“เธอชอบก็พอ”“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณผู้ชายจะมีพรสวรรค์ในการทำอาหารขนาดนี้ ทำครั้งแรกก็ดูเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าขยันฝึกฝนต้องมีฝีมือการทำครัวแน่เลยค่ะ” แม่บ้านพูดเวินเหลียงยิ้มไม่ได้พูดฟู่เจิงนั่งเงียบ……หลังจากเวินเหลียงกินข้าวเสร็จ แม่บ้านก็ล้างถ้วยตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเวินเหลียงบาดเจ็บหรืออย่างไร เธอจึงเพลียนิดหน่อย อยากพักแล้ว“คุณผู้ชายคะ คุณกลับบ้านเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณผู้หญิงเอง พรุ่งนี้คุณค่อยมาเยี่ยมใหม่นะคะ”ฟู่เจิงพยักหน้า “ได้ งั้นพรุ่งนี้ผมค่อยมาใหม่”เขาหยิบเสื้อตัวนอกของตัวเองจากโซฟาและจากไปแต่จู่ ๆ เวินเหลียงกลับลุกขึ้นมา “เดี๋ยวค่ะ”ฟู่เจิงหยุดฝีเท้าและมองเวินเหลียง “มีอะไรอีกเหรอ?”“พรุ่งนี้ตอนมาอย่าลืมพกเอกสารหย่าแล้วมารับฉันไปด้วยนะคะ”ฟู่เจิงนิ่งไปแล้วขมวดคิ้ว “เวินเหลียง เรื่องหย่าไม่รีบ รักษาตัวให้หายดีก่อน ตาของเธอเห็นตัวหนังสือไม่ชัด กรอกข้อมูลไม่ได้”เวินเหลียงขยับปาก “ฉันมองไม่ชัด คุณอ่านให้ฉันฟังก็ได้นี่คะ”เห็นไม่ชัดไม่ได้บอดสนิท“หนังสือสัญญาหย่าก็เซ็นแล้ว ช้าอีกสองสามวันรอให้ตาเธอหายเป็นปกติค่อยไปหย่าจะเป็นไรไป เธอรีบร้อนอยาก
เช้าวันจันทร์ เวินเหลียงตื่นมาอาบน้ำแต่เช้า เปลี่ยนชุดผู้ป่วย กินอาหารเช้าแล้วรอฟู่เจิงอยู่ที่ห้องพักรอตลอดช่วงเช้ารอจนถึงตอนบ่ายฟู่เจิงจึงจะมาโรงพยาบาล“โทษทีนะ ตอนเช้ามีธุระเลยเสียเวลาไป”เวินเหลียงยิ้มส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่สาย”ฟู่เจิงเห็นท่าทางอดรนทนไม่ไหวของเธอ รู้สักไม่สบายใจเล็กน้อย “พวกเราหย่ากัน เธอดีใจมากเลยเหรอ?”เวินเหลียงในใจเปรี้ยวขม แต่ใบหน้ากลับพกพารอยยิ้มพร้อมพูดว่า “ใช่สิคะ ฉันดีใจมาก ในที่สุดก็หลุดพ้นสักที”หลุดพ้นเธอใช้คำว่าหลุดพ้น คงผิดหวังกับการแต่งงานนี้มากสินะฟู่เจิงหน้าขรึมเล็กน้อย พูดราบเรียบ “ยินดีด้วย”“ไปกันเถอะค่ะ” เวินเหลียงมองทางฟู่เจิง“อืม”ฟู่เจิงหมุนตัวไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยหน้าห้องมีตำรวจยืนอยู่สองคน กำลังจะเคาะประตูพอดี พอเห็นฟู่เจิงออกมา ตำรวจหญิงก็นิ่งไปและถามว่า “ไม่ทราบนี่ใช่ห้องของคุณเวินเหลียงหรือเปล่าคะ”คนนี้หน้าตาเหมือนฟู่เจิงมาก“ใช่ครับ”“ฉันเป็นตำรวจที่รับผิดชอบคดีของคุณเวินเหลียงค่ะ ตอนนี้สถานีตำรวจจับผู้ต้องสงสัยสองคนนั้นมาได้แล้ว แต่เวลานี้พวกเขาไม่ยอมรับว่าวางแผนนี้ล่
ฟู่เจิงหลุบตา สิบนิ้วสอดประสานวางอยู่ด้านหน้าลำตัว เคาะนิ้วชี้เป็นระยะ“ความหมายของคุณคือ สองคนนี้อาจเป็นแฟนคลับของดาราหญิงคนนั้น ทำใจที่ไอดอลของตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ ก็เลยมาแก้แค้นให้เขาเหรอคะ?”“ฉันแค่คาดเดาทางนี้ค่ะ แต่จะใช่หรือไม่ยังต้องมีหลักฐาน”ตำรวจหญิงรู้สึกว่าการสันนิษฐานนี้มีเหตุผลอยู่เมื่อวานก็เพิ่งมีข่าวว่าเวินเหลียงเป็นมือที่สามสอดแทรกฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋ไม่ใช่เหรอ?บรรดาแฟนคลับไม่รู้ความจริงก็เลยรู้สึกคับแค้นใจแทนฉู่ซืออี๋แฟนคลับสุดโต่งพวกนั้นก็เลยมาแก้แค้นเวินเหลียงที่เป็น ‘มือที่สาม’มิน่าคนแซ่เซียวกับคนแซ่หลี่ถึงไม่มีความเกี่ยวข้องกันในชีวิตประจำวัน ทีแรกพวกเขาไม่รู้จักกัน แต่เป็นแฟนคลับของฉู่ซืออี๋เหมือนกัน มีความคิดที่เหมือนกัน ก็เลยวางแผนทำเรื่องนี้“พวกคุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะออกไปโทรศัพท์” ตำรวจหญิงถือโทรศัพท์มือถือออกไปตำรวจชายถามคำถามกับเวินเหลียงอีกสองสามข้อแบบสบาย ๆไม่นานตำรวจหญิงก็ถือโทรศัพท์มือถือเดินเข้ามา “คุณเวินคะ คุณเดาถูกแล้วค่ะ! คนของทางเราดาวน์โหลดเฟซบุ๊กลงในมือถือของสองคนนั้น และใช้เบอร์มือถือล็อกอิน พบว่าพวกเขาเป็นแฟนคลับของฉู่
ในรถเงียบงันอยู่นาน“อาเหลียง เรื่องที่เธอรถชน เป็นฉันที่ทำให้เธอพลอยเดือดร้อน ฉันขอโทษ” ฟู่เจิงมองใบหน้าสงบนิ่งของเวินเหลียง ดวงตาดำขลับดังหมึก“คุณก็ขอโทษแล้วไม่ใช่เหรอคะ? พวกเราต่างก็ไม่มีใครนึกว่าจนถึงตอนนี้แฟนคลับบ้าคลั่งพวกนี้ยังกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย เรื่องนี้ฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ” เวินเหลียงสีหน้าเป็นปกติฟู่เจิงอ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ควรพูดอะไรดีนั่นสินะ เธอไม่รู้เรื่องเมื่อวานเธอยังนึกว่าเป็นเรื่องแต่งหน้าเมื่อคราวก่อนตอนนี้ตาเธอมองตัวหนังสือบนมือถือกับคอมพิวเตอร์ไม่ชัดเขาไม่ต้องกังวลว่าเธอจะเห็นคำวิจารณ์และการด่าทอเธอบนอินเทอร์เน็ต ทว่าในใจของเขากลับไม่ดีใจสักนิด“ขอโทษ” เขาพูดอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว”ในห้องโดยสารรถเงียบลงอีกครั้งไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เวินเหลียงถาม “ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ?”“สองโมงสิบนาที”“นานแค่ไหนแล้ว? ทำไมป้าหวังยังไม่มีอีก?”“คงโบกรถยาก หรือไม่ก็เจอเรื่องอะไรระหว่างทาง รออีกหน่อยเถอะ” ฟู่เจิงเม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย“ก็ได้ค่ะ”ผ่านไปอีกนาน เวินเหลียงถามขึ้นอีก “ทำไมป้าหวังยังไม่มาอีก? ฟู่เจิง
ความขมเฝื่อนทะลักขึ้นมาจากคอของเวินเหลียง มุมปากคว่ำลงแบบควบคุมไม่อยู่สามปีก่อนพวกเขาเคียงบ่าเคียงไหล่ เดินเข้าสำนักงานเขตเพื่อแต่งงานสามปีให้หลังพวกเขาจูงมือกันเข้าสำนักงานเขตเพื่อหย่านี่คือการจูงมือเธออย่างเปิดเผยครั้งสุดท้ายของเขาหลังจากวันนี้ พวกเขาจะไม่ใช่สามีภรรยากันอีกเขาเดินบนเส้นทางอันรุ่งโรจน์ของเขา ส่วนเธอเดินอยู่บนทางโดดเดี่ยวลำเค็ญของเธอเขาแต่งงานกับคนในดวงใจ ครองคู่จนแก่จนเฒ่า ส่วนเธอไปให้ไกลจากสถานที่อันวุ่นวาย ใช้ชีวิตอิสรเสรีนับจากนี้ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างมีสันติสุขคนขับรถและแม่บ้านยืนอยู่ที่เดิม แลกสายตากันทีหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจพร้อมกันเวินเหลียงเดินเข้าห้องโถง ของสำนักงานเขตเจ้าหน้าที่เดินมาหา มองชายหล่อสาวสวยตรงหน้าและชี้ไปที่ช่องแต่งงาน “แต่งงานเชิญต่อคิวทางนั้นเลยค่ะ อย่าลืมอ่านข้อควรรู้นะคะ”“พวกเรามาหย่าครับ” ฟู่เจิงพูดพนักงานอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปทางอีกช่องหนึ่ง “หย่าไปต่อแถวทางนั้นค่ะ”ฟู่เจิงจูงมือเวินเหลียงเดินไปพนักงานไม่เข้าใจเลย เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นสามีภรรยาจูงมือกันมาหย่าได้สมานฉันท์ขนาดนี้“ข้างหน้าคนเยอะมาก ต้องต่อแถว
ฟ้ามืดลงแล้ว คุณย่ามองทางฟู่เจิงและพูดว่า “อาเจิง พวกแกรออยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หน้าผากอาเหลียงบาดเจ็บ แกพาอาเหลียงกลับไปเถอะ เอาไว้ปู่พวกแกออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว ค่อยให้ฟู่เยว่โทรบอก”“ไม่ค่ะ” เวินเหลียงปฏิเสธ คล้องแขนของคุณย่า “คุณย่าคะ หนูไม่กลับ หนูจะอยู่รอกับทุกคนที่นี่ค่ะ”ไม่ว่าคุณปู่จะเป็นอะไรหรือไม่ เธอต้องการเห็นคุณปู่เป็นคนแรก“คุณย่า พวกเราจะอยู่รอเป็นเพื่อนคุณย่าครับ” ฟู่เจิงพูดสมทบคุณย่าเห็นพวกเขายืนกรานจึงไม่พูดอะไรอีกผ่านไปอีกสองชั่วโมง ไฟสีแดงหน้าห้องผ่าตัดเปลี่ยนเป็นสีเขียวในที่สุดเวินเหลียง ฟู่เจิง ฟู่เยว่และคุณย่าลุกขึ้นยืนไปออกอยู่หน้าห้องผ่าตัดรอหมอออกมาประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก“ผอ.หลิน สภาพาการณ์คุณปู่เป็นยังไงบ้างครับ” ฟู่เจิงถามขึ้นทันทีเวลานี้เสียงของเขาแหบพร่าและสั่นเครืออีกนิด ๆ ในแบบที่ไม่อาจสังเกตเห็นเวินเหลียงตาแดง จ้องผอ.หลินเขม็ง ประกบฝ่ามือทั้งสองอยู่ที่หน้าอกผอ.หลินถอดหน้ากากอนามัยออก “การผ่าตัดประสบผลสำเร็จดีครับ พักที่ห้องไอซียูดูอาการก่อนสองวัน ถ้าไม่เป็นไรแล้วค่อยย้ายไปห้องผู้ป่วยธรรมดา”บนใบหน้าของเวินเหลียงเผยรอยยิ้มหนึ่ง น้ำ
“อยู่ได้อีกนานแค่ไหนครับ?”ผู้อำนวยการหลินช้อนตาขึ้นมองฟู่เจิง ชูนิ้วสามนิ้ว “ฉันประกันให้เขาอย่างสุดความสามารถได้แค่สามเดือน มากกว่านี้คือสุดแล้วแต่สวรรค์แล้ว”ฟู่เจิงสะท้านไปทั้งตัว ทรวงอกราวกับถูกค้อนเหล็กทุบ อวัยวะทั่วร่างเจ็บนิด ๆสามเดือนคุณปู่มีเวลาอีกแค่สามเดือนแล้วฟู่เจิงหวังว่านี่จะเป็นแค่เรื่องขบขัน หากเขารู้ว่ามันไม่ใช่ผู้อำนวยการหลินเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในด้านนี้ แม้แต่เขาก็ยังหมดหนทาง...“อาเจิง ฉันรู้ว่านายรับไม่ได้ ความจริงคุณปู่ของนายรู้สภาพร่างกายของตัวเองดี เขาเตรียมตัวแต่แรกแล้ว แค่ว่าเขาห่วงที่สุดก็คือนาย ช่วงนี้ฉันดูข่าว นายกับภรรยาของนายกำลังจะหย่ากันใช่ไหม?”ผู้อำนวยการหลินเดินไปข้างหน้าและตบบ่าของฟู่เจิง “ยังไงก็เป็นคนที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ อาก็ไม่เกลี้ยกล่อมให้ไม่หย่าแล้ว แต่คุณปู่ของนายเหลือเวลาไม่มาก ให้เขาจากไปอย่างมีความสุขดีไหม?”ฟู่เจิงกรอบดวงตาแดง กลืนน้ำลายลงคอ “ผมรู้แล้วครับคุณอา ขอบคุณครับ”ฟู่เจิงหมุนตัวออกไปอย่างสลดหดหู่เขาหาที่ปลอดคนทรุดตัวลงนั่งนิ่งไม่ขยับ ราวกับหินแกะสลักอย่างไรอย่างนั้น“คุณผู้หญิงครั
“อาเหลียง หัวเธอเป็นอะไรไป? ทำไมถึงบาดเจ็บได้? สาหัสไหม?” พอคุณปู่เห็นศีรษะของเวินเหลียงพันผ้าก๊อซอยู่ก็ถามด้วยเสียงแหบแห้งอ่อนแรงคุณปู่ป่วยหนักอย่างนี้ กลับเป็นห่วงแผลเล็กน้อยของเธอ เวินเหลียงปวดใจทันใด น้ำตาไหลพรากทันที“เป็นอะไรไป? เจ็บมากเหรอ?” คุณปู่เห็นดวงหน้าเล็ก ๆ น้อยใจจึงถามด้วยความเอ็นดูเวินเหลียงรีบส่ายหน้า “คุณปู่วางใจนะคะ แค่ไม่ทันระวังกระแทกถูกเฉย ๆ ไม่หนักหนาอะไร ไม่เจ็บสักนิดเลยค่ะ”“ต้องใส่ใจกับร่างกายของตัวเองสิ อย่าเป็นเหมือนฉัน ร่างกายฉันมันไม่เอาไหน อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว” คุณปู่พูดอย่างปราศจากเรี่ยวแรง“ไม่ค่ะ คุณปู่อย่าพูดแบบนี้สิคะ คุณปู่ต้องหายดีแน่ คุณปู่ต้องอายุยืนร้อยปีแน่ ๆ” เวินเหลียงรื้นน้ำตา“ทำไมยังทำเหมือนเด็กนะ บทจะร้องไห้ก็ร้องไห้” คุณปู่ยกมือจะซับน้ำตาบนใบหน้าของเวินเหลียง“ขอแค่คุณปู่สบายดี หนูก็ไม่ร้องแล้ว” เวินเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งปนสะอื้น“อาเหลียง ฉันแก่แล้ว ทุกคนต้องมีวันนี้ ฉันเตรียมใจมานานแล้วละ ไม่กลัวหรอก ฉันหวังว่าเธอจะไม่กลัวเหมือนกัน ได้ไหม?”เวินเหลียงเกร็งริมฝีปาก มุมปากหนักพันชั่ง ฝืนไม่ให้มันคว่ำลง แต่สุดท้ายก็ยังฟุ