คอมเมนต์ยอดฮิตในพื้นที่แสดงความคิดเห็น : ไม่มั้ง ๆ คงไม่มีใครเชื่อจริง ๆ ว่าคุณชายตระกูลฟู่แบบนี้จะบริสุทธิ์ผุดผ่องหรอกนะ? เห็นเขาเป็นพระเอกในนิยายเหรอ? เขาเที่ยวเก่งจะตาย แค่ไม่เป็นข่าวเท่านั้นเองพื้นที่แสดงความคิดเห็นมีคนมากมายหลายหลาก มีแฟนคลับของฟู่เจิงแย้งอธิบาย มีแฟนคลับของฉู่ซืออี๋ขีดเส้นแบ่งกับฟู่เจิงชัดเจน ขาจรรอดูเรื่องสนุก พวกแอนตี้แฟนกัดไม่ปล่อยด้านล่างยังมีอีกโพสต์การค้นหายอดฮิต : เวินเหลียงเรื่องราวเป็นกระแสร้อนแรงเมื่อคืน หลังจากพยายามหลายชั่วโมง ชาวเน็ตได้เปิดเฟซบุ๊กของเวินเหลียงซึ่งเป็นคนที่ฟู่เจิงนอกใจด้วย พร้อมนำรูปถ่ายที่เวินเหลียงลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของตัวเองมาเปรียบเทียบ เสื้อผ้าเหมือนกันเด๊ะ อีกทั้งเวลานี้เวินเหลียงมีบุญคุณความแค้นกับฉู่ซืออี๋ ชาวเน็ตจำนวนมากรู้แล้วว่าเธอคือผู้จัดการแบรนด์เอ็มคิว และเป็นลูกสาวบุญธรรมของประธานกรรมการใหญ่ฟู่ด้านล่างโพสต์ของเปิดโปงเวินเหลียงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบ่งออกเป็นสองขั้วขั้วหนึ่ง มีขาจรและแอนตี้แฟนของฉู่ซืออี๋คิดว่า ในเมื่อเวินเหลียงเป็นลูกบุญธรรมของประธานกรรมการใหญ่ฟู่ ก็นับว่าเป็นเพื่อนวัยเด็กของฟู่เจิง ไม่แน่ว่
“ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ให้คนกดการค้นหายอดฮิตไว้แล้ว จะไม่ส่งผลกับซืออี๋หรอกครับ”“หวังว่าคุณจะทำได้อย่างที่พูดนะคะ คุณยังจำเรื่องสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ได้ใช่ไหม คุณไม่ชี้แจงไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนชี้แจงให้”ฟู่เจิงเข้าใจความหมายของหวังเหยียนแล้ว “ผมจะจัดการเอง”เรื่องที่เขากับเวินเหลียงแต่งงานกันมีแค่ไม่กี่คนที่รู้และชี้แจงให้เวินเหลียงได้ โดยรวมก็มีแต่คุณปู่ คุณย่า“งั้นก็ขอบคุณประธานฟู่มากนะคะ คุณมาเยี่ยมซืออี๋เถอะ ตอนนี้เขาอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ”“ได้”หลังจากวางสายฟู่เจิงก็โทรศัพท์หาเลขาหยางอีก กำชับให้เขาจับตาดูเรื่องนี้ให้ดี อย่าให้มีข่าวชี้แจงโผล่ออกมาได้เด็ดขาดรอให้เรื่องราวสงบลงแล้ว เขาจะไปอธิบายกับพวกเขาเองฟู่เจิงถือโทรศัพท์มือถือของเวินเหลียงคิดจะเอาไปให้เธอที่ห้อง แต่พอถึงปากประตูห้องเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงเก็บโทรศัพท์ของเวินเหลียงไว้ในกระเป๋าพอถึงห้องรับแขกชั้นล่าง เขาบอกกับแม่บ้านว่า “อย่าบอกเรื่องข่าวกับคุณผู้หญิงนะ”เรื่องในอินเทอร์เน็ตไม่มีอยู่จริง คนพวกนั้นแค่ระบายความโกรธในใจเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ผ่านไปแล้วแม่บ้านลังเล “ถ้าคุณผู้หญิงดูข่าวเองล่ะ
พอเวินเหลียงได้ยินคำว่าทำอาหารก็ตกตะลึงในหัวของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมโยมฟู่เจิงเข้ากับการทำอาหารได้เลย“อาเหลียง เธอคงไม่รู้สินะ ความจริงฟู่เจิงมีฝีมือมากเลย ตอนเรียนมหาลัยเขาพักอยู่ข้างนอกคนเดียวตลอด ฝึกจนฝีมือดี ทำให้ฉันกินประจำแหละ”เวินเหลียงรู้ว่าฉู่ซืออี๋จงใจพูดกับเธอ ตั้งใจจะยั่วเธอแต่หัวใจของเวินเหลียงก็ยังถูกยั่วจนเจ็บอยู่ดีการที่ผู้ชายคนหนึ่งยอมเข้าครัวเพื่อคนที่ตัวเองชอบ นั่นจะต้องชอบเธอมาก ๆแต่สามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน ฟู่เจิงไม่เคยเข้าครัวเลย กระทั่งว่าเวินเหลียงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำกับข้าวเป็นเธอรู้มาว่าการทำกับข้าวสามารถเสริมสร้างสายใยระหว่างสามีภรรยาได้ ถึงในบ้านจะมีแม่บ้าน แต่เวินเหลียงก็ยังเข้าครัวเป็นครั้งคราว ทว่าฟู่เจิงไม่เคยมาช่วยเธอนี่ก็คือความแตกต่างของรักกับไม่รักเวินเหลียงสะกดความเจ็บปวดในใจและพูดว่า “คุณเอามือถือให้ฟู่เจิง ฉันมีเรื่องจะถามเขา”“เรื่องอะไร? ฉันถามให้ก็ได้”นี่คือการยั่วยุชัด ๆ เวลานี้เธอกับฟู่เจิงยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ อยากจะถามคำถามกับฟู่เจิง กลับต้องผ่านฉู่ซืออี๋ นี่มันไม่น่าขำเหรอ?ถึงตอนนี้เวินเหลียงจะอยากหย่
ฟู่เจิงพูดเสียงเรียบ “ผมแค่กลัวว่าเขาเห็นข่าวแล้วจะไปชี้แจงน่ะ มันจะส่งผลถึงคุณ ประวิงเวลาได้เท่าไรก็เท่านั้น เอาไว้กดกระแสเรื่องนี้ได้แล้วก็จะไม่ส่งผลถึงทุกคน”พอฉู่ซืออี๋ได้ยินดังนั้น ในดวงตาวาบความกระหยิ่มใจเสี้ยวหนึ่ง พูดอย่างรู้สึกผิด “แต่แบบนี้จะไม่ดีกับอาเหลียงนะคะ อาเจิง ไม่งั้นเราก็ชี้แจงให้เขาเถอะ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเลย ฉันอยากอยู่กับคุณอย่างเปิดเผย ต่อให้ทุกคนจะด่าจะตำหนิยังไงฉันก็ไม่สน”ฟู่เจิงขมวดคิ้วนิด ๆ “ตอนนี้ยังไม่เหมาะ ผมยังคุมความคิดเห็นของมวลชนไม่ได้ทั้งหมด ตอนนี้คุณเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าชี้แจง จะกระทบถึงงานของคุณแน่”ฉู่ซืออี๋หนักใจทันทีเป็นเพราะงานเธอหรือว่าเขาไม่อยากเปิดเผยกันแน่ “ฉันก็แค่...”“ซืออี๋ เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง เป็นผมที่ไม่ให้คุณชี้แจง ถ้าเวินเหลียงจะโทษก็ควรโทษผม คุณตั้งใจทำงานเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง”รอยยิ้มของฉู่ซืออี๋แข็งทื่อไปเล็กน้อย เธอพยักหน้า โอบเอวของฟู่เจิงจากด้านหลังแล้วซบใบหน้าลงไป “อาเจิง คุณดีกับฉันจริง ๆ เลยค่ะ”“เอาละ คุณออกไปรอเถอะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว”“ค่ะ” ฉู่ซืออี๋ออกจากห้องครัวฟู่เจิงหันไปมอ
“พ่อคะ ครั้งนี้นอกจากจะมาไหว้คุณปู่แล้ว หนูอยากจะบอกพ่อด้วย หนูจะหย่ากับเขาแล้วนะ”“พ่อ พ่อได้ยินข่าวนี้แล้วต้องตกใจมากแน่ ตอนเชงเม้งหนูยังบอกกับพ่ออยู่เลยว่าเขาดีกับหนูมาก เป็นลูกเขยที่ดีของพ่อ นี่เพิ่งจะกี่เดือนเอง หนูกับเขาต้องแยกทางกันแล้ว พ่อรู้สึกน่าหัวเราะมากไหมคะ? บอกตามตรง หนูก็รู้สึกน่าหัวเราะเหมือนกัน ตั้งแต่เขาพูดเรื่องหย่ากับหนูจนถึงตอนนี้ หนูยังงงอยู่เลย ทำไมหนูกับเขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้นะ...”“ถ้าตอนเชงเม้งมีคนบอกหนูว่าอีกไม่กี่เดือนหนูจะได้หย่ากับฟู่เจิง หนูต้องไม่เชื่อแน่...”“หนูรักเขาออกอย่างนั้น จะหย่ากับเขาได้ยังไง? แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว...”“เรื่องมันยาวค่ะ หนูไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจะตรงไหนก่อนดี หนูท้องแล้ว หนูจะมีหลานให้พ่อแล้วนะ ถ้าพ่อยังอยู่ก็คุ้มครองให้เด็กในท้องหนูคลอดออกมาอย่างปลอดภัยด้วย...ความจริงหนูยังชอบเขามาก ชอบเขามาสิบปี เป็นสามีภรรยากันสามปี จะลืมได้ง่าย ๆ ได้ยังไง หนูทรมานใจมาก หัวใจของหนูมันทรมานมากจริง ๆ ระหว่างเราคงจะขาดวาสนานั่นแหละนะ...”“เขาชอบแฟนเก่าของเขามาตลอด สามปีหนูยังประคบหัวใจเขาให้อุ่นไม่ได้ พวกเราไปต่อกันไม่ได้แล้
เขาเห็นเวินเหลียงลดความเร็วจึงทำรถให้ช้าลงกว่าเดิมแบบนี้ต่อไปนอกเสียจากเวินเหลียงจะจอดรถ เพียงแต่ถนนสายนี้ห้ามจอดเวินเหลียงพยายามจะเปลี่ยนเลน แต่เขาก็เปลี่ยนตาม ขวางลำอยู่อย่างนั้นตามอยู่หลายครั้ง ในใจของเวินเหลียงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเธอรู้ดี ต่อให้เธอเปลี่ยนเลนแซงอีกฝ่ายได้ นอกเสียจากเธอเพิ่มความเร็วซิ่งไปจึงจะสลัดเขาหลุดยังไม่ต้องพูดถึงว่าทักษะการขับรถของเธอไม่ดีถึงขนาดนั้น และถึงจะดี เธอก็ไม่กล้าเอาความปลอดภัยของตัวเองและความปลอดภัยของลูกในท้องมาเสี่ยงหรอกเวินเหลียงแค่ต้องการความปลอดภัย มองเลนนอกสุดจากกระจกหลัง เปิดสัญญาณไฟจอดข้างทางและโทรหาตำรวจแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ สะเทือนเลือนลั่นถุงลมนิรภัยดีดตัวเวินเหลียงเจ็บศีรษะอย่างหนัก หน้ามืดวิงเวียน ก่อนที่เธอจะหมดสติ เธอพลันคิดขึ้นได้ เหมือนว่ารถคันสีขาวข้างหลังก็เริ่มตามเธอตั้งแต่ขึ้นทางด่วนเหมือนกัน……เสียงเบรกเสียงแหลมดังขึ้นที่ข้างหู ‘ปัง’ ทีหนึ่ง ล้อรถทั้งคันระเบิด ไฟลุกไหม้รุนแรง เผารถจนเหลือแต่โครงภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยฉายขึ้นในหัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เวินเหลียงลืมตาขึ้นพรึบ ปวดหัวจนแทบจะระเบิดกล
เวินเหลียงเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียดรอบหนึ่งโดยรวมตรงกับที่เห็นในกล้องวงจรปิดตำรวจผู้ชายบันทึกปากคำของเวินเหลียง “ตามการสันนิษฐานของคุณ รถคันสีดำกับรถคันสีขาวจงใจ คุณแน่ใจนะครับว่าไม่รู้จักกับคนขับรถคันสีดำ?”“แน่ใจค่ะ งั้นคุณเห็นรูปพรรณสัณฐานของคนขับรถคันสีขาวไหมคะ?”“ไม่เห็นค่ะ เขาอยู่ข้างหลัง ห่างจากฉันมาก ตอนที่ฉันเปลี่ยนเลนเคยมองผ่านกระจกหลังสองครั้ง แต่ไกลเกินไปก็เลยเห็นหน้าตาคนขับไม่ชัด”“ทราบแล้วค่ะ” ตำรวจหญิงปลอบใจเวินเหลียง “วางใจนะคะ พวกเราหาทางยืนยันตัวตนและจับผู้ต้องสงสัยแล้ว คงใช้เวลาไม่มากหรอกค่ะ”สมัยนี้ข้างนอกมีกล้องวงจรปิดหมด จะหนีไปไหนรอด“ขอบคุณค่ะ” เวินเหลียงตอบ“คุณติดต่อครอบครัวคุณได้แล้วค่ะ ในที่เกิดเหตุไม่พบมือถือของคุณ...”“ฉันออกจากบ้านไม่ได้เอามือถือมาค่ะ คุณตำรวจคะ รบกวนยืมมือถือคุณโทรให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”“ได้ค่ะ คุณบอกเบอร์มาเลย”ชั่วขณะ เวินเหลียงเกือบบอกเบอร์โทรศัพท์ของฟู่เจิงไปแล้วตอนนี้เขาคงอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋สินะเวินเหลียงยิ้มแห้งตรงมุมปาก สุดท้ายจึงเลือกที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ของแม่บ้านพอโทรติด ตำรวจก็เอามือถือมาให้ที่มื
หน้าประตูเหมือนว่ามีคนอยู่เวินเหลียงเงยหน้ามองไป จ้องสีดำขมุกขมัวนั้นอยู่นานก่อนจะมั่นใจในท้ายที่สุดว่านั่นเป็นคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำปลอดนี่คงเป็นครอบครัวของผู้ป่วยคนใดคนหนึ่งจากสองคนมั้ง?ไม่แน่ว่าจะเป็นเจี้ยนกว๋อที่ลูกสะใภ้ของคุณยายพูดถึงทำไมเขายืนอยู่ที่หน้าประตูไม่เข้ามาล่ะ?เวินเหลียงรู้สึกประหลาดใจเงาคนสีดำเดินเข้ามาแล้วเขาอ้อมเตียงผู้ป่วยริมสุดเมื่อนั้นเวินเหลียงจึงเข้าใจว่าเขาเป็นครอบครัวของพี่สาวเตียงข้างใน คงเป็นสามีของเธอเงาคนสีดำหยุดอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของเวินเหลียง เดินสองสามก้าวและนั่งข้างเตียงเวินเหลียงสะดุ้ง หรี่ดวงตาตามสัญชาตญาณ เพียงแต่เธอหรี่ตาอย่างไร ภาพตรงหน้าก็ยังเบลออยู่ดี เธอพยายามแยกแยะคนที่อยู่ตรงหน้า หยั่งถาม “คุณ คุณคือ...ฟู่เจิง?”“ฉันเอง อาเหลียง ตาของเธอเป็นอะไรไป?” มือใหญ่ขอฟู่เจิงประคองแก้มของเวินเหลียง มองผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบศีรษะของเธอและถามด้วยความกังวลเมื่อกี้เวินเหลียงมองเขาตั้งนานแต่ก็ไม่พูด เขาจึงรู้สึกแปลกใจพอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เวินเหลียงจึงมั่นใจว่านี่ใช่ฟู่เจิงจริง ๆ “เลือดคลั่งในสมอง กดทับเส้นประสาทตาก็เลยมองเห็นไม่ค