มิน่าล่ะตำรวจถึงสืบไม่เจอเมิ่งจินถัง ความสัมพันธ์ชั้นนี้ลึกมาก ๆ เขาเคยถูกล่อลวงไปขาย แถมเป็นเมื่อนานมาแล้ว แม้แต่เมิ่งเซ่อก็ยังไม่รู้พนักงานมาเสิร์ฟกาแฟ เวินเหลียงคนเบา ๆ พลางครุ่นคิดว่าจะเอ่ยปากพูดกับเมิ่งเซ่อยังไงดีเธอได้ข่าวสำคัญสองข่าวมาจากเมิ่งเซ่อแล้ว หนึ่งคือตำแหน่งของจางกั๋วอัน อีกหนึ่งข่าวคือความสัมพันธ์ระหว่างจางกั๋วอันกับเมิ่งจินถังให้มากกว่านี้เกรงว่าคงไม่ได้แล้ว หากถามมากไปเมิ่งจินถังจะสงสัยเอาต่อไปคือส่งต่อให้ตำรวจก็สิ้นเรื่องแล้วฉะนั้นก็หมายความว่า เมิ่งเซ่อไม่มีประโยชน์กับเธออีกต่อไปเมิ่งเซ่อเห็นเวินเหลียงเอาแต่เงียบตลอด ในใจก็เริ่มกระวนกระวาย จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “พี่ครับ พี่คิดตกหรือยัง? จะเลิกกับผมไหม?”เวินเหลียงก้มหน้า เตรียมหาถ้อยคำบางทีการอ้างเรื่องของเซี่ยมู่มาขอบอกเลิกเมิ่งเซ่ออาจดีที่สุดแล้วความจริงที่เธอจงใจเข้าหาเมิ่งเซ่อจะไม่ถูกเปิดโปงแน่ ๆ และอาจสลัดเมิ่งเซ่อออกได้อย่างถูกจังหวะและดูเป็นขั้นตอนเพียงแต่การที่เธอทำแบบนี้มันทั้งไร้น้ำใจและเห็นแก่ตัวจริง ๆเธอตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะขอโทษเมิ่งเซ่อแต่ว่าเจ็บแต่จบย่อมดีก
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ?”เวินเหลียงเกิดปวดหัวขึ้นมาฟู่เจิงกำลังบีบให้เธอเลิกกับเมิ่งเซ่อไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าหลังพวกเขาเลิกกันแล้ว ฟู่เจิงจะตามตอแยเธอยังไงฟู่เจิงมองเวินเหลียงอยู่สองสามวินาที ทันใดนั้นก็ยั่วให้ตนโกรธจนขำออกมา “เธอชอบเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงเขาจะนอกกายนอกใจเธอก็รับได้ แต่ดันรับที่ฉันทำไม่ได้? ที่เขาให้เธอได้ ฉันก็ให้ได้ทั้งนั้น สิ่งที่เขาให้ไม่ได้ฉันก็ให้ได้!”ตรงกันข้าม เป็นเพราะเธอไม่ชอบเมิ่งเซ่อ จึงคิดว่าไม่สำคัญ ถึงได้เล่นละครอย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนได้และเป็นเพราะเธอรักรักฟู่เจิงลึกซึ้งเกินไป ถึงได้ถูกเขาทำร้ายได้ง่าย ๆ จนไม่สามารถปล่อยวางได้เวินเหลียงตอบ “นอกใจก็คือมีชู้ อย่าลืมสิ ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งจะยอมรับว่าคนที่คุณชอบคือฉู่ซืออี๋”ฟู่เจิงมองเธอด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด สีหน้าเขามืดคล้ำดำหมองผ่านไปนานสองนาน เขาถึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาเหลียง นั่นเป็นเพราะฉันไม่มีทางเลือก เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าฉันชอบเธอ...”“ฉันไม่รู้”เวินเหลียงเอ่ยขึ้นชืด ๆ ว่า “คุณก็แค่ตำหนิที่ฉันสองมาตรฐานไม่ใช่เหรอ? โอเค ฉันเลิกกับเขาก็ได้ และจะ
“เธอโทรไปบอกเลิกเขาเดี๋ยวนี้ซะ” ฟู่เจิงมองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เวินเหลียงเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะขยับนิ้วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีหน้าสงสัยส่วนเรื่องคบกับเมิ่งเซ่อ เธอทำผิดศีลธรรมจริง ๆ เดิมทีเธออยากบอกเลิกเมิ่งเซ่อต่อหน้า จะได้ดูเอาจริงเอาจังหน่อย และจะได้ปลอบใจเมิ่งเซ่อด้วยทว่าบอกเลิกทางโทรศัพท์ แถมยังอยู่ต่อหน้าฟู่เจิงอีก นี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของแผนที่เวินเหลียงวางเอาไว้เลยเห็นเวินเหลียงเงียบไป ฟู่เจิงก็ชำเลืองมองเธอทีหนึ่ง ในน้ำเสียงแฝงความรู้สึกกดดันที่ไม่สามารถละเลยได้เอาไว้ “ไม่ยอมทำ? ถ้าไม่ยอมทำงั้นเดี๋ยวฉันทำเอง”เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ ทำท่าทางจะต่อสายโทรออกหาเมิ่งเซ่อเขาหาเบอร์โทรศัพท์ของเมิ่งเซ่อมาได้สบาย ๆ อยู่แล้วเมื่อเวินเหลียงเห็นดังนั้น ก็รีบคว้าแขนของเขาไว้ทันที พลางขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจ สีหน้าบึ้งตึง เม้มริมฝีปากแน่น “ฟู่เจิง คุณทำเกินไปแล้วนะ!”ฟู่เจิงเงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนสบตากัน เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาแน่วแน่ ไร้ท่าทีว่าจะอ่อนข้อให้ “ทำเกินไป? ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เธอรู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”เวินเหลียง “...”ไอ้ผู้
“ฉันทำตามที่คุณบอกแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะทำตามที่คุณสัญญาเอาไว้ เคารพความคิดเห็นของฉัน”สายตาของฟู่เจิงมองไปเบื้องหน้า ขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจเคารพความคิดเห็นของเธอ?นั่นก็ต้องดูว่าเป็นความคิดเห็นแบบไหนทั้งสองคนกลับมาถึงยังบ้านใหญ่ครอบครัวของฟู่เยว่ ครอบครัวของอารอง ต่างมากันครบหมดแล้วตามธรรมเนียม คืนนี้คนในครอบครัวทุกคนจะร่วมกินมื้อส่งท้ายปีเก่าด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเพียงแต่คนไม่ครบเหมือนอย่างแต่ก่อน มื้อส่งท้ายปีเก่าในครั้งนี้ขาดไปหนึ่งคนเมื่อนึกถึงขึ้นมา เวินเหลียงก็ใจแป้วเล็กน้อยในห้องรับแขก ซูชิงอวิ๋นและอาสะใภ้รองนั่งอยู่ข้างคุณหญิง ทุกคนร่วมพูดคุยกัน ฟู่เยว่นั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่ง กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับฟู่เซิงฟู่ซือฝานกับฟู่รุ่ยอยู่บนโต๊ะทางห้องทานอาหาร พูดคุยกันตามประสาเด็กเวินเหลียงทักทายพวกเขา ก่อนจะนั่งลงข้างซูชิงอวิ๋น “พี่สะใภ้ใหญ่”ซูชิงอวิ๋นพยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อยรอยยิ้มของเธอดูฝืนอยู่หน่อย ๆ ราวกับพยายามฉีกมันออกมาพอมาดูสีหน้าแววตาของเธอ ราวกับอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ใต้นัยน์ตาแฝงหน้าคล้ำดำเขียวเอาไว้จาง ๆ เวินเหลียงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “พี่สะใภ้ใหญ่
เมื่อเวินเหลียงได้ยินดังนั้น เธอก็ประหลาดใจไปกระทั่งถึงเวลาทำอาหาร เธอก็ลงไปช่วยด้านล่างอาสะใภ้รองกับซูชิงอวิ๋นกำลังวุ่นเรื่องทำอาหารอยู่ในครัว ต่างคนต่างแยกกันเตรียมผักหั่นผัก พวกฟู่เจิงทั้งสามคนเองก็อยู่ด้านใน ที่ดึงเส้นหลังกุ้งออกก็ดึงเส้นหลังกุ้งออก ที่สับซี่โครงหมูก็สับซี่โครงหมูภายในห้องรับแขกเหลือเพียงคุณหญิงและเด็ก ๆ สองคนเวินเหลียงมองซูชิงอวิ๋นทีหนึ่ง พลางสลับไปมองฟู่เยว่ที่กำลังหมักน่องไก่อยู่ทีหนึ่งตามสัญชาตญาณ ราวกับสองสามีภรรยาจะเกิดปัญหาขึ้นจริง ๆ ไม่มีการสื่อสารและพูดคุยกันแม้แต่น้อยโดยเฉพาะซูชิงอวิ๋น มองยังไม่มองฟู่เยว่เลย ทว่าฟู่เยว่ทอดสายตามองซูชิงอวิ๋นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ชักสายกลับไปมื้อส่งท้ายปีเก่ามีอาหารหลากหลายมาก ๆ ตั้งเต็มโต๊ะใหญ่เลยทีเดียวได้เวลากินข้าว ทุกคนก็ทยอยมานั่งลงรอบโต๊ะกลมกันอย่างต่อเนื่องขณะกำลังนั่งลงตรงที่นั่ง ซูชิงอวิ๋นจงใจเลือกที่นั่ง เธอชี้มาตรงตำแหน่งข้างเวินเหลียง ก่อนจะเอ่ยว่า “เพิ่มเก้าอี้เด็กสองตัวตรงนี้ ให้รุ่ยเอ๋อร์นั่งกับฝานฝาน”เวินเหลียงรู้ว่าเธอไม่อยากนั่งกับฟู่เยว่ จึงพยักหน้าตามน้ำไปขณะฟู่ชิงเยว่ลงมาจากชั้นบน ฟู่ซ
ในใจเธอมีรอยกรีดผุดขึ้นมาแล้ว ให้ทำเป็นว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น แล้วอยู่กับฟู่เยว่ต่อไปทั้งแบบนี้ เธอทำไม่ได้จริง ๆแต่หากหย่ากันไป ฟู่รุ่ยจำเป็นต้องอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ เธอก็ไม่อยากแยกจากลูกของตัวเองไปอีก“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไร...” เธอบ่นพึมพำอย่างเหม่อลอยว่า “เมื่อเดือนก่อน ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงจากในโทรศัพท์เขา เขาเองก็ไม่อธิบายอะไรเลย ตอนรับโทรศัพท์กลับทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ...ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยขวางไม่ให้ฉันรับสายของผู้หญิงเลย ไม่ว่าจะเป็นเลขาผู้หญิงของเขา เพื่อนผู้หญิงของเขาฉันก็รู้จักหมด...ฉันจะจับตาดูตลอด กระทั่งต่อมามีวันหนึ่ง ฉันได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นจากตัวเขา ไหนจะเส้นผม ไหนจะรอยข่วนที่มือแล้วก็ที่คอของเขา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นรอยที่เกิดจากเล็บของผู้หญิง...”“หลังฉันหงายไพ่กับเขา เขาบอกว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์...หึ...ฉันถามเขาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่เขากลับไม่พูด...เขาคิดว่าฉันโง่เหรอ?”ฟังออกว่าซูชิงอวิ๋นยังรักฟู่เยว่อยู่เพียงแต่ในใจไม่สามารถข้ามอุปสรรคนี้ไปได้สถานการณ์พรรค์นี้ เวินเหลียงเองจะไปเลือกแทนเธอไม่ได้ มีเพียงความทอดถอนใจเล
เวินเหลียงส่งสายตาด่าว่าเป็นบ้าให้เขาทีหนึ่ง “สุขสันต์วันปีใหม่”เธอหมุนตัวเดินไปเบื้องหน้า“เธอจะไปไหน?” ฟู่เจิงเดินตามหลังไป ก่อนจะเดินเคียงคู่เธอไปด้านหน้า“เดินเล่นไปเรื่อย” น้ำเสียงเธอไม่ได้ดีนัก“เมื่อกี้ฉันเห็นเธอคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่ คุยอะไรกันเหรอ?” ฟู่เจิงเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ได้คิดอะไรเวินเหลียงเลิกคิ้วมองเขาทีหนึ่ง “คุณมองไม่ออกเหรอ? คืนนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ค่อยคุยกันเท่าไร ผิดปกติมาก ๆ”“ไม่เลย เพราะสนใจแค่เธอ”เวินเหลียงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “กะล่อน”“กะล่อนงั้นเหรอ?” ฟู่เจิงเลิกคิ้วอย่างจนใจเวินเหลียงเบือนหน้ากลับไป ก่อนจะชะงักไปแล้วถามขึ้นว่า “เหมือนพี่ใหญ่จะมีผู้หญิงคนอื่นข้างนอก คุณรู้เรื่องไหม?”“ไม่รู้นะ” ฟู่เจิงประหลาดใจ “มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?”เขาจำได้ว่าตอนแรกฟู่เยว่เป็นคนตามจีบซูชิงอวิ๋น แถมกว่าจะติดก็จีบอยู่ตั้งนานพวกเขาโตมาด้วยกัน เท่าที่ฟู่เจิงรู้จักฟู่เยว่ เขารักซูชิงอวิ๋นมาก แต่งงานกันมาหลายปีขนาดนี้ สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว แถมยังมีลูกที่น่ารักอีกหนึ่งคน ทำไมจู่ ๆ ถึงนอกใจล่ะ?เวินเหลียงยิ้มเยาะออกมาเสียงหนึ่ง “พี่สะใภ้ใหญ่ได้กล
เวินเหลียงขึ้นไปชั้นบน ทว่าฟู่เจิงไม่ได้ตามขึ้นมาด้วยเธอเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้อง อดโต้รุ่งไม่ไหวจริง ๆ หลังอาบน้ำล้างตัวเสร็จก็เตรียมจะนอนเวินเหลียงสวมชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะขึ้นเตียง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูแว่วดังขึ้นมาจากด้านนอกเธอยังคิดว่าฟู่ซือฝานกลับมา จึงเดินไปเปิดประตู ทว่าดันเห็นฟู่เจิงยืนอยู่หน้าประตูเขาฉวยโอกาสตอนที่เวินเหลียงยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ย่างเท้าเข้าไปในห้องเลย“คุณเข้ามาทำอะไรเนี่ย?” ทันใดนั้นเวินเหลียงก็ตอบสนองกลับมา สไลด์เท้าไปตรงหน้าเขาทันที พร้อมยื่นแขนไปขวางไม่ให้เขาขยับสีหน้าฟู่เจิงราบเรียบ “นอน”ใบหน้าของเวินเหลียงเต็มไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “คุณมานอนที่ห้องฉัน? คุณล้อฉันเล่นหรือเปล่า?”“นี่มันห้องของเราต่างหาก” ฟู่เจิงทำท่าทางจริงจังเวินเหลียงอึ้งกิมกี่ไปเลยตอนที่พวกเขายังไม่หย่ากัน ก่อนหน้านี้ห้องนี้เป็นห้องที่พวกเขาสองสามีภรรยาจะมาพักตอนมาบ้านใหญ่จริง ๆ“ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว คุณไปนอนห้องอื่นสิ”“ไม่มีแล้ว”“ไม่มีแล้วอะไร?”“อารองกับอาสะใภ้รองครองไปหนึ่งห้อง ฟู่เซิงครองไปหนึ่งห้อง คุณอาครองไปหนึ่งห้อง พี่ใหญ่หนึ่งห้อง พี่สะ