ฟู่เจิงพูดเสียงเรียบ “ผมแค่กลัวว่าเขาเห็นข่าวแล้วจะไปชี้แจงน่ะ มันจะส่งผลถึงคุณ ประวิงเวลาได้เท่าไรก็เท่านั้น เอาไว้กดกระแสเรื่องนี้ได้แล้วก็จะไม่ส่งผลถึงทุกคน”พอฉู่ซืออี๋ได้ยินดังนั้น ในดวงตาวาบความกระหยิ่มใจเสี้ยวหนึ่ง พูดอย่างรู้สึกผิด “แต่แบบนี้จะไม่ดีกับอาเหลียงนะคะ อาเจิง ไม่งั้นเราก็ชี้แจงให้เขาเถอะ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเลย ฉันอยากอยู่กับคุณอย่างเปิดเผย ต่อให้ทุกคนจะด่าจะตำหนิยังไงฉันก็ไม่สน”ฟู่เจิงขมวดคิ้วนิด ๆ “ตอนนี้ยังไม่เหมาะ ผมยังคุมความคิดเห็นของมวลชนไม่ได้ทั้งหมด ตอนนี้คุณเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าชี้แจง จะกระทบถึงงานของคุณแน่”ฉู่ซืออี๋หนักใจทันทีเป็นเพราะงานเธอหรือว่าเขาไม่อยากเปิดเผยกันแน่ “ฉันก็แค่...”“ซืออี๋ เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง เป็นผมที่ไม่ให้คุณชี้แจง ถ้าเวินเหลียงจะโทษก็ควรโทษผม คุณตั้งใจทำงานเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง”รอยยิ้มของฉู่ซืออี๋แข็งทื่อไปเล็กน้อย เธอพยักหน้า โอบเอวของฟู่เจิงจากด้านหลังแล้วซบใบหน้าลงไป “อาเจิง คุณดีกับฉันจริง ๆ เลยค่ะ”“เอาละ คุณออกไปรอเถอะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว”“ค่ะ” ฉู่ซืออี๋ออกจากห้องครัวฟู่เจิงหันไปมอ
“พ่อคะ ครั้งนี้นอกจากจะมาไหว้คุณปู่แล้ว หนูอยากจะบอกพ่อด้วย หนูจะหย่ากับเขาแล้วนะ”“พ่อ พ่อได้ยินข่าวนี้แล้วต้องตกใจมากแน่ ตอนเชงเม้งหนูยังบอกกับพ่ออยู่เลยว่าเขาดีกับหนูมาก เป็นลูกเขยที่ดีของพ่อ นี่เพิ่งจะกี่เดือนเอง หนูกับเขาต้องแยกทางกันแล้ว พ่อรู้สึกน่าหัวเราะมากไหมคะ? บอกตามตรง หนูก็รู้สึกน่าหัวเราะเหมือนกัน ตั้งแต่เขาพูดเรื่องหย่ากับหนูจนถึงตอนนี้ หนูยังงงอยู่เลย ทำไมหนูกับเขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้นะ...”“ถ้าตอนเชงเม้งมีคนบอกหนูว่าอีกไม่กี่เดือนหนูจะได้หย่ากับฟู่เจิง หนูต้องไม่เชื่อแน่...”“หนูรักเขาออกอย่างนั้น จะหย่ากับเขาได้ยังไง? แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว...”“เรื่องมันยาวค่ะ หนูไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจะตรงไหนก่อนดี หนูท้องแล้ว หนูจะมีหลานให้พ่อแล้วนะ ถ้าพ่อยังอยู่ก็คุ้มครองให้เด็กในท้องหนูคลอดออกมาอย่างปลอดภัยด้วย...ความจริงหนูยังชอบเขามาก ชอบเขามาสิบปี เป็นสามีภรรยากันสามปี จะลืมได้ง่าย ๆ ได้ยังไง หนูทรมานใจมาก หัวใจของหนูมันทรมานมากจริง ๆ ระหว่างเราคงจะขาดวาสนานั่นแหละนะ...”“เขาชอบแฟนเก่าของเขามาตลอด สามปีหนูยังประคบหัวใจเขาให้อุ่นไม่ได้ พวกเราไปต่อกันไม่ได้แล้
เขาเห็นเวินเหลียงลดความเร็วจึงทำรถให้ช้าลงกว่าเดิมแบบนี้ต่อไปนอกเสียจากเวินเหลียงจะจอดรถ เพียงแต่ถนนสายนี้ห้ามจอดเวินเหลียงพยายามจะเปลี่ยนเลน แต่เขาก็เปลี่ยนตาม ขวางลำอยู่อย่างนั้นตามอยู่หลายครั้ง ในใจของเวินเหลียงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเธอรู้ดี ต่อให้เธอเปลี่ยนเลนแซงอีกฝ่ายได้ นอกเสียจากเธอเพิ่มความเร็วซิ่งไปจึงจะสลัดเขาหลุดยังไม่ต้องพูดถึงว่าทักษะการขับรถของเธอไม่ดีถึงขนาดนั้น และถึงจะดี เธอก็ไม่กล้าเอาความปลอดภัยของตัวเองและความปลอดภัยของลูกในท้องมาเสี่ยงหรอกเวินเหลียงแค่ต้องการความปลอดภัย มองเลนนอกสุดจากกระจกหลัง เปิดสัญญาณไฟจอดข้างทางและโทรหาตำรวจแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ สะเทือนเลือนลั่นถุงลมนิรภัยดีดตัวเวินเหลียงเจ็บศีรษะอย่างหนัก หน้ามืดวิงเวียน ก่อนที่เธอจะหมดสติ เธอพลันคิดขึ้นได้ เหมือนว่ารถคันสีขาวข้างหลังก็เริ่มตามเธอตั้งแต่ขึ้นทางด่วนเหมือนกัน……เสียงเบรกเสียงแหลมดังขึ้นที่ข้างหู ‘ปัง’ ทีหนึ่ง ล้อรถทั้งคันระเบิด ไฟลุกไหม้รุนแรง เผารถจนเหลือแต่โครงภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยฉายขึ้นในหัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เวินเหลียงลืมตาขึ้นพรึบ ปวดหัวจนแทบจะระเบิดกล
เวินเหลียงเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียดรอบหนึ่งโดยรวมตรงกับที่เห็นในกล้องวงจรปิดตำรวจผู้ชายบันทึกปากคำของเวินเหลียง “ตามการสันนิษฐานของคุณ รถคันสีดำกับรถคันสีขาวจงใจ คุณแน่ใจนะครับว่าไม่รู้จักกับคนขับรถคันสีดำ?”“แน่ใจค่ะ งั้นคุณเห็นรูปพรรณสัณฐานของคนขับรถคันสีขาวไหมคะ?”“ไม่เห็นค่ะ เขาอยู่ข้างหลัง ห่างจากฉันมาก ตอนที่ฉันเปลี่ยนเลนเคยมองผ่านกระจกหลังสองครั้ง แต่ไกลเกินไปก็เลยเห็นหน้าตาคนขับไม่ชัด”“ทราบแล้วค่ะ” ตำรวจหญิงปลอบใจเวินเหลียง “วางใจนะคะ พวกเราหาทางยืนยันตัวตนและจับผู้ต้องสงสัยแล้ว คงใช้เวลาไม่มากหรอกค่ะ”สมัยนี้ข้างนอกมีกล้องวงจรปิดหมด จะหนีไปไหนรอด“ขอบคุณค่ะ” เวินเหลียงตอบ“คุณติดต่อครอบครัวคุณได้แล้วค่ะ ในที่เกิดเหตุไม่พบมือถือของคุณ...”“ฉันออกจากบ้านไม่ได้เอามือถือมาค่ะ คุณตำรวจคะ รบกวนยืมมือถือคุณโทรให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”“ได้ค่ะ คุณบอกเบอร์มาเลย”ชั่วขณะ เวินเหลียงเกือบบอกเบอร์โทรศัพท์ของฟู่เจิงไปแล้วตอนนี้เขาคงอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋สินะเวินเหลียงยิ้มแห้งตรงมุมปาก สุดท้ายจึงเลือกที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ของแม่บ้านพอโทรติด ตำรวจก็เอามือถือมาให้ที่มื
หน้าประตูเหมือนว่ามีคนอยู่เวินเหลียงเงยหน้ามองไป จ้องสีดำขมุกขมัวนั้นอยู่นานก่อนจะมั่นใจในท้ายที่สุดว่านั่นเป็นคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำปลอดนี่คงเป็นครอบครัวของผู้ป่วยคนใดคนหนึ่งจากสองคนมั้ง?ไม่แน่ว่าจะเป็นเจี้ยนกว๋อที่ลูกสะใภ้ของคุณยายพูดถึงทำไมเขายืนอยู่ที่หน้าประตูไม่เข้ามาล่ะ?เวินเหลียงรู้สึกประหลาดใจเงาคนสีดำเดินเข้ามาแล้วเขาอ้อมเตียงผู้ป่วยริมสุดเมื่อนั้นเวินเหลียงจึงเข้าใจว่าเขาเป็นครอบครัวของพี่สาวเตียงข้างใน คงเป็นสามีของเธอเงาคนสีดำหยุดอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของเวินเหลียง เดินสองสามก้าวและนั่งข้างเตียงเวินเหลียงสะดุ้ง หรี่ดวงตาตามสัญชาตญาณ เพียงแต่เธอหรี่ตาอย่างไร ภาพตรงหน้าก็ยังเบลออยู่ดี เธอพยายามแยกแยะคนที่อยู่ตรงหน้า หยั่งถาม “คุณ คุณคือ...ฟู่เจิง?”“ฉันเอง อาเหลียง ตาของเธอเป็นอะไรไป?” มือใหญ่ขอฟู่เจิงประคองแก้มของเวินเหลียง มองผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบศีรษะของเธอและถามด้วยความกังวลเมื่อกี้เวินเหลียงมองเขาตั้งนานแต่ก็ไม่พูด เขาจึงรู้สึกแปลกใจพอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เวินเหลียงจึงมั่นใจว่านี่ใช่ฟู่เจิงจริง ๆ “เลือดคลั่งในสมอง กดทับเส้นประสาทตาก็เลยมองเห็นไม่ค
ฟู่เจิงกลับถาม “เธออยากกินอะไร?”“คุณทำอะไรเป็นล่ะคะ?”“เป็นทุกอย่าง”“งั้นฉันกินข้าวผัดไข่แล้วกัน ใส่ข้าวโพดหน่อย เพิ่มไส้กรอกแฮมกับผักสลักอีกนิด”“ได้ ฉันจะไปซื้อวัตถุดิบ” ฟู่เจิงวางโทรศัพท์มือถือของตัวเองไว้บนโต๊ะ “ฉันเอามือถือวางไว้นี่นะ เดี๋ยวป้าหวังมาจะโทรหา เธอก็บอกห้องกับเขาแล้วกัน”“ค่ะ”เวินเหลียงมองเขาพลางพยักหน้า ดวงตาคู่หนึ่งกลับว่างเปล่าไร้แววเธอคิดไม่ถึงว่าฟู่เจิงจะรับปากหรือว่าเธอก็มีที่อยู่ในใจเขานิดหนึ่งเหมือนกัน?ความคิดนี้เพิ่งโผล่ออกมา เวินเหลียงก็สลัดมันทิ้งทันทีเวินเหลียงไม่อยากหลงตัวเองอีก เขาไม่ชอบเธอสักหน่อยพรุ่งนี้ยังต้องหย่ากันเธอกลัวว่าเธอพลาดครั้งนี้ไปแล้วจะไม่กล้าพูดอีกโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นเวินเหลียงหยิบขึ้นมา มองการแสดงผลบนหน้าจอไม่ชัด เห็นแต่สีเขียว ๆ กลม ๆ เธอจึงกดรับสาย ปลายสายมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมา “อาเจิง คุณกินข้าวหรือยังคะ?”“ฉันเอง” เวินเหลียงส่งเสียง“เวินเหลียง?” ฉู่ซืออี๋ถามด้วยความประหลาดใจ “อาเจิงล่ะ?”“เขาไปซื้อผัก”“เขาไปซื้อผัก? บ้านพวกเธอมีแม่บ้านไม่ใช่หรือไง?”เวินเหลียงยกยิ้ม จู่ ๆ ก็นึกสนุกอยากแกล้งคนขึ้น
“เธอชอบก็พอ”“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณผู้ชายจะมีพรสวรรค์ในการทำอาหารขนาดนี้ ทำครั้งแรกก็ดูเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าขยันฝึกฝนต้องมีฝีมือการทำครัวแน่เลยค่ะ” แม่บ้านพูดเวินเหลียงยิ้มไม่ได้พูดฟู่เจิงนั่งเงียบ……หลังจากเวินเหลียงกินข้าวเสร็จ แม่บ้านก็ล้างถ้วยตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเวินเหลียงบาดเจ็บหรืออย่างไร เธอจึงเพลียนิดหน่อย อยากพักแล้ว“คุณผู้ชายคะ คุณกลับบ้านเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณผู้หญิงเอง พรุ่งนี้คุณค่อยมาเยี่ยมใหม่นะคะ”ฟู่เจิงพยักหน้า “ได้ งั้นพรุ่งนี้ผมค่อยมาใหม่”เขาหยิบเสื้อตัวนอกของตัวเองจากโซฟาและจากไปแต่จู่ ๆ เวินเหลียงกลับลุกขึ้นมา “เดี๋ยวค่ะ”ฟู่เจิงหยุดฝีเท้าและมองเวินเหลียง “มีอะไรอีกเหรอ?”“พรุ่งนี้ตอนมาอย่าลืมพกเอกสารหย่าแล้วมารับฉันไปด้วยนะคะ”ฟู่เจิงนิ่งไปแล้วขมวดคิ้ว “เวินเหลียง เรื่องหย่าไม่รีบ รักษาตัวให้หายดีก่อน ตาของเธอเห็นตัวหนังสือไม่ชัด กรอกข้อมูลไม่ได้”เวินเหลียงขยับปาก “ฉันมองไม่ชัด คุณอ่านให้ฉันฟังก็ได้นี่คะ”เห็นไม่ชัดไม่ได้บอดสนิท“หนังสือสัญญาหย่าก็เซ็นแล้ว ช้าอีกสองสามวันรอให้ตาเธอหายเป็นปกติค่อยไปหย่าจะเป็นไรไป เธอรีบร้อนอยาก
เช้าวันจันทร์ เวินเหลียงตื่นมาอาบน้ำแต่เช้า เปลี่ยนชุดผู้ป่วย กินอาหารเช้าแล้วรอฟู่เจิงอยู่ที่ห้องพักรอตลอดช่วงเช้ารอจนถึงตอนบ่ายฟู่เจิงจึงจะมาโรงพยาบาล“โทษทีนะ ตอนเช้ามีธุระเลยเสียเวลาไป”เวินเหลียงยิ้มส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่สาย”ฟู่เจิงเห็นท่าทางอดรนทนไม่ไหวของเธอ รู้สักไม่สบายใจเล็กน้อย “พวกเราหย่ากัน เธอดีใจมากเลยเหรอ?”เวินเหลียงในใจเปรี้ยวขม แต่ใบหน้ากลับพกพารอยยิ้มพร้อมพูดว่า “ใช่สิคะ ฉันดีใจมาก ในที่สุดก็หลุดพ้นสักที”หลุดพ้นเธอใช้คำว่าหลุดพ้น คงผิดหวังกับการแต่งงานนี้มากสินะฟู่เจิงหน้าขรึมเล็กน้อย พูดราบเรียบ “ยินดีด้วย”“ไปกันเถอะค่ะ” เวินเหลียงมองทางฟู่เจิง“อืม”ฟู่เจิงหมุนตัวไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยหน้าห้องมีตำรวจยืนอยู่สองคน กำลังจะเคาะประตูพอดี พอเห็นฟู่เจิงออกมา ตำรวจหญิงก็นิ่งไปและถามว่า “ไม่ทราบนี่ใช่ห้องของคุณเวินเหลียงหรือเปล่าคะ”คนนี้หน้าตาเหมือนฟู่เจิงมาก“ใช่ครับ”“ฉันเป็นตำรวจที่รับผิดชอบคดีของคุณเวินเหลียงค่ะ ตอนนี้สถานีตำรวจจับผู้ต้องสงสัยสองคนนั้นมาได้แล้ว แต่เวลานี้พวกเขาไม่ยอมรับว่าวางแผนนี้ล่
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง