อีกสองวันก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ คอร์สเรียนถ่ายรูปของเวินเหลียงเริ่มสอนในคืนก่อนส่งท้ายปีเก่าหนึ่งวัน คาบที่สองเรียนในวันที่เจ็ดหลังตรุษจีนคืนนี้เวลาหนึ่งทุ่ม เวินเหลียงมานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงเวลา พร้อมเปิดโปรแกรมเข้าเรียน เข้าไปในห้องเรียนออนไลน์ในห้องเรียนออนไลน์มีซับขึ้นในจอแล้ว ผู้ช่วยกำลังตรวจแก้ไขอุปกรณ์อยู่เวินเหลียงอ่านกลุ่มไลน์ของชั้นเรียน ผู้เรียนจำนวนมากผุดขึ้นมาในกลุ่ม เฝ้าชั้นเรียนออนไลน์ไปด้วยพลางพูดคุยกันไปด้วยผู้เรียนคนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “จะเริ่มแล้ว ตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ! แม่เจ้า ฉันโชคดีจริง เพิ่งเห็นข่าวว่าจะเปิดสอนวันที่หก แถมตอนลงชื่อก็มาลงเป็นคนสุดท้ายอีก!”ผู้เรียนคนอื่นก็คล้อยตามไปด้วย “งั้นคุณก็โชคดีเกินไปแล้ว ฉันเฝ้ารออยู่ตั้งนานแล้ว พอข่าวว่าจะเปิดสอนออกมา ก็รีบลงชื่อทันที”เวินเหลียงเกิดความสงสัยขึ้นตอนที่เธอลงชื่อก็วันที่สิบกว่า ๆ แล้ว ถ้าเป็นตามที่คนคนนั้นบอกมันมีคนลงเรียนเต็มไปตั้งนานแล้วสิอาจเป็นเพราะสุดท้ายมีคนถอนตัว เลยเหลือที่ว่างละมั้ง“ฮัลโหล นักเรียนทุกท่านได้ยินเสียงไหมครับ?”ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงสดใสและเต็มไปด้วยความน่าดึงด
ตงเจ๋อ “จริงเหรอ? มิน่าล่ะหลังเธอกลับประเทศไม่ใช่แค่ไม่ติดต่อฉันเลย แต่ยังลบเพื่อนฉันทิ้งอีก”ลบเพื่อนเขาทิ้ง?เวินเหลียงขมวดคิ้วหน่อย ๆหลังฟื้นจากอุบัติเหตุ เธอจำได้แม่นว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำ เดิมทีไม่กล้าไปลบเพื่อนอะไรมั่วซั่วอยู่แล้วหรือว่าเธอจำผิด?เวินเหลียงไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดในเรื่องนี้ต่อ ทว่าส่งมีมตัวหนึ่งไป “อาจเป็นเพราะเห็นว่าไม่รู้จัก ก็เลยลบทิ้งไปเฉย ๆ มั้ง ขอโทษจริง ๆ นะคะ คุณเป็นเพื่อนร่วมเรียนตอนที่ฉันไปเรียนอยู่ต่างประเทศเหรอคะ?”ตงเจ๋อ “ไม่ใช่ ฉันเคยอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟียสองสามปี เป็นหัวหน้าสมาคมหัวเฉียวในตอนนั้น” ตงเจ๋อตอบกลับ “เรารู้จักกันในกลุ่มแชตสมาคมหัวเฉียวในท้องที่”เวินเหลียง “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ขอบคุณการช่วยเหลือของคุณในตอนนั้นด้วยนะคะ”ตงเจ๋อ “ตอนนั้นเธอเคยขอบคุณไปแล้ว”ต่อมาตงเจ๋อก็ส่งคลิปเสียงคลิปหนึ่งมาเวินเหลียงกดฟัง น้ำเสียงแสนไพเราะแว่วดังมาจากในลำโพง อยู่ในห้องทำงานเพียงลำพังจึงดังชัดเป็นพิเศษ “หลังเธอลบเพื่อนฉัน ฉันยังคิดว่าเธอรังเกียจฉันซะอีก พอกลับประเทศมาก็ไม่กล้ารบกวนชีวิตของเธอ ไม่นึกเลยว่าเธอจะมาลงเรียนคลาสสอนถ่ายร
เวินเหลียงกับฟู่ซือฝานเดินเข้าไปในห้องรับแขก สิ่งที่รับหน้ามาคือการเผชิญหน้ากับฟู่ชิงเยว่สีหน้าฟู่ชิงเยว่เคร่งขรึม ขณะกวาดสายตาไปบนตัวเวินเหลียง ไม่สามารถปกปิดความไม่พอใจของเธอได้เลยเวินเหลียงทักทายอย่างราบเรียบ “คุณอา คุณย่า”“แกรนมา!” ฟู่ซือฝานวิ่งเหยามาตรงหน้าฟู่ชิงเยว่ ใบหน้าน้อย ๆ ยิ้มแป้นจนแทบจะเหมือนดอกไม้ดอกหนึ่ง “คุณย่ามาแล้ว!”ฟู่ชิงเยว่โน้มตัวลงไปจูบหน้าของฟู่ซือฝาน “ฝานฝาน ย่ามารับเธอแล้ว ดีใจไหม?”ฟู่ซือฝานอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ค่ะ” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง มือทั้งสองเกี่ยวที่นิ้วก้อย “เราจะกลับกันตอนนี้เลยเหรอคะ?”เธอยังไม่อยากกลับไป ทำยังไงดี?เมื่อฟู่ชิงเยว่ไม่เห็นสีหน้าดีอกดีใจบนหน้าของฟู่ซือฝาน สีหน้าของเธอก็พลันเคร่งขรึมลงพรึ่บ “ทำไม? เธอไม่อยากกลับไปกับย่าแล้วเหรอ!?”ใบหน้าน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ก็...ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ...หนูแค่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน...”ที่ฟู่ชิงเยว่กลับมาในวันที่สามสิบก่อนปีใหม่วันนี้ แน่นอนว่าคิดจะอยู่ในประเทศสักสองสามวัน เพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่เพียงแต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฟู่ซือฝานนี่แล้ว
พูดจบเธอก็เดินกระทืบเท้า ‘ตึง ๆ ๆ’ ขึ้นไปชั้นบนกระทั่งเงาเบื้องหลังของเธอหายลับไปตรงปากบันได คุณหญิงถึงปลอบเวินเหลียง “อาเหลียง ไม่ต้องไปฟังที่อาเธอพูดจาไร้สาระนะ เขาถูกฉันตามใจจนเสียนิสัย ไม่พอใจอะไรนิดไม่พอใจอะไรหน่อยก็โวยวายใหญ่โต เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว เฮ้อ...”“คุณย่า หนูทราบแล้วค่ะ”คุณปู่และคุณย่ามีพระคุณต่อเวินเหลียง เธอยอมอดทนปล่อยให้ฟู่ชิงเยว่เปล่งเสียงด่าที่ไม่เจ็บไม่ปวดใส่สองสามประโยคได้อยู่แล้ว ถึงยังไงในหนึ่งปีก็เจอแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น“งั้นหลังจากนี้หนูไปเที่ยวเล่นกับคุณป้าอีกไม่ได้แล้วจริง ๆ เหรอคะ?” แขนน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานเกาะอยู่ที่คอของฟู่เจิง ดวงตากลมโตแดงก่ำมองเวินเหลียงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างกลุ้มใจ“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว” ฟู่เจิงรีบตอบ “เธออยากไปเที่ยวเล่นกับคุณป้าก็ไป ไม่ว่าใครก็ยุ่งเธอไม่ได้”“แล้วถ้าคุณย่าโกรธจะทำยังไงล่ะคะ?”“คุณย่าก็แค่โกรธประเดี๋ยวประด๋าว อีกอย่างยังมีลุงอยู่ทั้งคนนะ”“อืม...” ฟู่ซือฝานพาดศีรษะไปบนไหล่ของฟู่เจิง ทำท่าทางหวังพึ่งเขาสุด ๆบวกกับความละม้ายคล้ายกันของใบหน้า ยิ่งเหมือนพ่อลูกแท้ ๆ เป็นพิเศษคุณหญิง
มิน่าล่ะตำรวจถึงสืบไม่เจอเมิ่งจินถัง ความสัมพันธ์ชั้นนี้ลึกมาก ๆ เขาเคยถูกล่อลวงไปขาย แถมเป็นเมื่อนานมาแล้ว แม้แต่เมิ่งเซ่อก็ยังไม่รู้พนักงานมาเสิร์ฟกาแฟ เวินเหลียงคนเบา ๆ พลางครุ่นคิดว่าจะเอ่ยปากพูดกับเมิ่งเซ่อยังไงดีเธอได้ข่าวสำคัญสองข่าวมาจากเมิ่งเซ่อแล้ว หนึ่งคือตำแหน่งของจางกั๋วอัน อีกหนึ่งข่าวคือความสัมพันธ์ระหว่างจางกั๋วอันกับเมิ่งจินถังให้มากกว่านี้เกรงว่าคงไม่ได้แล้ว หากถามมากไปเมิ่งจินถังจะสงสัยเอาต่อไปคือส่งต่อให้ตำรวจก็สิ้นเรื่องแล้วฉะนั้นก็หมายความว่า เมิ่งเซ่อไม่มีประโยชน์กับเธออีกต่อไปเมิ่งเซ่อเห็นเวินเหลียงเอาแต่เงียบตลอด ในใจก็เริ่มกระวนกระวาย จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “พี่ครับ พี่คิดตกหรือยัง? จะเลิกกับผมไหม?”เวินเหลียงก้มหน้า เตรียมหาถ้อยคำบางทีการอ้างเรื่องของเซี่ยมู่มาขอบอกเลิกเมิ่งเซ่ออาจดีที่สุดแล้วความจริงที่เธอจงใจเข้าหาเมิ่งเซ่อจะไม่ถูกเปิดโปงแน่ ๆ และอาจสลัดเมิ่งเซ่อออกได้อย่างถูกจังหวะและดูเป็นขั้นตอนเพียงแต่การที่เธอทำแบบนี้มันทั้งไร้น้ำใจและเห็นแก่ตัวจริง ๆเธอตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะขอโทษเมิ่งเซ่อแต่ว่าเจ็บแต่จบย่อมดีก
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ?”เวินเหลียงเกิดปวดหัวขึ้นมาฟู่เจิงกำลังบีบให้เธอเลิกกับเมิ่งเซ่อไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าหลังพวกเขาเลิกกันแล้ว ฟู่เจิงจะตามตอแยเธอยังไงฟู่เจิงมองเวินเหลียงอยู่สองสามวินาที ทันใดนั้นก็ยั่วให้ตนโกรธจนขำออกมา “เธอชอบเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงเขาจะนอกกายนอกใจเธอก็รับได้ แต่ดันรับที่ฉันทำไม่ได้? ที่เขาให้เธอได้ ฉันก็ให้ได้ทั้งนั้น สิ่งที่เขาให้ไม่ได้ฉันก็ให้ได้!”ตรงกันข้าม เป็นเพราะเธอไม่ชอบเมิ่งเซ่อ จึงคิดว่าไม่สำคัญ ถึงได้เล่นละครอย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนได้และเป็นเพราะเธอรักรักฟู่เจิงลึกซึ้งเกินไป ถึงได้ถูกเขาทำร้ายได้ง่าย ๆ จนไม่สามารถปล่อยวางได้เวินเหลียงตอบ “นอกใจก็คือมีชู้ อย่าลืมสิ ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งจะยอมรับว่าคนที่คุณชอบคือฉู่ซืออี๋”ฟู่เจิงมองเธอด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด สีหน้าเขามืดคล้ำดำหมองผ่านไปนานสองนาน เขาถึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาเหลียง นั่นเป็นเพราะฉันไม่มีทางเลือก เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าฉันชอบเธอ...”“ฉันไม่รู้”เวินเหลียงเอ่ยขึ้นชืด ๆ ว่า “คุณก็แค่ตำหนิที่ฉันสองมาตรฐานไม่ใช่เหรอ? โอเค ฉันเลิกกับเขาก็ได้ และจะ
“เธอโทรไปบอกเลิกเขาเดี๋ยวนี้ซะ” ฟู่เจิงมองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เวินเหลียงเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะขยับนิ้วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีหน้าสงสัยส่วนเรื่องคบกับเมิ่งเซ่อ เธอทำผิดศีลธรรมจริง ๆ เดิมทีเธออยากบอกเลิกเมิ่งเซ่อต่อหน้า จะได้ดูเอาจริงเอาจังหน่อย และจะได้ปลอบใจเมิ่งเซ่อด้วยทว่าบอกเลิกทางโทรศัพท์ แถมยังอยู่ต่อหน้าฟู่เจิงอีก นี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของแผนที่เวินเหลียงวางเอาไว้เลยเห็นเวินเหลียงเงียบไป ฟู่เจิงก็ชำเลืองมองเธอทีหนึ่ง ในน้ำเสียงแฝงความรู้สึกกดดันที่ไม่สามารถละเลยได้เอาไว้ “ไม่ยอมทำ? ถ้าไม่ยอมทำงั้นเดี๋ยวฉันทำเอง”เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ ทำท่าทางจะต่อสายโทรออกหาเมิ่งเซ่อเขาหาเบอร์โทรศัพท์ของเมิ่งเซ่อมาได้สบาย ๆ อยู่แล้วเมื่อเวินเหลียงเห็นดังนั้น ก็รีบคว้าแขนของเขาไว้ทันที พลางขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจ สีหน้าบึ้งตึง เม้มริมฝีปากแน่น “ฟู่เจิง คุณทำเกินไปแล้วนะ!”ฟู่เจิงเงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนสบตากัน เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาแน่วแน่ ไร้ท่าทีว่าจะอ่อนข้อให้ “ทำเกินไป? ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เธอรู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”เวินเหลียง “...”ไอ้ผู้
“ฉันทำตามที่คุณบอกแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะทำตามที่คุณสัญญาเอาไว้ เคารพความคิดเห็นของฉัน”สายตาของฟู่เจิงมองไปเบื้องหน้า ขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจเคารพความคิดเห็นของเธอ?นั่นก็ต้องดูว่าเป็นความคิดเห็นแบบไหนทั้งสองคนกลับมาถึงยังบ้านใหญ่ครอบครัวของฟู่เยว่ ครอบครัวของอารอง ต่างมากันครบหมดแล้วตามธรรมเนียม คืนนี้คนในครอบครัวทุกคนจะร่วมกินมื้อส่งท้ายปีเก่าด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเพียงแต่คนไม่ครบเหมือนอย่างแต่ก่อน มื้อส่งท้ายปีเก่าในครั้งนี้ขาดไปหนึ่งคนเมื่อนึกถึงขึ้นมา เวินเหลียงก็ใจแป้วเล็กน้อยในห้องรับแขก ซูชิงอวิ๋นและอาสะใภ้รองนั่งอยู่ข้างคุณหญิง ทุกคนร่วมพูดคุยกัน ฟู่เยว่นั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่ง กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับฟู่เซิงฟู่ซือฝานกับฟู่รุ่ยอยู่บนโต๊ะทางห้องทานอาหาร พูดคุยกันตามประสาเด็กเวินเหลียงทักทายพวกเขา ก่อนจะนั่งลงข้างซูชิงอวิ๋น “พี่สะใภ้ใหญ่”ซูชิงอวิ๋นพยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อยรอยยิ้มของเธอดูฝืนอยู่หน่อย ๆ ราวกับพยายามฉีกมันออกมาพอมาดูสีหน้าแววตาของเธอ ราวกับอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ใต้นัยน์ตาแฝงหน้าคล้ำดำเขียวเอาไว้จาง ๆ เวินเหลียงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “พี่สะใภ้ใหญ่
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง