กายอรชรทรุดลงยื่นมือสั่นไปหาชายสกปรกมอมแมมอย่างไม่นึกรังเกียจรังงอน ด้วยถือว่าคนเราไม่ต้องการให้เรื่องมันเลวร้าย แต่โชคชะตาต่างหากเป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินให้ ดังเช่นคนตรงหน้าที่คงต้องรับผลจากการกระทำ พานให้ตัวเองต้องมาพบกับเรื่องราวเลวร้าย
แค่ก้าวเข้ามาในงานเค้าลางร้ายก็อบอวลจนทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็ถดถอยหนีแล้ว อย่างนี้จะให้เจ้าสาวแสนบริสุทธิ์ต้องยื่นมือไปสัมผัสกับเนื้อกายสกปรกแปดเปื้อน รับเอาความโชคร้ายมาถูกตัวได้อย่างไรกัน
ไอซาย่าเงยหน้ามองใบหน้าเข้ม ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยด้วยวาจา แค่ยื่นมือสอดไปให้เขากระชับก็รับรู้ถึงหัวใจและความห่วงใย พร้อมความมั่นคงและมั่นใจ...ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น อันเดซาอีจะไม่มีวันทอดทิ้งให้เธอต้องเดียวอาย อกกว้างให้พักอิง แขนแกร่งจะโอบอุ้มมิให้โพยภัยมากล้ำกราย นับจากนี้จนตลอดไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังคงอยู่
“ไม่...อย่ามายุ่งนะคนใจร้าย” เพราะกลัวถูกจับโยนออกไปจากงานอย่างที่เจ้าบ่าวหน้าหล่อแต่ใจร้ายพูด โอซามุจึงยกมือปัดป้อง
“ไม่ไป! จะอยู่ที่ ที่นี่สนุกดี มีคนเยอะแยะไปหมด มีของกินอร่อยๆ ด้วย” ชายสติขาดหายหยุดร้องไห้ฟูมฟาย ดันตัวเองลุกขึ้นยืน สองมือเปื้อนดำยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า สองเท้าสลัดทรายบนเรือนกายมุ่งตรงไปหาอาหาร
เห็นแล้ว คงไม่มีใครกล้านำชายขาดสติคนนี้ออกไปจากงาน...เขาคงต้องจัดการเอง แต่ไม่ทันที่อันเดซาอีจะได้ทำอย่างใจ ก็เกิดเหตุโกลาหล พายุโหมกระหน่ำสัดเอาทรายปลิวมาราวกับห่าฝน บ่งบอกถึงเหตุภัยร้ายที่มาเยือน
ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวกลับมืดมิดไปด้วยเหยี่ยวทะเลทรายที่โผผินบินว่อน บ้างโฉบลงมาจิกกินอาหารบนโต๊ะ บางตัวเกาะอยู่บนพุ่มไม้และทั่วทุกหนแห่งของงาน เพียงเสี้ยววินาทีอาชานับสิบก็กรูเข้ามาจนฝุ่นตลบและเสียงปืน!
“ข้าฮิบรานขุนโจรแห่งภูเขาเฮดามาแล้ว ใครไม่กลัวตายก็ดาหน้าเข้ามา ส่วนใครที่กลัวตายก็รีบปลดทรัพย์สินมีค่าโยนมากองไว้ตรงหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
ผู้เป็นหัวหน้านั่งอยู่บนอาชาตัวดำใหญ่คำรามน้ำเสียงดุดัน พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่เป็นระยะ ทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานหวีดร้องเสียงหลง รีบทำตามคำสั่งอย่างเร่งรีบลนลาน แต่ยังมีบุคคลผู้หนึ่งที่แม้ขุนโจรใหญ่สาดสายตาดุกร้าวตวัดมองไปยังหนุ่มน้อยหน้าตาเข้มขึง ท่าทางองอาจผึ่งผาย ไม่มีท่าทางกริ่งเกรงกลัวแม้แต่น้อย สร้างความขุ่นเคืองใจแก่ฮิบรานจนเป็นเดือดดาล กราดยิงกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศพร้อมเสียงหัวเราะที่ผสมผสานราวกับปีศาจผุดขึ้นมาจากขุมนรกก็ไม่ปาน
ผู้คนที่มาร่วมงานต่างตกใจกรีดร้องเสียงหลง วิ่งหลบห่ากระสุนที่สาดมาอย่างโกลาหล คนไหนหนีไม่ทันก็ล้มคลุกพื้น ไม่ตายก็บาดเจ็บ ส่งเสียงร้องโอดโอยสร้างความเวทนาให้กับคนที่ได้เห็น ไม่ต่างจากอันเดซาอีซึ่งรีบจับแขนเจ้าสาวพาวิ่งลัดเลาะไปเพื่อหลบภัย อีกทั้งคิดไปนำเอาอาวุธมาต่อสู้กับโจรร้าย เพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ ในครอบครัวที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ให้รอดพ้นภัย ทว่าเขาก็ไปได้เพียงแค่เล็กน้อย โจรร้ายที่หาญกล้าบุกมาปล้นฆ่าผู้คนทั้งที่อยู่ในช่วงเวลากลางวันก็เหยาะย่างอาชาใหญ่มาดักไว้เบื้องหน้าเสียก่อน
“จะไปไหนเล่าไอ้หนุ่ม ข้ามาตามคำเชิญของเจ้าแล้วอย่างไร มารับอาหารแห้ง เงินทองแล้วก็...” สายตาราวกับสุนัขจิ้งจอกไปหยุดที่สาวน้อยร่างเล็กบอบบางซึ่งขลาดกลัวจนตัวสั่น ขยับไปจนกายเล็กถูกกายใหญ่บดบังจนมิด
ขุนโจรร้ายยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจกับรูปร่างของสาวงามผู้เลอโฉม ความงามของบุตรสาวพ่อค้าวานิชลือเลื่องขจรกระจายไปไกล จนเหล่าขุนโจรผู้เป็นลูกน้องต่างก็ยุให้เขานั้นมาฉุดคร่าไปทำเมียเสียหลายครั้ง แต่ตอนนั้นเขาคิดว่านางยังเด็ก แล้วเขาไม่ชอบเด็กที่จะต้องคอยเอาอกเอาใจ ยามทำอะไรไม่ถูกใจคุณเธอทั้งหลายด้วย
“อีกไม่นานโว้ย ข้าจะไปพาผู้หญิงคนนั้นมาทำให้พวกเอ็งอิจฉาเล่น ฮ่าฮ่า...” เมื่อเมรัยเข้าปากก็เกิดความคึกคะนอง คำพูดคำจาจึงเต็มไปด้วยความฮึกเหิม แต่ไม่เคยคิดจริงจัง ด้วยรอบกายเขามีสาวงามคอยคลอเคลียเอาอกเอาใจให้ความสำราญอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นในวันนี้...
ม่านผ้าสีขาวผืนบางฉลุลายดอกไม้สีชมพูอ่อนจาง ที่มิอาจปกปิดใบหน้างามผุดผ่องแรกแย้มราวดอกไม้แรกผลิได้ นัยน์ตากลมโตฉายแววหวาดหวั่นหวาดกลัวแต่มีชีวิตชีวา ทำเอาหัวใจจอมโจรร้ายถึงกับสะดุด อยากยื่นมือไปสัมผัสโอบอุ้มเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นบอบบางที่ต้องการคนเข้มแข็งและแกร่งกล้าเช่นคนอาจหาญอย่างเขาปกป้องคุ้มครอง เสียดายสุดใจขาดดิ้นที่ไม่เชื่อคำยุของเหล่าสมุนโจรผู้อหังการ เร่งรุดไปจับเอาเธอมาทำเมีย! เสียตั้งนานแล้ว แต่...
ถึงจะมาเจอในวันนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนี่นา ในเมื่อนางผู้งามสง่า คู่ควรกับเขา...ฮิบราน ผู้เป็นหนึ่งแห่งขุนเขาเฮดา เหมาะที่จะเป็นแม่หญิงผู้ให้กำเนิดบุตรชายผู้ที่สืบทอดและปกคลุมกองโจรสืบนับเนื่องต่อไปเสียจริง! หญิงสาวที่แสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้นึกถึงดอกไม้ตูมเต่งที่จะผลิบานในอุ้งมือ ยามถูกโลมเล้าอย่างสนิทด้วยเพลิงเสน่หาเร่าร้อน
“มารับ...เมีย!”
ไอซาย่าถึงกับสะดุ้งหน้าซีดเผือด แค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ก็ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นอยู่แล้ว นี่ยังมีชายท่าทางน่ากลัวนั่งตระหง่านราวกับภูผาหินบนอาชาตัวใหญ่และเสียงเข้มดุกระโชกโฮกฮากดังสอดแทรกเข้ามาในโสตประสาท ยังจะสายตาโลมเลียไปทั่วร่างอีก หัวใจที่เต้นรัวระทึกด้วยความขลาดกลัวร่วงหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้า อากาศรอบกายร้อนราวกับถูกเผาไหม้ ทว่าร่างกาย มือและเท้ากลับเย็นยะเยือกราวกับถูกน้ำแข็งเกาะ
สายตาคมดุเต็มไปด้วยความหื่นกระหายน่าสะอิดสะเอียน มองมาราวกับจะทะลุผ่านเนื้อผ้าสีขาวไปเห็นถึงเนื้อในดั่งเช่นทารกแรกเกิด แม้ก้าวหลบหลังร่างหนาใหญ่ไอซาย่าก็ยังรู้สึกถึงกระไอแห่งความน่ากลัวที่แผ่ซ่านมาครอบคลุมจนอึดอัดหายใจไม่ออก
“ไม่ต้องกลัวนะไอซาย่า ฉันจะไม่ให้ใครหน้าไหน ทำอะไรเธอได้แน่นอน” อันเดซาอีบอกกล่าวคนรัก มือหนาทาบทับบีบกระชับมือนุ่มนิ่มเย็นเฉียบอย่างต้องการปลอบประโลม ทั้งที่ตัวเขาเองไม่แน่ใจเลยสักนิด จะทำอย่างคำพูดได้หรือเปล่า ในเมื่อรอบกายตอนนี้มีแต่ขุนโจรร้ายอยู่รายรอบพร้อมอาวุธครบมือ ขณะที่เขาไม่มีอะไรเลย“ฮ่าฮ่า แกนี่มันไม่ดูน้ำหน้าตัวเองเลยนะไอ้หนูน้อย ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ยังไปห่วงคนอื่นอีก” ขุนโจรร้ายหัวเราะเสียงดังลั่น หันไปมองลูกน้องที่ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ขาดตกบกพร่อง เหลือเพียงแค่เขา...“ฉันว่าแกไปซุกอกกินนมแม่ดีกว่าไอ้หนูน้อย ส่วนแม่สาวน้อยแสนสวยนี่...เธอเป็นของฉันว่ะ”“กรี๊ด!!” ไอซาย่าหวีดร้องเสียงหลง เพียงแค่พริบตานิดเดียวเท่านั้น กำแพงหนาที่ใช้เป็นเกราะกำบังกายอันตรธานลอยไปล้มคลุกฝุ่น มุมปากด้านหนึ่งปริแตกมีเลือดไหลซึมออกมา ในขณะที่ตัวเธอก็ลอยละลิ่วไปนั่งอยู่บนอาชาตัวใหญ่ มีแขนกำยำราวกับเหล็กกล้ารัดรอบลำตัว สองมือถูกจับมัดเอาไว้ด้วยมือหยาบเพียงข้างเดียว ด้วยอีกข้างนั้นถือปืนเล็งใส่อันเดซาอี!“ไม่! ปล่อยฉันนะ! ซีกัลป์ช่วยด้วย!” ไอซาย่าหวีดร้องเสียงดังลั่น พร้อมพยายามไขว่คว้าหาคนรักให้
ดึกสงัดราตรีมืดมิดไร้แสงจากดวงจันทรา มีเพียงดวงดาราส่องกะพริบให้แก่เหล่านักเดินทางยามค่ำคืนเฉกเช่นทุกค่ำคืน ถึงเวลาที่เขาต้องเดินทางตามล่าควานหาจอมโจรผู้พรากดวงใจไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ยากจะพบเจอได้โดยง่าย แต่อันเดซาอีก็ไม่เคยทำให้ย่อท้อ วันเวลาไม่ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลบเลือนไปจากใจ แต่กลับตอกย้ำให้มุ่งมั่นมากกว่าเดิมหลายเท่านัก ถ้าไม่ได้เห็นเจ้าหัวหน้าโจรใจบาปนั่นตายต่อหน้าต่อตาด้วยสองมือนี้...เขาไม่มีวันหายแค้น!อันเดซาอีหมุนตัวเดินกลับไปยังตู้ผ้า แสงจากไฟห้องน้ำที่เปิดอยู่สะท้อนกระจก ทำให้เห็นเงาร่างหนาแกร่งกำยำ ไหล่กว้างอกผึ่งผาย ซึ่งมีรอยตำหนิเป็นจุดเล็กๆ ที่ตอกย้ำมิให้เขาลืมเหตุการณ์ร้าย กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน นัยน์ตาเข้มจัดเป็นประกายแข็งกร้าวและดุ ราวกับเหยี่ยวร้ายแห่งท้องทะเลทรายเวลาผ่านพ้นนานเกือบยี่สิบปีที่จะครบรอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ใจเขากลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง วันที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่าง...จากที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บ จะเร่งรุดไปตามหาและช่วยเหลือเธอจากเงื้อมมือโจรร้าย แต่ใครจะคิดเล่า เขาบาดเจ็บเจียนตาย ต้อ
“ช่วยด้วยซีกัลป์ ช่วยแม่ด้วย!”อันเดซาอีกดสวิตช์ไฟข้างประตูเปิดให้ห้องสว่างขึ้น แล้วรีบเดินไปทรุดนั่งใกล้ตัวมารดา เพียงแค่แตะที่ร่างเล็กแกร็นซึ่งนอนกระสับกระส่ายบิดกายไปมา สองมือไขว่คว้าสลับป่ายปัดผลักไสและหวีดร้องเสียงหลงด้วยความกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว“แม่...แม่ครับ ผมเอง...ซีกัลป์”“ซีกัลป์!” คนถูกน้ำเสียงคุ้นเคยเรียกลืมตาตื่นทันควัน พร้อมร่างเล็กผอมแกร็นสั่นเทาราวกับนกน้อยพลัดตกลงไปในคุ้งน้ำเย็นจัด ผวาขึ้นจากเตียงกอดผู้เป็นลูกชาย“เจ้าพวกนั้น...คนพวกนั้นมากันอีกแล้ว มันจะมาทำร้ายเรา...ทำร้ายแม่ ช่วยด้วยซีกัลป์ แม่กลัว!”นางโซไรยาซุกกายสั่นงันงกแทบจะจมหายไปในอ้อมกอดของบุตรชาย ใบหน้าขาวซีด น้ำตาไหลอาบแก้ม แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่สำหรับนาง ความสูญเสียและเจ็บปวดฝังสนิทแนบอยู่ในใจไม่เคยจางหายไป มันเกาะกินหัวใจให้ค่อยๆ ตายซากลงไปทุกวันอย่างเชื่องช้าที่สุดเคยคิดหลายครั้งว่านางควรจะตายตามผู้เป็นสามีไป จะได้ไม่เป็นภาระให้อันเดซาอีต้องคอยดูแล จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว ทว่า...ความหวังที่ยังคงเหลืออยู่ ที่จะได้เห็นหน้าหลานชายที่หายสาบสูญไปและการได้เห็นลูกชายคนเดียวที่แปรเปลี
“ถ้าแม่สามารถหาคนคนนั้นได้ล่ะ ลูกจะยอมทำตามความต้องการของแม่ไหม” นางไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่คราวนั้นผ่านไปโดยบังเอิญ ถึงได้ล่วงรู้บางอย่างที่สามารถนำมาใช้ในคราวนี้ได้อันเดซาอีขบคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ คงถึงเวลาที่เขาต้องยอมทำตามคำขอร้องของมารดาเสียที “ถ้ามีคนยอม...ผมยังไงก็ได้ แต่...” ข้อแม้มีมากมาย จะมีใครยอมทนอยู่กับคนมากเรื่อง เย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างเขาได้ล่ะ ถึงแม้เวลาร่วมหอหลับนอนจะไม่นานก็ตาม “แม่คงไม่ลืม ผมเคยบอกอะไรไว้”“แค่ลูกยอมทำตามคำขอ แค่นั้นก็ดีแล้ว” เพราะความเป็นมารดาของอันเดซาอี จึงทำให้นางสามารถล่วงรู้ในสิ่งที่บุตรชายต้องการและทำมันได้ด้วยอยากถาม แม่รู้ได้ยังไง ผู้หญิงที่เลือกมาเป็น...แม่พันธุ์ ไม่เป็นหมันและการมีอะไรด้วยเพียงไม่นาน จะตั้งครรภ์ได้ สามปี...สองคน!อันเดซาอียิ้มเย้ยหยัน ผู้หญิงที่มารดาหามาคงไม่แคล้วหลงในทรัพย์สินเงินทองและความสบายของเขา จึงได้ยอมพลีกายขายเรือนร่างและยอมจากไปเมื่อครบกำหนดเวลาสัญญา โดยใจดำทิ้งลูกในอุทรได้อย่างไร้เมตตาและสำนึกของความเป็น...มารดา!“ผมไปตามฮารินะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ แล้วจะไปเลย” ไม่รอให้มารดาห้าม อันเดซาอีรีบเดิน
“ช่วยบอกหนูทีเถอะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องให้หนูไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย” คนเป็นบุตรสาวมองบุพการีทั้งคู่ด้วยหวังได้ยินคำชี้แจง ทว่ากลับได้รับเพียงความเงียบงันที่ทำให้ใจเริ่มเสียหนักขึ้น“อย่าเงียบกันอย่างนี้สิคะ บอกหนูมาหน่อย มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเรา...คะ”การเป็นลูกที่ดี แม้ไม่ได้เรื่องในหลายๆ ด้าน ทว่าเธอไม่เคยขึ้นเสียงกับบุพการีและญาติผู้ใหญ่เลยสักครั้ง แต่คราวนี้...เธอกลับอดรนทนไม่ได้ เผลอขึ้นเสียงด้วยความโกรธระคนอัดอั้นตันใจออกไป“ไม่มี ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ต้องการให้แกได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ มีเงินมีทองและความรับผิดชอบ เป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลแกได้ไปตลอดชีวิต ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายที่โตจนเป็นควายแล้ว แต่ยังต้องแบมือขอเงินแม่อยู่อย่างไอ้เจ้านั่นละกัน!” คนเป็นพ่อกัดฟันพูดเสียงแข็ง รีบลุกขึ้นยืนโดยพ่วงเอาเมียสุดที่รักไปด้วย ก่อนน้ำตาของอติกานต์จะทำให้เปลี่ยนใจ ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ตกลงไว้ล้มครืนลงมา“เดี๋ยวสิคะพ่อ ถ้าไม่บอกความจริงมา หนูจะไม่ยอมทำตาม...คำสั่งอย่างไม่มีเหตุผลของพ่อกับแม่นะ” อติกานต์ตะโกนตามหลังไปด้วยหวังว่าท่านทั้งสองจะยอมบอกความจริง ด้วยเชื่อว่าทุก
แต่ถึงเห็นอย่างนั้น สาวน้อยหน้าใสแก้มป่อง นัยน์ตากลมโตบ้องแบ๊วก็ไม่สนใจ รีบสาวเท้าวิ่งไปด้านหน้า แล้วอ้าแขนดักไว้ด้วยหัวใจแกว่งๆ เกรงใจระคนสั่นเล็กน้อยจากมาดนิ่งๆ จนเป็นเย็นชาของอีกฝ่าย พานให้นึกไปถึงเจ้าหญิงหิมะ ที่เห็นแล้ว...หนาวต้นคอชะมัด!“เธอนี่นะ...จะทำเย็นชาไปถึงไหนฮึ! ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจก็บอกกันสิ ไม่พูดอย่างนี้ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะว่าเธอคิดอะไรอยู่” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้างอง้ำ น้ำเสียงหวานใสและรอยยิ้มประจบประแจงราวกับว่าสนิทสนมกันมาแสนนานคนที่จมอยู่ในโลกส่วนตัว เดินทางออกจากบ้านมาด้วยอาการของคนที่หัวใจถูกบีบคั้นเคืองแค้น จนอึดอัดไม่อยากจะหายใจ มาเพียงแค่กาย ทิ้งวิญญาณเอาไว้ที่บ้านหยุดชะงัก ตวัดสายตาเข้มดุด้วยเกรี้ยวกราด กลีบปากอิ่มนุ่มซีดเผือดขบกัดเม้มอย่างพยายามระงับสติอารมณ์โทสะที่กรุ่นขึ้นใส่แม่สาวไม่รู้จักมารยาท ลามปามคนไม่รู้จัก ก่อนสาวเท้าเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่แม่คนเสียมารยาก็ยังเดินตามมาและสอดมือเข้าคล้องแขน ตีซี้ทำสนิทสนมด้วยอีกคนร่างเพรียวบางหยุดเดิน ใบหน้าที่เชิดขึ้นสูงจนคอแข็งสะบัดขวับมอง...เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากสนทนาด้วย ทว่าแม่สาวร่า
“แล้วอย่าคิดนะ ที่ช่วยบอก ฉันจะขอบใจ เธออยากยุ่งวุ่นวายเอง” เธอพยายามปลีกตัวเดินไปอย่างเร็วแล้ว ทว่าแม่เด็กตัวยุ่งก็ยังคงก้าวเดินตามมาจนทัน แล้วยังชวนพูดคุยอย่างสนิทสนมอีก“ฉันก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วนี่นา” สาวน้อยหน้าใสตอบกลับอย่างไม่คิดสนใจ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอวบอิ่มฉีกยิ้ม “เอาน่า...ยังไงเราก็มาจากบ้านเดียวกัน มีเพื่อนไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือไง...ฉันชื่อขอขวัญ เรียกสั้นๆ ว่าขวัญก็ได้นะ แล้วคุณ...ชื่ออะไร”“อติกานต์...เอแคลร์” อติกานต์ตอบกลับอย่างเสียไม่ได้“ว้าว...พ่อแม่ช่างตั้งชื่อจริงๆ ไม่แค่หน้าตาที่สวยอย่างกับนางฟ้า ชื่อยังน่ากินอีก” ขอขวัญทำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี ยิ้มกว้างจนนัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ จนคนที่ถูกเอ่ยชมถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยที่มาพร้อมกับความอิจฉา ไหนจะความสงสัย..จะมีอะไรที่ทำให้สาวน้อยหน้าใสทุกข์ได้บ้างหรือเปล่า?“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเอแคลร์” ขอขวัญฉีกยิ้มกว้างพลางยื่นมือไปหมายจับด้วย แต่อีกฝ่ายกลับปัดออกและสาวเท้าเดินหน้าไปด้วยมาดนางพญา ซึ่งไม่ไกลมีรถคันใหญ่จอดพร้อมเปิดประตูไว้คล้ายกำลังรอคอยรับใครบางคนอยู่ หวังว่าคนนั้นคงไม่ใช่คุณขนมหวานหรอกนะขอขวัญแ
ร่างหนาแกร่งด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ผุดลุกจากฟูกหนานุ่ม เดินไปที่โต๊ะตัวยาว ซึ่งมีแผนที่หนังกางและมีเข็มหมุดปักอยู่หลายจุด ล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางจากโรงแรมไปถึงบ้านของเจ้านั่น!นิ้วยาวไล่ไปตามจุดที่ถูกมาร์คเอาไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพื่อความไม่ประมาท เขาจึงเดินทางไปสำรวจเส้นทางล่วงหน้า จนเชื่อได้ว่าเหมาะสำหรับการหลบซ่อนตัวและซุ่มโจมตี พร้อม...ฉกชิงสิ่งสำคัญ ทำให้ไอ้เจ้านั่นหน้าแตกและอับอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร ก่อนหน้านั้นเจ้าสาวถูกแย่งชิงไปในวันแต่งงาน หากคราวนี้เจ้าสาวไม่เพียงแค่ถูกแย่งชิง แต่มันเป็นอะไรที่มากเกินเลยไปกว่านั้นล่ะชายหนุ่มหัวเราะในลำคอพร้อมรอยยิ้มมาดหมาย นัยน์ตาแวววาวซ่อนเล่ห์ร้ายเอาไว้อย่างชัดเจน เหลือบสายตามองอีกคนในห้องที่มองมาอย่างสงสัย“ไม่ชิงตัวแล้วนายจะทำอะไร” คนเป็นลูกน้องถามอย่างไม่เข้าใจ การกำจัดไอ้เจ้าบ้านั่น ควรทำตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาคิดทำเอาในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะ...ใบหน้าดุดันเหี้ยมเกรียมหันมองหนุ่มหน้าละอ่อนที่ไม่เคยคิดทำอะไรเลย นอกจากหาเรื่องทำให้คนอื่นปวดหัวกับสนุกสนานไปวันๆ“ไม่เอาไง ก็แค่...ให้จบเรื่องแค่นี้ เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าเลิก
“ว้าย! ทำอะไรนะคะคุณซีกัลป์” แขนกลมกลึงรีบยกขึ้นโอบรัดรอบแผงคอแกร่ง เมื่ออยู่ดีๆ อันเดซาอีก็ช้อนร่างเธอมานอนราบบนเตียงนอนผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่ม “ปล่อยฉันก่อน...นะคะ” ขอขวัญยกสองมือยันแผงอกกว้าง กลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเจอกับสายตาร้อนแรงแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด “ไอย่าค่อนข้างจะขี้อาย แค่ถูกฉันจับมือนิดหน่อยก็อายจนหน้าแดงปลั่งแล้ว ผิดกับเธอที่...” ปลายนิ้วยาวตวัดลากไล้ไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม“เหมือนจะอ่อนหวาน อ่อนโยน แต่เอาเข้าจริงก็ร้อนแรงประหนึ่งน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ”อยากจะบอกว่า...ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็ได้ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย อีกอย่างให้เวลานับจากนี้พิสูจน์คำพูดของเขา ทว่าเพียงใบหน้าคร้ามแกร่งโน้มลงมา สัมผัสแผ่วเบาที่แนบหน้าผากกว้าง ไต่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกลีบปากอิ่มนุ่ม ค่อย ๆ บดคลึงลงไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน“ฉันอยากให้ทั้งตัวเองและเธอมั่นใจ คนที่อยู่ด้วยคือแม่ของขวัญที่เดินทางมากับนกเหล็ก มาเพื่อให้ฉันแกะกล่องด้วยความเสน่หา ที่ฉันจะบอกทุก ๆ วัน ย้ำให้เธอแน่ใจในทุก ๆ สัมผัส”ปากหนาเม้มกัดสลับบดคลึง พลางสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกระหวัดกวาดไล้ดื่มด่ำ
ทั้งที่อยากจะถามตรงๆ ทว่าเห็นดวงตาที่ฉายแววตัดพ้อก็ทำให้เกิดพูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน อีกทั้งถึงจะใช่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ต่างภพต่างความทรงจำ ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้ว ย่อมที่จะไม่ใช่คนเดียวกัน!ขอขวัญพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันพอจะจำเรื่องราวที่คุณเจอกับคุณไอซาย่าในตลาดได้ สาวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ช่วงเวลาที่คุณสองคนอยู่ด้วยกัน รอบกายอบอวนไปด้วยความรักและความสุข แม้กระทั่งวันที่คุณบอกรัก”เจ็บแปลบในทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา เหมือนกับหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นๆ “และ...ขอแต่งงาน” เสียงของเขายังดังสะท้อนก้องอยู่ในหูเธอ เสมือนจะตอกย้ำความรักของอันเดซาอีและไอซาย่าให้เธอถึงระลึกเอาไว้ อย่าริอ่านทำตัวเป็นมารสอดแทรกกึ่งกลาง“แต่ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องราวของอดีต การข้ามภพข้ามชาติมาจุติใหม่ ฉันจะใช่คุณไอซาย่ากลับมาเกิด เพื่อจะชดเชยวันเวลาที่คนซึ่งรักกันถูกพรากให้ห่างกัน ได้รักและให้คุณรักหรือเปล่า” แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตัวเธอเองและไอซายาต่างก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกัน! ทำให้อันเดซาอีมีความสุขที่สุด ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตราบนานเท่านาน แม้เธอจะต้องเจ็บปวดก็ยอมจะให้เขาคิดอ
“ว่าแต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ” ปลายนิ้วยาวลากไล้บนพวงแก้มนุ่มซับสีเลือดฝาดอย่างอ่อนโยน “เธอจะยอมบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง มีเหตุผลกลใดที่ชักนำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่...ขอขวัญ”ชายหนุ่มจับคางมนให้แหงนขึ้น ปลายนิ้วยาวลูบไล้บนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา “มาเป็นของขวัญให้กับผู้ชายที่จมอยู่กับห้วงแห่งความทุกข์ใจ โหยหาใครสักคนมาเติมความรู้สึกที่ขาดหาย พร้อมอยู่เคียงข้างกันตลอดไป”แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พอจะให้เอ่ยปากบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องมาที่นี่ ที่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหล ฝันก็คือฝันมิอาจนำมาพิสูจน์ความจริงและอ้างเป็นหลักฐาน ทำให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ด้วย“ทำไมล่ะ หรือเธอยังไม่ไว้ใจฉัน”ขอขวัญผ่อนลมหายใจออกจากปอด คิดว่าอันเดซาอีคงจะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ยังคงมียามถูกเขาแตะเนื้อต้องตัว หรือไม่ก็ออกมาทางความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อไหลอาบแก้ม“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ฉัน...ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคุณยังไงดี” ขอขวัญเอ่ยด้วยความงุนงงกับสิ่งที่พานพบมา ถึงตอนนี้เธอสับสนด้วยแยกไม่ค่อยออก สิ่
ขอขวัญทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะตวัดค้อนใส่พ่อจอมวางแผนวงโต ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เพื่อนมีความความสุขด้วยละก็นะ...เธอจะภาวนาให้อติกานต์ใจแข็ง ไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ“อ้าว...ไหนว่าสงสาร อยากให้เอแคลร์มีความสุขไง ทำไมถึงได้หน้าตายุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ”“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่เล่นมาหลอกลวงกันอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน คนเดียวกันแท้ๆ แต่กลับทำเป็นไม่รู้เรื่องตอนคุณเอแคลร์เอ่ยทัก แถมยังจะปฏิเสธหน้าตายอีก”“ฮัลด์ก็มีเหตุผลในส่วนของเขาที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งเราสองคนที่คนนอกไม่ล่วงรู้ แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว เราก็ควรที่จะอวยพรให้ชีวิตคู่ของเขาสองคนมีความสุขตลอดไป...ใช่ไหม”ขอขวัญพยักหน้ารับ เอนกายอรชรแนบชิดอกกว้าง “ใช่ค่ะ...ทุกคนมีความสุขกันแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวยามคิดถึงเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกายกับหนทางที่เขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว ฮารินะเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ แม้รู้ว่าอันตรายก็ไม่หวาดหวั่น เข้าต่อกรกับโจรร้ายจนตัวเองแพ้พ่าย แต่ก็มีความสุข เมื่อได้กลับไปซบอกอุ่นท่องเที่ยวไปทั่วพื้นทรายที่รัก แม่โซไรยากับโอซามุที่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันอติกา
“บ้า! ใครรักคุณกันล่ะยะ เปล่าสักหน่อย”“อืม...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลยนี่นา อย่างนี้คงต้องขอเบิ้นอีกสักรอบ เอ๊ะ...หลายรอบๆ ดีกว่า จะได้มั่นใจไอ้ที่ได้ยินเมียจ๋าบอกเมื่อกี้มันแว่วๆ สงสัยจะหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ”“ไม่! ฉันบอกแล้ว...บอกแล้ว” อติกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน มือหนึ่งยกขึ้นดันใบหน้าคร้ามแกร่งที่ก้มลงมาหา อีกมือก็รีบตะครุบมือหนาที่โอบอุ้มทรวงอกกลมกลึง ค่อยๆ นวดคลึงทำให้เธอวาบหวามเสียวซ่าน ลมหายใจเริ่มจะขาดเป็นห้วงๆ“ถ้าไม่รัก ฉันคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นหรอก” ดวงตากลมโตหลุบมองลอนกล้ามเนื้อบึกบึน พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะกายแกร่งที่แนบชิด“ฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มาจากต่างบ้านต่างเมือง หัวเดียวกระเทียมลีบ คุณกรุณาปรานีผู้หญิงคนนี้ที่เผลอรักคุณไป ทั้งก่อนหน้านั้นคุณเป็นจอมโจรร้ายอยู่เลย อุ๊ย!” อติกานต์หลุดเสียงอุทานออกมา เมื่อกายสาวอันตรธานลอยไปพำนักบนลำตัวแข็งแกร่ง ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงปลั่งจรดลำคอระหง ยามนิ้วยาวลูบไล้นวดคลึงแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ“คุณ...ฮัลด์ หยุดก่อนสิคะ” อติกานต์เว้าวอนขอเสียงแหบพร่า เมื่อปทุมถันกลมก
“อือ...” อติกานต์ร้องประท้วงเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาครอบครองทรวงอกอิ่มและนวดเฟ้นอย่างหนักหน่วงจะว่าไปเขาเคยเพียงแค่สัมผัสไม่เคยยลบัวตูมเต่งตึงของอติกานต์ชัดๆ สักครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบถอนจูบและลากริมฝีปากไต่ลงไปตามแนวคาง ขบเม้มลำคอขาวผ่องแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปหาทรวงอกกลมกลึงที่ไหวกระเพื่อม ที่เพียงแค่ได้เห็น...มิคาอิลก็หลุดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับความกระหายราวกับเลือดในกายเดือดพล่านสองมือหนาสอดช้อนปทุมถันกลมกลึงขึ้นมา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่มๆ ใบหน้าคร้ามแกร่งเปื้อนยิ้ม ดวงตาเข้มเปล่งประกายด้วยปรารถนาขณะเหลือบขึ้นมองสบกับดวงตากลมโต“ฉันคิดไว้ไม่ผิด ไม่แค่นุ่มแต่ยัง...”เนื้อตัวอติกานต์สั่นสะท้าน วาบหวามเสียวซ่านจนเผลอหลุดเสียงร้องครางออกมา เมื่อมือหนานวดเคล้นสลับปลายนิ้วยาวลากไล้บนปลายยอดถันหดเกร็ง ปากอุ่นยังจะเลาะเล็มไปทั่วก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างเย็นใจ เพียงปลายลิ้นร้อนตวัดไล้วนไปทั่วป้านบัวสีหวานและขบเม้มดึงเข้าสู่อุ้งปาก เธอก็เปล่งเสียงหวานพร่าด้วยวาบหวามจนท้องไส้ปั่นป่วน สองขาเรียวยาวสั่นระริก ปลายเล็บมนจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง พลางเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปพัวพันกับเส้นผมหนา
“จะโกรธกันลงจริงๆ หรือเอแคลร์ ฉันรักเธอจริงๆ นะ ที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะรัก เพราะอยากจะรู้ความจริงในใจของเธอนั่นแหละ คนอะไรไม่รู้ ทำเป็นเย็นชาเฉยเมยเสียจริงๆ จนฉันอดสงสัยไม่ได้ ว่าไอ้เสน่ห์ที่มีนี่ใช้กับเธอไม่ได้เลยหรือไง”“ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วไง ฉันรักโมฮาหมัด ไม่เคยรักคุณ หรือถึงฉันจะเคย...รัก! แต่เล่นมาหลอกลวงกัน เห็นเป็นตัวตลกอย่างนี้ ฉันก็เลิกรักได้เหมือนกัน”มิคาอิลยิ้มกว้าง “สายไปเสียแล้วล่ะจ้ะเมียจ๋า ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเมียทั้งรักและห่วงแค่ไหน เรื่องอะไรจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ น่า...นะ รับรักฉันนะจ๊ะ...ที่รักจ๋า”“ไม่!” เรื่องอะไรจะยอมรับรักและให้อภัยกันง่ายๆ ล่ะ กลั่นแกล้งทำให้เธออารมณ์เสียตั้งมากมาย หากำไรทำให้เธอหวั่นไหวไปตั้งเยอะ มันต้องเอาคืนหนักๆ หน่อยสิ“อีกอย่าง...ฉันแต่งงานกับโมฮาหมัดนะ ไม่ได้แต่งกับมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ สักหน่อย ยังถือว่าไม่ได้เป็นภรรยาของคุณนะคะคุณมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์” อติกานต์พูดกลั้วหัวเราะลงคอบ้าง ดวงตากลมโตกลอกไปมา ใบหน้านวลผ่องแย้มยิ้มรื่นเริง“ถอยออกไปได้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ นะ ทับลงมาได้ หนักจะตาย อ้อ...ถ้ารักกันจริง ก็ต้องรอกันได้ ใช่ไหมล่ะ” สองมือเล
คิดตามคำพูดที่ฟังดูแปลกๆ ของมิคาอิลแล้วอติกานต์อดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้ “คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่คุณมิคาอิล ช่วยพูดตรงๆ ดีกว่า เพราะฉันตามไม่ทัน”“หลายปีมาแล้วที่บ้านหลังนี้เกิดโศกนาศกรรมขึ้น ผู้คนมากมายที่มาร่วมงาน ถ้าไม่ล้มตายก็ถูกทำร้าย ไม่เว้นแม้กระทั่งน้าซีกัลป์ที่เจ็บหนักมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คนรักก็ถูกโจรร้ายแย่งเอาตัวไป ระหว่างเดินทางกลับชุมโจรก็ได้เจอกับหนูน้อยมิคาอิล ฮัลด์ อามูร์ ซึ่งบาดเจ็บที่ศีรษะเดินโซซัดโซเซอยู่เลยช่วยเหลือเอาไว้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพวกโจรนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายซ้ำอีก พี่ไอซาย่าเลยบอกว่าฉันเป็นญาติห่างๆ จำได้ลางๆ ว่าตอนถูกถามชื่อ เหมือนฉันจะหลุดปากเรียกชื่อพ่อออกไป ทุกคนเลยเรียกฉัน...โมฮาหมัด!”อติกานต์ถึงกับอ้าปากค้าง หมอกที่ปกคลุมใจอยู่ถูกไขจนกระจ่างแจ้งในบัดดล ความเชื่อของเธอไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะอย่างนี้เธอถึงได้สะดุด จากใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ละม้ายเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวกัน มาถึงท่วงท่าการเดินเหิน น้ำเสียงยามพูดคุยและหัวเราะ ดวงตาเข้มเปล่งประกายพร่างพราวระยับที่ซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่มิด“คุณ...อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ เ
“โดยเฉพาะกับการหาเรื่องเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงใช่ไหมล่ะ” อติกานต์ย่นจมูกใส่คนหน้าเป็นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ในเมื่อทำทุกทาง...หยิกข่วนและตีจนเจ็บมือแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจสักนิด ยังจะจับมือนุ่มนิ่มมาจับและบีบกระชับสลับนวดคลึงหลังมือนุ่มนิ่มทำให้เธอใจสั่นไหวระรัว“ตอนนี้ฉันไม่หนีแล้วไง ปล่อยได้แล้ว กอดรัดมาได้ กระดูกกระเดี้ยวจะหักแล้ว รู้บ้างไหม”เห็นท่าทางกระเง้ากระงอดตวัดค้อนขวับๆ ของหญิงสาวแล้วเขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปจรดจมูกโด่งลงไปบนแก้มนุ่มแรงๆ ไปสองสามครั้ง กำลังขยับไถลไปหวังจะจูบปากอิ่มนุ่มช่างจำนรรจาอติกานต์เผอิญรู้เท่าทันเสียก่อน จึงเบี่ยงหน้าหนีและหยิบเอาหนังหนาขึ้นมาบิดเต็มแรง จนเขาต้องยอมแพ้ แต่ก็ทำเสียงฮ่ำๆ ฮึ่มๆ อย่างต้องการจะบอกเธอว่า...‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงเวลาเอาคืนเมื่อไหร่ จะคิดดอกทบต้นชนิดไม่ให้ขาดสักนิดเดียวเชียว’“ไม่ต้องมาทำตาวาวใส่ฉันเลยนะตาบ้า ถ้ามาเพื่อรังแกกันแบบนี้ก็ออกจากห้องฉันไปเลยนะ ฉันเหนื่อยใจกับคุณจริงๆ มือไม้นี่ให้มันอยู่นิ่งบ้างได้ไหมฮึ!”มิคาอิลยิ้มกว้าง “ถ้าไม่รังแกก็อยู่ได้ใช่ไหมล่ะ” เอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ดวงตาพร่างพราวระยับ อติกานต์กลอกตาไปมาด้วย