เวินเหลียงขยุ้มชายเสื้อแน่น ในใจแผ่ซ่านเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ระทมฉู่ซืออี๋พูดถูก เธอมองฟู่เจิงด้วยท่วงท่าที่ต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปตอนที่เพิ่งเข้ามาในตระกูลฟู่ เธอทำได้เพียงอาศัยตอนที่ฟู่เจิงมาบ้านใหญ่ ยืนอยู่ข้างโต๊ะ แล้วแอบมองสองสามทีอยู่เงียบ ๆ แค่นั้นก็พอใจแล้วทว่าคนที่ยืนอยู่กับเขาอย่างเปิดเผยในช่วงเวลานั้นก็คือฉู่ซืออี๋“หลังจากนั้นเพราะเรื่องบางเรื่อง ฉันเลยทำได้เพียงเลือกที่จะจากไป เลือกที่จะเลิกกับเขา เธอคงคิดไม่ถึงใช่ไหม ว่าฉันเป็นคนบอกเลิกเขาก่อน เพียงแต่เขาไม่ยอมเลิก เธอคงจะพบว่าทุกเดือนกรกฎาคมของทุกปีเขาจะออกไปทำงานนอกสถานที่ อันที่จริงแล้วเขาไปหาฉัน เพราะนั่นคือฤดูกาลที่เราเจอกันครั้งแรก”เวินเหลียงกลั้นลมหายใจเอาไว้ ในหัวฉงนไปหมดใจของเธอกำลังสั่นระรัวเธอไม่อยากยอมรับคำพูดของฉู่ซืออี๋ เธออยากพูดว่าไม่ใช่แบบนี้ แต่เธอคัดค้านไม่ได้เธอรู้ดีที่ฉู่ซืออี๋พูดเป็นความจริงทุกอย่างนับตั้งแต่ปีแรกที่พวกเขาแต่งงานกัน ทุกเดือนกรกฎาคมฟู่เจิงจะไปทำงานนอกสถานที่ครั้งหนึ่ง และใช้เวลานานเป็นพิเศษทีแรกเธอคิดว่าพวกเขาเพิ่งจะมาติดต่อกัน ทว่าที่แท้...พวกเขาก็ติดต่อกันตั้งนาน
ทว่าพวกเขาดูแล้วแจ่มใสมีชีวิตชีวากันเป็นอย่างมาก จริง ๆไม่เหมือนเธอ เธอเคยมีช่วงเวลาแบบนั้น การแต่งงานสามปีที่หวงแหนที่สุด ที่แท้ก็เป็นเพียงแค่คำโกหกหลอกลวงที่อีกคนตั้งใจสร้างขึ้นมา ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพเนื่องจากเป็นเรื่องโกหก เขาก็เลยควบคุมได้ทุกด้านในใจของเวินเหลียงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เจ็บจนเธอหายใจไม่ออกเสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นถังซือซือที่โทรเข้ามาเวินเหลียงรับสาย “ฮัลโหล ถังถัง เมื่อกี้ฉันเจอคนรู้จักก็เลยพูดคุยกันสองประโยค จะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”เธอปิดโทรศัพท์ แล้วยกเท้าก้าวไปอย่างยากลำบาก กลับไปยังที่นั่งในร้านอาหารเธอเห็นของที่ซื้อมาซึ่งอยู่ข้างที่นั่งเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนใช้บัตรดำของฟู่เจิงซื้อ“ถังถัง กินข้าวเสร็จฉันอยากกลับไปคืนเสื้อผ้าเหล่านี้”“คืนงั้นเหรอ? ทำไมถึงอยากคืนล่ะ?” ถังซือซือถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“อันที่จริงบัตรดำนี่ไม่ใช่ของฉัน เป็นของคนที่บ้าน ฉันกลัวว่าแอบใช้เงินของเขาแล้วจะถูกเขารู้เข้า ยังไงก็คืนดีกว่า”“ได้ งั้นฉันจะกลับไปกับคุณเอง”เมื่อเห็นการกระทำของเวินเหลียง พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็ค่อนข้างมีมารยาทเป็นอย่างมาก คืนของคืนเ
คนขับรถจอดอยู่ด้านนอก เวินเหลียงอ้อมมาอีกทางเพื่อขึ้นที่นั่งด้านหลัง มองทิวทัศน์ยางค่ำคืนนอกหน้าต่างรถ ๆ เงียบตลอดทางคนขับรถมองตรงไปด้านหน้า ขับรถอย่างมีสมาธิข้างนอกเสียงเอ็ดอึง เสียงขลุ่ยดังไม่ขาดสาย กลายเป็นบรรยากาศที่แตกต่างสุดขั้วกับในรถอันเงียบสงบฟู่เจิงเห็นเวินเหลียงมีสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อยจึงถาม “การ์ดที่ฉันให้เธอ ใช้ก็ใช้ไปสิ ทำไมถึงต้องคืนแล้วซื้อใหม่อีก?”ภายหลังโทรศัพท์มือถือของเขามีข้อความแจ้งเตือน เงินที่จ่ายไปเมื่อก่อนหน้านี้คืนกลับมาหมดแล้ว แต่เวลานี้ข้าวของพวกนั้นยังอยู่ในมือของเธอ หรือก็หมายถึงเธอใช้เงินของตัวเองซื้อใหม่เวินเหลียงยังคงมองนอกหน้าต่าง ไม่ได้หันกลับมา “ฉันอยากซื้อก็ซื้อ ไม่อยากซื้อก็ไม่ซื้อ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”“เพราะฉันชอปปิงเป็นเพื่อนซืออี๋ เธอก็เลยโกรธเหรอ?”“เรื่องที่คุณทำเพื่อฉู่ซืออี๋ยังจะน้อยอีกเหรอ? ก็แค่ชอปปิง ฉันจะโกรธอะไร?”เวินเหลียงฉายรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า นั่งพิงกับเก้าอี้และหลับตาลง“งั้นเธอเป็นอะไรไป?”เธอเป็นอะไรน่ะเหรอ?เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรไปหัวใจของเธออ่อนล้ามาก มันว่างเปล่าไร้เรี่ยวแรงเหมือนเครื่องจั
นับจากพ่อจากไป เธอก็ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นอีกหัวใจของเธอเปราะบาง ทั้งต้อยต่ำและความรู้สึกไว ดังนั้นเธอจึงเคยชินกับการสร้างปราการที่แข็งแรงให้กับตัวเองเธอเป็นแค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เคราะห์ดีจึงถูกตระกูลฟู่รับอุปการะ กลับต้องหวาดหวั่น ระมัดระวัง คอยสังเกตสีหน้าเพราะเหตุนี้คนตระกูลฟู่ดูถูกเธอ นอกจากคุณปู่ คุณย่า ก็มีแต่ฟู่เจิงที่ทำดีกับเธอหน่อย บางครั้งเวินเหลียงยังคิด ถึงเขาจะไม่รักเธอ แต่ก็น่าจะมีความรู้สึกให้เธอบ้างแต่เธอผิดไปแล้ว ผิดไปมากจริง ๆถ้าเขามีสายใยครอบครัวกับเธอสักนิดจะไม่ทำกับเธอแบบนี้สำหรับเขา เธอยังสู้คนแปลกหน้าไม่ได้เลยเขาเป็นเหมือนกับคนพวกนั้น แล้วยังจะเย็นชากว่าคนพวกนั้นเยอะด้วย เขาแค่ซ่อนอารมณ์อยู่ในใจ ภายนอกดูมีมารยาท จึงทำให้เธอลุ่มหลงในรถเงียบเหมือนไม่มีคนฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึก มองท่าทางเวินเหลียงที่น้ำตานองหน้า หัวใจราวกับถูกคนบีบแน่นก็มิปานเขาไม่เคยเห็นเวินเหลียงเป็นแบบนี้มาก่อนเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เห็นน้ำตาของเวินเหลียงแล้ว ในใจกลับทรมานจนหายใจไม่ออกฟู่เจิงนิ่งอยู่นานกว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ “ขอโทษ”ขอโทษอีกแล้ว ไม่ว่าเกิดอะ
“หนังสือสัญญาหย่า ฉันอยากหารือกับเธอใหม่หน่อย มาที่ห้องทำงานเถอะ”“ได้”เวินเหลียงวางผ้าขนหนูกลับที่เดิมแล้วตามฟู่เจิงออกมา ปิดประตูและไปที่ห้องทำงานฟู่เจิงค้นเอกสารหนังสือสัญญาหย่าฉบับอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มเนื้อหาลงไปในนั้นอีกสองสามข้อ ก่อนจะเบี่ยงตัวหันหน้าจอให้ และให้เวินเหลียงมา “เธอลองมาดูเนื้อหาที่ฉันเพิ่ม”เวินเหลียงเอามือค้ำโต๊ะแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า เห็นตัวหนังสือสีแดงหลายบรรทัดที่เน้นอยู่บนหน้าจอข้อแรกที่เพิ่มคือ ทั้งสองคนหย่าแต่ไม่ออกจากบ้าน หลังจากจดทะเบียนหย่าแล้วยังอยู่ที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเหมือนเดิมฝ่ายหญิงต้องช่วยฝ่ายชายปกปิดกับทางบ้านของฝ่ายชาย พร้อมแสดงเป็นสามีภรรยาไปกตัญญูต่อผู้ใหญ่ที่บ้านใหญ่เมื่อจำเป็น จนกว่าผู้ใหญ่จะทราบว่าทั้งสองหย่ากันแล้วข้อที่สอง ทั้งสองฝ่ายห้ามพูดเรื่องแต่งงานหรือหย่ากับบุคคลอื่นข้างนอกข้อที่สาม ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพักอยู่ที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวาน ไม่อนุญาตให้พาผู้ชายหรือผู้หญิงคนอื่นมาค้างแรมที่คฤหาสน์นอกจากนั้นยังมีอีกจุดหนึ่งที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือการแบ่งทรัพย์สินเดิมทีเวินเหลียงจะได้เงินหนึ่งร้อยล้านบาท คฤหาสน์สองหลังและรถหรูส
คืนวันนั้น สมองของเธอเหลือเพียงภาพเศษเสี้ยว ดื่มด่ำที่สุดไม่รู้ว่าเรื่องของพวกเขารู้ไปถึงหูคุณปู่ได้อย่างไร คุณปู่มาหารือกับพวกเขาทีละคน สุดท้ายได้วิธีการจัดการที่เหมาะสมมากในตอนนั้น ก็คือให้พวกเขาแต่งงานกันพวกเขาไม่ได้จัดงานแต่งงาน แค่กินอาหารกับคนในตระกูลฟู่ที่บ้านใหญ่มื้อหนึ่ง จากนั้นก็ไปจดทะเบียนสมรสเธอได้เป็นภรรยาของฟู่เจิงแล้วขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอดีใจมากขนาดไหนเธอได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองชอบเธอแต่งงานกับคนที่เธอชอบมาหลายปีเขาโดดเด่นอย่างนั้น เธอได้แต่แหงนหน้ามองเขาก่อนแต่งงาน พวกเขาไม่ได้คลุกคลีกันมากนัก เวลาที่เจอเขา เวินเหลียงจะได้แต่เรียกเขาที่มุมปากว่าพี่รองเขาจะ ‘อืม’ เสียงหนึ่งเบา ๆ บางครั้งจะแค่พยักหน้ากับเธอแบบเรียบง่าย และมีสองสามครั้งที่หลังจาก ‘อืม’ แล้วยังถามว่าตอนนี้การเรียนของอาเหลียงเป็นยังไงบ้างคำพูดนี้เป็นคำถามที่ใช้ถามเพื่อคลายความเก้อเขินระหว่างญาติไม่สนิท แต่นี่กลับทำให้หัวใจของเวินเหลียงชุ่มฉ่ำหลายวันเธอขยันขันแข็งจนลืมกินข้าว ตั้งใจเรียนหนังสือ เริ่มแรกหวังว่าในสายตาของเขาจะมองเห็นเธอ ภายหลังเธอหวังจะได้เดินเคียงข้างเขาอย่างเปิดเผยเ
เวินเหลียงได้แต่สวมเสื้อผ้า ขับรถออกจากบ้านไปถึงพิกัดที่เจียงมู่ส่งมา ไปถึงห้องวีไอพีแบบชินทางก่อนจะผลักประตูเข้าไปบนโซฟามีคนนั่งอยู่สองคน คนหนึ่งคือเจียงมู่ อีกคนคือฟู่เจิงเจียงมู่นั่งพิงอยู่กับพนักพิงของโซฟา กำลังจุดบุหรี่มวนหนึ่งส่วนฟู่เจิงนั่งพิงอยู่กับพนักพิงของโซฟา หลับตาพักผ่อน ในมือยังถือแก้วเหล้าที่เหลือเหล้าอยู่ครึ่งแก้วพอได้ยินเสียงเปิดประตูก็ลืมตาขึ้นแล้วหลับลงอีกบนพื้นมีขวดเหล้าระเกะระกะอยู่ไม่น้อยเวินเหลียงเห็นแล้วพลันขมวดคิ้วมุ่น “คงไม่ใช่ว่าเขาดื่มหมดนี่นะ?”เจียงมู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ เขานั่นแหละ”“อาเจิง”เวินเหลียงเรียกเขาทีหนึ่งและเดินไปทางโซฟา หยิบแก้วเหล้าจากมือของเขาแล้ววางลงบนโต๊ะฟู่เจิงลืมตาขึ้น ดวงตาดำขลับทั้งสองจ้องเธอเขม็ง แต่ไม่ได้พูดอะไรเวินเหลียงสี่สายตาสอดประสานกับเขา หัวใจสะท้านนิด ๆ นาทีนั้นแบ่งแยกไม่ออกว่าเขาเมาหรือแกล้งเมากันแน่“ดึกมากแล้ว กลับบ้านพักผ่อนเถอะ”ฟู่เจิงยกมือนวดหว่างคิ้ว เขาลุกขึ้นยืนจากโซฟา แต่ซวนเซทันใดเวินเหลียงรีบเข้าไปประคองเขาไว้ “เดินไหวไหมคะ?”“ไหว”เสียงแหบพร่าของฟู่เจิงดังขึ้น เขาปัดมือของเวินเห
เวินเหลียงหน้าซีดฉับพลันเธอกับฟู่เจิงแต่งงานกันสามปี เขาไม่เคยเรียกเธอว่าที่รักมาก่อน ถ้าไม่เรียกเธอว่าอาเหลียง ก็เรียกว่าเวินเหลียงเธอไม่ใช่ที่รักในดวงใจของเขาที่รักในดวงใจเขาคือ...ฉู่ซืออี๋เวินเหลียงรู้สึกว่าตัวเองน่าขำเล็กน้อย ดึก ๆ ดื่น ๆ ลุกจากเตียงไปพาฟู่เจิงกลับมาจากข้างนอก สุดท้ายพอเขาหลับตาก็เรียกฉู่ซืออี๋ในความฝันเธอไม่ควรสนใจเขาเลย ให้เขาดื่มตายอยู่ข้างนอกไปเถอะ!เวินเหลียงกระชากมือออก อุ้มผ้าห่มผืนใหม่แล้วไปนอนที่ห้องรับรองแขกอีกห้องหนึ่งหลังจากเธอเดินไป ฟู่เจิงยังคงพึมพำเบา ๆ เหมือนเดิม “อาเหลียง...ที่รัก...”……ในราตรีดึกสงัดนี้ ทันใดนั้น สองโพสต์ราวกับตกลงมาจากฟ้า ดังสายอัสนีบนผืนดิน ขึ้นลำดับการค้นหายอดฮิตในพริบตา ก่อให้เกิดการวิจารณ์อย่างร้อนแรงของชาวเน็ตแสงอาทิตย์แสบตาทะลุกระจกสาดตกบนใบหน้าของฟู่เจิง เขาเอามือบัง ก่อนจะลืมตาขึ้นแบบสะลึมสะลือปวดหัวแทบจะระเบิดเขาหลับตาเอามือนวดหน้าผากสักเดี๋ยวแล้วจึงลุกขึ้นนั่ง เมื่อนั้นจึงพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนใหญ่ แต่อยู่ในห้องของเวินเหลียงเวินเหลียงไม่ได้อยู่ในห้อง ผ้าปูเตียงอีกด้านหนึ่งเป็นระเบียบ ท่าท
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง