สีหน้าของฟู่เจิงแข็งทื่อ เขาเม้มริมฝีปากแน่น ในใจไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากเธอชอบโจวอวี่มากจริง ๆ แม้แต่หลักการของตัวเขาก็ยังเอาชนะได้“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ?” เวินเหลียงเอ่ยถาม“เมื่อคืนพวกเธอทำอะไรกัน?”“ฉันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟัง”นี่เป็นคำพูดที่ฟู่เจิงเคยพูดกับเธอมาก่อน ตอนนี้ได้คืนให้เขาแล้วฟู่เจิงขมวดคิ้วพลางถูคิ้ว น้ำเสียงขึงขังขึ้น “เวินเหลียง เธออย่าใช้อารมณ์ได้ไหม!”เห็นได้ชัดว่าความรักทำให้คนตาบอด เดิมทีเวินเหลียงไม่ยอมรับฟังคำพูดของเขาอยู่แล้วเขาหวังว่าเวินเหลียงจะมีความสุข เพียงแต่โจวอวี่คนนี้ไม่เหมาะสมกับเวินเหลียงเลยสักนิด“ฉันใช้อารมณ์ยังไงไม่ทราบ?”“ฉันแค่เป็นห่วงเธอ โจวอวี่ตนคนนี้ไม่เหมาะสมกับเธอเลย หวังว่าเธอจะพิจารณาอย่างจริงจังดูหน่อย อย่าทำเป็นหูทวนลม ทำเรื่องอะไรที่มันกลับมาแก้ไขไม่ได้!”“ทำเรื่องอะไรที่มันกลับมาแก้ไขไม่ได้? คุณสื่อถึงอะไร? มีชู้เหรอ?” เวินเหลียงเลิกคิ้วฟู่เจิงเงียบ“ก่อนที่พวกเราจะหย่ากันอย่างเป็นทางการ ฉันไม่มีวันสวมเขาคุณแน่นอน คุณวางใจได้เลย แต่คุณ...ตอนนี้เขาบนหัวฉันงอกยาวเป็นกิโลแล้วมั้ง?” เวินเหลียงหัวเราะเยาะทีห
“อืม พูดกันถึงไหนแล้วนะครับ อ๋อ ๆ เงื่อนไขข้อที่สามสิบเอ็ดตรงนี้...”ผ่านไปยี่สิบนาที ทนายฟางเรียบเรียงเอกสาร แล้วใส่ไว้ในแฟ้มเอกสารอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย“ประธานฟู่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”“อืม”ทนายฟางลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปที่ข้างประตู มีเสียงของฟู่เจิงแว่วดังมาจากด้านหลัง “ทางเวินเหลียงคุณไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวผมไปบอกเธอก็พอ”“แบบนั้นก็ได้ครับ รบกวนประธานฟู่แล้วนะครับ”ทนายฟางออกจากห้องทำงานไปผ่านไปครู่หนึ่งนอกประตูห้องทำงานมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเวินเหลียงกำลังดำดิ่งอยู่ในงาน เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “เข้ามา”มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา“มีเรื่องอะไร?”ผ่านไปนานสองนานทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงใด เวินเหลียงจึงเงยหน้าขึ้น ในตอนนี้เองถึงได้พบว่าฟู่เจิงยืนมองเธออยู่หน้าโต๊ะทำงานเวินเหลียงอึ้ง เธอลุกขึ้นยืน “ประธานฟู่ คุณมาได้ยังไง?”ฟู่เจิงมองเธอ “มาบอกเธอให้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจแทนทนายฟางน่ะ”“อ๋อ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วก็ไป ประธานฟู่ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ?”“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมเธอไม่บอกฉันสักคำ?”เวินเหลียงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น พลางมองเขาอย่า
รถแล่นเข้าไปในโรงพยาบาล ฟู่เจิงหาที่จอดได้ก็จอดรถทันที เขาหาห้องตรวจของหมอจิตเวชเจออย่างคุ้นทาง เคาะประตูก่อนจะเข้าไป“คุณฟู่มาแล้ว การวินิจฉัยของคุณฉู่ในวันนี้เสร็จสิ้นแล้วค่ะ อาการไม่ดีขึ้นเลย กลับกันดันยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อกี้ฉันใช้ยาระงับประสาทให้เธอนอนหลับไปแล้ว”เมื่อฟู่เจิงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา “ผมทราบแล้วครับ”“คุณฟู่คะ ฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจหน่อยนะคะ ก่อนหน้านี้อาการป่วยของคุณฉู่ดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่าจู่ ๆ สองวันนี้กลับเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อาการไม่ดีเอามาก ๆ ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นภาวะซึมเศร้าระดับรุนแรง ถึงเวลานั้นก็ยากจะรักษาแล้ว”“อืม” ฟู่เจิงพยักหน้าแรงกระตุ้นที่เพิ่งได้รับหลังจากที่ซืออี๋รู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว อาการป่วยของเธอยิ่งรุนแรงขึ้นเขาเดินไปมองหน้าอันขาวซีดของฉู่ซืออี๋ข้างเตียง ในใจรู้สึกผิดเป็นพิเศษสาวน้อยที่ตอนแรกอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา ทว่าต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะเขาก็เลยป่วยเป็นโรคจิตเภท นิสัยเปลี่ยนไปเยอะมากและเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง เขาจะทำให้เธอผิดหวังไม่ได้ฟู่เจิงนั่งอยู่บนม้านั่งข้างเตียงไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ฉ
ฟู่เจิงหัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วทำไมเธอไม่ปฏิเสธล่ะ?”“คนที่พูดเรื่องหย่าออกมาไม่ใช่ฉัน ทำไมฉันต้องมากลายเป็นคนเลวนี่ด้วย?”“คุณเองก็อยากหย่าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ แล้วจะต่างอะไรกัน?”“...”เวินเหลียงไม่ได้แก้ตัวอะไร เธอเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา “พรุ่งนี้ฉันนัดเพื่อนจะออกไปข้างนอก คุณไปถึงโรงละครให้ตรงเวลาก็พอ”“เอาอย่างที่เธอว่า”ฟู่เจิงเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างและไม่ได้พูดอะไรอีกรถแล่นเข้ามาในคฤหาสน์ ทั้งสองคนลงจากรถตามลำดับ“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง กลับมาแล้วเหรอคะ”ป้าหวังตกตะลึงเป็นอย่างมาก เธอเองก็รู้ว่าระหว่างสองสามีภรรยาคู่นี้มีปัญหากัน หลายวันมานี้น้อยครั้งมาก ๆ ที่จะได้เห็นพวกเขากลับมาด้วยกัน“ป้าหวัง มื้อค่ำวันนี้มีอะไรกินคะ?” เวินเหลียงเอ่ยถาม“วันนี้ฉันซื้อซานเย่าสดใหม่มาจากตลาด เลยทำโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยและซานเย่า เข้าคู่กับเนื้อซีอิ๊ว เกี๊ยวทอด เดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วค่ะ”“โอเคค่ะ”ฟู่เจิงขึ้นไปชั้นบน ส่วนเวินเหลียงนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ลวดมือเปิดโทรทัศน์เธอเองก็ไม่ได้ชอบดูซีรีส์ เพียงแต่รู้สึกว่า การเปิดซีรีส์ในห้องรับแขก ทำให้รู้สึกเหมือนมีคนอยู่เป็นเพื่อนผ่านไปครู่
เวินเหลียงถูกการเปิดประตูมาอย่างกะทันหันทำให้ตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเขาฟู่เจิงค่อย ๆ เดินเข้ามา พร้อมทั้งปิดประตูไปด้วย “ทำไมเธอถึงย้ายมาอยู่ห้องนี้ล่ะ?”“อยากเปลี่ยนสถานที่หน่อย วันหลังค่อยย้ายกลับไป” เวินเหลียงถามขึ้น “คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเวินเหลียง ฟู่เจิงก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ล้วงบัตรดำใบหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง เขาดันไปตรงหน้าเวินเหลียง “เธอชอบอะไรก็เอาไปซื้อเอาละกันนะ”เวินเหลียงมองบัตรดำใบนั้นทีหนึ่ง “ไม่ต้อง คุณเอากลับไปเถอะค่ะ ฉันไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อย”“นี่เป็นของที่ฉันรับปากเธอเอาไว้ ฉันเป็นคนผิดคำพูด ตามเหตุผลควรจะชดเชยให้เธอ”เวินเหลียงเม้มปาก “ไม่ต้องจริง ๆ ค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก เวินเหลียง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังจงใจตีตัวออกห่างฉัน อันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ หลังจากหย่า เธอก็ยังเป็นหลานสาวที่คุณปู่คุณย่ารักและเอ็นดูอยู่ดี เราไม่มีทางที่จะไม่เจอหน้ากันอีก ไม่สู้เผชิญหน้ากันอย่างใจเย็นดีกว่า”เผชิญหน้ากันอย่างใจเย็น...ที่เขาพูดออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น เป็นเพียงเพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธออยากให้เธอเผชิญหน้าก
ถังซือซือนั่งอยู่ข้างประตูในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง เธอโบกมือให้เวินเหลียงผ่านกระจกเวินเหลียงเดินเข้าไปในร้านน้ำชา ถังซือซือดันชานมอีกแก้วหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าไปหน้าเวินเหลียง “เอานี่ สั่งมาให้คุณ เพิ่งทำเสร็จเลย ยังร้อน ๆ อยู่”“ขอบคุณนะ” เวินเหลียงนั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์ หยิบชานมมาใช้หลอดเจาะ ก่อนจะดื่มเข้าไปทีละอึก ๆ“เดี๋ยวเราจะไปชั้นสามหรือว่าชั้นสี่กันก่อนดี?”ชั้นสามและชั้นสี่ล้วนเป็นโซนเสื้อผ้าทั้งหมด“ชั้นสามก็แล้วกัน” เวินเหลียงดูดและเขย่าน้ำแข็งอย่างช้า ๆ “ทำไมคุณไม่เรียกจูฝานออกมาด้วยกันล่ะ?”ถังซือซือหัวเราะร่า “อย่าไปพูดถึงเลย สองสามวันมานี้เธอเอาแต่ทำงานล่วงเวลา! ในมือเธอไม่ได้มีแค่โปรเจกต์นี้ของเรา ที่สำคัญก็คือฉันฟังเธอด่าพ่อล่อแม่ทีมของฉู่ซืออี๋มาเยอะมาก อะไรอกเล็กเกินไปไม่ได้ อกใหญ่เกินไปก็ไม่ได้อีก ขนาดติ่งหูก็ยังต้องแก้คุณเคยเห็นแบบนี้มาก่อนไหม? บอกว่าแก้ให้ติ่งหูมนห้อยลงมาแล้วจะมีโชคลาภ ช่วงนี้เธอเหนื่อยสายตัวแทบขาด”เวินเหลียงขำพรวดออกมา พร้อมทั้งหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง“อย่าขำสิ ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนะ จูฝานน่าสงสารจริง ๆ แต่ว่าอกของฉู่ซืออี๋ก็เล็กจริง ๆ นั่นแห
เมื่อเห็นฉู่ซืออี๋ที่อยู่ข้างเขา ในใจของเวินเหลียงก็กระตุกขึ้นมา เธอรีบเบือนสายตาออก จากนั้นก็ยื่นมือไปเขย่าถังซือซือถังซือซือเองก็เห็นชายหญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลเช่นกัน เธอรีบเก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับไป และพลันไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทั้งสองคนเดินหน้าไปทักทาย “ประธานฟู่”ฟู่เจิงพยักหน้าเบา ๆที่แท้คนที่เวินเหลียงนัดในวันนี้ไม่ใช่คนรักของเธอ แต่เป็นถังซือซือ“อาเหลียง คุณถัง” ฉู่ซืออี๋เห็นพวกเธอทั้งสองคนก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก รีบอธิบายกับเวินเหลียง “อาเหลียง เธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ ขอโทษนะ ฉันกับอาเจิง...”ฟู่เจิงเห็นท่าทางระมัดระวังของฉู่ซืออี๋ จากนั้นก็นึกท่าทางอ่อนโยนและสงบในตอนที่เพิ่งกลับมาประเทศของเธอ ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากคนปกติ ในใจของเขาแอบมีความเจ็บปวดขึ้นมาการเปลี่ยนแปลงในนี้ล้วนเป็นเพราะฉู่ซืออี๋รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วเธอไม่อยากเลิกกับเขา แต่มโนทัศน์ทางจริยธรรมของเธอบอกเธอว่าเธอเป็นชู้ ฉะนั้นเธอจึงมักจะดำดิ่งอยู่ในความเจ็บปวดและการทุรนทุราย จึงทำให้อาการป่วยยิ่งรุนแรงมากขึ้น“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ ฉันรู้หมดทุกอย่าง พวกคุณชอปปิงกันไปเถอะ พวกเราไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”เวินเหลียงดึงแขนข
ฟู่เจิงเคยบอกเอาไว้ว่า จะเอาใบสำคัญการหย่าหลังเขากลับมาจากไปทำงานนอกสถานที่หลังกลับมาจากไปทำงานนอกสถานที่ เขาก็ไม่ได้พูดถึง เวินเหลียงเองก็ไม่ได้พูดถึงเธอลอบคิดอยากจะรักษาช่วงเวลาของการแต่งงานนี้ให้ยาวออกไปอีกหน่อย กระทั่งหวังว่าฟู่เจิงไม่นึกถึงมันอีกตลอดไปเพียงแต่จินตนาการยังไงก็ยังเป็นแค่จินตนาการอยู่วันยังค่ำตอนนี้ฟู่เจิงจำไม่ได้ ที่น่าดีใจคือลืมไปแล้ว ทว่าวันหนึ่งเขาก็จะจำได้ขึ้นมาอยู่ดี ยังไงพวกเขาก็ไปจนถึงขั้นนั้นกันอยู่ดีเธอเคยจินตนาการเอาไว้ว่า ถ้าหากไม่มีฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงจะชอบเธอไหม?ตอนนี้ในใจของเธอมีคำตอบแล้วถึงไม่มีฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงก็ไม่ชอบเธออยู่ดีพนักงานชวนซื้อที่ไม่ค่อยแน่ใจในสถานการณ์เท่าไรนักอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา “คุณผู้หญิงคะ คุณมาหาบัตรใช่ไหมคะ? เมื่อกี้ฉันเห็นบัตรใบหนึ่งร่วงลงมาตรงนี้จากตัวคุณ ตอนที่เดินไปถึงประตู ฉันเก็บเอาไว้ให้คุณแล้วค่ะ”พนักงานชวนซื้อคืนบัตรให้เวินเหลียงเวินเหลียงรับมา แล้วพูด “ขอบคุณ” กับพนักงานชวนซื้อเวินเหลียงหมุนตัวไปผลักประตูแล้วเดินออกไปเมื่อฟู่เจิงได้ยินเสียงก็หันมาดู เห็นเพียงแต่เงาเบื้องหลังของเวินเหลียงที่หมุนตัวเ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง