ฟู่เจิงเงียบไปสักพัก เวินเหลียงมองความลังเลของเขาออก จึงหัวเราะเยาะออกมา “คุณก็แค่เคยคิด รอให้คุณทำได้จริงเมื่อไรค่อยว่ากันเถอะ เอาละ คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะพักผ่อนแล้ว”ถ้าฟู่เจิงยังเป็นแบบนี้อยู่ ฉู่ซืออี๋แค่โทรมาเขาก็ไปทันที ถ้าอย่างนั้นเธออยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาก็คงไม่มีประโยชน์เธอไม่ต้องการสามีที่ผู้หญิงคนอื่นเรียกตัวไปได้ตลอดเวลาหรอกฟู่เจิงแสดงละครเก่งที่สุดแล้ว เธอไม่มีทางเชื่อเขาอีก“เพิ่งจะสามทุ่ม เธอจะพักผ่อนแล้วเหรอ ?”“วันนี้เหนื่อยนิดหน่อย”“อยากผ่อนคลายสักหน่อยไหม ?”“ผ่อนคลาย ?” เวินเหลียงเงยหน้ามองเขา“อืม”เขาหันหลังให้แสงไฟ ใบหน้าอยู่ภายใต้เงามืด มองสีหน้าของเขาไม่ออก“ผ่อนคลายยังไง ?”“นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับ”ฟู่เจิงคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าเวินเหลียง วางมือใหญ่ลงไปบนตักของเธอ แล้วลูบไล้ตามผิวของเธอขึ้นไปทางด้านบนอุณหภูมิร้อนฉ่าบนมือของเขาอบอุ่นมากความรู้สึกจักจี้พุ่งขึ้นสู่สมอง เวินเหลียงตัวแข็งทื่อ กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ฟู่เจิงสังเกตสีหน้าของเธอ จากนั้นก็เลิกชายกระโปรงของเธอขึ้น......“อย่า——” เวินเหลียงใช้มือกดกระโปรงเอาไว้พวกเขาเพิ่งทะเลาะกัน เ
สายตาของเธอฟื้นฟูกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีก”เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เวินเหลียงก็ไปทำเอกสารออกจากโรงพยาบาลก่อน จากนั้นก็โทรศัพท์เรียกคนขับรถมาขนของของตัวเองกลับบ้าน แล้วค่อยไปเยี่ยมคุณปู่ที่ห้องพักผู้ป่วยในห้องพักผู้ป่วยเงียบสนิทคุณปู่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนคุณยายนั่งอยู่บนโซฟา แต่ละคนต่างเบือนหน้าไม่มองอีกฝ่ายทันทีที่เวินเหลียงเดินเข้ามา ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของบรรยากาศ“คุณปู่ คุณย่า” เวินเหลียงมองทั้งสองสลับกันรอบหนึ่ง “คุณปู่คุณย่าทานอาหารเช้าหรือยังคะ ?”“กินแล้ว”“กินแล้ว”ทั้งสองตอบขึ้นพร้อมกัน“คุณปู่คุณย่า......เป็นอะไรไปคะ ? ทะเลาะกันเหรอคะ ?”“ไม่ได้ทะเลาะ แต่ปู่ของหลานอารมณ์เสียขึ้นมาคนเดียว” คุณย่าเหลือบมองคุณปู่อย่างเบื่อหน่ายหนึ่งครั้งเวินเหลียงหันมองคุณปู่ “คุณปู่คะ ทำไมยั่วโมโหคุณย่าเสียแล้วละคะ ?”“ปู่ไม่ได้ยั่วโมโหเอสักหน่อย......” คุณปู่พึมพำเบา ๆ แสดงสีหน้ารู้สึกผิด“ถ้างั้นเกิดอะไรขึ้นคะ ?”คุณย่าหัวเราะเยาะ “อาเหลียง หลานมาช่วยตัดสินหน่อยสิ เขายังไม่หายดีก็โวยวายจะกลับบ้าน นี่ไม่เท่ากับจงใจยั
“ก็ดี” ฟู่เจิงเดินออกมาจากห้องทำงานของผอ.หลิน แล้วเดินตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยตรงหัวเลี้ยว มีแพทย์สวมชุดกาวน์สีขาวสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่“สามีเก่า ? พูดแบบนี้หมายความว่าพวกเขาเคยอยู่ด้วยกันจริง ๆ เหรอ ?” แพทย์ที่ยืนอยู่ด้านซ้ายพูดขึ้น“คิดว่าน่าจะจริง คิดว่าคงเพิ่งหย่ากันเร็ว ๆ นี้” แพทย์ที่ยืนอยู่ด้านขวาส่งสายตาบอกว่านายก็น่าจะรู้ดีนายท่านฟู่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงพยาบาล กำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ประธานของฟู่ซื่อกรุ๊ปเข้าออกอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ภายในจึงย่อมรู้เรื่องนี้ช่วงนี้ฟู่เจิงมีข่าวฉาวรอบตัว หน้าประตูโรงพยาบาลมีนักข่าวคอยดักซุ่ม ถึงขั้นที่ว่ามีนักข่าวบางคนคิดจะลักลอบเข้ามาในพื้นที่ห้องพักผู้ป่วยวีไอพี โรงพยาบาลจึงส่งประกาศให้เจ้าหน้าที่และพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นโดยเฉพาะแพทย์คนขวาเองก็เห็นเวินเหลียงซึ่งเป็นคนป่วยที่ตนเองให้การรักษาเมื่อไม่กี่วันมาก่อน เข้าออกของของนายท่านฟู่เป็นว่าเล่น ถึงได้รู้ว่าเธอก็คือ “มือที่สาม” ที่ในข่าวพูดถึงแต่เวินเหลียงกำชับกับเขาว่า ห้ามให้สามีเก่ารู้เรื่องที่เธอท้องตอนนั้นเขาคิดว่าสามีของเวินเหลียงน่าจะเป็นผู้ชายเสเพล คิด
ฟู่เจิงไม่ได้พาคนขับรถไป เวินเหลียงเปิดประตูด้านข้างคนขับ เข้าไปนั่งแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยฟู่เจิงนั่งตรงที่คนขับ ไม่รีบร้อนที่จะออกรถ เขายกมือขึ้น ปลดกระดุมคอ แล้วค่อย ๆ ถามขึ้นว่า “เธอบอกหมอว่าฉันเป็นสามีเก่าของเธอเหรอ ?”เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของเวินเหลียงก็เต้นดังตุบ ๆ ฟู่เจิงคงยังไม่รู้หรอกนะว่าเธอท้อง ?เวินเหลียงเหลือบมองฟู่เจิงอย่างระแวง มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ข้างขา ค่อย ๆ เคลื่อนมากุมไว้ที่ท้องน้อยโดยไม่รู้ตัว แล้วชิงพูดก่อน “ทำไม ? คุณกลัวคนอื่นจะรู้ว่าฉู่ซืออี๋แทรกกลางเข้ามาในชีวิตคู่ของเรา จนทำให้เราต้องหย่ากันหรือไง ?”“เวินเหลียง ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”“งั้นคุณหมายความว่ายังไง ?” เวินเหลียงเลิกคิ้วหันมองเขาฟู่เจิงเบะปาก “ฉันไม่ได้คิดจะโทษเธอ”ในฐานะที่เขาเป็นสามีของเวินเหลียง เมื่อได้ยินเวินเหลียงบอกกับหมอว่าตัวเองเป็นสามีเก่า ก็ย่อมไม่สบายใจเป็นธรรมดา “งั้นถือซะว่าฉันคิดมากไปเอง” เวินเหลียงแสร้งตอบแบบไม่ใส่ใจ “ตอนที่ฉันเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถ ตอนนั้นพวกเราก็คิดที่จะหย่าแล้ว คงไม่ห่างไกลจากคำว่าสามีเก่านัก”ฟู่เจิง : “......”ฟู่เจิงไม่พูดอะไร
บรรยากาศในพื้นที่สำนักงานเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกฟู่ซื่อ กรุ๊ปมีพนักงานกลุ่มใหญ่ ที่ใช้สำหรับการแจ้งข่าวสารผู้รับผิดชอบหลักของกลุ่มก็คือเลขาจ้าวจากห้องทำงานท่านประธานฟู่เจิงเองก็อยู่ในกลุ่มด้วย และเป็นผู้ดูแล เพียงแต่ไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นปกติแล้วในกลุ่มใหญ่มักเงียบสงบ แม้จะมีคนมาก แต่บรรดาหัวหน้าก็อยู่ด้านในด้วย ทำให้บรรดาพนักงานไม่กล้าพูดอะไรตามใจชอบในนี้ อย่างมากก็ส่งแค่คำว่า “รับทราบ”วันนี้พนักงานทุกคนต่างได้รับข้อความระบุตัวทุกคนในกลุ่มใหญ่ เดิมทีคิดว่าเลขาจ้าวมีอะไรจะแจ้ง แต่ทันทีที่เข้าไปอ่าน บรรดาพนักงานก็ต้องตกใจจนตาเบิกโพลงคนที่พูดขึ้นในกลุ่ม เป็นผู้ดูแลระบบ ชื่อเรียกทั้งชัดเจนและเป็นที่จดจำได้แม่นยำ—ฟู่เจิงประธานฟู่ส่งข้อความในกลุ่มแล้ว ? !พนักงานของฟู่ซื่อ กรุ๊ปโปรดรักษากฎระเบียบ ข้อที่ 53 : ควรกำหนดรูปแบบในการทำงานที่เข้มงวด และรักษาทัศนคติที่ดีในการทำงาน ระหว่างทำงานห้ามจับกลุ่มคุยกัน ส่งเสียงพูดคุยหัวเราะ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงาน เผยแพร่ข่าวลือ ห้ามนินทาว่าร้าย วิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชาลับหลัง หากฝ่าฝืน ครั้งแรกจะเป็นการตักเตือน หั
“ผอ.เวิน ยินดีด้วยนะคะที่สุขภาพแข็งแรงดี” อู๋หลิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณค่ะผอ.อู๋” เวินเหลียงเผยสีหน้าจาง ๆ “ผอ.เวินไม่มีซะหลายวัน ฉันคิดว่าอับอายจนไม่กล้าพบหน้าผู้คนเสียอีก !”เวินเหลียงหัวเราะเบา ๆ “ดูเหมือนว่าผอ.อู๋เพิ่งถูกหักโบนัส 50% จะมีความสุขมากเลยนะคะ ! อยากมากวนใจฉันโดยไม่เสียดายเงินก้อนโตขนาดนั้นเลยสักนิด ผอ.อู๋นี่ใจป้ำจริง ๆ”อู๋หลิงสีหน้าแข็งทื่อไป จากนั้นก็พูดว่า “เวินเหลียง เธอคิดว่าเธอชนะแล้วอย่างนั้นเหรอ ?”“หมายความว่ายังไง ?”อู๋หลิงเลิกคิ้ว “เธอคิดว่านี่เป็นการทำงานผิดพลาดของเด็กฝึกงานจริงเหรอ ?”เวินเหลียงไม่พูดอะไร แน่นอนว่าเธอรู้ พลั้งมือไปกดถูกใจเป็นฝีมือของอู๋หลิง เด็กฝึกงานก็เป็นแค่แพะรับบาปของอู๋หลิงเท่านั้นมองดูสีหน้าของเธอ อู๋หลิงก็หัวเราะออกมา “เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนทำ แล้วประธานฟู่จะไม่รู้เหรอ ? แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บฉันไว้ ผลักความผิดไปให้เด็กฝึกงาน เธอว่านี่มันหมายความว่ายังไงล่ะ ?”หมายความว่าอะไร ?เวินเหลียงก้มหน้าลงเธอรู้แก่ใจดี มันหมายความว่าฟู่เจิงไม่สนใจเธอ หมายความว่าในใจของฟู่เจิง ฉู่ซืออี๋สำคัญกว่ามากเพียงเพราะอู๋หลิงกับเวิ
เธอเปรี้ยวปากอยากกินเค้กแบล็คฟอร์เรสของร้านเบเกอรี่เจ้าเก่าร้านนั้นอีกแล้ว“โชเฟอร์คะ คุณรอฉันตรงนี้เดี๋ยวเดียวนะคะ ฉันไปซื้อของแป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว” เวินเหลียงกำชับกับคนขับรถ จากนั้นก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในจินเซิ่งสแควร์อย่างรวดเร็วร้านเบเกอรี่ร้านนี้มีชื่อว่าอัฟเตอร์นูนไทม์ เปิดอยู่ที่จินเซิ่งสแคสร์มาหลายปีแล้ว กิจการดีมาก ตอนที่เวินเหลียงไป ในร้านมีคนจำนวนมากเธอเดินตรงไปที่ตู้กระจกด้านซ้ายมือ เรียกพนักงานร้านหยิบเค้กแบล็คฟอร์เรสให้ตัวเองหนึ่งชิ้น รวมถึงนโปเลียนอีกหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ต่อแถวจ่ายเงิน แล้วเวินเหลียงก็ถือถึงกระดาษเดินจากไปเพิ่งออกมาจากร้านเบเกอรี่ เวินเหลียงก็ชนเข้ากับผู้หญิงสองคน เธอกล่าว “ขอโทษ” เตรียมที่จะเดินอ้อมไปจู่ ๆ ก็มีคนตะโกนเรียกเธอ “เวินเหลียง ?”เวินเหลียงชะงักฝีเท้า หันหน้ากลับไป จึงพบว่าหนึ่งในผู้หญิงสองคนนั้น คนที่สวมหน้ากากอนามัยและหมวกก็คือฉู่ซืออี๋ส่วนผู้หญิงคนข้าง ๆ ที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยก็คือผู้ช่วยของเธอฉู่ซืออี๋ก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองดูถุงที่อยู่ในมือของเวินเหลียง “มาซื้อเค้กเหรอ ? เธอเองก็ชอบกินเค้กร้านนี้เหมือนกันเหรอ
เวินเหลียงเงยหน้าขึ้นมองเขา รู้สึกเหลือเชื่อช่วงเวลาที่เธอมาถึงตระกูลฟู่ ท่าทีของฟู่เจิงไม่ยินดียินร้าย ไม่เหินห่างแต่ก็ไม่เข้าใกล้ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงซื้อเค้กให้เธอ ?“ไม่ชอบเหรอ ?” เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ฟู่เจิงก็ย้อนถามเวินเหลียงส่ายหน้า แล้วก็รีบพยักหน้าทำไมจะไม่ชอบล่ะ ?เธอเคยเห็นเพื่อนกิน เค้กของร้านเบเกอรี่ร้านนี้แพงมาก โชคดีเคยได้ชิมเค้กมัทฉะของร้านนี้หนึ่งครั้ง รสชาติยากที่จะลืมเลือนตอนนั้นเงินเดือนของพ่อเพียงพอจะเลี้ยงปากท้องได้สองคน พ่อเองไม่ตระหนี่กับเวินเหลียง เพียงแต่เค้กของร้านอัฟเตอร์นูนไทม์ราคาแพงเกินไป เหมือนกับชายามบ่ายที่เป็นสินค้าสิ้นเปลือง สำหรับเวินเหลียงที่เกิดมาในครอบครัวฐานะธรรมดา ๆ ถือว่าล้ำค่าอย่างยิ่ง“ชอบก็ดี” ฟู่เจิงยิ้มจาง ๆ แล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นบนไปเวินเหลียงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม มองดูถุงกระดาษที่อยู่ตรงหน้า ในใจยังคงไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งฟู่เจิงเกือบจะเดินไปถึงชั้นบน เธอถึงตั้งสติขึ้นมาได้ จึงหันไปตะโกนทางบันได “ขอบคุณนะคะพี่รอง”ไม่ว่าฟู่เจิงจะฟังออกหรือไม่ แต่เวินเหลียงกลับรู้ดีว่า น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนหวานนี่เป็นครั้งแรก คร
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง