เวินเหลียงใช้โทรศัพท์มือถือจ่ายเงินแล้วจึงกดเปิดประวัติการโทร ในนั้นมีสายที่ไม่ได้รับของฟู่เจิงหลายสิบสายกับข้อความของฟู่เจิงอีกสามสี่ข้อความเธอเปิดออกอ่านทีละข้อความ ข้อความแรกเขียนว่า : เวินเหลียง เธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปรับเธอข้อความที่สอง : เรื่องข่าวฉันอธิบายได้ข้อความที่สาม : ขอโทษพอเห็นสองคำนี้แล้วเวินเหลียงก็หัวเราะขอโทษเหรอขอโทษอีกแล้วเขาพูดเป็นอยู่แค่ประโยคเดียวเสมอรู้ทั้งรู้ว่าทำผิด แต่ก็ยังจะทำผิดต่อไปข้อความที่สี่เวลาห่างจากข้อความที่สามประมาณหนึ่ง : เวินเหลียง การสัมภาษณ์ของเธอที่หน้าโรงพยาบาลถูกคนประสงค์ร้ายตัดต่อ ฉันให้คนกดกระแสเอาไว้แล้ว เธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปรับเธอ เห็นข้อความนี้แล้วอย่าลืมโทรกลับหาฉันด้วยเวินเหลียงเปิดเฟซบุ๊กค้นหา เห็นข่าวที่เกี่ยวกับตัวเองดังคาด เป็นของแอคปั่นข่าวเพิ่งเผยแพร่ไม่นานนี้สื่อต่าง ๆ ตั้งชื่อข่าวนี้ว่าการตอบกลับล่าสุดของเวินเหลียง คนที่ฟู่เจิงนอกใจด้วยตอบกลับอะไร?ไม่ได้ตอบกลับอะไรสักหน่อยแค่แอคปั่นข่าวกับสื่อชักจูงว่าท่าทีแบบนี้ของเวินเหลียงคือละอายใจ ไม่กล้าตอบซึ่งหน้า คอมเมนต์ข้างล่างล้วนเป็นการโจมตีเวินเหลียงแ
“เธอเดินเข้าสู่ฤดูร้อนเคียงข้างฉัน ก้าวผ่านเมืองที่วุ่นวาย เสียงเพลงยังคงดำเนินต่อไป ในดวงตาคู่นั้นที่เหมือนดอกทับทิมของเธอ ไม่เห็นความอ่อนโยนของเธอ รอยยิ้มที่งดงามจางหาย วันเวลาไม่อาจหยุดเดิน ก้อนเมฆเคลื่อนคล้อยมาเฝ้ารอ ฉันคิดถึงเธอจริง ๆ ในทุกฤดูฝน เธอเลือกที่จะลืม แต่ฉันกลับทำใจไม่ได้สักนิด กระดาษสั้นแต่ความรักนั้นยาว มีระลอกคลื่นมากมายที่บรรยายไม่มีวันหมด เรื่องราวของฉันล้วนเกี่ยวข้องกับเธอ ทำไมถึงหลงรักเขา และตัดสินใจกลับบ้านกับเขา ทิ้งทุกสิ่งของฉันทุกอย่างของฉันโดยไม่สนใจ กระดาษสั้นแต่ความรักนั้นยาว ไม่อาจบรรยายช่วงเวลาในวัยเด็กได้หมด เรื่องราวของฉันยังคนเกี่ยวข้องกับเธอ......”น้ำเสียงของนักร้องไม่นับว่าโดดเด่นนัก ความไพเราะก็ถือว่าธรรมดา อาจเป็นเพราะตอนนี้มีลูกค้าไม่มาก เสียงร้องจึงฟังดูขี้เกียจสักหน่อยแต่ก็ยังทำให้เวินเหลียงตาแดง และรู้สึกปวดใจได้เพราะข่มอารมณ์มาทั้งวัน จู่ ๆ จึงระเบิดออกมาในคราวเดียวสิบกว่าปีมานี้เธอเป็นผู้ชมมาโดยตลอด มองดูฟู่เจิงเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงเซ่อ เติบโตจนกลายเป็นประธานของฟู่ซื่อ กรุ๊ปที่แบกรับภาระทุกอย่างของบริษัทอยู่ในตอนนี้เขาคือเป้าหมา
ชาวเน็ตทำร้ายเธอไม่ได้ คนที่จะทำร้ายเธอได้มีแค่ฟู่เจิงการโปรโมตในด้านการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ MQ รวมถึงโครงการอื่น ๆ เธอก็มักจะติดต่อกับสื่ออยู่บ่อย ๆ จึงย่อมรู้ดีว่าจิตใจของชาวเน็ตนั้นเป็นไปในทิศทางที่คาดเดาไปสุ่มสี่สุ่มห้าสิ่งที่พวกเขาเห็น คือสิ่งที่มีคนอยากให้พวกเขาเห็นเหมือนกับข่าวในวันนี้ มีสื่อจงใจชี้นำให้เกิดความปั่นปวด ซ้ำยังมีอู๋หลิงคอยแทงข้างหลัง มีคนจงใจเปิดเผยต่อหน้าชาวเน็ตส่วนสิ่งที่ไม่อยากให้ชาวเน็ตเห็น อย่างเช่นความบริสุทธิ์ของเธอ ก็ถูกฟู่เจิงปิดบังไว้เสียสนิท บนอินเทอร์เน็ตไม่หลุดลอดออกมาแม้แต่ตัวเดียว ขอแค่เธอพูดความจริงออกมาบนเฟซบุ๊ก ไม่เกินสามวินาทีก็ต้องถูกปิดกั้นการมองเห็นโจวอวี่นั่งเป็นเพื่อนเวินเหลียงอยู่ที่บาร์พักใหญ่ เวินเหลียงพูดว่า “วันนี้ตอนบ่ายนายไม่ทำงานเหรอ ?”“เปล่า ถ้ามีผู้จัดการของฉันคงต้องโทรจิกแล้ว ได้นั่งเป็นเพื่อนเธอที่นี่พอดี เอ๊ะ หรือว่าคืนนี้เธอไปกินข้าวที่บ้านฉันดีไหม นาน ๆ ทีจะมีเวลา”“ได้สิ” เวินเหลียงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “นายรอฉันไปซื้อของฝากที่ห้างสรรพสินค้าให้คุณลุงคุณป้าสักเดี๋ยวนะ จะไปมือเปล่าก็คงไม่ได้”“โธ่ ขอแค่เธอไปก็พอ
ป้าโจวปลอบใจเวินเหลียง บอกเวินเหลียงว่าอย่าเก็บเอาไปใส่ใจอีกป้าโจวคิดในใจว่า อย่างไรเสียเวินเหลียงกับฟู่เจิงก็อยู่ด้วยกันมาหลายปี หากมีความสัมพันธ์อะไรจริง ๆ ฉู่ซืออี๋จะมีสิทธิ์อะไรได้ ?“ขอบคุณค่ะคุณป้า คุณป้าคะ สบายใจได้ค่ะ พวกเขาอยากด่าก็ด่าไป หนูก็ใช้ชีวิตของหนู พวกเขาไม่มีผลกระทบกับหนูสักนิด หนูไม่มีทางเก็บเอาไปใส่ใจหรอกค่ะ”“ใช่แล้ว แบบนี้สิถึงจะถูก คือว่า......ข่าวทำนองนี้ ทำไมคุณฟู่ถึงไม่ไปชี้แจงล่ะ ? นี่ไม่ทำกับทำให้เธอต้องเสียชื่อเสียงเปล่า ๆ เหรอ ?”เวินเหลียงก้มหน้าลงแล้วยิ้ม “คุณป้า สื่อกับชาวเน็ตพวกนี้ขุดคุ้ยฐานะของหนูออกมานานแล้ว รู้ว่าหนูเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลฟู่ ฟู่เจิงเป็นพี่ชายของหนู แต่ก็ยังคงโหมไฟให้ลุก ชี้แจงกับพวกเขาไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เรื่องแบบนี้วิธีจัดการที่ดีที่สุดคือเงียบเอาไว้ รอพายุสงบแล้วค่อยลบหัวข้อสนทนาทั้งหมดออก ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”ถ้าระหว่างเธอกับฟู่เจิงนั้นบริสุทธิ์ต่อกัน นี่ก็เป็นวิธีจัดการที่ดีที่สุดแล้ว“ที่พูดมาก็ถูก คุณฟู่งานยุ่งขนาดนั้น จะมีเวลาสนใจความคิดของชาวเน็ตได้ยังไง” ป้าโจวพยักหน้าเมื่อก่อนโจวอวี่เองก็มีเรื่องอื้อฉาวโด่งด
โจวอวี่ก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ถอดหน้ากากอนามัยออก “คุณปู่ฟู่ คุณย่าฟู่ ผมมาส่งอาเหลียงครับ พอรู้ว่าคุณปู่ฟู่ไม่สบาย ก็เลยขึ้นมาเยี่ยม คุณปู่ฟู่ยังสบายดีใช่ไหมครับ ?”“ลำบากเธอแล้ว ยังสบายดี สบายใจได้” คุณปู่พูดขึ้นพลางหัวเราะร่า“งั้นก็ดี ในเมื่อส่งอาเหลียงมาถึงแล้ว งั้นผมก็ไม่อยู่ต่อแล้วนะครับ ขอตัวกลับก่อน ลาก่อนนะอาเหลียง ลาก่อนครับคุณปู่ฟู่คุณย่าฟู่ ลาก่อนครับคุณฟู่” โจวอวี่สวมหน้ากากอนามัย แล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป“อาเหลียง เพื่อนของหลานคนนี้ห่อเหลาไม่เบา เป็นเด็กที่ใช้ได้คนหนึ่งเลยทีเดียว” คุณย่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขณะที่พูด เธอก็แอบเหลือบมองฟู่เจิงจากประสบการณ์อันยาวนานของเธอ โจวอวี่คนนี้จะต้องคิดอะไรกับเวินเหลียงอย่างแน่นอนเพียงแต่โจวอวี่น่าสนใจกว่าฉู่ซืออี๋มากเวินเหลียงไม่เข้าใจความหมายแฝงของคุณย่า จึงพูดเสริม “คุณย่าคะ เขาเป็นดาราดังคนหนึ่ง เป็นที่ชอบพอของบรรดาสาว ๆ มากเลยค่ะ”“งั้นเหรอจ๊ะ ? แล้วพวกเธอรู้จักกันได้ยังไง ?”“ตอนเด็ก ๆ บ้านของเขาอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านหนูค่ะ เป็นเพื่อนบ้านกัน เพียงแต่ภายหลังย้ายบ้าน คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะได้มาพบกันอีก”“ถ้างั้นก็ม
“เธออะไร ?” เมื่อเห็นฟู่เจิงเงียบไป เวินเหลียงก็จ้องมองเขา“ซืออี๋เป็นบุคคลสาธารณะ จะแบกรับข่าวเชิงลบไม่ได้”“ฉู่ซืออี๋แบกรับข่าวเชิงลบไม่ได้ แล้วฉันทำได้งั้นเหรอ ?”“เวินเหลียง กว่าที่ฉันจะรู้เรื่องราวก็บานปลายแล้ว วิธีจัดการกับความร้อนแรงที่ดีที่สุด ฉันคิดว่าเธอเองก็น่าจะรู้ ตอนนี้ความเงียบเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด...”เมื่อได้ยินฟู่เจิงพูดแบบนี้ เวินเหลียงก็ไม่คิดที่จะถามอะไรต่ออีกเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขากับฉู่ซืออี๋ แต่สุดท้ายกลับเป็นเธอที่ต้องแบกรักข้อกล่าวหามือที่สาม ถูกคนด่าทอ แต่กลับกลับแสดงท่าทีจนปัญญาหากจะถามถึงเหตุผลก็เป็นเพราะความลำเอียงเท่านั้นหากรักใครสักคนจริง ๆ จะไม่มีวันที่ทำให้เธอต้องน้อยใจ เหมือนกับที่เขารับผิดชอบปกป้องฉู่ซืออี๋จากข่าวหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เขารู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องเสียใจ แต่กลับยังทำต่อไป กลับปล่อยให้เธอต้องน้อยใจต่อไปเขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่า เขาสนใจแค่ฉู่ซืออี๋ เธอถามให้มากความแล้วจะมีประโยชน์อะไรอีก ?คราวหน้า ถ้าต้องขอโทษ ก็ยังคงขอโทษถ้าเธอทะเลาะกับเขา ไม่แน่ว่าเขาอาจหาว่าเธอไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจ ต้องการทำลายอาชีพของ
ฟู่เจิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วอธิบาย “ซืออี๋มีปัญหาทางจิตเล็กน้อย ถ้าอยู่คนเดียวอาจมีอันตราย...”เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เวินเหลียงก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงทำยังไงฟู่เจิงถึงจะรู้ว่า เธอไม่อยากยุ่งเรื่องของฉู่ซืออี๋ นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่เธอควรให้อภัยยิ่งไปกว่านั้น เธอมองออกว่าตอนเช้าที่ฉู่ซืออี๋พูดคุยกับเธอนั้น ไม่มีร่องรอยของความเจ็บป่วยเลยสักนิดเพียงแต่หากเธอพูดในสิ่งที่คิดออกไป เขาก็จะหาว่าเธอไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจอีก“ต่อให้เธอไม่มีอันตรายถึงชัวิต คุณก็จะไปอยู่ดี คุณใส่ใจเธอ แล้วทำไมต้องพูดเหมือนฝืนใจแบบนี้ด้วย” เวินเหลียงพูด “อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายกับคุณ”“ฉันรู้ว่าเธอชอบโจวอวี่ เพียงแต่เธอไม่ควรเลือกที่จะไปพบเขาในเวลาแบบนี้ ซ้ำยังพาเขามาหาคุณปู่อีก...”“แล้วคุณไม่เหมือนกันเหรอ ? ไปหาฉู่ซืออี๋ในเวลาสำคัญแบบนี้ ซ้ำยังพาเธอมาหาคุณปู่อีก นี่ฉันเลียนแบบคุณมาทั้งนั้น”“ซืออี๋อาการกำเริบ ฉันก็เลยต้องพาเธอมาเพื่อปลอบใจเธอ ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยพูดว่า รอให้คุณปู่ย้ายมาอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาก็พาเธอมาได้ แล้วตอนนี้เธอจะโมโหอะไร ?” ฟู่เจิงมองเธออย่างไม่เข้าใจเวินเหลียงคิดไม่ถึงเ
ฟู่เจิงเงียบไปสักพัก เวินเหลียงมองความลังเลของเขาออก จึงหัวเราะเยาะออกมา “คุณก็แค่เคยคิด รอให้คุณทำได้จริงเมื่อไรค่อยว่ากันเถอะ เอาละ คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะพักผ่อนแล้ว”ถ้าฟู่เจิงยังเป็นแบบนี้อยู่ ฉู่ซืออี๋แค่โทรมาเขาก็ไปทันที ถ้าอย่างนั้นเธออยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาก็คงไม่มีประโยชน์เธอไม่ต้องการสามีที่ผู้หญิงคนอื่นเรียกตัวไปได้ตลอดเวลาหรอกฟู่เจิงแสดงละครเก่งที่สุดแล้ว เธอไม่มีทางเชื่อเขาอีก“เพิ่งจะสามทุ่ม เธอจะพักผ่อนแล้วเหรอ ?”“วันนี้เหนื่อยนิดหน่อย”“อยากผ่อนคลายสักหน่อยไหม ?”“ผ่อนคลาย ?” เวินเหลียงเงยหน้ามองเขา“อืม”เขาหันหลังให้แสงไฟ ใบหน้าอยู่ภายใต้เงามืด มองสีหน้าของเขาไม่ออก“ผ่อนคลายยังไง ?”“นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับ”ฟู่เจิงคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าเวินเหลียง วางมือใหญ่ลงไปบนตักของเธอ แล้วลูบไล้ตามผิวของเธอขึ้นไปทางด้านบนอุณหภูมิร้อนฉ่าบนมือของเขาอบอุ่นมากความรู้สึกจักจี้พุ่งขึ้นสู่สมอง เวินเหลียงตัวแข็งทื่อ กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ฟู่เจิงสังเกตสีหน้าของเธอ จากนั้นก็เลิกชายกระโปรงของเธอขึ้น......“อย่า——” เวินเหลียงใช้มือกดกระโปรงเอาไว้พวกเขาเพิ่งทะเลาะกัน เ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง