“แม่ อนาคตของขิงก็คือแม่นะ แม่อย่าพึ่งยอมแพ้สิ คุณหมอบอกว่า….”
“ก๊อก ก๊อก”
เสียงของหมอเจ้าของไข้เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลสาวที่คุ้นเคยกับพวกเธอ เมื่อเดินเข้ามาและวัดชีพจรและความดันเสร็จแล้วหมอก็เรียกเธอไปนั่งปรึกษาที่ห้อง
“แม่คุณบอกแล้วใช่ไหมครับว่าเธอจะไม่ยอมผ่าตัด”
“แต่ว่าคุณหมอคะ ทำไมเราไม่ผ่าละคะ หากว่าติดขัดเรื่องเงินตอนนี้ขิงจัดการได้แล้วนะคะ”
“ฟังหมอก่อนนะครับคุณณัฐชา คือแบบนี้ครับที่คุณแม่คุณไม่ยอมผ่าตัดมันมีสาเหตุนะครับและก็…เอ่อ…นี่คือภาพล่าสุดที่เราพบหลังจากผลคีโมครั้งล่าสุดครับ”
“หมายความว่า….ยังไงเหรอคะ”
หมอนำภาพปอดที่ติดเชื้อของแม่เธอมาให้ดูเพื่อร่วมกันตัดสินใจครั้งสุดท้ายโดยหมอนพดลเองก็ต่อสู้ร่วมกับพวกเธอสองแม่ลูกมาร่วมหนึ่งปีตั้งแต่เริ่มรู้ว่าแม่ของเธอเริ่มไอไม่หยุดจนพบสาเหตุของโรคมะเร็งนี้
“หมายความว่าแม่….”
“ตอนนี้มะเร็งมันลุกลามเข้าสู่ระยะที่สามแล้ว หมอเลยคิดว่า…”
“ไม่นะคะ เรา…ทำคีโม บำบัดกินยาผ่าตัด ทำทุกอย่างแล้ว…ทำไมถึง….”
“แต่ถ้าคุณอยากจะลองผมก็อาจจะปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทางมะเร็งอีกท่านหนึ่งให้ช่วยได้นะครับ”
เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาแต่สีหน้าแห่งความหวังนี้ทำให้หมอนพดลนึกเห็นใจเธอไม่น้อย เขารู้ว่าพวกเธอมีเพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น ดังนั้นน้ำขิงจึงไม่ลดความพยายามที่จะรักษาแม่ของเธอ
“อืม หมอจะลองปรึกษาแพทย์อีกท่านหนึ่งว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้ไหม ถ้ายังไงอาจจะนัดคุณมาคุยกับคุณหมออีกครั้งนะครับ”
“ได้ค่ะคุณหมอ ช่วยขิงด้วยนะคะคุณหมอ ขิง…เหลือแค่คุณแม่คนเดียวแล้ว”
“ครับ หมอเข้าใจคุณนะแต่ว่าคุณเองก็ต้อง…คิดถึงตัวเองหลังจากนี้ด้วย หากว่า….”
“คุณหมอคะ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะขิงต้องขอตัวไปดูแลคุณแม่ก่อน”
“เอ่อ….ครับ”
น้ำขิงรีบเดินออกมาจากห้องของหมอนพดลทันทีและรีบเดินกลับไปที่ห้อง พอดีกับที่คุณหมออีกท่านหนึ่งเดินเข้าไปในห้องหมอนพดลพอดี
“หมอนพ ผลตรวจของคนไข้เตียงเก้า”
“อ้าว หมอภาคย์นายมาพอดี เฮ้อ….”
“ทำไมเหรอทำไมคุณดูจิตตกแบบนั้นล่ะ อีกครึ่งชั่วโมงมีผ่าตัดคุณยังไหวไหม หรือให้เลื่อนเวลาออกไปหน่อย”
“ไม่มีอะไร ๆ แค่..สงสารญาติผู้ป่วยน่ะ”
“เมื่อกี้นี้…ผู้หญิงหน้าห้องนั่นน่ะเหรอ ไม่เอาน่า คุณคงไม่ได้หลงรักเธอหรอกนะ”
“จะบ้าเหรอครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นอีกอย่างเธอเย็นชาจะตายไปนอกจากแม่ของเธอแล้วก็ไม่สนใจใครเลย ถึงจะอยากสนใจแต่ไม่ไหวหรอกครับเหมือนอยู่กับท่อนไม้ทั้งวัน ถามคำตอบคำไม่ใช่แนวที่ผมชอบ ขอบคุณมากนะ เออผมว่าจะปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพอดี พอจะมีเวลาไหมครับ”
"ได้สิ ว่ามาเลย คุณดูกังวลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่"
“ก็…ครับ เธอยืนยันอยากจะผ่าตัดแม่เธอให้ได้น่ะ แต่อาการของคนไข้ เป็นระดับนี้ คุณคิดว่ายังไง…”
สิบวันต่อมา
“อะไรนะ แม้แต่มึงก็ตามหาไม่ได้เหรอ แล้วเลขบัญชีนั่นไม่ใช่ของเธอหรอกเหรอ”
“ไม่ใช่ว่ะ ที่ให้มาดูเหมือนจะเป็นบัญชีของญาติเธอนะ”
“ลึกลับไปหน่อยไหมแค่ผู้หญิงคนเดียวเองระดับเฮียหมิงถึงกับหาไม่ได้เลยเหรอวะ”
“อะไร ไอ้หมอนี่มึงอย่าบอกนะว่าเกิดติดใจสาวซิงน่ะ”
“ไอ้เวร กูบอกให้มึงหาก็หาไปจะถามกลับทำไม”
“ทำไม หรือว่าน้องมันขโมยของในห้องมึงไป”
“เปล่า”
“อ้าว แล้วนอกจากมึงติดใจแล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกวะ”
“ก็…แค่โอนเงินให้ไม่ครบเลยอยากติดต่อด้วย”
“เฮ้ย มีด้วยเหรอโอนไม่ครบแล้วผู้หญิงหนีเนี่ยนะ เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ปกติจะติดมึงหมดทุกคนจนไม่อยากสลัดทิ้งเลยไม่ใช่เหรอวะ ทำไมรอบนี้ไอ้เสือของกูถูกทิ้งเสียเองล่ะวะ”
“พูดมาก ตกลงจะหาให้ไหม”
“เออ ๆ คงต้องใช้บริการไอ้เสกแล้ว”
“ได้เรื่องแล้วบอกด้วย”
หมอภาคย์วางสายไปทันทีด้วยความหงุดหงิด โดยปกติเขาไม่เคยคิดอยากจะสืบหาเรื่องของผู้หญิงที่เขานอนด้วยมาก่อน แต่กับน้ำขิงคนนี้เขากลับรู้สึกแปลก ๆ กับเธอ แค่อยากจะนัดเจอเธออีกครั้งเพื่อเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อก็ยังดีแต่เธอกลับถอนข้อมูลทุกอย่างออกจากแอปพลิเคชันของเพื่อนของเขาหลังจากที่เธอมาหาเขาเมื่อคืนก่อน
เขาใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ให้เพื่อนเขาตามหาข้อมูลของเธอแต่กลับไม่พบเลย ไม่ทันได้คิดอะไรเพิ่มเสียงมือถือก็สั่นขึ้นอีกครั้ง
“ว่าไงหมอนพ….ได้สิเดี๋ยวผมไป”
เขามุ่งหน้ากลับไปที่โรงพยาบาลทันทีเมื่อหมอนพดลโทรมาเล่าเกี่ยวกับคนไข้ที่เขาปรึกษาหมอภาคย์เมื่อครั้งก่อน ตอนนี้คนไข้เริ่มมีอาการแปลก ๆ ซึ่งเขาอยากจะให้หมอภาคย์มาช่วยดูเคสนี้
เหตุผลเดียวเลยคือญาติของคนไข้รายนี้น่าสงสารและดื้อมาก เธอยืนยันอยากให้หมอช่วยผ่าตัดให้คุณแม่ของเธอ
โรงพยาบาล
“แล้วญาติคนไข้ล่ะ”
“พึ่งออกไปซื้อของ ตอนนี้โทรให้กลับมาแล้ว”
“ให้ยาระงับเอาไว้ก่อนแล้วใส่เครื่องช่วยหายใจ ตอนนี้ปอดทำงานหนักมากไม่ได้”
“ได้สิ เดี๋ยวญาติคนไข้มาแล้วให้รีบพาไปห้องผมด่วนเลยนะ”
"ค่ะคุณหมอ!!"
“ผมจะรีบไปสั่งให้เตรียมออกซิเจนเพิ่ม”
“ได้ ขอบคุณมากหมอภาคย์”
หมอภาคย์รีบวิ่งออกมาและไปสั่งที่ห้องปฏิบัติการทันทีหลังจากที่ออกมาจากห้องผู้ป่วย เขาให้หมอนพดลดูแลอาการคนป่วยอยู่ในห้องเพราะเขาเองไม่ใช่หมอเจ้าของไข้
“คุณหมอนพคะ เกิดอะไรขึ้นคะ”
“อ่อ น้ำขิง ใจเย็น ๆ ก่อนนะคุณแก้วตาอาเจียนออกมาน่ะ น่าจะเป็นผลจากคีโม ตอนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจนี่ก่อน”
“ค่ะ ๆ แม่คะ”
“คุณตามผมมาที่ห้องหน่อยสิน้ำขิง ผมอยากจะปรึกษาคุณหน่อย ตอนนี้คุณแม่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“แต่ว่า…”
“คุณอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกเกะกะพยาบาลเปล่า ๆ ให้พวกเขาทำงานเถอะ พวกเราต้องรีบคุยกันนะ”
“ค่ะ ได้ค่ะคุณหมอ”
หมอนพดลพาเธอเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยเพื่อจะพาเธอกลับไปที่ห้องพักแพทย์เพื่อจะปรึกษาเรื่องการรักษาของคุณแม่ของเธอ เมื่อเดินเข้ามาถึงเขาก็ให้เธอนั่งพักเพื่อสงบสติอารมณ์เสียก่อน เขายื่นน้ำให้เธอจิบและเดินมานั่งที่โต๊ะ ในขณะเดียวกันที่หมอภาคย์และทีมงานที่เหลือกลับเข้าไปที่ห้องของแม่เธออีกครั้ง
“หมอนพดลล่ะ”
“คุณหมอพาญาติคนไข้ไปที่ห้องแล้วค่ะ คุณหมอนพดลฝากบอกคุณหมอว่าถ้าคุณหมอภาคย์มาแล้วให้ตามไปที่ห้องด้วยค่ะ”
“ถ้างั้นที่เหลือฝากพวกคุณด้วยนะ ผมไปก่อนล่ะ”
“ค่ะได้ค่ะคุณหมอไม่ต้องห่วงค่ะ”
หมอภาคย์เดินออกมาจากห้องและเดินมาที่หน้าห้องของหมอนพดล เสียงของคนสองคนที่คุยกันอยู่ในห้องทำให้เขาชะงักอยู่หน้าประตูและยังไม่เดินเข้าไป
“อะไรนะคะ คุณหมอจะบอกว่าคุณแม่ ทำคีโมไม่ได้ผลเหรอคะ แล้วแบบนี้ยังจะไม่ให้ผ่าตัดอีกเหรอคะ แล้วอย่างนี้แม่..”
“คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับไม่ใช่ว่าเราจะไม่ช่วยกันหาทางออกแต่ภาวะร่างกายของคนไข้ในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะผ่าตัดจริง ๆ สิ่งที่เราทำได้คือการช่วยประคับประคองอาการไปก่อน”
“แต่คุณหมอบอกว่าจะคุยกับคุณหมออีกท่านหนึ่ง คุณหมอท่านนั้นชำนาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาช่วยไม่ได้เหรอคะ ถ้าผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกคุณแม่ก็ยังมีโอกาส....”
เสียงดื้อดึงข้างในนั้นทำเอาหมอภาคย์รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะเข้าใจสถานการณ์ของคนไข้ดีว่าพวกเธอมีแค่สองคนแม่ลูกแต่ดูเหมือนว่าญาติผู้ป่วยจะดึงดันอยากจะรักษาแม่ของเธอมากจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของแม่ เขาดันประตูเข้าไปทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งและไม่พอใจ
“ต่อให้คุณยืนยันว่าจะผ่าตัด ผมก็ไม่มีทางเอาชีวิตของคนไข้ไปเสี่ยงเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้คือเงียบและฟังความคิดเห็นของแพทย์อย่างพวกผม!!”
น้ำขิงหันมามองใบหน้าของหมออีกคนที่เดินเข้ามาอย่างไร้มารยาทและพูดกระแทกเสียงใส่เธอ แต่ใบหน้าของหมอหนุ่มที่สวมแว่นตาอยู่พร้อมกับชุดแพทย์และเสื้อกาวน์ตรงหน้าทำให้น้ำขิงตกใจจนตัวแข็งทื่อไปทันที“หมอภาคย์ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ น้ำขิงเธอก็แค่ตกใจน่ะ เธอพึ่งจะ….”ดูเหมือนว่าหมอภาคย์เองก็ตกใจไม่ต่างกับเธอ หมอนพดลที่พึ่งจะสังเกตเห็นท่าทีของทั้งคู่ก็หยุดพูดเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของหมอภาคย์ที่มองญาติคนไข้ของเขาราวกับรู้จักกัน และไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อหมอภาคย์ก็ดึงแขนของน้ำขิงที่ร้องไห้ตาแดงก่ำตรงหน้าออกไป“มานี่!! เราต้องคุยกัน!!”“เฮ้ย!! หมอภาคย์ ใจเย็น ๆ ก่อน”น้ำขิงเองก็ตกใจแต่ก็ถูกหมอภาคย์ดึงตัวมาอีกห้องหนึ่งทันที เขาพาเธอเข้ามาและปิดล็อกประตูทันทีพร้อมกับน้ำขิงที่เริ่มตั้งสติได้และสะบัดมือจากแขนของเขา“ปล่อยนะ”เธอสะบัดออกมาและถอยห่างจากเขา ผู้ชายตรงหน้านี้เป็นถึงคุณหมอที่หมอนพดลบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเขา ไม่คิดว่าจะมาพบกันอีกครั้งในรูปแบบนี้“นั่งลง คุยกันก่อน”“คุณหมอไม่ใช่หมอเจ้าของไข้”“ตอนนี้ใช่แล้ว นั่งลง!!”“หมายความว่ายังไง….คะ”“หึ….ผมจะไม่พูดอีกเป็นรอบที่สาม
“แต่ว่า…”“ไหนคุณบอกว่าเข้าใจไงล่ะ คุณไม่อยากฟังแนวทางการรักษาต่อของแม่คุณงั้นเหรอ”“ก็ได้ค่ะ”“งั้นรอผมเดี๋ยวนะ ขอถอดเสื้อกาวน์นี่ก่อน”“ขิงไปรอข้างนอกนะคะ”“ไม่ต้อง เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน”“แต่ว่าแบบนี้คุณหมอจะไม่สะดวกนะคะ”“ทำอย่างกับไม่เคยเห็น”“จะดีมากหากว่าคุณหมอไม่พูดเรื่องในคืนนั้นอีก”หมอภาคย์เดินเข้ามาหาเธอจนเธอถอยไปชิดกับประตูห้องของเขาอีกครั้ง เธอหันซ้ายขวาก็เจอแต่แขนของเขาที่ยกขึ้นมาบังเอาไว้“ทำไม คุณกลัวว่าผมจะจับคุณกินหรือกลัวหัวใจตัวเองจะหวั่นไหวเพราะผม”“คุณหมอคะ เราไม่ควรทำอะไรแบบนี้”“แกล้งคุณเล่นน่ะ เอาล่ะเสร็จแล้วรีบไปกันเถอะ”เขาหันไปหยิบกระเป๋าของเธอและจับมือเธอเดินออกจากห้องแต่น้ำขิงรีบสะบัดออกทันทีและแย่งกระเป๋าคืนมา“ขิงถือเองได้ค่ะ ขอบคุณ”“อ้อ ผมก็แค่กลัวคุณจะลืมน่ะ”“คุณหมอนำทางไปเถอะค่ะ”เขาเดินยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าทุก ๆ วัน เมื่อพาเธอเดินมาที่ลิฟต์และกดลง คนที่เข้ามาในลิฟต์เริ่มเยอะทำให้พวกเขาต้องเบียดกันด้านใน หัวใจของน้ำขิงเริ่มสั่นอีกครั้งเพราะหมอภาคย์ใช้ตัวของเขาบังเอาไว้ กลิ่นน้ำหอมของเขาโชยมาทำเอาเธอใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ “ถึงแล้ว ออกไปกันเ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอดูเหนื่อยมากเลยนะคะ อดนอนมาเหรอคะ”เขาหาวและบิดขี้เกียจเล็กน้อยใกล้ ๆ เธอ กลิ่นน้ำหอมที่เย้ายวนนี้ทำให้เธอใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้เลยเพราะมันจะทำให้เธอกลัวหัวใจตัวเองและเผลอคิดเรื่องในคืนนั้นเสมอเมื่ออยู่กับเขาแบบนี้“อืม ใช่ เมื่อคืนนี้มีผ่าตัดสองเคส ใช้เวลาไปเกือบสิบสองชั่วโมงกลับมาล้างมือกินข้าวได้แค่สามคำก็ต้องวิ่งเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินอีก นี่พึ่งจะได้พักถ้าขับรถกลับไม่ไหวคงต้องค้างที่โรงพยาบาลอีกคืน”“แต่ถ้าค้างที่นี่ จะไม่ถูกเรียกอีกเหรอคะ”“ทำยังไงได้ล่ะ มันเป็นงานน่ะ”“แต่คอนโดคุณหมออยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลนี่เองนะคะ”“แต่คนไข้เองก็รอไม่ได้นะถ้าฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ จะดีกว่าถ้าไม่ต้องขับรถเองไป ๆ มา ๆ ว่าแต่คุณเมื่อยไหม ผมหลับไปโอโห…เกือบหนึ่งชั่วโมงเลยนะ ไหล่คุณคงไม่ทรุดหรอกนะ”“ขิงไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะคะคุณหมอ ถ้าอย่างนั้นขิงขอตัวไปดูคุณแม่ก่อนนะคะ”“ไปสิ กลับไปด้วยกัน”“ค่ะ”เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นและบิดตัวไปมา เธอเก็บของและสะพายกระเป๋าแต่เขาดึงกระเป๋าไปถือให้อย่างถือวิสาสะ“ถือว่าตอบแทนที่ให้ผมยืมไหล่ก็แล้วกันนะ ไป
หมอภาคย์อมยิ้มไม่หยุดพร้อมด้วยเสียงแซวไม่หยุดของทั้งเบลและหมอนพดลในห้อง “แม่พูดอะไรแบบนั้นคะแบบนี้คุณหมอจะเสียหายนะคะ”“เสียหาย แกจะบ้าเหรอหมอเขายังไม่เห็นว่าอะไรเลย ใช่ไหมคะคุณหมอภาคย์”เขาหันมามองหน้าที่โกรธจนแดงจัดของน้ำขิง นาน ๆ ทีจะเห็นท่าทีแบบนี้ของเธอสักครั้ง เขาหันไปยิ้มตอบกลับให้หญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างเต็มใจ“ครับคุณแม่ ไม่ผิดหรอกครับเรียกได้ตามสบายเลย”“นั่นยังไง ฉันบอกแกแล้วว่าลูกเขยฉันใจดีเห็นไหม ไม่อย่างนั้นจะขอมารักษาแม่เองเหรอใช่ไหมลูก”“แม่คะ ขิงจะโกรธแล้วนะคะพอทีเถอะค่ะ ขิงกับคุณหมอ….”“เราก็แค่พึ่งเริ่มคบกันครับ ขิงอาจจะยังไม่ค่อยชินคุณแม่ก็อย่าไปแซวเธอบ่อยเลยครับ”น้ำขิงหันไปมองค้อนเขาอีกครั้ง สายตาโตที่เธอมองเขาทำให้เขานึกอยากจะหิ้วตัวเธอกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยหากไม่ติดว่าตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าแม่ของเธอ“นั่นยังไงทีนี้จะโกหกอีกไหมขิง”“เอาล่ะครับตรวจเสร็จแล้ว วันนี้พักผ่อนก่อนนะครับคุณแม่ พรุ่งนี้เช้ามีนัดตรวจเลือดแต่เช้า อืม…สองทุ่มเริ่มงดอาหารนะครับ”“ได้จ๊ะ ๆ เชื่อฟังอยู่แล้ว ไป๊ ๆ เด็ก ๆ กลับไปได้แล้ว ได้ยินไหมว่าลูกเขยสั่งแล้วว่าต้องรีบพักผ่อน”“แม่ แต่ขิงยังไม่ได้
เขาเองก็กำลังพยายามหาทางที่จะคุยกับน้ำขิง แต่ดูท่าทางของเธอแล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มรู้และเริ่มทำใจแล้วเช่นกันเกี่ยวกับอาการของแม่แก้วตาถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้บอกเธอ“หมอคะ…”“ครับ มาแล้ว”เขาเดินออกจากห้องนอนออกมา เธอยังสวมชุดคลุมตัวเดิมที่เคยมาในครั้งที่แล้ว แต่เขาในวันนี้กับในวันนั้นแตกต่างจากเดิมมาก เขาไม่ได้มองเธอเป็นแค่คนที่บำบัดความใคร่หรือคนคลายเหงาให้เขาอีกต่อไปแล้ว“หิวไหม ผมจะสั่งข้าวมาให้กิน”“หมอบอกว่า..จะให้ขิงทำให้กินไม่ใช่เหรอคะ”“คุณจะทำเหรอ แต่ว่าผมไม่แน่ใจว่า…มีอะไรเหลือบ้างเราสั่งมากินก็ได้ผมเองก็ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายวันแล้ว”“คุณนอนค้างที่โรงพยาบาลตลอดเลยเหรอคะ”“เอ่อ…”“หมอคะ เวลาของคุณแม่….เหลืออีกไม่นานแล้วใช่ไหมคะ”นับตั้งแต่ที่เขามารับหน้าที่ต่อจากหมอนพ นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำขิงจะกล้าถามเขาตรง ๆ เกี่ยวกับอาการของคุณแม่ของเธอ“น้ำขิง….คือ…”“ขิงทำใจเอาไว้แล้วค่ะ คุณแม่…จะทรมานไหมคะ คุณทำให้แม่….ทรมานน้อยที่สุดได้ไหม”“ผม….”เขาเดินมาและดึงเธอเข้ามากอด เธอตัวสั่นแม้ว่าจะถามเขาด้วยเสียงที่ปกติ เขารู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ เขาเป็นหมอและพบเจอเหตุการณ์
น้ำขิงมองหน้าของคุณหมอภาคย์ที่ยังจับมือเธออยู่ข้าง ๆ เขาค่อย ๆ ดึงเธอมากอดให้กำลังใจ สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้และเป็นสิ่งที่หมอภาคย์พอจะทำได้เพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอไม่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“รีบกินข้าวเถอะ ร้านนี้ทำอร่อยมากนะจะได้รีบนอนพักเอาแรง”หนึ่งเดือนถัดมา“เดี๋ยวผลตรวจออกแล้วผมจะรีบเอามาให้ดู”“ขอบคุณค่ะหมอภาคย์”“ตอนนี้งดของที่มีรสเค็มก่อนนะ ผมกลัวว่ามันจะไม่ดีกับกระเพาะ”“ได้ค่ะ ขิงจำได้แล้วค่ะ”“คุณส่งงานหมดแล้วใช่ไหม คืนนี้จะได้นอนพักเต็มที่”“เอ่อ..ยังเหลืออีกงานหนึ่งค่ะ แต่ทำร่วมกับทีมงานอีกคน ขิงนัดกับพี่ในทีมเอาไว้น่าจะใกล้มาถึงแล้ว”“นัดที่ไหนล่ะ”“ร้านกาแฟใต้ตึกนี้แหละค่ะพอดีว่าเขาจะมาเยี่ยมคุณแม่ด้วย”“อืม งั้นก็รีบไปเถอะทางนี้มีผมอยู่ไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกที่รักสิ”“หมอ!!”“เปลี่ยนได้แล้วน่า นี่ก็เดือนหนึ่งแล้วนะ”เขากับเธอตกลงคบหากันแล้ว แม่แก้วตาก็รับรู้แล้วส่วนหนึ่งเพราะน้ำขิงอยากให้แม่สบายใจและไม่ต้องห่วงเธอมากจนเกินไปหมอภาคย์ขอให้เธอย้ายมาอยู่ด้วยที่คอนโดแต่เธอปฏิเสธซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่า
“ผมไม่ชอบเลยทำไมคุณต้องทำงานกับเขา คุณไม่เห็นสายตาเขาที่มองคุณเหรอขิง”“หมอคะ ใจเย็น ๆ ก่อน อ๊ะ หมอ เดี๋ยวค่ะขิงยังไม่พร้อม หมอ!! ฮึก!!….หมอภาคย์ อ๊าา”เขาสอดใส่จากด้านหลังเข้าไปในทันที น้ำขิงที่กำลังตกใจเมื่อถูกเขาจู่โจมเข้ามาในทันทีก็เริ่มกลัวแต่เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมาเธอก็พอจะเริ่มเข้าใจหมอภาคย์แล้วว่าเขากำลัง “หึง” นี่เอง“หมอคะ อ๊าา อื้อ….หมอ อ๊าาา สะ..เสียว อื้อ…”“ขิง ผมไม่ชอบเลยที่คุณคุยกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้”เธอหันมาและจับเขามาจูบทันที หมอภาคย์เมื่อถูกเธอจูบก็ยิ่งได้ใจเร่งกระแทกจนเธอทนไม่ไหวอีกครั้ง“อ๊าา หมอคะ ขิงจะ…เสร็จ หมอ!!”เขายกบั้นท้ายเธอขึ้นมาและขย่มกลับไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งแรงและถี่จนเธอและเขาถึงสวรรค์ไปพร้อม ๆ กัน หมอภาคย์ล้มตัวลงข้าง ๆ น้ำขิงที่ยังนอนคว่ำหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เธอแอบดีใจที่เขาหึงเธอแต่เธอเองก็อยากให้เขารู้ว่าภาวัตรเป็นแค่เพื่อนร่วมงานของเธอเท่านั้น เธอค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นมาคร่อมทับบนตัวเขาอีกครั้ง“หมอคะ หมอโกรธขิงเหรอคะ”“ผมไม่ชอบเขา”“หมอกำลังหึงเหรอคะ”“อยากโดนอีกรอบเหรอขิง ผมยังทำต่อได้นะถ้าคุณยังถามยั่วอารมณ์ผมแบบนี้”“เดี๋ยวสิคะไม่ต้องรีบร้อน ตอบข
เขาอ่านประวัติเธอจนจบและกำหมัดแน่นและมองออกไปนอกหน้าต่างของคอนโด สายตาของเขาราวกับมีไฟแค้นอยู่แต่ก็ไม่นานเพราะเสียงของน้ำขิงเรียกสติเขากลับมาอีกครั้งเธอเดินออกมาในชุดเดรสพอดีตัวสีชมพูอ่อน ๆ ที่ขับกับสีผิวขาวของเธอ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ และรวบผมพร้อมกับสวมเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน“สวยมาก”“ขอบคุณค่ะ รอนานไหมคะขิงมัวแต่ใช้รองพื้นกลบรอยอยู่”“นี่คุณโทษผมเหรอครับ ที่จริงไม่เห็นต้องปิดเลยเซ็กซี่ดีออกนะ”“จะบ้าเหรอคะใครเห็นคงต้องนินทาแน่ ไปกันหรือยังคะ”“เดี๋ยวก่อนสิ คอคุณมันดูโล่ง ๆ นะ”“เหรอคะ ไม่งั้นหาเข็มกลัดสวมไปที่ปกชุดหน่อยดีไหมคะ”“ไม่ดี มานี่ก่อนสิ”เขาเดินมาดึงกล่องกำมะหยี่ที่เตรียมเอาไว้ ที่จริงเครื่องประดับชุดนี้มาพร้อมกับชุด เป็นต่างหู สร้อยคอและกำไลเพชรที่เข้ากับชุดซึ่งเขาสั่งมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ“นี่..อะไรคะ”“ของหมั้น”“หมอคะ!! คุณชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลย”“คุณก็รู้ว่าผมล้อเล่น เอาไว้ใส่เล่น ๆ น่ะ ของหมั้นน่ะต้องพิเศษกว่านี้สิจริงไหม ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไปงานสายนะ”“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ก็แค่ไปเป็นพิธีเท่านั้นไปให้เห็นหน้าแล้วก็กลับแล้ว”“แต่งตัวสวยขนาดนี้ไปแค่เป็นพิธีน่ะเหรอ
