“พ่อคะ ครั้งนี้นอกจากจะมาไหว้คุณปู่แล้ว หนูอยากจะบอกพ่อด้วย หนูจะหย่ากับเขาแล้วนะ”“พ่อ พ่อได้ยินข่าวนี้แล้วต้องตกใจมากแน่ ตอนเชงเม้งหนูยังบอกกับพ่ออยู่เลยว่าเขาดีกับหนูมาก เป็นลูกเขยที่ดีของพ่อ นี่เพิ่งจะกี่เดือนเอง หนูกับเขาต้องแยกทางกันแล้ว พ่อรู้สึกน่าหัวเราะมากไหมคะ? บอกตามตรง หนูก็รู้สึกน่าหัวเราะเหมือนกัน ตั้งแต่เขาพูดเรื่องหย่ากับหนูจนถึงตอนนี้ หนูยังงงอยู่เลย ทำไมหนูกับเขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้นะ...”“ถ้าตอนเชงเม้งมีคนบอกหนูว่าอีกไม่กี่เดือนหนูจะได้หย่ากับฟู่เจิง หนูต้องไม่เชื่อแน่...”“หนูรักเขาออกอย่างนั้น จะหย่ากับเขาได้ยังไง? แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว...”“เรื่องมันยาวค่ะ หนูไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจะตรงไหนก่อนดี หนูท้องแล้ว หนูจะมีหลานให้พ่อแล้วนะ ถ้าพ่อยังอยู่ก็คุ้มครองให้เด็กในท้องหนูคลอดออกมาอย่างปลอดภัยด้วย...ความจริงหนูยังชอบเขามาก ชอบเขามาสิบปี เป็นสามีภรรยากันสามปี จะลืมได้ง่าย ๆ ได้ยังไง หนูทรมานใจมาก หัวใจของหนูมันทรมานมากจริง ๆ ระหว่างเราคงจะขาดวาสนานั่นแหละนะ...”“เขาชอบแฟนเก่าของเขามาตลอด สามปีหนูยังประคบหัวใจเขาให้อุ่นไม่ได้ พวกเราไปต่อกันไม่ได้แล้
เขาเห็นเวินเหลียงลดความเร็วจึงทำรถให้ช้าลงกว่าเดิมแบบนี้ต่อไปนอกเสียจากเวินเหลียงจะจอดรถ เพียงแต่ถนนสายนี้ห้ามจอดเวินเหลียงพยายามจะเปลี่ยนเลน แต่เขาก็เปลี่ยนตาม ขวางลำอยู่อย่างนั้นตามอยู่หลายครั้ง ในใจของเวินเหลียงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเธอรู้ดี ต่อให้เธอเปลี่ยนเลนแซงอีกฝ่ายได้ นอกเสียจากเธอเพิ่มความเร็วซิ่งไปจึงจะสลัดเขาหลุดยังไม่ต้องพูดถึงว่าทักษะการขับรถของเธอไม่ดีถึงขนาดนั้น และถึงจะดี เธอก็ไม่กล้าเอาความปลอดภัยของตัวเองและความปลอดภัยของลูกในท้องมาเสี่ยงหรอกเวินเหลียงแค่ต้องการความปลอดภัย มองเลนนอกสุดจากกระจกหลัง เปิดสัญญาณไฟจอดข้างทางและโทรหาตำรวจแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ สะเทือนเลือนลั่นถุงลมนิรภัยดีดตัวเวินเหลียงเจ็บศีรษะอย่างหนัก หน้ามืดวิงเวียน ก่อนที่เธอจะหมดสติ เธอพลันคิดขึ้นได้ เหมือนว่ารถคันสีขาวข้างหลังก็เริ่มตามเธอตั้งแต่ขึ้นทางด่วนเหมือนกัน……เสียงเบรกเสียงแหลมดังขึ้นที่ข้างหู ‘ปัง’ ทีหนึ่ง ล้อรถทั้งคันระเบิด ไฟลุกไหม้รุนแรง เผารถจนเหลือแต่โครงภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยฉายขึ้นในหัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เวินเหลียงลืมตาขึ้นพรึบ ปวดหัวจนแทบจะระเบิดกล
เวินเหลียงเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียดรอบหนึ่งโดยรวมตรงกับที่เห็นในกล้องวงจรปิดตำรวจผู้ชายบันทึกปากคำของเวินเหลียง “ตามการสันนิษฐานของคุณ รถคันสีดำกับรถคันสีขาวจงใจ คุณแน่ใจนะครับว่าไม่รู้จักกับคนขับรถคันสีดำ?”“แน่ใจค่ะ งั้นคุณเห็นรูปพรรณสัณฐานของคนขับรถคันสีขาวไหมคะ?”“ไม่เห็นค่ะ เขาอยู่ข้างหลัง ห่างจากฉันมาก ตอนที่ฉันเปลี่ยนเลนเคยมองผ่านกระจกหลังสองครั้ง แต่ไกลเกินไปก็เลยเห็นหน้าตาคนขับไม่ชัด”“ทราบแล้วค่ะ” ตำรวจหญิงปลอบใจเวินเหลียง “วางใจนะคะ พวกเราหาทางยืนยันตัวตนและจับผู้ต้องสงสัยแล้ว คงใช้เวลาไม่มากหรอกค่ะ”สมัยนี้ข้างนอกมีกล้องวงจรปิดหมด จะหนีไปไหนรอด“ขอบคุณค่ะ” เวินเหลียงตอบ“คุณติดต่อครอบครัวคุณได้แล้วค่ะ ในที่เกิดเหตุไม่พบมือถือของคุณ...”“ฉันออกจากบ้านไม่ได้เอามือถือมาค่ะ คุณตำรวจคะ รบกวนยืมมือถือคุณโทรให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”“ได้ค่ะ คุณบอกเบอร์มาเลย”ชั่วขณะ เวินเหลียงเกือบบอกเบอร์โทรศัพท์ของฟู่เจิงไปแล้วตอนนี้เขาคงอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋สินะเวินเหลียงยิ้มแห้งตรงมุมปาก สุดท้ายจึงเลือกที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ของแม่บ้านพอโทรติด ตำรวจก็เอามือถือมาให้ที่มื
หน้าประตูเหมือนว่ามีคนอยู่เวินเหลียงเงยหน้ามองไป จ้องสีดำขมุกขมัวนั้นอยู่นานก่อนจะมั่นใจในท้ายที่สุดว่านั่นเป็นคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำปลอดนี่คงเป็นครอบครัวของผู้ป่วยคนใดคนหนึ่งจากสองคนมั้ง?ไม่แน่ว่าจะเป็นเจี้ยนกว๋อที่ลูกสะใภ้ของคุณยายพูดถึงทำไมเขายืนอยู่ที่หน้าประตูไม่เข้ามาล่ะ?เวินเหลียงรู้สึกประหลาดใจเงาคนสีดำเดินเข้ามาแล้วเขาอ้อมเตียงผู้ป่วยริมสุดเมื่อนั้นเวินเหลียงจึงเข้าใจว่าเขาเป็นครอบครัวของพี่สาวเตียงข้างใน คงเป็นสามีของเธอเงาคนสีดำหยุดอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของเวินเหลียง เดินสองสามก้าวและนั่งข้างเตียงเวินเหลียงสะดุ้ง หรี่ดวงตาตามสัญชาตญาณ เพียงแต่เธอหรี่ตาอย่างไร ภาพตรงหน้าก็ยังเบลออยู่ดี เธอพยายามแยกแยะคนที่อยู่ตรงหน้า หยั่งถาม “คุณ คุณคือ...ฟู่เจิง?”“ฉันเอง อาเหลียง ตาของเธอเป็นอะไรไป?” มือใหญ่ขอฟู่เจิงประคองแก้มของเวินเหลียง มองผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบศีรษะของเธอและถามด้วยความกังวลเมื่อกี้เวินเหลียงมองเขาตั้งนานแต่ก็ไม่พูด เขาจึงรู้สึกแปลกใจพอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เวินเหลียงจึงมั่นใจว่านี่ใช่ฟู่เจิงจริง ๆ “เลือดคลั่งในสมอง กดทับเส้นประสาทตาก็เลยมองเห็นไม่ค
