดักพาดวงใจหนีหายไป”
“ขี้ตู่ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ” หญิงสาวตวัดค้อนใส่อันเดซาอีวงโต แต่ก็ปล่อยให้มือเล็กตกอยู่ในอุ้งมืออุ่น ฟังเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเล่าเรื่องราวสานสายใยบางๆ ให้กับหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัวเร็ว ใบหน้าสองคนเปี่ยมล้นด้วยความสุขกับรักแรกเจอ!
“แต่งงาน! ความสุขหรือเศร้า...สูญเสียและร้องไห้!”
ความหวานจางหายจากคู่บ่าวสาว เสียงหัวเราะแห่งความสุข ใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสหยุดชะงักลง เมื่อมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ!
สายตาทุกคู่ของแขกในงานไปโฟกัสอยู่ที่จุดเดียว...ชายร่างผอมกะหร่องกะแหร่ง เสื้อผ้าที่สวมใส่หาสีเก่าไม่เจอ ด้วยตอนนี้เหลือเพียงสีกระด่างกระดำและขาดกะรุ่งกะริ่ง ใบหน้ามอมแมมรกครึ้มไปด้วยหนวดเครา จนเห็นเพียงแค่ลูกตาที่เลื่อนลอยและสติไม่อยู่กับตัว
“ดูแลกันยังไง ถึงได้ปล่อยให้ตาแก่สกปรกนี่เข้ามาในงานเราได้” อันเดซาอีหันไปต่อว่าเพื่อนด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด เขาไม่ได้รังเกียจคนที่ฐานะต้อยต่ำกว่าหรือขอทาน มิหนำซ้ำยังใจดีเลี้ยงอาหารอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้เป็นงานมงคล ที่เขาไม่อยากให้มีสิ่งไม่ดีมากล้ำกราย ยิ่งตาแก่ตรงหน้าคือ...
ซาอิดดี โอซามุ กัลป์วามุเอ!
อดีตพ่อค้าวานิชผู้เก่งฉกาจ ทั้งเล่ห์เหลี่ยมกลโกง สามารถพลิกแพลงเอาชนะคู่แข่งอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง แต่ความรุ่งโรจน์ก็จบลงเพียงแค่คืนเดียว คืนวิวาห์ที่กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ใครก็ยากจะลืมเลือนได้ เมื่อเจ้าสาวผู้งามสง่า ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความงามหาตัวจับยาก กลับกลายตัวเองเป็นฆาตกรเลือดเย็น ยืนมองทุกคนทรมานเพราะยาพิษอย่างคนไร้ความรู้สึก
เจ้าบ่าว! ต้องทนเห็นคนตายไปทีละคนโดยช่วยเหลือไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ถูกวางยา ทำให้ตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง ต้องทนดูคนที่เขาคิดว่ารักจนยอมตายแทนกันได้เปิดประตูรับโจรเข้ามาขนถ่ายลำเลียงข้าวของทุกชิ้นออกไปด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนเผาคฤหาสน์หลังงามจนมอดไหม้เป็นจุล
จากเคยเป็นหนึ่ง มีทุกอย่างพร้อมพรั่ง กลับต้องสิ้นเนื้อประดาตัวในคืนเดียว ซาอิดดี โอซามุ กัลป์วามุเอ รับกับสภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้ กลายเป็นชายไร้สติไปในทันควัน ไม่แค่นั้น อีกฝ่ายยังกลายเป็นตัวซวยที่นำพาโชคร้ายมาสู่ทุกคนที่พบเจอ จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้!
“ใครก็ได้รีบนำตัวชายคนนี้ออกจากงานเราเร็ว!” อันเดซาอีเอ่ยอย่างร้อนรน ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ผู้คนเล่าลือกัน ทว่าเมื่อซาอิดดี โอซามุ กัลป์วามุเอ เข้าไปที่ใด เพียงไม่นานที่นั่นก็จะมีเรื่องเลวร้ายจนมิอาจคาดคิดได้ อีกทั้งวันนี้คือวันดีของเขา ที่ไม่อยากให้มีสิ่งไม่ดีหรือที่หลายคนเชื่อในเรื่องของคำสาปมาทำให้ครอบครัวและทุกคนในงานต้องโชคร้าย!
“ใจเย็นๆ นะซีกัลป์ ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่หิวอยากมาหาอะไรทานน่ะ” ไอซาย่าปลอบใจทั้งเจ้าบ่าวและตัวเองเสียงสั่น
“เราจัดโต๊ะพร้อมอาหารไว้ให้ที่นอกรั้วแล้วนะไอย่า ไม่ได้ให้เข้ามาวุ่นวายในงานอย่างนี้” ถือเป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีต เมื่อมีการเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ ควรแบ่งปันแจกจ่ายความสุขและสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นด้วย ภายนอกของบ้านจึงได้มีการจัดตั้งโรงอาหารพร้อมด้วยอาหารแห้ง แจกจ่ายแก่เหล่าคนยากจนและเหล่าคนเร่ร่อน ถือคติ...ให้คนอื่นไปเท่าไหร่จะได้รับกลับคืนมาเป็นเท่าทวีคูณ
“คนที่ดูแลเรื่องแจกจ่ายอาหารคงเข้ามาอยู่ในงานกันหมดทุกคนแล้วนะ...ซีกัลป์ก็อย่าโกรธเคืองไปเลยนะคะ” เสียงใสราวกับระฆังแก้วแจ้วจำนรรจาพลางส่งยิ้มแหยๆ ให้กับชายผู้โชคร้าย
“ทางเราได้เตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้ให้เรียบร้อย ท่านไปรับที่โรงทานด้านหลังนะ” แม้สอดแทรกไปด้วยความกริ่งเกรงกลัวเรื่องราวที่เคยได้ยินมาบ้างแต่ไอซาย่าก็ยังยิ้มหวานได้
“ไม่ใช่ขอทาน พวกเจ้ารังแกข้า...ฮือๆ พวกเจ้าใจร้าย” โอซามุเอ่ยเสียงดังคล้ายท้องฟ้ายามมีพายุโหมกระหน่ำ ยกมือชี้หน้าคู่บ่าวสาวด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแค้นเคือง
“ดีใจกันนัก ระวัง! มีความสุขมากเกินไป เดี๋ยวถูกพรากไปแล้วจะรู้สึก!”
“โอซามุ!” อันเดซาอีตวาดดังก้อง วันมงคลทุกคนควรมีความสุข แต่กลับถูกก่อกวนจากชายไร้สติคนนี้!
“มีความสุขกันมาก ระวังโชคชะตาจะเล่นตลก ยามต้องทนทุกข์ทรมานจากการพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก...”
“เจ้าพูดอะไรโอซามุ! รีบไปก่อนที่เราจะทนไม่ไหว” งานมงคลของเขาแท้ๆ แต่ไอ้เจ้าขอทานไร้สตินี่เอาเรื่องอัปมงคลอยู่ได้
“เจ้าดุ...ข้ากลัว ฮือๆ” โอซามุทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิ พร้อมร้องไห้ฟูมฟาย น้ำตาไหลพราก
“เจ้าคนใจร้าย...ขอให้เจ็บปวด คนรักพลัดพราก ทุกข์ทรมานเพราะการรอคอยนางอันเป็นที่รักกลับคืน!” โอซามุรำพึงรำพันเสียงขาดเป็นห้วงๆ
“ใครก็ได้เอาเจ้าคนสติไม่เต็มนี่ออกไปจากงานเราที” อันเดซาอีตะโกนให้เพื่อนๆ ช่วยนำตัวซวยออกไปจากงาน ก่อนเขาจะทนไม่ไหวกระทืบจนกระอักเลือด ทว่าทุกคนต่างหยุดชะงักไม่ยอมทำตามคำสั่งเลย ให้น่าฉงนใจยิ่งนัก ทำไมคนไร้สติถึงยังได้มีพลังอำนาจแผ่มาให้ต้องขลาดกลัวเช่นนี้
“หัวใจเจ้าต้องแหลกสลาย แม้คนรักย้อนคืนกลับ แต่เจ้าก็กลัวที่จะรัก!” จากที่ร้องไห้คร่ำครวญ ใบหน้าโอซามุแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังถมึงทึง นัยน์ตาดุกร้าวกราดเกรี้ยวลุกโชนด้วยเปลวเพลิงไฟที่สาดแสง ราวกับมีสัตว์ร้ายสิงสู่ ส่งสำเนียงสูงต่ำสาปแช่งไป
“เจ้าต้องพ่ายแพ้...ไม่มีวันเอาชนะอุปสรรคได้” โอซามุชี้มือไปที่ซีกัลป์
“แม้ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันเจ้าก็เอาชนะไม่ได้ ความตายจะพรากเจ้าและนางจากกันตลอดกาล!” เสียงของโอซามุที่เปล่งออกมาคล้ายมีพายุตั้งเค้า ก่อนท้องฟ้าจะมืดมัวจนดำสนิท สายฝนโปรยปราย สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาเสียงดังสนั่นลั่น ก่อนทะเลทรายจะพิโรธ หอบเอาหมู่มวลทรายหมุนวนเป็นเกลียว ให้พระพายสาดซัดเข้าหาด้วยความรุนแรง
“ได้โปรดออกไปจากที่นี่ ก่อนซีกัลป์จะทนไม่ไหวทำร้ายท่าน” แม้เกรงกลัวคำสาปแช่งจะเป็นจริง แต่ไอซาย่าก็ยังเป็นคนใจดีและเอื้ออาทรต่อคนอื่น