“มะ…ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ฉัน พวกแกตัดต่อคลิป!!”คุณประพิณหน้าตาตื่นเมื่อเธอไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอัดคลิปตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งเครื่องนี้ถูกติดเอาไว้ที่พุ่มต้นไม้หน้างาน แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของเฮียหมิงและเสกสรรค์ เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของภาคย์ภูมินั่นเอง“พวกคุณหมายถึงเรื่องนี้เหรอ ผมว่าคนอย่างขิงคิดและทำอย่างที่พวกคุณทำไม่ได้แน่ ๆ แล้วก็...ไม่เอาน่าผมคงไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้นมั้งครับ…”หมอภาคย์พูดพร้อมกับหันไปมองที่นิรุตน์ซึ่งโกรธจนหน้าแดงตัวสั่นเมื่อได้ยินสิ่งที่สองแม่ลูกนี้พูดออกมา “พวกคุณ….สารเลวที่สุดแผนการทำร้ายน้ำขิง เป็นฝีมือพวกคุณตั้งแต่แรก ผมมันโง่เองที่เชื่อพวกคุณ วันนี้คุณไม่ต้องมาถอนหมั้นกับผม ผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายถอนหมั้นเอง ส่วนเรื่องค่าเสียหาย คุณประพิณผมจะฟ้องร้องให้ถึงที่สุด!!”“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่รุตน์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับวิวนะคะ พี่รุตน์คะ”แต่คลิปยังไม่หมดเพียงแค่นั้นเมื่อหมอภาคย์กดให้คลิปเริ่มขยับอีกครั้ง....“แม่คะ ทำไมนังขิงมันคว้าได้แต่ผู้ชายดี ๆ ทำไมตอนนั้นแม่ต้องให้วิวไปอ่อยพี่รุตน์ด้วยนะ เสียดายหมอภาคย์ทั้งหล่อทั้งรวย ถ้าวิวได้นอนกับเขาสักครั้ง….”“แก
“อะไรนะ!!”เสียงฮือฮารอบ ๆ งานดังขึ้นพร้อมกับนักข่าวในงานที่เริ่มหันมารัวชัตเตอร์ที่พวกเขาแต่ก็ไม่ทันหมอภาคย์ เขาขยับเป็นครั้งแรกและเพียงแค่หันไปมอง นักข่าวก็ไม่กล้าที่จะถ่ายรูปเขาอีก เขาหันไปมองคนที่ยืนพูดอยู่หน้าเวทีที่จงใจส่งสายตาให้เขา“เป็นเรื่องจริงค่ะคุณหมอภาคย์ วิวหลงกลถูกมอมเหล้าและส่งไปที่ห้องพี่รุตน์ซึ่งเป็นแฟนกับพี่ขิง พี่รุตน์เองก็เมาและ…คิดว่าวิวเป็นพี่ขิงก็เลย….วิวมารู้ตอนหลังว่าพี่ขิงอยากสลัดพี่รุตน์ทิ้งและไปคว้า….ฮือ…ก็เลยโยนพี่รุตน์ให้วิวและให้วิวแต่งงานแทนแล้วตัวเองก็ไปคว้าหมอภาคย์ค่ะ”หมอภาคย์ลุกขึ้นเป็นครั้งแรก บรรดานักข่าวและแขกในงานต่างพากันตกใจและยื่นไมค์ให้หมอภาคย์ที่ยืนพูดกลับมา เขายิ้มให้วิวและคนบนเวที“เอ่อ…แฟนผมหนาว พอจะมีชาร้อน ๆ ให้เราสักชุดไหมครับ”ทั้งนักข่าวและคนอื่น ๆ รวมถึงวิวต่างมองหน้าหมอภาคย์ด้วยความตะลึง เขาเพียงไม่สนใจที่วิวพูดกล่าวหาน้ำขิง อีกทั้งยังขอชาร้อนมาให้น้ำขิงอีกด้วย คุณวิศาลยิ้มและหันไปสั่งบริกรทันที“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนจัดชามาให้นะครับ”“ขอบคุณครับ อ้อ ผมขอน้ำตาลอ้อยธรรมชาตินะครับ แฟนผมไม่กินน้ำตาลขัดสี แล้วก็…จะดีมากหากช่วยเบาแ
“ทำไมเจ้าบ่าวเอาแต่มองคุณไม่หยุด ผมชักจะหึงแล้วนะ”“คุณนี่หึงง่ายจังเลยนะคะ ถ้าจะหึงก็กรุณามองหน้าขิงก่อนด้วยค่ะ”“ที่รักผมคิดว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยนะครับคืนนี้”“ให้ผ่านเวลานี้ไปให้ได้ก่อนเถอะค่ะ ขิงเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ไม่ต้องห่วง มีผมอยู่คุณยังกลัวพวกสุนัขที่เห่าข้าง ๆ ทางนั่นอีกเหรอ”“ไม่ใช่ค่ะ ขิงไม่อยากให้นักข่าวเอาไปเขียนจนทำให้คุณหมอเสียหาย”“ผมไม่เสียหายหรอกไม่ต้องห่วง นั่งเถอะ”เขายกเก้าอี้ออกเพื่อให้เธอนั่งและเขาก็ลงไปนั่งตามเธอข้าง ๆ คุณพ่อที่เอาแต่ถามถึงสารทุกข์สุกดิบของลูกสาวที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน“พ่อไปเยี่ยมแม่มาแล้ว พ่ออยากจะให้แม่รักษาต่อแต่ว่าแม่…”“พ่อคะแม่ตัดสินใจแล้ว เราก็เคารพการตัดสินใจของแม่เถอะนะคะ”“ขิง แล้วขิงกับภาคย์…”“อ๋อ ผมเป็นหมอเจ้าของไข้คุณแม่แก้วตาครับคุณอา”“แบบนี้นี่เอง ดังนั้นก็เลย…”“ครับ แบบนั้นแหละครับ”“อืม ถ้าเป็นภาคย์อาก็หายห่วง อาผิดเองที่ดูแลทั้งคู่ไม่ดี”“พ่อคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อนะคะคนที่ต้องรับผิดชอบไม่ใช่พ่อค่ะ”“ขิง แต่ยังไงที่ขิงกับแม่ต้องเป็นแบบนี้เพราะพ่อเสียรู้คน”“แต่พ่อก็ทำเพื่อรักษาบริษัทเอาไว้นะคะ โชคดีที่พ่อโอน
เขาอ่านประวัติเธอจนจบและกำหมัดแน่นและมองออกไปนอกหน้าต่างของคอนโด สายตาของเขาราวกับมีไฟแค้นอยู่แต่ก็ไม่นานเพราะเสียงของน้ำขิงเรียกสติเขากลับมาอีกครั้งเธอเดินออกมาในชุดเดรสพอดีตัวสีชมพูอ่อน ๆ ที่ขับกับสีผิวขาวของเธอ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ และรวบผมพร้อมกับสวมเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน“สวยมาก”“ขอบคุณค่ะ รอนานไหมคะขิงมัวแต่ใช้รองพื้นกลบรอยอยู่”“นี่คุณโทษผมเหรอครับ ที่จริงไม่เห็นต้องปิดเลยเซ็กซี่ดีออกนะ”“จะบ้าเหรอคะใครเห็นคงต้องนินทาแน่ ไปกันหรือยังคะ”“เดี๋ยวก่อนสิ คอคุณมันดูโล่ง ๆ นะ”“เหรอคะ ไม่งั้นหาเข็มกลัดสวมไปที่ปกชุดหน่อยดีไหมคะ”“ไม่ดี มานี่ก่อนสิ”เขาเดินมาดึงกล่องกำมะหยี่ที่เตรียมเอาไว้ ที่จริงเครื่องประดับชุดนี้มาพร้อมกับชุด เป็นต่างหู สร้อยคอและกำไลเพชรที่เข้ากับชุดซึ่งเขาสั่งมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ“นี่..อะไรคะ”“ของหมั้น”“หมอคะ!! คุณชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลย”“คุณก็รู้ว่าผมล้อเล่น เอาไว้ใส่เล่น ๆ น่ะ ของหมั้นน่ะต้องพิเศษกว่านี้สิจริงไหม ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไปงานสายนะ”“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ก็แค่ไปเป็นพิธีเท่านั้นไปให้เห็นหน้าแล้วก็กลับแล้ว”“แต่งตัวสวยขนาดนี้ไปแค่เป็นพิธีน่ะเหรอ
“ผมไม่ชอบเลยทำไมคุณต้องทำงานกับเขา คุณไม่เห็นสายตาเขาที่มองคุณเหรอขิง”“หมอคะ ใจเย็น ๆ ก่อน อ๊ะ หมอ เดี๋ยวค่ะขิงยังไม่พร้อม หมอ!! ฮึก!!….หมอภาคย์ อ๊าา”เขาสอดใส่จากด้านหลังเข้าไปในทันที น้ำขิงที่กำลังตกใจเมื่อถูกเขาจู่โจมเข้ามาในทันทีก็เริ่มกลัวแต่เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมาเธอก็พอจะเริ่มเข้าใจหมอภาคย์แล้วว่าเขากำลัง “หึง” นี่เอง“หมอคะ อ๊าา อื้อ….หมอ อ๊าาา สะ..เสียว อื้อ…”“ขิง ผมไม่ชอบเลยที่คุณคุยกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้”เธอหันมาและจับเขามาจูบทันที หมอภาคย์เมื่อถูกเธอจูบก็ยิ่งได้ใจเร่งกระแทกจนเธอทนไม่ไหวอีกครั้ง“อ๊าา หมอคะ ขิงจะ…เสร็จ หมอ!!”เขายกบั้นท้ายเธอขึ้นมาและขย่มกลับไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งแรงและถี่จนเธอและเขาถึงสวรรค์ไปพร้อม ๆ กัน หมอภาคย์ล้มตัวลงข้าง ๆ น้ำขิงที่ยังนอนคว่ำหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เธอแอบดีใจที่เขาหึงเธอแต่เธอเองก็อยากให้เขารู้ว่าภาวัตรเป็นแค่เพื่อนร่วมงานของเธอเท่านั้น เธอค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นมาคร่อมทับบนตัวเขาอีกครั้ง“หมอคะ หมอโกรธขิงเหรอคะ”“ผมไม่ชอบเขา”“หมอกำลังหึงเหรอคะ”“อยากโดนอีกรอบเหรอขิง ผมยังทำต่อได้นะถ้าคุณยังถามยั่วอารมณ์ผมแบบนี้”“เดี๋ยวสิคะไม่ต้องรีบร้อน ตอบข
น้ำขิงมองหน้าของคุณหมอภาคย์ที่ยังจับมือเธออยู่ข้าง ๆ เขาค่อย ๆ ดึงเธอมากอดให้กำลังใจ สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้และเป็นสิ่งที่หมอภาคย์พอจะทำได้เพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอไม่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“รีบกินข้าวเถอะ ร้านนี้ทำอร่อยมากนะจะได้รีบนอนพักเอาแรง”หนึ่งเดือนถัดมา“เดี๋ยวผลตรวจออกแล้วผมจะรีบเอามาให้ดู”“ขอบคุณค่ะหมอภาคย์”“ตอนนี้งดของที่มีรสเค็มก่อนนะ ผมกลัวว่ามันจะไม่ดีกับกระเพาะ”“ได้ค่ะ ขิงจำได้แล้วค่ะ”“คุณส่งงานหมดแล้วใช่ไหม คืนนี้จะได้นอนพักเต็มที่”“เอ่อ..ยังเหลืออีกงานหนึ่งค่ะ แต่ทำร่วมกับทีมงานอีกคน ขิงนัดกับพี่ในทีมเอาไว้น่าจะใกล้มาถึงแล้ว”“นัดที่ไหนล่ะ”“ร้านกาแฟใต้ตึกนี้แหละค่ะพอดีว่าเขาจะมาเยี่ยมคุณแม่ด้วย”“อืม งั้นก็รีบไปเถอะทางนี้มีผมอยู่ไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกที่รักสิ”“หมอ!!”“เปลี่ยนได้แล้วน่า นี่ก็เดือนหนึ่งแล้วนะ”เขากับเธอตกลงคบหากันแล้ว แม่แก้วตาก็รับรู้แล้วส่วนหนึ่งเพราะน้ำขิงอยากให้แม่สบายใจและไม่ต้องห่วงเธอมากจนเกินไปหมอภาคย์ขอให้เธอย้ายมาอยู่ด้วยที่คอนโดแต่เธอปฏิเสธซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่า
เขาเองก็กำลังพยายามหาทางที่จะคุยกับน้ำขิง แต่ดูท่าทางของเธอแล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มรู้และเริ่มทำใจแล้วเช่นกันเกี่ยวกับอาการของแม่แก้วตาถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้บอกเธอ“หมอคะ…”“ครับ มาแล้ว”เขาเดินออกจากห้องนอนออกมา เธอยังสวมชุดคลุมตัวเดิมที่เคยมาในครั้งที่แล้ว แต่เขาในวันนี้กับในวันนั้นแตกต่างจากเดิมมาก เขาไม่ได้มองเธอเป็นแค่คนที่บำบัดความใคร่หรือคนคลายเหงาให้เขาอีกต่อไปแล้ว“หิวไหม ผมจะสั่งข้าวมาให้กิน”“หมอบอกว่า..จะให้ขิงทำให้กินไม่ใช่เหรอคะ”“คุณจะทำเหรอ แต่ว่าผมไม่แน่ใจว่า…มีอะไรเหลือบ้างเราสั่งมากินก็ได้ผมเองก็ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายวันแล้ว”“คุณนอนค้างที่โรงพยาบาลตลอดเลยเหรอคะ”“เอ่อ…”“หมอคะ เวลาของคุณแม่….เหลืออีกไม่นานแล้วใช่ไหมคะ”นับตั้งแต่ที่เขามารับหน้าที่ต่อจากหมอนพ นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำขิงจะกล้าถามเขาตรง ๆ เกี่ยวกับอาการของคุณแม่ของเธอ“น้ำขิง….คือ…”“ขิงทำใจเอาไว้แล้วค่ะ คุณแม่…จะทรมานไหมคะ คุณทำให้แม่….ทรมานน้อยที่สุดได้ไหม”“ผม….”เขาเดินมาและดึงเธอเข้ามากอด เธอตัวสั่นแม้ว่าจะถามเขาด้วยเสียงที่ปกติ เขารู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ เขาเป็นหมอและพบเจอเหตุการณ์
หมอภาคย์อมยิ้มไม่หยุดพร้อมด้วยเสียงแซวไม่หยุดของทั้งเบลและหมอนพดลในห้อง “แม่พูดอะไรแบบนั้นคะแบบนี้คุณหมอจะเสียหายนะคะ”“เสียหาย แกจะบ้าเหรอหมอเขายังไม่เห็นว่าอะไรเลย ใช่ไหมคะคุณหมอภาคย์”เขาหันมามองหน้าที่โกรธจนแดงจัดของน้ำขิง นาน ๆ ทีจะเห็นท่าทีแบบนี้ของเธอสักครั้ง เขาหันไปยิ้มตอบกลับให้หญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างเต็มใจ“ครับคุณแม่ ไม่ผิดหรอกครับเรียกได้ตามสบายเลย”“นั่นยังไง ฉันบอกแกแล้วว่าลูกเขยฉันใจดีเห็นไหม ไม่อย่างนั้นจะขอมารักษาแม่เองเหรอใช่ไหมลูก”“แม่คะ ขิงจะโกรธแล้วนะคะพอทีเถอะค่ะ ขิงกับคุณหมอ….”“เราก็แค่พึ่งเริ่มคบกันครับ ขิงอาจจะยังไม่ค่อยชินคุณแม่ก็อย่าไปแซวเธอบ่อยเลยครับ”น้ำขิงหันไปมองค้อนเขาอีกครั้ง สายตาโตที่เธอมองเขาทำให้เขานึกอยากจะหิ้วตัวเธอกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยหากไม่ติดว่าตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าแม่ของเธอ“นั่นยังไงทีนี้จะโกหกอีกไหมขิง”“เอาล่ะครับตรวจเสร็จแล้ว วันนี้พักผ่อนก่อนนะครับคุณแม่ พรุ่งนี้เช้ามีนัดตรวจเลือดแต่เช้า อืม…สองทุ่มเริ่มงดอาหารนะครับ”“ได้จ๊ะ ๆ เชื่อฟังอยู่แล้ว ไป๊ ๆ เด็ก ๆ กลับไปได้แล้ว ได้ยินไหมว่าลูกเขยสั่งแล้วว่าต้องรีบพักผ่อน”“แม่ แต่ขิงยังไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอดูเหนื่อยมากเลยนะคะ อดนอนมาเหรอคะ”เขาหาวและบิดขี้เกียจเล็กน้อยใกล้ ๆ เธอ กลิ่นน้ำหอมที่เย้ายวนนี้ทำให้เธอใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้เลยเพราะมันจะทำให้เธอกลัวหัวใจตัวเองและเผลอคิดเรื่องในคืนนั้นเสมอเมื่ออยู่กับเขาแบบนี้“อืม ใช่ เมื่อคืนนี้มีผ่าตัดสองเคส ใช้เวลาไปเกือบสิบสองชั่วโมงกลับมาล้างมือกินข้าวได้แค่สามคำก็ต้องวิ่งเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินอีก นี่พึ่งจะได้พักถ้าขับรถกลับไม่ไหวคงต้องค้างที่โรงพยาบาลอีกคืน”“แต่ถ้าค้างที่นี่ จะไม่ถูกเรียกอีกเหรอคะ”“ทำยังไงได้ล่ะ มันเป็นงานน่ะ”“แต่คอนโดคุณหมออยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลนี่เองนะคะ”“แต่คนไข้เองก็รอไม่ได้นะถ้าฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ จะดีกว่าถ้าไม่ต้องขับรถเองไป ๆ มา ๆ ว่าแต่คุณเมื่อยไหม ผมหลับไปโอโห…เกือบหนึ่งชั่วโมงเลยนะ ไหล่คุณคงไม่ทรุดหรอกนะ”“ขิงไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะคะคุณหมอ ถ้าอย่างนั้นขิงขอตัวไปดูคุณแม่ก่อนนะคะ”“ไปสิ กลับไปด้วยกัน”“ค่ะ”เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นและบิดตัวไปมา เธอเก็บของและสะพายกระเป๋าแต่เขาดึงกระเป๋าไปถือให้อย่างถือวิสาสะ“ถือว่าตอบแทนที่ให้ผมยืมไหล่ก็แล้วกันนะ ไป