ฟู่เจิงกลับถาม “เธออยากกินอะไร?”“คุณทำอะไรเป็นล่ะคะ?”“เป็นทุกอย่าง”“งั้นฉันกินข้าวผัดไข่แล้วกัน ใส่ข้าวโพดหน่อย เพิ่มไส้กรอกแฮมกับผักสลักอีกนิด”“ได้ ฉันจะไปซื้อวัตถุดิบ” ฟู่เจิงวางโทรศัพท์มือถือของตัวเองไว้บนโต๊ะ “ฉันเอามือถือวางไว้นี่นะ เดี๋ยวป้าหวังมาจะโทรหา เธอก็บอกห้องกับเขาแล้วกัน”“ค่ะ”เวินเหลียงมองเขาพลางพยักหน้า ดวงตาคู่หนึ่งกลับว่างเปล่าไร้แววเธอคิดไม่ถึงว่าฟู่เจิงจะรับปากหรือว่าเธอก็มีที่อยู่ในใจเขานิดหนึ่งเหมือนกัน?ความคิดนี้เพิ่งโผล่ออกมา เวินเหลียงก็สลัดมันทิ้งทันทีเวินเหลียงไม่อยากหลงตัวเองอีก เขาไม่ชอบเธอสักหน่อยพรุ่งนี้ยังต้องหย่ากันเธอกลัวว่าเธอพลาดครั้งนี้ไปแล้วจะไม่กล้าพูดอีกโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นเวินเหลียงหยิบขึ้นมา มองการแสดงผลบนหน้าจอไม่ชัด เห็นแต่สีเขียว ๆ กลม ๆ เธอจึงกดรับสาย ปลายสายมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมา “อาเจิง คุณกินข้าวหรือยังคะ?”“ฉันเอง” เวินเหลียงส่งเสียง“เวินเหลียง?” ฉู่ซืออี๋ถามด้วยความประหลาดใจ “อาเจิงล่ะ?”“เขาไปซื้อผัก”“เขาไปซื้อผัก? บ้านพวกเธอมีแม่บ้านไม่ใช่หรือไง?”เวินเหลียงยกยิ้ม จู่ ๆ ก็นึกสนุกอยากแกล้งคนขึ้น
“เธอชอบก็พอ”“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณผู้ชายจะมีพรสวรรค์ในการทำอาหารขนาดนี้ ทำครั้งแรกก็ดูเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าขยันฝึกฝนต้องมีฝีมือการทำครัวแน่เลยค่ะ” แม่บ้านพูดเวินเหลียงยิ้มไม่ได้พูดฟู่เจิงนั่งเงียบ……หลังจากเวินเหลียงกินข้าวเสร็จ แม่บ้านก็ล้างถ้วยตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเวินเหลียงบาดเจ็บหรืออย่างไร เธอจึงเพลียนิดหน่อย อยากพักแล้ว“คุณผู้ชายคะ คุณกลับบ้านเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณผู้หญิงเอง พรุ่งนี้คุณค่อยมาเยี่ยมใหม่นะคะ”ฟู่เจิงพยักหน้า “ได้ งั้นพรุ่งนี้ผมค่อยมาใหม่”เขาหยิบเสื้อตัวนอกของตัวเองจากโซฟาและจากไปแต่จู่ ๆ เวินเหลียงกลับลุกขึ้นมา “เดี๋ยวค่ะ”ฟู่เจิงหยุดฝีเท้าและมองเวินเหลียง “มีอะไรอีกเหรอ?”“พรุ่งนี้ตอนมาอย่าลืมพกเอกสารหย่าแล้วมารับฉันไปด้วยนะคะ”ฟู่เจิงนิ่งไปแล้วขมวดคิ้ว “เวินเหลียง เรื่องหย่าไม่รีบ รักษาตัวให้หายดีก่อน ตาของเธอเห็นตัวหนังสือไม่ชัด กรอกข้อมูลไม่ได้”เวินเหลียงขยับปาก “ฉันมองไม่ชัด คุณอ่านให้ฉันฟังก็ได้นี่คะ”เห็นไม่ชัดไม่ได้บอดสนิท“หนังสือสัญญาหย่าก็เซ็นแล้ว ช้าอีกสองสามวันรอให้ตาเธอหายเป็นปกติค่อยไปหย่าจะเป็นไรไป เธอรีบร้อนอยาก
เช้าวันจันทร์ เวินเหลียงตื่นมาอาบน้ำแต่เช้า เปลี่ยนชุดผู้ป่วย กินอาหารเช้าแล้วรอฟู่เจิงอยู่ที่ห้องพักรอตลอดช่วงเช้ารอจนถึงตอนบ่ายฟู่เจิงจึงจะมาโรงพยาบาล“โทษทีนะ ตอนเช้ามีธุระเลยเสียเวลาไป”เวินเหลียงยิ้มส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่สาย”ฟู่เจิงเห็นท่าทางอดรนทนไม่ไหวของเธอ รู้สักไม่สบายใจเล็กน้อย “พวกเราหย่ากัน เธอดีใจมากเลยเหรอ?”เวินเหลียงในใจเปรี้ยวขม แต่ใบหน้ากลับพกพารอยยิ้มพร้อมพูดว่า “ใช่สิคะ ฉันดีใจมาก ในที่สุดก็หลุดพ้นสักที”หลุดพ้นเธอใช้คำว่าหลุดพ้น คงผิดหวังกับการแต่งงานนี้มากสินะฟู่เจิงหน้าขรึมเล็กน้อย พูดราบเรียบ “ยินดีด้วย”“ไปกันเถอะค่ะ” เวินเหลียงมองทางฟู่เจิง“อืม”ฟู่เจิงหมุนตัวไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยหน้าห้องมีตำรวจยืนอยู่สองคน กำลังจะเคาะประตูพอดี พอเห็นฟู่เจิงออกมา ตำรวจหญิงก็นิ่งไปและถามว่า “ไม่ทราบนี่ใช่ห้องของคุณเวินเหลียงหรือเปล่าคะ”คนนี้หน้าตาเหมือนฟู่เจิงมาก“ใช่ครับ”“ฉันเป็นตำรวจที่รับผิดชอบคดีของคุณเวินเหลียงค่ะ ตอนนี้สถานีตำรวจจับผู้ต้องสงสัยสองคนนั้นมาได้แล้ว แต่เวลานี้พวกเขาไม่ยอมรับว่าวางแผนนี้ล่
ฟู่เจิงหลุบตา สิบนิ้วสอดประสานวางอยู่ด้านหน้าลำตัว เคาะนิ้วชี้เป็นระยะ“ความหมายของคุณคือ สองคนนี้อาจเป็นแฟนคลับของดาราหญิงคนนั้น ทำใจที่ไอดอลของตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ ก็เลยมาแก้แค้นให้เขาเหรอคะ?”“ฉันแค่คาดเดาทางนี้ค่ะ แต่จะใช่หรือไม่ยังต้องมีหลักฐาน”ตำรวจหญิงรู้สึกว่าการสันนิษฐานนี้มีเหตุผลอยู่เมื่อวานก็เพิ่งมีข่าวว่าเวินเหลียงเป็นมือที่สามสอดแทรกฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋ไม่ใช่เหรอ?บรรดาแฟนคลับไม่รู้ความจริงก็เลยรู้สึกคับแค้นใจแทนฉู่ซืออี๋แฟนคลับสุดโต่งพวกนั้นก็เลยมาแก้แค้นเวินเหลียงที่เป็น ‘มือที่สาม’มิน่าคนแซ่เซียวกับคนแซ่หลี่ถึงไม่มีความเกี่ยวข้องกันในชีวิตประจำวัน ทีแรกพวกเขาไม่รู้จักกัน แต่เป็นแฟนคลับของฉู่ซืออี๋เหมือนกัน มีความคิดที่เหมือนกัน ก็เลยวางแผนทำเรื่องนี้“พวกคุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะออกไปโทรศัพท์” ตำรวจหญิงถือโทรศัพท์มือถือออกไปตำรวจชายถามคำถามกับเวินเหลียงอีกสองสามข้อแบบสบาย ๆไม่นานตำรวจหญิงก็ถือโทรศัพท์มือถือเดินเข้ามา “คุณเวินคะ คุณเดาถูกแล้วค่ะ! คนของทางเราดาวน์โหลดเฟซบุ๊กลงในมือถือของสองคนนั้น และใช้เบอร์มือถือล็อกอิน พบว่าพวกเขาเป็นแฟนคลับของฉู่