กายอรชรทรุดลงยื่นมือสั่นไปหาชายสกปรกมอมแมมอย่างไม่นึกรังเกียจรังงอน ด้วยถือว่าคนเราไม่ต้องการให้เรื่องมันเลวร้าย แต่โชคชะตาต่างหากเป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินให้ ดังเช่นคนตรงหน้าที่คงต้องรับผลจากการกระทำ พานให้ตัวเองต้องมาพบกับเรื่องราวเลวร้ายแค่ก้าวเข้ามาในงานเค้าลางร้ายก็อบอวลจนทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็ถดถอยหนีแล้ว อย่างนี้จะให้เจ้าสาวแสนบริสุทธิ์ต้องยื่นมือไปสัมผัสกับเนื้อกายสกปรกแปดเปื้อน รับเอาความโชคร้ายมาถูกตัวได้อย่างไรกันไอซาย่าเงยหน้ามองใบหน้าเข้ม ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยด้วยวาจา แค่ยื่นมือสอดไปให้เขากระชับก็รับรู้ถึงหัวใจและความห่วงใย พร้อมความมั่นคงและมั่นใจ...ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น อันเดซาอีจะไม่มีวันทอดทิ้งให้เธอต้องเดียวอาย อกกว้างให้พักอิง แขนแกร่งจะโอบอุ้มมิให้โพยภัยมากล้ำกราย นับจากนี้จนตลอดไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังคงอยู่“ไม่...อย่ามายุ่งนะคนใจร้าย” เพราะกลัวถูกจับโยนออกไปจากงานอย่างที่เจ้าบ่าวหน้าหล่อแต่ใจร้ายพูด โอซามุจึงยกมือปัดป้อง“ไม่ไป! จะอยู่ที่ ที่นี่สนุกดี มีคนเยอะแยะไปหมด มีของกินอร่อยๆ ด้วย” ชายสติขาดหายหยุดร้องไห้ฟูมฟาย ดันตัวเองลุกขึ้นยืน สองมือเปื้อนดำยกขึ้นปาดน้ำต
“ไม่ต้องกลัวนะไอซาย่า ฉันจะไม่ให้ใครหน้าไหน ทำอะไรเธอได้แน่นอน” อันเดซาอีบอกกล่าวคนรัก มือหนาทาบทับบีบกระชับมือนุ่มนิ่มเย็นเฉียบอย่างต้องการปลอบประโลม ทั้งที่ตัวเขาเองไม่แน่ใจเลยสักนิด จะทำอย่างคำพูดได้หรือเปล่า ในเมื่อรอบกายตอนนี้มีแต่ขุนโจรร้ายอยู่รายรอบพร้อมอาวุธครบมือ ขณะที่เขาไม่มีอะไรเลย“ฮ่าฮ่า แกนี่มันไม่ดูน้ำหน้าตัวเองเลยนะไอ้หนูน้อย ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ยังไปห่วงคนอื่นอีก” ขุนโจรร้ายหัวเราะเสียงดังลั่น หันไปมองลูกน้องที่ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ขาดตกบกพร่อง เหลือเพียงแค่เขา...“ฉันว่าแกไปซุกอกกินนมแม่ดีกว่าไอ้หนูน้อย ส่วนแม่สาวน้อยแสนสวยนี่...เธอเป็นของฉันว่ะ”“กรี๊ด!!” ไอซาย่าหวีดร้องเสียงหลง เพียงแค่พริบตานิดเดียวเท่านั้น กำแพงหนาที่ใช้เป็นเกราะกำบังกายอันตรธานลอยไปล้มคลุกฝุ่น มุมปากด้านหนึ่งปริแตกมีเลือดไหลซึมออกมา ในขณะที่ตัวเธอก็ลอยละลิ่วไปนั่งอยู่บนอาชาตัวใหญ่ มีแขนกำยำราวกับเหล็กกล้ารัดรอบลำตัว สองมือถูกจับมัดเอาไว้ด้วยมือหยาบเพียงข้างเดียว ด้วยอีกข้างนั้นถือปืนเล็งใส่อันเดซาอี!“ไม่! ปล่อยฉันนะ! ซีกัลป์ช่วยด้วย!” ไอซาย่าหวีดร้องเสียงดังลั่น พร้อมพยายามไขว่คว้าหาคนรักให้
ดึกสงัดราตรีมืดมิดไร้แสงจากดวงจันทรา มีเพียงดวงดาราส่องกะพริบให้แก่เหล่านักเดินทางยามค่ำคืนเฉกเช่นทุกค่ำคืน ถึงเวลาที่เขาต้องเดินทางตามล่าควานหาจอมโจรผู้พรากดวงใจไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ยากจะพบเจอได้โดยง่าย แต่อันเดซาอีก็ไม่เคยทำให้ย่อท้อ วันเวลาไม่ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลบเลือนไปจากใจ แต่กลับตอกย้ำให้มุ่งมั่นมากกว่าเดิมหลายเท่านัก ถ้าไม่ได้เห็นเจ้าหัวหน้าโจรใจบาปนั่นตายต่อหน้าต่อตาด้วยสองมือนี้...เขาไม่มีวันหายแค้น!อันเดซาอีหมุนตัวเดินกลับไปยังตู้ผ้า แสงจากไฟห้องน้ำที่เปิดอยู่สะท้อนกระจก ทำให้เห็นเงาร่างหนาแกร่งกำยำ ไหล่กว้างอกผึ่งผาย ซึ่งมีรอยตำหนิเป็นจุดเล็กๆ ที่ตอกย้ำมิให้เขาลืมเหตุการณ์ร้าย กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน นัยน์ตาเข้มจัดเป็นประกายแข็งกร้าวและดุ ราวกับเหยี่ยวร้ายแห่งท้องทะเลทรายเวลาผ่านพ้นนานเกือบยี่สิบปีที่จะครบรอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ใจเขากลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง วันที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่าง...จากที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บ จะเร่งรุดไปตามหาและช่วยเหลือเธอจากเงื้อมมือโจรร้าย แต่ใครจะคิดเล่า เขาบาดเจ็บเจียนตาย ต้อ
“ช่วยด้วยซีกัลป์ ช่วยแม่ด้วย!”อันเดซาอีกดสวิตช์ไฟข้างประตูเปิดให้ห้องสว่างขึ้น แล้วรีบเดินไปทรุดนั่งใกล้ตัวมารดา เพียงแค่แตะที่ร่างเล็กแกร็นซึ่งนอนกระสับกระส่ายบิดกายไปมา สองมือไขว่คว้าสลับป่ายปัดผลักไสและหวีดร้องเสียงหลงด้วยความกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว“แม่...แม่ครับ ผมเอง...ซีกัลป์”“ซีกัลป์!” คนถูกน้ำเสียงคุ้นเคยเรียกลืมตาตื่นทันควัน พร้อมร่างเล็กผอมแกร็นสั่นเทาราวกับนกน้อยพลัดตกลงไปในคุ้งน้ำเย็นจัด ผวาขึ้นจากเตียงกอดผู้เป็นลูกชาย“เจ้าพวกนั้น...คนพวกนั้นมากันอีกแล้ว มันจะมาทำร้ายเรา...ทำร้ายแม่ ช่วยด้วยซีกัลป์ แม่กลัว!”นางโซไรยาซุกกายสั่นงันงกแทบจะจมหายไปในอ้อมกอดของบุตรชาย ใบหน้าขาวซีด น้ำตาไหลอาบแก้ม แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่สำหรับนาง ความสูญเสียและเจ็บปวดฝังสนิทแนบอยู่ในใจไม่เคยจางหายไป มันเกาะกินหัวใจให้ค่อยๆ ตายซากลงไปทุกวันอย่างเชื่องช้าที่สุดเคยคิดหลายครั้งว่านางควรจะตายตามผู้เป็นสามีไป จะได้ไม่เป็นภาระให้อันเดซาอีต้องคอยดูแล จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว ทว่า...ความหวังที่ยังคงเหลืออยู่ ที่จะได้เห็นหน้าหลานชายที่หายสาบสูญไปและการได้เห็นลูกชายคนเดียวที่แปรเปลี
“ถ้าแม่สามารถหาคนคนนั้นได้ล่ะ ลูกจะยอมทำตามความต้องการของแม่ไหม” นางไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่คราวนั้นผ่านไปโดยบังเอิญ ถึงได้ล่วงรู้บางอย่างที่สามารถนำมาใช้ในคราวนี้ได้อันเดซาอีขบคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ คงถึงเวลาที่เขาต้องยอมทำตามคำขอร้องของมารดาเสียที “ถ้ามีคนยอม...ผมยังไงก็ได้ แต่...” ข้อแม้มีมากมาย จะมีใครยอมทนอยู่กับคนมากเรื่อง เย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างเขาได้ล่ะ ถึงแม้เวลาร่วมหอหลับนอนจะไม่นานก็ตาม “แม่คงไม่ลืม ผมเคยบอกอะไรไว้”“แค่ลูกยอมทำตามคำขอ แค่นั้นก็ดีแล้ว” เพราะความเป็นมารดาของอันเดซาอี จึงทำให้นางสามารถล่วงรู้ในสิ่งที่บุตรชายต้องการและทำมันได้ด้วยอยากถาม แม่รู้ได้ยังไง ผู้หญิงที่เลือกมาเป็น...แม่พันธุ์ ไม่เป็นหมันและการมีอะไรด้วยเพียงไม่นาน จะตั้งครรภ์ได้ สามปี...สองคน!อันเดซาอียิ้มเย้ยหยัน ผู้หญิงที่มารดาหามาคงไม่แคล้วหลงในทรัพย์สินเงินทองและความสบายของเขา จึงได้ยอมพลีกายขายเรือนร่างและยอมจากไปเมื่อครบกำหนดเวลาสัญญา โดยใจดำทิ้งลูกในอุทรได้อย่างไร้เมตตาและสำนึกของความเป็น...มารดา!“ผมไปตามฮารินะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ แล้วจะไปเลย” ไม่รอให้มารดาห้าม อันเดซาอีรีบเดิน
“ช่วยบอกหนูทีเถอะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องให้หนูไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย” คนเป็นบุตรสาวมองบุพการีทั้งคู่ด้วยหวังได้ยินคำชี้แจง ทว่ากลับได้รับเพียงความเงียบงันที่ทำให้ใจเริ่มเสียหนักขึ้น“อย่าเงียบกันอย่างนี้สิคะ บอกหนูมาหน่อย มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเรา...คะ”การเป็นลูกที่ดี แม้ไม่ได้เรื่องในหลายๆ ด้าน ทว่าเธอไม่เคยขึ้นเสียงกับบุพการีและญาติผู้ใหญ่เลยสักครั้ง แต่คราวนี้...เธอกลับอดรนทนไม่ได้ เผลอขึ้นเสียงด้วยความโกรธระคนอัดอั้นตันใจออกไป“ไม่มี ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ต้องการให้แกได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ มีเงินมีทองและความรับผิดชอบ เป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลแกได้ไปตลอดชีวิต ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายที่โตจนเป็นควายแล้ว แต่ยังต้องแบมือขอเงินแม่อยู่อย่างไอ้เจ้านั่นละกัน!” คนเป็นพ่อกัดฟันพูดเสียงแข็ง รีบลุกขึ้นยืนโดยพ่วงเอาเมียสุดที่รักไปด้วย ก่อนน้ำตาของอติกานต์จะทำให้เปลี่ยนใจ ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ตกลงไว้ล้มครืนลงมา“เดี๋ยวสิคะพ่อ ถ้าไม่บอกความจริงมา หนูจะไม่ยอมทำตาม...คำสั่งอย่างไม่มีเหตุผลของพ่อกับแม่นะ” อติกานต์ตะโกนตามหลังไปด้วยหวังว่าท่านทั้งสองจะยอมบอกความจริง ด้วยเชื่อว่าทุก
แต่ถึงเห็นอย่างนั้น สาวน้อยหน้าใสแก้มป่อง นัยน์ตากลมโตบ้องแบ๊วก็ไม่สนใจ รีบสาวเท้าวิ่งไปด้านหน้า แล้วอ้าแขนดักไว้ด้วยหัวใจแกว่งๆ เกรงใจระคนสั่นเล็กน้อยจากมาดนิ่งๆ จนเป็นเย็นชาของอีกฝ่าย พานให้นึกไปถึงเจ้าหญิงหิมะ ที่เห็นแล้ว...หนาวต้นคอชะมัด!“เธอนี่นะ...จะทำเย็นชาไปถึงไหนฮึ! ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจก็บอกกันสิ ไม่พูดอย่างนี้ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะว่าเธอคิดอะไรอยู่” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้างอง้ำ น้ำเสียงหวานใสและรอยยิ้มประจบประแจงราวกับว่าสนิทสนมกันมาแสนนานคนที่จมอยู่ในโลกส่วนตัว เดินทางออกจากบ้านมาด้วยอาการของคนที่หัวใจถูกบีบคั้นเคืองแค้น จนอึดอัดไม่อยากจะหายใจ มาเพียงแค่กาย ทิ้งวิญญาณเอาไว้ที่บ้านหยุดชะงัก ตวัดสายตาเข้มดุด้วยเกรี้ยวกราด กลีบปากอิ่มนุ่มซีดเผือดขบกัดเม้มอย่างพยายามระงับสติอารมณ์โทสะที่กรุ่นขึ้นใส่แม่สาวไม่รู้จักมารยาท ลามปามคนไม่รู้จัก ก่อนสาวเท้าเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่แม่คนเสียมารยาก็ยังเดินตามมาและสอดมือเข้าคล้องแขน ตีซี้ทำสนิทสนมด้วยอีกคนร่างเพรียวบางหยุดเดิน ใบหน้าที่เชิดขึ้นสูงจนคอแข็งสะบัดขวับมอง...เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากสนทนาด้วย ทว่าแม่สาวร่า
“แล้วอย่าคิดนะ ที่ช่วยบอก ฉันจะขอบใจ เธออยากยุ่งวุ่นวายเอง” เธอพยายามปลีกตัวเดินไปอย่างเร็วแล้ว ทว่าแม่เด็กตัวยุ่งก็ยังคงก้าวเดินตามมาจนทัน แล้วยังชวนพูดคุยอย่างสนิทสนมอีก“ฉันก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วนี่นา” สาวน้อยหน้าใสตอบกลับอย่างไม่คิดสนใจ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอวบอิ่มฉีกยิ้ม “เอาน่า...ยังไงเราก็มาจากบ้านเดียวกัน มีเพื่อนไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือไง...ฉันชื่อขอขวัญ เรียกสั้นๆ ว่าขวัญก็ได้นะ แล้วคุณ...ชื่ออะไร”“อติกานต์...เอแคลร์” อติกานต์ตอบกลับอย่างเสียไม่ได้“ว้าว...พ่อแม่ช่างตั้งชื่อจริงๆ ไม่แค่หน้าตาที่สวยอย่างกับนางฟ้า ชื่อยังน่ากินอีก” ขอขวัญทำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี ยิ้มกว้างจนนัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ จนคนที่ถูกเอ่ยชมถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยที่มาพร้อมกับความอิจฉา ไหนจะความสงสัย..จะมีอะไรที่ทำให้สาวน้อยหน้าใสทุกข์ได้บ้างหรือเปล่า?“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเอแคลร์” ขอขวัญฉีกยิ้มกว้างพลางยื่นมือไปหมายจับด้วย แต่อีกฝ่ายกลับปัดออกและสาวเท้าเดินหน้าไปด้วยมาดนางพญา ซึ่งไม่ไกลมีรถคันใหญ่จอดพร้อมเปิดประตูไว้คล้ายกำลังรอคอยรับใครบางคนอยู่ หวังว่าคนนั้นคงไม่ใช่คุณขนมหวานหรอกนะขอขวัญแ
“ว้าย! ทำอะไรนะคะคุณซีกัลป์” แขนกลมกลึงรีบยกขึ้นโอบรัดรอบแผงคอแกร่ง เมื่ออยู่ดีๆ อันเดซาอีก็ช้อนร่างเธอมานอนราบบนเตียงนอนผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม “ปล่อยฉันก่อน...นะคะ” ขอขวัญยกสองมือยันแผงอกกว้าง กลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเจอกับสายตาร้อนแรงแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด “ไอย่าค่อนข้างจะขี้อาย แค่ถูกฉันจับมือนิดหน่อยก็อายจนหน้าแดงปลั่งแล้ว ผิดกับเธอที่...” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม“เหมือนจะอ่อนหวาน อ่อนโยน แต่เอาเข้าจริงก็ร้อนแรงประหนึ่งน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ”อยากจะบอกว่า...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็ได้ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย อีกอย่างให้เวลานับจากนี้พิสูจน์คำพูดของเขา ทว่าเพียงใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงมา สัมผัสแผ่วเบาที่แนบหน้าผากกว้าง ไต่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกลีบปากอิ่มนุ่ม ค่อย ๆ บดคลึงลงไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน“ฉันอยากให้ทั้งตัวเองและเธอมั่นใจ คนที่อยู่ด้วยคือแม่ของขวัญที่เดินทางมากับนกเหล็ก มาเพื่อให้ฉันแกะกล่องด้วยความเสน่หา ที่ฉันจะบอกทุก ๆ วัน ย้ำให้เธอแน่ใจในทุก ๆ สัมผัส”ปากหนาเม้มกัดสลับบดคลึง พลางสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกระหวัดกวาดไล้ดื่มด่ำ
ทั้งที่อยากจะถามตรงๆ ทว่าเห็นดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อก็ทำให้เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน อีกทั้งถึงจะใช่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่างภพต่างความทรงจำ ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้ว ย่อมที่จะไม่ใช่คนเดียวกัน!ขอขวัญพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันพอจะจำเรื่องราวที่คุณเจอกับคุณไอซาย่าในตลาดได้ สาวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ช่วงเวลาที่คุณสองคนอยู่ด้วยกัน รอบกายอบอวนไปด้วยความรักและความสุข แม้กระทั่งวันที่คุณบอกรัก”เจ็บแปลบในทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา เหมือนกับหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นๆ “และ...ขอแต่งงาน” เสียงของเขายังดังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธอ เสมือนจะตอกย้ำความรักของอันเดซาอีและไอซาย่าให้เธอถึงระลึกเอาไว้ อย่าริอ่านทำตัวเป็นมารสอดแทรกกึ่งกลาง“แต่ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวของอดีต การข้ามภพข้ามชาติมาจุติใหม่ ฉันจะใช่คุณไอซาย่ากลับมาเกิด เพื่อจะชดเชยวันเวลาที่คนซึ่งรักกันถูกพรากให้ห่างกัน ได้รักและให้คุณรักหรือเปล่า” แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตัวเธอเองและไอซายาต่างก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน! ทำให้อันเดซาอีมีความสุขที่สุด ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตราบนานเท่านาน แม้เธอจะต้องเจ็บปวดก็ยอมจะให้เขาคิดอ
“ว่าแต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ” ปลายนิ้วยาวลากไล้บนพวงแก้มนุ่มซับสีเลือดฝาดอย่างอ่อนโยน “เธอจะยอมบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง มีเหตุผลกลใดที่ชักนำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่...ขอขวัญ”ชายหนุ่มจับคางมนให้แหงนขึ้น ปลายนิ้วยาวลูบไล้บนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา “มาเป็นของขวัญให้กับผู้ชายที่จมอยู่กับห้วงแห่งความทุกข์ใจ โหยหาใครสักคนมาเติมความรู้สึกที่ขาดหาย พร้อมอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พอจะให้เอ่ยปากบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องมาที่นี่ ที่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหล ฝันก็คือฝันมิอาจนำมาพิสูจน์ความจริงและอ้างเป็นหลักฐาน ทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ด้วย“ทำไมล่ะ หรือเธอยังไม่ไว้ใจฉัน”ขอขวัญผ่อนลมหายใจออกจากปอด คิดว่าอันเดซาอีคงจะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ยังคงมียามถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว หรือไม่ก็ออกมาทางความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อไหลอาบแก้ม“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ฉัน...ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคุณยังไงดี” ขอขวัญเอ่ยด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พานพบมา ถึงตอนนี้เธอสับสนด้วยแยกไม่ค่อยออก สิ่
ขอขวัญทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะตวัดค้อนใส่พ่อจอมวางแผนวงโต ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เพื่อนมีความความสุขด้วยละก็นะ...เธอจะภาวนาให้อติกานต์ใจแข็ง ไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ“อ้าว...ไหนว่าสงสาร อยากให้เอแคลร์มีความสุขไง ทำไมถึงได้หน้าตายุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ”“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เล่นมาหลอกลวงกันอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน คนเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องตอนคุณเอแคลร์เอ่ยทัก แถมยังจะปฏิเสธหน้าตายอีก”“ฮัลด์ก็มีเหตุผลในส่วนของเขาที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งเราสองคนที่คนนอกไม่ล่วงรู้ แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เราก็ควรที่จะอวยพรให้ชีวิตคู่ของเขาสองคนมีความสุขตลอดไป...ใช่ไหม”ขอขวัญพยักหน้ารับ เอนกายอรชรแนบชิดอกกว้าง “ใช่ค่ะ...ทุกคนมีความสุขกันแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวยามคิดถึงเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกายกับหนทางที่เขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว ฮารินะเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ แม้รู้ว่าอันตรายก็ไม่หวาดหวั่น เข้าต่อกรกับโจรร้ายจนตัวเองแพ้พ่าย แต่ก็มีความสุข เมื่อได้กลับไปซบอกอุ่นท่องเที่ยวไปทั่วพื้นทรายที่รัก แม่โซไรยากับโอซามุที่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันอติกา
“บ้า! ใครรักคุณกันล่ะยะ เปล่าสักหน่อย”“อืม...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลยนี่นา อย่างนี้คงต้องขอเบิ้นอีกสักรอบ เอ๊ะ...หลายรอบๆ ดีกว่า จะได้มั่นใจไอ้ที่ได้ยินเมียจ๋าบอกเมื่อกี้มันแว่วๆ สงสัยจะหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ”“ไม่! ฉันบอกแล้ว...บอกแล้ว” อติกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน มือหนึ่งยกขึ้นดันใบหน้าคร้ามแกร่งที่ก้มลงมาหา อีกมือก็รีบตะครุบมือหนาที่โอบอุ้มทรวงอกกลมกลึง ค่อยๆ นวดคลึงทำให้เธอวาบหวามเสียวซ่าน ลมหายใจเริ่มจะขาดเป็นห้วงๆ“ถ้าไม่รัก ฉันคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นหรอก” ดวงตากลมโตหลุบมองลอนกล้ามเนื้อบึกบึน พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะกายแกร่งที่แนบชิด“ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง หัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกรุณาปรานีผู้หญิงคนนี้ที่เผลอรักคุณไป ทั้งก่อนหน้านั้นคุณเป็นจอมโจรร้ายอยู่เลย อุ๊ย!” อติกานต์หลุดเสียงอุทานออกมา เมื่อกายสาวอันตรธานลอยไปพำนักบนลำตัวแข็งแกร่ง ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงปลั่งจรดลำคอระหง ยามนิ้วยาวลูบไล้นวดคลึงแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ“คุณ...ฮัลด์ หยุดก่อนสิคะ” อติกานต์เว้าวอนขอเสียงแหบพร่า เมื่อปทุมถันกลมก
“อือ...” อติกานต์ร้องประท้วงเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาครอบครองทรวงอกอิ่มและนวดเฟ้นอย่างหนักหน่วงจะว่าไปเขาเคยเพียงแค่สัมผัสไม่เคยยลบัวตูมเต่งตึงของอติกานต์ชัดๆ สักครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบถอนจูบและลากริมฝีปากไต่ลงไปตามแนวคาง ขบเม้มลำคอขาวผ่องแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปหาทรวงอกกลมกลึงที่ไหวกระเพื่อม ที่เพียงแค่ได้เห็น...มิคาอิลก็หลุดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับความกระหายราวกับเลือดในกายเดือดพล่านสองมือหนาสอดช้อนปทุมถันกลมกลึงขึ้นมา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่มๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งเปื้อนยิ้ม ดวงตาเข้มเปล่งประกายด้วยปรารถนาขณะเหลือบขึ้นมองสบกับดวงตากลมโต“ฉันคิดไว้ไม่ผิด ไม่แค่นุ่มแต่ยัง...”เนื้อตัวอติกานต์สั่นสะท้าน วาบหวามเสียวซ่านจนเผลอหลุดเสียงร้องครางออกมา เมื่อมือหนานวดเคล้นสลับปลายนิ้วยาวลากไล้บนปลายยอดถันหดเกร็ง ปากอุ่นยังจะเลาะเล็มไปทั่วก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างเย็นใจ เพียงปลายลิ้นร้อนตวัดไล้วนไปทั่วป้านบัวสีหวานและขบเม้มดึงเข้าสู่อุ้งปาก เธอก็เปล่งเสียงหวานพร่าด้วยวาบหวามจนท้องไส้ปั่นป่วน สองขาเรียวยาวสั่นระริก ปลายเล็บมนจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง พลางเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปพัวพันกับเส้นผมหนา
“จะโกรธกันลงจริงๆ หรือเอแคลร์ ฉันรักเธอจริงๆ นะ ที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะรัก เพราะอยากจะรู้ความจริงในใจของเธอนั่นแหละ คนอะไรไม่รู้ ทำเป็นเย็นชาเฉยเมยเสียจริงๆ จนฉันอดสงสัยไม่ได้ ว่าไอ้เสน่ห์ที่มีนี่ใช้กับเธอไม่ได้เลยหรือไง”“ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วไง ฉันรักโมฮาหมัด ไม่เคยรักคุณ หรือถึงฉันจะเคย...รัก! แต่เล่นมาหลอกลวงกัน เห็นเป็นตัวตลกอย่างนี้ ฉันก็เลิกรักได้เหมือนกัน”มิคาอิลยิ้มกว้าง “สายไปเสียแล้วล่ะจ้ะเมียจ๋า ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเมียทั้งรักและห่วงแค่ไหน เรื่องอะไรจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ น่า...นะ รับรักฉันนะจ๊ะ...ที่รักจ๋า”“ไม่!” เรื่องอะไรจะยอมรับรักและให้อภัยกันง่ายๆ ล่ะ กลั่นแกล้งทำให้เธออารมณ์เสียตั้งมากมาย หากำไรทำให้เธอหวั่นไหวไปตั้งเยอะ มันต้องเอาคืนหนักๆ หน่อยสิ“อีกอย่าง...ฉันแต่งงานกับโมฮาหมัดนะ ไม่ได้แต่งกับมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ สักหน่อย ยังถือว่าไม่ได้เป็นภรรยาของคุณนะคะคุณมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์” อติกานต์พูดกลั้วหัวเราะลงคอบ้าง ดวงตากลมโตกลอกไปมา ใบหน้านวลผ่องแย้มยิ้มรื่นเริง“ถอยออกไปได้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ นะ ทับลงมาได้ หนักจะตาย อ้อ...ถ้ารักกันจริง ก็ต้องรอกันได้ ใช่ไหมล่ะ” สองมือเล
คิดตามคำพูดที่ฟังดูแปลกๆ ของมิคาอิลแล้วอติกานต์อดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้ “คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่คุณมิคาอิล ช่วยพูดตรงๆ ดีกว่า เพราะฉันตามไม่ทัน”“หลายปีมาแล้วที่บ้านหลังนี้เกิดโศกนาศกรรมขึ้น ผู้คนมากมายที่มาร่วมงาน ถ้าไม่ล้มตายก็ถูกทำร้าย ไม่เว้นแม้กระทั่งน้าซีกัลป์ที่เจ็บหนักมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คนรักก็ถูกโจรร้ายแย่งเอาตัวไป ระหว่างเดินทางกลับชุมโจรก็ได้เจอกับหนูน้อยมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ ซึ่งบาดเจ็บที่ศีรษะเดินโซซัดโซเซอยู่เลยช่วยเหลือเอาไว้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพวกโจรนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายซ้ำอีก พี่ไอซาย่าเลยบอกว่าฉันเป็นญาติห่างๆ จำได้ลางๆ ว่าตอนถูกถามชื่อ เหมือนฉันจะหลุดปากเรียกชื่อพ่อออกไป ทุกคนเลยเรียกฉัน...โมฮาหมัด!”อติกานต์ถึงกับอ้าปากค้าง หมอกที่ปกคลุมใจอยู่ถูกไขจนกระจ่างแจ้งในบัดดล ความเชื่อของเธอไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะอย่างนี้เธอถึงได้สะดุด จากใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ละม้ายเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวกัน มาถึงท่วงท่าการเดินเหิน น้ำเสียงยามพูดคุยและหัวเราะ ดวงตาเข้มเปล่งประกายพร่างพราวระยับที่ซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่มิด“คุณ...อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ เ
“โดยเฉพาะกับการหาเรื่องเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงใช่ไหมล่ะ” อติกานต์ย่นจมูกใส่คนหน้าเป็นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ในเมื่อทำทุกทาง...หยิกข่วนและตีจนเจ็บมือแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจสักนิด ยังจะจับมือนุ่มนิ่มมาจับและบีบกระชับสลับนวดคลึงหลังมือนุ่มนิ่มทำให้เธอใจสั่นไหวระรัว“ตอนนี้ฉันไม่หนีแล้วไง ปล่อยได้แล้ว กอดรัดมาได้ กระดูกกระเดี้ยวจะหักแล้ว รู้บ้างไหม”เห็นท่าทางกระเง้ากระงอดตวัดค้อนขวับๆ ของหญิงสาวแล้วเขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปจรดจมูกโด่งลงไปบนแก้มนุ่มแรงๆ ไปสองสามครั้ง กำลังขยับไถลไปหวังจะจูบปากอิ่มนุ่มช่างจำนรรจาอติกานต์เผอิญรู้เท่าทันเสียก่อน จึงเบี่ยงหน้าหนีและหยิบเอาหนังหนาขึ้นมาบิดเต็มแรง จนเขาต้องยอมแพ้ แต่ก็ทำเสียงฮ่ำๆ ฮึ่มๆ อย่างต้องการจะบอกเธอว่า...‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงเวลาเอาคืนเมื่อไหร่ จะคิดดอกทบต้นชนิดไม่ให้ขาดสักนิดเดียวเชียว’“ไม่ต้องมาทำตาวาวใส่ฉันเลยนะตาบ้า ถ้ามาเพื่อรังแกกันแบบนี้ก็ออกจากห้องฉันไปเลยนะ ฉันเหนื่อยใจกับคุณจริงๆ มือไม้นี่ให้มันอยู่นิ่งบ้างได้ไหมฮึ!”มิคาอิลยิ้มกว้าง “ถ้าไม่รังแกก็อยู่ได้ใช่ไหมล่ะ” เอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ดวงตาพร่างพราวระยับ อติกานต์กลอกตาไปมาด้วย