ฟู่ซือฝานนั่งลงข้างสระ เท้าน้อย ๆ แช่อยู่ในสระ พลางกอดไอแพดดูการ์ตูน พร้อมกับกินของว่างที่วางอยู่ข้างมือไปด้วย ครึ้มอกครึ้มใจสุด ๆทั้งสองคนแช่ออนเซ็นมาครึ่งบ่าย ฟู่ซือฝานไม่อยากแช่ต่อแล้ว จึงเอาผ้าขนหนูมาห่อตัวแล้วเดินกอดไอแพดออกไปเลยเวินเหลียงยืนสองจิตสองใจอยู่ข้างสระเพิ่งแช่ออนเซ็นเสร็จ สบายไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว แต่เธอยังไม่อยากใส่เสื้อผ้าทว่าขืนเธอสวมชุดคลุมอาบน้ำออกไป ไม่แน่ว่าฟู่เจิงไอ้โรคจิตนั่นจะคิดหาวิธีมารวบรัดเธออีกท้ายที่สุดเวินเหลียงก็ยังตัดสินใจสวมใส่เสื้อผ้า ผลลัพธ์คือหลังออกไปถึงพบว่าฟู่เจิงไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ราวกับจะออกจากห้องไปแล้วเยี่ยมเลยเวินเหลียงโยนชุดคลุมอาบน้ำลงไปในตะกร้าผ้าสกปรก แม่บ้านของที่นี่จะเก็บไปซักและฆ่าเชื้อเองส่วนชุดว่ายน้ำ เวินเหลียงมองอย่างรังเกียจทีหนึ่ง ก่อนจะโยนลงถังขยะไปเลยเมื่อถึงเวลากินข้าว ฟู่เจิงกลับมาจากข้างนอก พร้อมถืออาหารค่ำสำหรับสามคนกลับมาด้วยเขาเห็นเวินเหลียงเปลี่ยนกลับไปใส่เสื้อผ้าของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งสามคนก็นับว่ายังกินมื้อค่ำอย่างสนิทสนมกลมเกลียวกันฟู่ซือฝานเริ่มมีอาการง่วงนอนแล้วนิดหน่อย ห
เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ราวกับโทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้น เสียงคนจากปลายสายเลือนรางฟังไม่ชัด อยู่ไกลจากโทรศัพท์มาก ๆเวินเหลียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เมิ่งเซ่อ นายอยู่ไหน?”เสียงกึกกักแว่วดังขึ้นมา ผ่านไปนานสองนานแล้วก็ไม่มีคนตอบกลับ“เมิ่งเซ่อ?”น้ำเสียงของเมิ่งเซ่อฟังดูเหมือนอกจะแตกให้ได้แล้ว ลุกลี้ลุกลนประหม่าเป็นอย่างมาก พูดจาสะเปะสะปะ “...พี่ครับ...พี่ครับ...ผม...ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผม...”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาราวกับไร้เรี่ยวแรง กระทั่งสั่นเครืออยู่หน่อย ๆ พร้อมสะอึกสะอื้นในเงาเบื้องหลังยังแฝงมาด้วยเสียงร้องไห้ของหญิงสาวอยู่เลือนรางในใจของเวินเหลียงรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมิ่งเซ่อเธอเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า “เมิ่งเซ่อ นายเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก เวลาเจอเรื่องอะไรเข้าอย่าเพิ่งลุกลี้ลุกลน ใจเย็น ๆ ก่อนนะ”“ตอนนี้นายใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดูเครื่องหมายข้าง ๆ โทรศัพท์ภายในที่อยู่หัวเตียง ข้างบนมีเลขห้องอยู่ แล้วบอกฉันมา”ผ่านไปสองสามวินาที เมิ่งเซ่อก็ตอบมาว่า “0305”“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ นายใจเย็น ๆ ก่อนนะ คิดดี ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”ห้องของพนักงานบริษัทที่มา
ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องที่เมิ่งเซ่อไม่ได้กลับมาทั้งคืน?เวินเหลียงนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเงยหน้ามองเมิ่งเซ่อสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกังวล มือทั้งสองกำชายเสื้อไว้แน่น กระสับกระส่าย “พี่ครับ พี่จะเชื่อผมจริง ๆ ใช่ไหม...”“ไม่ต้องร้อนใจไป นายนั่งลงก่อน แล้วนึกย้อนให้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เวินเหลียงเอ่ยเมิ่งเซ่อนั่งลงตรงหน้าเวินเหลียง พลางขมวดคิ้ว พยายามหวนนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนสุดกำลัง “เมื่อคืนผมดื่มไปเยอะ กลับมาได้ยังไงผมยังไม่รู้เลย...ทุกคนต่างกำลังดื่มเหล้าคารวะกัน ผมเองก็ดื่มไปสองสามแก้ว ไม่คิดว่าจะเมาขนาดนั้น...”“ความทรงจำสุดท้ายของนายหยุดอยู่ตอนไหน?”เมิ่งเซ่อหลับตาลง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว “ผมเองก็จำไม่ค่อยได้ เหมือนว่าเพื่อร่วมงานจะดื่มเหล้าคารวะให้ผม...”เวินเหลียงเอ่ยถามขึ้น “นายรู้ตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องแล้วหรือว่าเปล่าว่าเซี่ยมู่อยู่ห้อง 0305?”เมิ่งเซ่อรีบส่ายหน้าราวกับสั่นป๋องแป๋ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ไม่รู้ครับ! พี่ครับ ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ พี่ต้องเชื่อผมนะครับ วันนั้นเธอไปเจอนักเลงสองสามคนเข้า ผมเข้าไปช่วยเธอเอาไว้ เธอเป็นลมไป ผมเลยพาเธอไปส่งท
เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง “จริงเหรอ?”เมิ่งเซ่อไม่ได้ดื่มไปเท่าไร แล้วจะเดินเข้าไปผิดห้องได้ยังไง?“อืม ถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองถามคนอื่นดูสิ”“งั้นพวกพี่เลิกดื่มกันแล้วกลับกี่โมง?”“เอ่อ...ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ดื่มเยอะเกินไป กลับมาได้ยังไงยังไม่แน่ใจเลย”“โอเค ต่อไปก็ดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย มันไม่ดีต่อสุขภาพ”“นี่มันไม่มีทางเลือกนี่? อันที่จริง ผู้ชายดื่มในงานเลี้ยงก็เป็นเรื่องปกติ มนุษยสัมพันธ์นี่นา เธอไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเพราะเรื่องนี้หรอก” ฟู่เซิงเอ่ย“โอเค ฉันรู้แล้ว ขอบคุณพี่สามด้วยที่พี่คอยดูแลเขา พี่พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันจะยังไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาได้ยังไง? เอาละ ฉันไม่รบกวนพี่แล้ว บ๊ายบาย”“บาย”หลังวางสาย เวินเหลียงก็มองหน้าจอโทรศัพท์พลางคิดไปเรื่อยเปื่อยเมิ่งเซ่อบอกว่าเขาดื่มจนเมา ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นฟู่เซิงบอกว่าเมิ่งเซ่อดื่มไปไม่เยอะแถมกล้องวงจรปิดก็ดันมาขัดข้องอีกนี่มันจะว่าบังเอิญก็บังเอิญไม่บังเอิญก็ไม่บังเอิญไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง เธอก็จะเชื่อเพียงเมิ่งเซ่อ เพราะเธอยังต้องการเขาทว่าเดินตามรอยความผิดฟู่เจิงอีกแล้ว เธอต้องทำเป็นเมิ
...เวินเหลียงไปซื้ออาหารเช้าสองชุดที่ร้านอาหาร จากนั้นก็มาเคาะประตูห้องเมิ่งเซ่อเมิ่งเซ่อเปิดประตูออกอย่างอดรนทนไม่ไหว ทั้งดีใจและทั้งกลัว “พี่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”เวินเหลียงเดินเข้าไป “ฉันเดาว่าตอนนี้นายคงไม่มีกะจิตกะใจจะไปร้านอาหาร เลยช่วยซื้ออาหารเช้ามาให้นายชุดหนึ่ง”เธอวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ “ฉันไปห้องควบคุมกล้องวงจรปิดมาแล้ว เรื่องที่มันบังเอิญก็คือ เมื่อคืนกล้องวงจรปิดของตึกหลักดันขัดข้องพอดี”เมิ่งเซ่ออธิบายอย่างลุกลี้ลุกลน “พี่ครับ ผมไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ ผมมีความสามารถจะไปพังกล้องวงจรปิดเสียที่ไหน...”“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ นายอย่าคิดมากไป ฉันถามฟู่เซิงมาแล้ว เขาบอกว่านายดื่มจนเมาจริง ๆ...ช่างเถอะ นายกินข้าวก่อน กินข้าวเสร็จก็สงบสติอารมณ์ให้ดี ฉันเองก็จะพิจารณาให้ละเอียด”พิจารณาอะไรให้ละเอียด?ต้องพิจารณาให้ละเอียดว่าจะคบกับเขาต่อไปไหมแน่ ๆเมิ่งเซ่อเป็นกังวลขึ้นมา “พี่ครับ ขอโทษนะครับ ๆ พี่อย่าเลิกกับผมเลยนะโอเคไหม ผมไม่อยากเลิกกับพี่จริง ๆ!”เขาสะบัดฝ่ามือลงบนหน้าของตัวเองอย่างแรงสองที “เป็นความผิดผมเอง ต้องโทษผม! ทำไมผมต้องดื่มมากขนาดนั้นด้วย! ผมสมควร
ชิ้นผ้าสองชิ้นเรียบ ๆ แขวนด้วยสายนั่น อยู่บนระเบียงกลางแจ้งดูสะดุดตาเป็นอย่างมากเวินเหลียงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ในความเขินอายและอิหลักอิเหลื่อ แฝงไปด้วยความเดือดดาลสองสามส่วน “ฟู่เจิง! คุณ...”“ฉันทำไม?” ฟู่เจิงมองตามสายตาของเธอไป นัยน์ตาประกายความหยอกล้อออกมาสายหนึ่ง แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วเวินเหลียงขบกรามแน่น จ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง ไม่อยากอาละวาดต่อหน้าฟู่ซือฝาน และไม่อยากทะเลาะกับเขาเพราะเรื่องนี้ เธอลุกไปที่ระเบียงแล้วเก็บชุดว่ายน้ำมาเลยเธอพับชุดว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว กำลังจะยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทว่ามือใหญ่ของฟู่เจิงกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วชิงชุดว่ายน้ำในมือเธอมา “เธอทำอะไรน่ะ?”“คุณว่าฉันทำอะไรล่ะ?” เวินเหลียงสลัดข้อมือออก ก่อนจะยื่นมือไปชิงชุดว่ายน้ำฟู่เจิงยกแขนยาว ๆ ขึ้น เวินเหลียงเอื้อมสองสามครั้งแล้วก็ยังเอื้อมไม่ถึง เธอเดือดจนไม่ไหว เท้าสะเอวมองเขา “เอาชุดมาให้ฉันนะ!”“นี่มันของของฉัน ทำไมต้องให้เธอด้วย” ฟู่เจิงเอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุผลเวินเหลียงมองเขาอย่างเหลือจะเชื่อ ไม่กล้าเชื่อเลยว่าเขาจะหน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้ “ของของคุณอะไรกัน? นั่นมันของของฉัน...”“เธอโ
ฟู่ซือฝานรีบวิ่งเหยาะเข้ามาหา เดินออกมาจากในห้องไปพลางถามขึ้นว่า “คุณลุงไปด้วยไหมคะ?”“เขาไม่ไป”“ไป”ทั้งสองคนเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันฟู่ซือฝานถลึงตาโต นัยน์ตากลอกไปมา สายตามองสลับไปมาระหว่างเวินเหลียงกับฟู่เจิงสองที “งั้นตกลงคุณลุงจะไปหรือไม่ไปคะ?”เวินเหลียงกัดฟันมองฟู่เจิง ถลึงตาใส่เขาไปด้วยพลางตอบไปด้วย “ไม่ไป”มีพลังทำนองว่ามีเขาไม่มีฉัน มีฉันไม่มีเขาคุกรุ่นออกมาหน่อย ๆฟู่ซือฝานมองไปที่ฟู่เจิง พร้อมเอียงศีรษะน้อย ๆฟู่เจิงยิ้มอย่างจนใจ “ฝานฝาน ลุงไม่ไปดีกว่า เธอไปเที่ยวเล่นกับคุณป้าเถอะ”“โอเคค่ะ”เวินเหลียงเล่นเป็นเพื่อนฟู่ซือฝานอยู่ตลอดทั้งเช้า ตอนกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร ฟู่ซือฝานถามเธอว่า “คุณป้าคะ ตอนบ่ายเราจะกลับไปแล้ว คุณป้าจะกลับไปพร้อมเราไหมคะ?”เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่งอันที่จริงเธอกำลังคิดจะให้ถังซือซือมารับเธอตอนบ่ายอยู่พอดีไหน ๆ ก็นัดกับเมิ่งเซ่อไว้แล้วว่าค่อยเจอกันในอีกสามวัน เธอเองก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องกลับไปพร้อมรถบัสเพียงแต่เธอไม่อยากอยู่กับเด็กประถมคนหนึ่งสุด ๆเวินเหลียงชำเลืองมองฟู่เจิงที่อยู่ข้าง ๆฟู่เจิงเองก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน นัย
นัยน์ตาฟู่เจิงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ปนกับเล่ห์เหลี่ยมสองสามส่วนเวินเหลียงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง ไม่อยากสนใจเขา เธอจึงหมุนตัวไปหาฟู่ซือฝาน…เวินเหลียงกับฟู่ซือฝานแช่ออนเซ็นกันอีกครึ่งบ่าย ก่อนจะเก็บข้าวของและออกไปจากรีสอร์ตขณะกลับไป ผ่านโกดังของหวังต้าไห่ระหว่างทาง เวินเหลียงชำเลืองมองไปตามสัญชาตญาณทีหนึ่งให้เมิ่งเซ่อเจอกับหวังต้าไห่ เดิมทีก็อยู่ในแผนของเธออยู่แล้วเธอต้องการโอกาสพูดถึงหวังต้าไห่ต่อหน้าเมิ่งเซ่อครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงตัวตนและความบาดหมางที่มีต่อหวังต้าไห่โกดังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่เพียงบรรลุเป้าหมายของเธอได้ ทว่ายังแสดงปัญหาด้านการเงินของหวังต้าไห่อีกด้วยฉะนั้นเธอจึงหานักเลงสองสามคนมาสร้างความบังเอิญในครั้งนั้นตอนนี้เธอรู้แล้วว่าจางกั๋วอันอยู่ที่ย่างกุ้งแม้เธอจะเคยจินตนาการเอาไว้แล้วว่าเมิ่งเซ่อน่าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมิ่งจินถังและจางกั๋วอัน แม้หาเบาะแสบางอย่างออกมาได้ ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีสถานการณ์ที่ตัวประกันไม่ยอมออกหน้ามาชี้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นทางเมิ่งเซ่อก็ยังไม่มีผลลัพธ์ ถึงมีก็ไม่แน่ว่าเบาะแสอาจถูกกำจัดไปนานแล้วฉะนั้นเธอต้องวางแผนสำรอง คิดหาวิธีลา