เมื่อฟู่เจิงเห็นดังนั้น มุมปากก็อดไม่ได้จะกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา…ขณะกลับมาถึงโซนเมืองเจียงเฉิง สีท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงแล้วฟู่เจิงขับรถแล่นมาจอดยังหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก “กินมื้อค่ำกันก่อนละกัน กินเสร็จค่อยไปส่งพวกเธอกลับไป”เวินเหลียงกับฟู่ซือฝานลงมาจากรถ ทั้งสามคนเข้าไปในร้านอาหารพร้อมกัน จากนั้นขึ้นไปยังห้องรับรองชั้นสองก่อนกินข้าว เวินเหลียงลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนขณะเดินผ่านทางหนีไฟ เวินเหลียงได้ยินเสียงคนสนทนาแว่วดังมาเสียงหญิงสาวหวาดหยาดเยิ้ม “...ผู้กำกับหลี่คะ อย่าทำแบบนี้สิ...นี่มันร้านอาหารนะ คืนนี้ถึงโรงแรมแล้วคุณค่อยเต็มที่เลย...”เสียงผู้ชายหยาบโลนแว่วดังขึ้นมา “คืนนี้? ตอนนี้ฉันก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว...”จากนั้นก็มีเสียงอิ๊อ๊าแว่วดังมา หญิงสาวเอ่ยขึ้นว่า “แล้วเรื่องรายการ...”“วางใจเถอะน่า ยังไงก็ให้เธออยู่แล้ว เร็วเข้า ฉันจะทำให้เธอเจ็บระบม...”“คุณอย่า...”เสียงหอบแสนทรงเสน่ห์ของหญิงสาวแว่วดังขึ้นที่แท้ก็มาเจอการเอาตัวเข้าแลกในวงการบันเทิงนี่เองเวินเหลียงเดินผ่านไปจากบันไดโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ เธอทำเป็นไม่สนใจตอนเธอออกมาจากห้องน้ำ
เห็นเวินเหลียงเงียบไป ฉู่ซืออี๋ก็ฉีกยิ้มอย่างพอใจต่อให้เวินเหลียงไปจี้ถามฟู่เจิง แล้วฟู่เจิงสลัดรูปและตัวตนของเวินเหลียงออกมา เธอเองก็มีแต่หาเรื่องใส่ตัว ต้องก้มหัวอยู่ต่อหน้าฟู่เจิงตลอดไปฉู่ซืออี๋พูดต่อว่า “เธอยังดูไม่ออกอีกเหรอ? คนที่อาเจิงชอบคือฉันต่างหาก! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอาแต่เกาะอาเจิงไม่ปล่อย จนทำให้ฉันต้องแยกทางกับอาเจิง คุณท่านจะตายได้ยังไง?! เธอมันไอ้ตัวซวย!”“เธอหุบปากไปเลยนะ!”สีหน้าเวินเหลียงซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำ “เธอคิดว่าฉันจะหลงกลเธอเหรอ? ฉันกับฟู่เจิงจะเป็นยังไง ก็ไม่ใช่เหตุผลให้เธอไปยั่วคุณปู่ เธออย่าคิดจะมาใส่ร้ายฉันเชียวนะ!”คำพูดคำจาเหมือนกับอู๋หลิงเป๊ะ เธอไม่มีทางถูกหลอกอีกแน่เธอไม่ใช่ตัวซวย!เธอไม่ใช่!“ฉันไม่เงียบ!” ฉู่ซืออี๋ยิ้มอย่างเย็นชา “ตัวซวย ไอ้ตัวนำโชคร้าย! คุณท่านต้องมาตายเพราะเธอ! เธอมันนังชั้นต่ำคนขึ้นขี่มาแล้วไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน ต่อให้ยังเกาะฟู่เจิงไม่ยอมปล่อยต่อไป เขาก็ไม่มีวันชอบเธอหรอก!”เธอแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปเวินเหลียงมองตามเงาร่างของฉู่ซืออี๋ไป พลางแสยะยิ้มอยู่ที่เดิมเสียงหนึ่ง…เวินเหลียงกลับมายัง
หลังกินข้าวเสร็จ ทั้งสามคนก็ออกไปจากร้านอาหารฉู่ซืออี๋ดื่มเหล้าจนกระเพาะขยายใหญ่กระทั่งอยากอาเจียนออกมา ท้ายที่สุดเธอก็หลบออกมาจากห้องรับรอง เมื่อหันหน้าไปก็เห็นเงาเบื้องหลังของทั้งสามคนกำลังจะออกไปฟู่เจิงกับเวินเหลียงเดินขนาบสองข้าง ทั้งสองคนจูงมือฟู่ซือฝานที่กระโดดโลดเต้นอยู่ตรงกลาง มองไปราวกับพ่อแม่ลูกอย่างนั้นได้ยินฟู่เจิงพูดกับเวินเหลียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอยู่เลือนรางว่า “ฉันไปส่งเธอกับฝานฝานกลับไปก่อนก็แล้วกัน”สีหน้าบนหน้าฉู่ซืออี๋แข็งทื่อ จ้องพวกเขาเขม็ง กระทั่งทั้งสามคนเลี้ยวหายไปตรงมุมทำไมฟู่เจิงยังคบอยู่กับเวินเหลียงอีก?เขารู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเวินเหลียงแล้วไม่ใช่เหรอ?หรือเขาชอบเวินเหลียงมากขนาดนั้นเชียว กระทั่งอดกลั้นรับเรื่องที่เธอมั่วผู้ชายจนคลอดลูกออกมาคนหนึ่งแล้วได้?ฉะนั้นที่เขาแสร้งทำเป็นว่าไม่แยแสเวินเหลียงคราวก่อน เพราะอยากให้เธอผ่อนคลายไม่ระแวง แล้วยอมให้รูปทั้งหมดที่อยู่ในมือไป?!ฟู่เจิง! คุณนี่มันช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ!ฉู่ซืออี๋ออกแรงกำหมัดแน่น เล็บแทงลึกเข้าไปในเนื้อทำไมกัน?!ทำไมกัน?!ทำไมมีแค่เธอที่ถูกกีดกัน มีแต่ต้องปรนนิบัติชายแก่หน้าตาอั
อีกสองวันก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ คอร์สเรียนถ่ายรูปของเวินเหลียงเริ่มสอนในคืนก่อนส่งท้ายปีเก่าหนึ่งวัน คาบที่สองเรียนในวันที่เจ็ดหลังตรุษจีนคืนนี้เวลาหนึ่งทุ่ม เวินเหลียงมานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงเวลา พร้อมเปิดโปรแกรมเข้าเรียน เข้าไปในห้องเรียนออนไลน์ในห้องเรียนออนไลน์มีซับขึ้นในจอแล้ว ผู้ช่วยกำลังตรวจแก้ไขอุปกรณ์อยู่เวินเหลียงอ่านกลุ่มไลน์ของชั้นเรียน ผู้เรียนจำนวนมากผุดขึ้นมาในกลุ่ม เฝ้าชั้นเรียนออนไลน์ไปด้วยพลางพูดคุยกันไปด้วยผู้เรียนคนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “จะเริ่มแล้ว ตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ! แม่เจ้า ฉันโชคดีจริง เพิ่งเห็นข่าวว่าจะเปิดสอนวันที่หก แถมตอนลงชื่อก็มาลงเป็นคนสุดท้ายอีก!”ผู้เรียนคนอื่นก็คล้อยตามไปด้วย “งั้นคุณก็โชคดีเกินไปแล้ว ฉันเฝ้ารออยู่ตั้งนานแล้ว พอข่าวว่าจะเปิดสอนออกมา ก็รีบลงชื่อทันที”เวินเหลียงเกิดความสงสัยขึ้นตอนที่เธอลงชื่อก็วันที่สิบกว่า ๆ แล้ว ถ้าเป็นตามที่คนคนนั้นบอกมันมีคนลงเรียนเต็มไปตั้งนานแล้วสิอาจเป็นเพราะสุดท้ายมีคนถอนตัว เลยเหลือที่ว่างละมั้ง“ฮัลโหล นักเรียนทุกท่านได้ยินเสียงไหมครับ?”ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงสดใสและเต็มไปด้วยความน่าดึงด
ตงเจ๋อ “จริงเหรอ? มิน่าล่ะหลังเธอกลับประเทศไม่ใช่แค่ไม่ติดต่อฉันเลย แต่ยังลบเพื่อนฉันทิ้งอีก”ลบเพื่อนเขาทิ้ง?เวินเหลียงขมวดคิ้วหน่อย ๆหลังฟื้นจากอุบัติเหตุ เธอจำได้แม่นว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำ เดิมทีไม่กล้าไปลบเพื่อนอะไรมั่วซั่วอยู่แล้วหรือว่าเธอจำผิด?เวินเหลียงไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดในเรื่องนี้ต่อ ทว่าส่งมีมตัวหนึ่งไป “อาจเป็นเพราะเห็นว่าไม่รู้จัก ก็เลยลบทิ้งไปเฉย ๆ มั้ง ขอโทษจริง ๆ นะคะ คุณเป็นเพื่อนร่วมเรียนตอนที่ฉันไปเรียนอยู่ต่างประเทศเหรอคะ?”ตงเจ๋อ “ไม่ใช่ ฉันเคยอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟียสองสามปี เป็นหัวหน้าสมาคมหัวเฉียวในตอนนั้น” ตงเจ๋อตอบกลับ “เรารู้จักกันในกลุ่มแชตสมาคมหัวเฉียวในท้องที่”เวินเหลียง “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ขอบคุณการช่วยเหลือของคุณในตอนนั้นด้วยนะคะ”ตงเจ๋อ “ตอนนั้นเธอเคยขอบคุณไปแล้ว”ต่อมาตงเจ๋อก็ส่งคลิปเสียงคลิปหนึ่งมาเวินเหลียงกดฟัง น้ำเสียงแสนไพเราะแว่วดังมาจากในลำโพง อยู่ในห้องทำงานเพียงลำพังจึงดังชัดเป็นพิเศษ “หลังเธอลบเพื่อนฉัน ฉันยังคิดว่าเธอรังเกียจฉันซะอีก พอกลับประเทศมาก็ไม่กล้ารบกวนชีวิตของเธอ ไม่นึกเลยว่าเธอจะมาลงเรียนคลาสสอนถ่ายร
เวินเหลียงกับฟู่ซือฝานเดินเข้าไปในห้องรับแขก สิ่งที่รับหน้ามาคือการเผชิญหน้ากับฟู่ชิงเยว่สีหน้าฟู่ชิงเยว่เคร่งขรึม ขณะกวาดสายตาไปบนตัวเวินเหลียง ไม่สามารถปกปิดความไม่พอใจของเธอได้เลยเวินเหลียงทักทายอย่างราบเรียบ “คุณอา คุณย่า”“แกรนมา!” ฟู่ซือฝานวิ่งเหยามาตรงหน้าฟู่ชิงเยว่ ใบหน้าน้อย ๆ ยิ้มแป้นจนแทบจะเหมือนดอกไม้ดอกหนึ่ง “คุณย่ามาแล้ว!”ฟู่ชิงเยว่โน้มตัวลงไปจูบหน้าของฟู่ซือฝาน “ฝานฝาน ย่ามารับเธอแล้ว ดีใจไหม?”ฟู่ซือฝานอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ค่ะ” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง มือทั้งสองเกี่ยวที่นิ้วก้อย “เราจะกลับกันตอนนี้เลยเหรอคะ?”เธอยังไม่อยากกลับไป ทำยังไงดี?เมื่อฟู่ชิงเยว่ไม่เห็นสีหน้าดีอกดีใจบนหน้าของฟู่ซือฝาน สีหน้าของเธอก็พลันเคร่งขรึมลงพรึ่บ “ทำไม? เธอไม่อยากกลับไปกับย่าแล้วเหรอ!?”ใบหน้าน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ก็...ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ...หนูแค่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน...”ที่ฟู่ชิงเยว่กลับมาในวันที่สามสิบก่อนปีใหม่วันนี้ แน่นอนว่าคิดจะอยู่ในประเทศสักสองสามวัน เพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่เพียงแต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฟู่ซือฝานนี่แล้ว
พูดจบเธอก็เดินกระทืบเท้า ‘ตึง ๆ ๆ’ ขึ้นไปชั้นบนกระทั่งเงาเบื้องหลังของเธอหายลับไปตรงปากบันได คุณหญิงถึงปลอบเวินเหลียง “อาเหลียง ไม่ต้องไปฟังที่อาเธอพูดจาไร้สาระนะ เขาถูกฉันตามใจจนเสียนิสัย ไม่พอใจอะไรนิดไม่พอใจอะไรหน่อยก็โวยวายใหญ่โต เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว เฮ้อ...”“คุณย่า หนูทราบแล้วค่ะ”คุณปู่และคุณย่ามีพระคุณต่อเวินเหลียง เธอยอมอดทนปล่อยให้ฟู่ชิงเยว่เปล่งเสียงด่าที่ไม่เจ็บไม่ปวดใส่สองสามประโยคได้อยู่แล้ว ถึงยังไงในหนึ่งปีก็เจอแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น“งั้นหลังจากนี้หนูไปเที่ยวเล่นกับคุณป้าอีกไม่ได้แล้วจริง ๆ เหรอคะ?” แขนน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานเกาะอยู่ที่คอของฟู่เจิง ดวงตากลมโตแดงก่ำมองเวินเหลียงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างกลุ้มใจ“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว” ฟู่เจิงรีบตอบ “เธออยากไปเที่ยวเล่นกับคุณป้าก็ไป ไม่ว่าใครก็ยุ่งเธอไม่ได้”“แล้วถ้าคุณย่าโกรธจะทำยังไงล่ะคะ?”“คุณย่าก็แค่โกรธประเดี๋ยวประด๋าว อีกอย่างยังมีลุงอยู่ทั้งคนนะ”“อืม...” ฟู่ซือฝานพาดศีรษะไปบนไหล่ของฟู่เจิง ทำท่าทางหวังพึ่งเขาสุด ๆบวกกับความละม้ายคล้ายกันของใบหน้า ยิ่งเหมือนพ่อลูกแท้ ๆ เป็นพิเศษคุณหญิง
มิน่าล่ะตำรวจถึงสืบไม่เจอเมิ่งจินถัง ความสัมพันธ์ชั้นนี้ลึกมาก ๆ เขาเคยถูกล่อลวงไปขาย แถมเป็นเมื่อนานมาแล้ว แม้แต่เมิ่งเซ่อก็ยังไม่รู้พนักงานมาเสิร์ฟกาแฟ เวินเหลียงคนเบา ๆ พลางครุ่นคิดว่าจะเอ่ยปากพูดกับเมิ่งเซ่อยังไงดีเธอได้ข่าวสำคัญสองข่าวมาจากเมิ่งเซ่อแล้ว หนึ่งคือตำแหน่งของจางกั๋วอัน อีกหนึ่งข่าวคือความสัมพันธ์ระหว่างจางกั๋วอันกับเมิ่งจินถังให้มากกว่านี้เกรงว่าคงไม่ได้แล้ว หากถามมากไปเมิ่งจินถังจะสงสัยเอาต่อไปคือส่งต่อให้ตำรวจก็สิ้นเรื่องแล้วฉะนั้นก็หมายความว่า เมิ่งเซ่อไม่มีประโยชน์กับเธออีกต่อไปเมิ่งเซ่อเห็นเวินเหลียงเอาแต่เงียบตลอด ในใจก็เริ่มกระวนกระวาย จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “พี่ครับ พี่คิดตกหรือยัง? จะเลิกกับผมไหม?”เวินเหลียงก้มหน้า เตรียมหาถ้อยคำบางทีการอ้างเรื่องของเซี่ยมู่มาขอบอกเลิกเมิ่งเซ่ออาจดีที่สุดแล้วความจริงที่เธอจงใจเข้าหาเมิ่งเซ่อจะไม่ถูกเปิดโปงแน่ ๆ และอาจสลัดเมิ่งเซ่อออกได้อย่างถูกจังหวะและดูเป็นขั้นตอนเพียงแต่การที่เธอทำแบบนี้มันทั้งไร้น้ำใจและเห็นแก่ตัวจริง ๆเธอตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะขอโทษเมิ่งเซ่อแต่ว่าเจ็บแต่จบย่อมดีก