คืนวันนั้น สมองของเธอเหลือเพียงภาพเศษเสี้ยว ดื่มด่ำที่สุดไม่รู้ว่าเรื่องของพวกเขารู้ไปถึงหูคุณปู่ได้อย่างไร คุณปู่มาหารือกับพวกเขาทีละคน สุดท้ายได้วิธีการจัดการที่เหมาะสมมากในตอนนั้น ก็คือให้พวกเขาแต่งงานกันพวกเขาไม่ได้จัดงานแต่งงาน แค่กินอาหารกับคนในตระกูลฟู่ที่บ้านใหญ่มื้อหนึ่ง จากนั้นก็ไปจดทะเบียนสมรสเธอได้เป็นภรรยาของฟู่เจิงแล้วขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอดีใจมากขนาดไหนเธอได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองชอบเธอแต่งงานกับคนที่เธอชอบมาหลายปีเขาโดดเด่นอย่างนั้น เธอได้แต่แหงนหน้ามองเขาก่อนแต่งงาน พวกเขาไม่ได้คลุกคลีกันมากนัก เวลาที่เจอเขา เวินเหลียงจะได้แต่เรียกเขาที่มุมปากว่าพี่รองเขาจะ ‘อืม’ เสียงหนึ่งเบา ๆ บางครั้งจะแค่พยักหน้ากับเธอแบบเรียบง่าย และมีสองสามครั้งที่หลังจาก ‘อืม’ แล้วยังถามว่าตอนนี้การเรียนของอาเหลียงเป็นยังไงบ้างคำพูดนี้เป็นคำถามที่ใช้ถามเพื่อคลายความเก้อเขินระหว่างญาติไม่สนิท แต่นี่กลับทำให้หัวใจของเวินเหลียงชุ่มฉ่ำหลายวันเธอขยันขันแข็งจนลืมกินข้าว ตั้งใจเรียนหนังสือ เริ่มแรกหวังว่าในสายตาของเขาจะมองเห็นเธอ ภายหลังเธอหวังจะได้เดินเคียงข้างเขาอย่างเปิดเผยเ
เวินเหลียงได้แต่สวมเสื้อผ้า ขับรถออกจากบ้านไปถึงพิกัดที่เจียงมู่ส่งมา ไปถึงห้องวีไอพีแบบชินทางก่อนจะผลักประตูเข้าไปบนโซฟามีคนนั่งอยู่สองคน คนหนึ่งคือเจียงมู่ อีกคนคือฟู่เจิงเจียงมู่นั่งพิงอยู่กับพนักพิงของโซฟา กำลังจุดบุหรี่มวนหนึ่งส่วนฟู่เจิงนั่งพิงอยู่กับพนักพิงของโซฟา หลับตาพักผ่อน ในมือยังถือแก้วเหล้าที่เหลือเหล้าอยู่ครึ่งแก้วพอได้ยินเสียงเปิดประตูก็ลืมตาขึ้นแล้วหลับลงอีกบนพื้นมีขวดเหล้าระเกะระกะอยู่ไม่น้อยเวินเหลียงเห็นแล้วพลันขมวดคิ้วมุ่น “คงไม่ใช่ว่าเขาดื่มหมดนี่นะ?”เจียงมู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ เขานั่นแหละ”“อาเจิง”เวินเหลียงเรียกเขาทีหนึ่งและเดินไปทางโซฟา หยิบแก้วเหล้าจากมือของเขาแล้ววางลงบนโต๊ะฟู่เจิงลืมตาขึ้น ดวงตาดำขลับทั้งสองจ้องเธอเขม็ง แต่ไม่ได้พูดอะไรเวินเหลียงสี่สายตาสอดประสานกับเขา หัวใจสะท้านนิด ๆ นาทีนั้นแบ่งแยกไม่ออกว่าเขาเมาหรือแกล้งเมากันแน่“ดึกมากแล้ว กลับบ้านพักผ่อนเถอะ”ฟู่เจิงยกมือนวดหว่างคิ้ว เขาลุกขึ้นยืนจากโซฟา แต่ซวนเซทันใดเวินเหลียงรีบเข้าไปประคองเขาไว้ “เดินไหวไหมคะ?”“ไหว”เสียงแหบพร่าของฟู่เจิงดังขึ้น เขาปัดมือของเวินเห
เวินเหลียงหน้าซีดฉับพลันเธอกับฟู่เจิงแต่งงานกันสามปี เขาไม่เคยเรียกเธอว่าที่รักมาก่อน ถ้าไม่เรียกเธอว่าอาเหลียง ก็เรียกว่าเวินเหลียงเธอไม่ใช่ที่รักในดวงใจของเขาที่รักในดวงใจเขาคือ...ฉู่ซืออี๋เวินเหลียงรู้สึกว่าตัวเองน่าขำเล็กน้อย ดึก ๆ ดื่น ๆ ลุกจากเตียงไปพาฟู่เจิงกลับมาจากข้างนอก สุดท้ายพอเขาหลับตาก็เรียกฉู่ซืออี๋ในความฝันเธอไม่ควรสนใจเขาเลย ให้เขาดื่มตายอยู่ข้างนอกไปเถอะ!เวินเหลียงกระชากมือออก อุ้มผ้าห่มผืนใหม่แล้วไปนอนที่ห้องรับรองแขกอีกห้องหนึ่งหลังจากเธอเดินไป ฟู่เจิงยังคงพึมพำเบา ๆ เหมือนเดิม “อาเหลียง...ที่รัก...”……ในราตรีดึกสงัดนี้ ทันใดนั้น สองโพสต์ราวกับตกลงมาจากฟ้า ดังสายอัสนีบนผืนดิน ขึ้นลำดับการค้นหายอดฮิตในพริบตา ก่อให้เกิดการวิจารณ์อย่างร้อนแรงของชาวเน็ตแสงอาทิตย์แสบตาทะลุกระจกสาดตกบนใบหน้าของฟู่เจิง เขาเอามือบัง ก่อนจะลืมตาขึ้นแบบสะลึมสะลือปวดหัวแทบจะระเบิดเขาหลับตาเอามือนวดหน้าผากสักเดี๋ยวแล้วจึงลุกขึ้นนั่ง เมื่อนั้นจึงพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนใหญ่ แต่อยู่ในห้องของเวินเหลียงเวินเหลียงไม่ได้อยู่ในห้อง ผ้าปูเตียงอีกด้านหนึ่งเป็นระเบียบ ท่าท
คอมเมนต์ยอดฮิตในพื้นที่แสดงความคิดเห็น : ไม่มั้ง ๆ คงไม่มีใครเชื่อจริง ๆ ว่าคุณชายตระกูลฟู่แบบนี้จะบริสุทธิ์ผุดผ่องหรอกนะ? เห็นเขาเป็นพระเอกในนิยายเหรอ? เขาเที่ยวเก่งจะตาย แค่ไม่เป็นข่าวเท่านั้นเองพื้นที่แสดงความคิดเห็นมีคนมากมายหลายหลาก มีแฟนคลับของฟู่เจิงแย้งอธิบาย มีแฟนคลับของฉู่ซืออี๋ขีดเส้นแบ่งกับฟู่เจิงชัดเจน ขาจรรอดูเรื่องสนุก พวกแอนตี้แฟนกัดไม่ปล่อยด้านล่างยังมีอีกโพสต์การค้นหายอดฮิต : เวินเหลียงเรื่องราวเป็นกระแสร้อนแรงเมื่อคืน หลังจากพยายามหลายชั่วโมง ชาวเน็ตได้เปิดเฟซบุ๊กของเวินเหลียงซึ่งเป็นคนที่ฟู่เจิงนอกใจด้วย พร้อมนำรูปถ่ายที่เวินเหลียงลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของตัวเองมาเปรียบเทียบ เสื้อผ้าเหมือนกันเด๊ะ อีกทั้งเวลานี้เวินเหลียงมีบุญคุณความแค้นกับฉู่ซืออี๋ ชาวเน็ตจำนวนมากรู้แล้วว่าเธอคือผู้จัดการแบรนด์เอ็มคิว และเป็นลูกสาวบุญธรรมของประธานกรรมการใหญ่ฟู่ด้านล่างโพสต์ของเปิดโปงเวินเหลียงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบ่งออกเป็นสองขั้วขั้วหนึ่ง มีขาจรและแอนตี้แฟนของฉู่ซืออี๋คิดว่า ในเมื่อเวินเหลียงเป็นลูกบุญธรรมของประธานกรรมการใหญ่ฟู่ ก็นับว่าเป็นเพื่อนวัยเด็กของฟู่เจิง ไม่แน่ว่
“ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ให้คนกดการค้นหายอดฮิตไว้แล้ว จะไม่ส่งผลกับซืออี๋หรอกครับ”“หวังว่าคุณจะทำได้อย่างที่พูดนะคะ คุณยังจำเรื่องสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ได้ใช่ไหม คุณไม่ชี้แจงไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนชี้แจงให้”ฟู่เจิงเข้าใจความหมายของหวังเหยียนแล้ว “ผมจะจัดการเอง”เรื่องที่เขากับเวินเหลียงแต่งงานกันมีแค่ไม่กี่คนที่รู้และชี้แจงให้เวินเหลียงได้ โดยรวมก็มีแต่คุณปู่ คุณย่า“งั้นก็ขอบคุณประธานฟู่มากนะคะ คุณมาเยี่ยมซืออี๋เถอะ ตอนนี้เขาอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ”“ได้”หลังจากวางสายฟู่เจิงก็โทรศัพท์หาเลขาหยางอีก กำชับให้เขาจับตาดูเรื่องนี้ให้ดี อย่าให้มีข่าวชี้แจงโผล่ออกมาได้เด็ดขาดรอให้เรื่องราวสงบลงแล้ว เขาจะไปอธิบายกับพวกเขาเองฟู่เจิงถือโทรศัพท์มือถือของเวินเหลียงคิดจะเอาไปให้เธอที่ห้อง แต่พอถึงปากประตูห้องเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงเก็บโทรศัพท์ของเวินเหลียงไว้ในกระเป๋าพอถึงห้องรับแขกชั้นล่าง เขาบอกกับแม่บ้านว่า “อย่าบอกเรื่องข่าวกับคุณผู้หญิงนะ”เรื่องในอินเทอร์เน็ตไม่มีอยู่จริง คนพวกนั้นแค่ระบายความโกรธในใจเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ผ่านไปแล้วแม่บ้านลังเล “ถ้าคุณผู้หญิงดูข่าวเองล่ะ
พอเวินเหลียงได้ยินคำว่าทำอาหารก็ตกตะลึงในหัวของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมโยมฟู่เจิงเข้ากับการทำอาหารได้เลย“อาเหลียง เธอคงไม่รู้สินะ ความจริงฟู่เจิงมีฝีมือมากเลย ตอนเรียนมหาลัยเขาพักอยู่ข้างนอกคนเดียวตลอด ฝึกจนฝีมือดี ทำให้ฉันกินประจำแหละ”เวินเหลียงรู้ว่าฉู่ซืออี๋จงใจพูดกับเธอ ตั้งใจจะยั่วเธอแต่หัวใจของเวินเหลียงก็ยังถูกยั่วจนเจ็บอยู่ดีการที่ผู้ชายคนหนึ่งยอมเข้าครัวเพื่อคนที่ตัวเองชอบ นั่นจะต้องชอบเธอมาก ๆแต่สามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน ฟู่เจิงไม่เคยเข้าครัวเลย กระทั่งว่าเวินเหลียงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำกับข้าวเป็นเธอรู้มาว่าการทำกับข้าวสามารถเสริมสร้างสายใยระหว่างสามีภรรยาได้ ถึงในบ้านจะมีแม่บ้าน แต่เวินเหลียงก็ยังเข้าครัวเป็นครั้งคราว ทว่าฟู่เจิงไม่เคยมาช่วยเธอนี่ก็คือความแตกต่างของรักกับไม่รักเวินเหลียงสะกดความเจ็บปวดในใจและพูดว่า “คุณเอามือถือให้ฟู่เจิง ฉันมีเรื่องจะถามเขา”“เรื่องอะไร? ฉันถามให้ก็ได้”นี่คือการยั่วยุชัด ๆ เวลานี้เธอกับฟู่เจิงยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ อยากจะถามคำถามกับฟู่เจิง กลับต้องผ่านฉู่ซืออี๋ นี่มันไม่น่าขำเหรอ?ถึงตอนนี้เวินเหลียงจะอยากหย่
ฟู่เจิงพูดเสียงเรียบ “ผมแค่กลัวว่าเขาเห็นข่าวแล้วจะไปชี้แจงน่ะ มันจะส่งผลถึงคุณ ประวิงเวลาได้เท่าไรก็เท่านั้น เอาไว้กดกระแสเรื่องนี้ได้แล้วก็จะไม่ส่งผลถึงทุกคน”พอฉู่ซืออี๋ได้ยินดังนั้น ในดวงตาวาบความกระหยิ่มใจเสี้ยวหนึ่ง พูดอย่างรู้สึกผิด “แต่แบบนี้จะไม่ดีกับอาเหลียงนะคะ อาเจิง ไม่งั้นเราก็ชี้แจงให้เขาเถอะ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเลย ฉันอยากอยู่กับคุณอย่างเปิดเผย ต่อให้ทุกคนจะด่าจะตำหนิยังไงฉันก็ไม่สน”ฟู่เจิงขมวดคิ้วนิด ๆ “ตอนนี้ยังไม่เหมาะ ผมยังคุมความคิดเห็นของมวลชนไม่ได้ทั้งหมด ตอนนี้คุณเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าชี้แจง จะกระทบถึงงานของคุณแน่”ฉู่ซืออี๋หนักใจทันทีเป็นเพราะงานเธอหรือว่าเขาไม่อยากเปิดเผยกันแน่ “ฉันก็แค่...”“ซืออี๋ เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง เป็นผมที่ไม่ให้คุณชี้แจง ถ้าเวินเหลียงจะโทษก็ควรโทษผม คุณตั้งใจทำงานเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง”รอยยิ้มของฉู่ซืออี๋แข็งทื่อไปเล็กน้อย เธอพยักหน้า โอบเอวของฟู่เจิงจากด้านหลังแล้วซบใบหน้าลงไป “อาเจิง คุณดีกับฉันจริง ๆ เลยค่ะ”“เอาละ คุณออกไปรอเถอะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว”“ค่ะ” ฉู่ซืออี๋ออกจากห้องครัวฟู่เจิงหันไปมอ
“พ่อคะ ครั้งนี้นอกจากจะมาไหว้คุณปู่แล้ว หนูอยากจะบอกพ่อด้วย หนูจะหย่ากับเขาแล้วนะ”“พ่อ พ่อได้ยินข่าวนี้แล้วต้องตกใจมากแน่ ตอนเชงเม้งหนูยังบอกกับพ่ออยู่เลยว่าเขาดีกับหนูมาก เป็นลูกเขยที่ดีของพ่อ นี่เพิ่งจะกี่เดือนเอง หนูกับเขาต้องแยกทางกันแล้ว พ่อรู้สึกน่าหัวเราะมากไหมคะ? บอกตามตรง หนูก็รู้สึกน่าหัวเราะเหมือนกัน ตั้งแต่เขาพูดเรื่องหย่ากับหนูจนถึงตอนนี้ หนูยังงงอยู่เลย ทำไมหนูกับเขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้นะ...”“ถ้าตอนเชงเม้งมีคนบอกหนูว่าอีกไม่กี่เดือนหนูจะได้หย่ากับฟู่เจิง หนูต้องไม่เชื่อแน่...”“หนูรักเขาออกอย่างนั้น จะหย่ากับเขาได้ยังไง? แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว...”“เรื่องมันยาวค่ะ หนูไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจะตรงไหนก่อนดี หนูท้องแล้ว หนูจะมีหลานให้พ่อแล้วนะ ถ้าพ่อยังอยู่ก็คุ้มครองให้เด็กในท้องหนูคลอดออกมาอย่างปลอดภัยด้วย...ความจริงหนูยังชอบเขามาก ชอบเขามาสิบปี เป็นสามีภรรยากันสามปี จะลืมได้ง่าย ๆ ได้ยังไง หนูทรมานใจมาก หัวใจของหนูมันทรมานมากจริง ๆ ระหว่างเราคงจะขาดวาสนานั่นแหละนะ...”“เขาชอบแฟนเก่าของเขามาตลอด สามปีหนูยังประคบหัวใจเขาให้อุ่นไม่ได้ พวกเราไปต่อกันไม่ได้แล้
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง