เงาเบื้องหลังของถังซือซือเดินโซเซ จังหวะก้าวระส่ำระสายอยู่เป็นระยะเยี่ยนหวยยืนอยู่ที่เดิม สีนัยน์ตาภายใต้แว่นลึกซึ้ง มองเงาเบื้องหลังเธออย่างเหม่อลอยในหัวอดไม่ได้ที่จะหวนนึกไปถึงตอนม.ปลาย เธอทำท่าทางเป็นคุณหนูใหญ่ ขวางเขาเอาไว้ในทางเดิน “เยี่ยนหวย ฉันชอบนาย นายมาเป็นแฟนฉันโอเคไหม?”ตอนนี้นิสัยเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไร แต่กลับพูดว่าเขาคือขยะเธอไม่รู้ ที่เขาบอกเป็นนัยให้เหยาจิ้งอวี่จัดปาร์ตี้รียูเนียน ก็เป็นเพราะเขาจงใจยั่วยุความชอบเอาชนะคนของเหยาจิ้งอวี่ เขารู้ว่าเหยาจิ้งอวี่ต้องอดไม่ได้ที่จะยั่วยุเธอแน่ เขาเองก็รู้จักนิสัยไม่ยอมแพ้ของเธอดี หลังถูกเหยาจิ้งอวี่ยั่วยุ จะต้องมาร่วมงานปาร์ตี้รียูเนียนอย่างแน่นอนตอนมาเขายืนอยู่ตรงประตูห้องรับรอง เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมหาศาลในการควบคุม ถึงรักษาท่าทางนิ่งสงบแบบนั้นได้ท้ายที่สุดถังซือซือก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องรับรอง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปคนเต็มห้องรับรองหยุดพูดคุยกัน และพร้อมใจกันจ้องมาที่เธอถังซือซือไม่รู้สึกตัวอย่างสมบูรณ์ กระทั่งเห็นว่าบนโต๊ะว่างเปล่าไม่มีอะไรตั้งอยู่ ข้างโต๊ะเองก็ว่างไม่มีใคร ในตอนนี
คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ดูเป็นคนใจหมา ไม่แน่ว่าอาจคิดฉวยโอกาสเอาเปรียบซือซือก็ได้!ถังซือซือคว้าเสื้อผ้าของโจวอวี่เอาไว้ พลางเอ่ยว่า “โจวอวี่ไม่ใช่คนธรรมดาซะหน่อย โจวอวี่เป็นเพื่อนฉันต่างหาก!”โจวอวี่มองเยี่ยนหวย พลางเลิกคิ้วแล้วย้อนถามว่า “นายได้ยินหรือยัง?”เยี่ยนหวยเองก็มองโจวอวี่ “เธอเมาแล้ว ถึงขั้นจำห้องรับรองผิด และอาจจำเพื่อนผิดได้เหมือนกัน!”สายตาคมของทั้งสองคนสบกัน ราวกับในอากาศค่อย ๆ มีกลิ่นประกายไฟหลังเกิดเขม่าดินปืน คละคลุ้งออกมาสายหนึ่งไม่มีใครยอมถอยเพียงแต่ยังมีแขกอยู่ในห้องรับรอง ไม่ดีที่โจวอวี่จะออกมานานเกินไป เขาชักสายตากลับ ก่อนจะเบือนศีรษะไปถามถังซือซือว่า “คุณมากับใคร?”“อาเหลียงล่ะ อาเหลียงไปไหน ทำไมเธอไม่รอฉัน?” นัยน์ตาทั้งสองของถังซือซือไร้เดียงสาและงุนงง เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเยี่ยนหวยมองไปที่ถังซือซือ “ฉันรู้ว่าเวินเหลียงอยู่ไหน ฉันจะพาเธอไปหาเวินเหลียงเป็นยังไง?”เมื่อโจวอวี่ได้ยินดังนั้น เขาก็ถามขึ้นทันทีว่า “เวินเหลียงอยู่ห้องรับรองห้องไหน ฉันจะพาเธอไปส่งเอง!”จะให้ผู้ชายตรงหน้าพาถังซือซือที่เมาแอ๋ไปส่ง เขาก็ไม่วางใจเยี่ยนหวยมองเขาทีหนึ่ง ก่
เมื่อบรรดาคนที่กำลังซุบซิบนินทาอยู่รอบ ๆ ได้ยินประโยคนี้ ต่างก็พากันทอดสายตามาภายใต้ความสนใจของทุกคน เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าชืด ๆ “โจวอวี่เป็นเพื่อนของเราค่ะ”เหล่าเพื่อนร่วมชั้นต่างเผยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาออกมา ก่อนจะพูดกับเวินเหลียงว่า “งั้นคุณเวิน ซือซือ ขอร้องล่ะพวกคุณช่วยขอลายเซ็นของโจวอวี่ให้ฉันหน่อยได้ไหม?”“ฉันก็อยากได้เหมือนกัน ขอร้องพวกคุณล่ะ...”“ฉันด้วย ฉันก็อยากได้ ขอบคุณนะซือซือ ขอบคุณนะเวินเหลียง!”“ฉันก็อยากได้เหมือนกัน ซือซือ...”เวินเหลียงยังไม่ทันได้พูดอะไร ถังซือซือก็ตบอกพร้อมตอบตกลง “ได้สิ! ไม่มีปัญหา!”“ซือซือ เธอช่างดีจริง ๆ!”“ขอบคุณนะซือซือ!”“ซือซือ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโจวอวี่คงดีมากใช่ไหม? เขาถึงมาส่งเธอโดยเฉพาะน่ะ”นัยน์ตาของเยี่ยนหวยดำมืดเพื่อนร่วมชั้นมากมายมาล้อมพูดคุยกับถังซือซือเมื่อเหยาจิ้งอวี่เห็นภาพนี้ นัยน์ตาก็ประกายความอิจฉาออกมา เธอกำหมัดแน่นทำไมกันนะ?!ทำไมถังซือซือถึงได้รับการต้อนรับมากกว่าเธอตลอด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นหรือว่าเยี่ยนหวย?!เธอเทียบถังซือซือไม่ได้ตรงไหน?ยังมีคนถามขึ้นอีกว่า “ซื
หากไม่ใช่เพราะปาร์ตี้รียูเนียนครั้งนี้ ประสบการณ์แสนคลุมเครือช่วงนั้น คงถูกเธอฝังกลบไว้ในมุมมืดของหัวใจตลอดไปตอนนี้เวินเหลียงเพิ่งจะเข้าใจว่า ทำไมถังซือซือถึงชอบเก็บรวบรวมรูปภาพของไอดอลชายบนอินเทอร์เน็ต ชอบให้เด็กเสิร์ฟผู้ชายมาดื่มเหล้าและร้องเพลงเป็นเพื่อน แต่ไม่เคยมีแฟนเลยอาจเป็นเพราะส่วนลึกในใจของเธอยังไม่เคยลืมเยี่ยนหวย อาจเป็นเพราะเธอถูกทำร้ายจนบาดเจ็บไปทั่วทั้งหัวใจ ถึงขั้นไม่กล้าเชื่อในความรักอีกแล้ว“...ตอนแรกฉันต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อไม่ให้บัวช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นขนาดนั้น...เพื่อหวังว่าเขาจะอยู่ที่นี่ เขาก็ยังไป...ไปได้ตั้งเจ็ดปี ยังกลับมาทำอะไรอีก?!” ถังซือซือเอ่ยขึ้นทั้งสะอึกสะอื้นน้ำเสียงสั่นเครือในขณะพูดปนร้องไห้ทำเอาในใจของเวินเหลียงเองก็เจ็บปวดเป็นอย่างมากเช่นกันเธอเคยเห็นถังซือซือทุกข์ใจขนาดนี้มาก่อนที่ไหนเจ็ดปีก่อน ซึ่งเป็นตอนที่ถังซือซือเพิ่งจบมหาวิทยาลัย“อาเหลียง เธอไม่รู้หรอกตอนแรกฉันรักเขามากแค่ไหน...ทีแรกพ่อแม่ฉันหวังให้ฉันไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ แต่ฉันตัดใจไปจากเขาไม่ได้ พูดเกลี้ยกล่อมจนพ่อแม่ยอมให้อยู่ที่นี่...แต่ว่า จู่ ๆ เขากลับไปซะอย่างนั้น...ไม
เวินเหลียงลากฟู่ซือฝานและถังซือซือออกมาจากลิฟต์พร้อมกันขณะรอเวินเหลียงเปิดประตู ถังซือซือก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ฉันจะบอกเธอให้นะ คนอย่างอีตามืดบอดฟู่กับอีตาขยะเยี่ยน มีคุณสมบัติถูกคนตามจีบ แต่ก็เปลี่ยนเป็นสารเลวได้ง่าย ๆ ถึงยังไงก็มีคนอีกถมเถที่รอพวกเขาอยู่”เวินเหลียงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป “เธอพูดถูก”“จริงสิ เธอกับเมิ่งเซ่อเป็นยังไงบ้าง? ฉันว่าเมิ่งเซ่อก็ดูค่อนข้างเหมาะสมกับเธอดี ถ้าเขากล้านอกใจ ก็เตะเขาออกไปเลย” ถังซือซือล้มตัวนอนลงบนโซฟา“ยังติดต่อกันอยู่ อาทิตย์นี้เขายุ่งนิดหน่อย” เวินเหลียงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบข้าง ๆ ฟู่ซือฝานนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเชื่อฟัง รอพวกเธอหยุดคุยกัน ถึงได้กัดนิ้วชี้พลางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าน้อย ๆ ถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณป้าคะ อีตามืดบอดฟู่คือคุณลุงเหรอคะ?”“เอ่อ...”เวินเหลียงพลันอิหลักอิเหลื่อ“ทำไมถึงเรียกคุณลุงว่าอีตามืดบอดล่ะคะ?”ถังซือซือเอ่ย “ฝานฝาน น้าจะอธิบายให้เธอฟังนะ เพราะคุณลุงของเธอหูเบาเชื่อคำพูดใส่ร้ายของผู้หญิงคนอื่น อย่างกับอีตามืดบอดสมัยโบราณ เข้าใจหรือไหม?”ฟู่ซือฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ทีแรกคิดจะพูดแก้ตัวแทนฟู่เจิง
เขารู้ดีว่าการที่ตัวเองทำอาชีพนักสืบเอกชนจะถูกรายงานได้ง่าย จึงปิดบังสถานการณ์ครอบครัวไว้มิดชิดเป็นอย่างมาก ทว่าก็ยังไม่วายถูกคุ้ยออกมา เรื่องนี้ทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนสุด ๆอวิ๋นเฉียว “ขอโทษจริง ๆ นะครับคุณเวิน ถ้าผมเป็นโสดอยู่ตัวคนเดียว ผมคงไม่เกรงกลัวอะไรอย่างแน่นอน แต่ผมจะให้ครอบครัวผมต้องมาตกอยู่ในอันตรายไปกับผมไม่ได้ ขอโทษจริง ๆ ครับ..”การอธิบายนี้ ก็นับว่ามีความจริงใจมากทีเดียวเวินเหลียงไม่ได้บังคับ เธอตอบกลับไปว่า “ฉันเข้าใจคุณอวิ๋นค่ะ แล้วก็ขอบคุณคุณอวิ๋นด้วยที่ยอมช่วยฉันครั้งนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็จะไม่บังคับคุณอวิ๋นค่ะ ที่เหลือก็ว่ากันตามในสัญญาเลยแล้วกันค่ะ”อวิ๋นเฉียว “ขอบคุณคุณเวินที่เข้าใจนะครับ คุณวางใจได้เลยครับ ทางผมจะไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลของคุณแน่นอน ขอให้คุณสืบหาความจริงได้ในเร็ววันนะครับ และขอให้ได้ล้างแค้นแทนคุณพ่อ”เวินเหลียง “ขอบคุณค่ะ”หลังตอบกลับเสร็จ เวินเหลียงก็ปิดหน้าจอ เธอเหม่อลอยเล็กน้อยพวกเขาสืบเจออวิ๋นเฉียวได้ จะสืบหามาถึงตัวเธอได้เหมือนกันหรือเปล่านะ?แต่เธอไม่ได้รับคำข่มขู่อะไรเลยและใช่ เธอเพิ่งจับพลัดจับผลูรู้ว่าการตายของพ่อเกี่ยว
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ เวินเหลียงก็ต่อสายโทรไปหาที่บ้านใหญ่ก่อน เพื่อยืนยันว่าฟู่เจิงไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่ ถึงค่อยพาฟู่ซือฝานไปส่ง ก่อนจะไปซื้อของขวัญติดไม้ติดมือนิดหน่อยไปเยี่ยมหลานของป้าหวังที่โรงพยาบาลคนเดียวหลังออกมาจากห้องผู้ป่วย เวินเหลียงก็เดินไปที่ลานจอดรถเธอมองไปรอบ ๆ พลันชำเลืองไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงาร่างหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ สูงตระหง่านดุจภูเขา เหมือนจะเป็นฟู่เจิงขณะเธอเพ่งเล็งไป เงาคนก็เดินผ่านตรงมุมถนนไปแล้ว เงาร่างหายไปวับไปฟู่เจิงป่วยงั้นเหรอ?เวินเหลียงชักสายตากลับ ก่อนจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง พลางลวดปลดล็อกรถเธอเปิดประตูรถแล้วเข้านั่งในตำแหน่งคนขับ ก่อนจะสตาร์ตรถอย่างไม่รีบร้อน และหยิบโทรศัพท์ออกมาดูทีหนึ่งเมิ่งเซ่อส่งข้อความตอบกลับมา “พี่ครับ ขอโทษทีนะครับ ช่วงนี้ยุ่งอยู่นิดหน่อยจริง ๆ แต่ว่าไม่ได้ยุ่งในเรื่องงานนะครับ”เวินเหลียงตอบกลับ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ถ้ามีปัญหาอะไร ก็มาบอกกับฉันได้นะ”เมิ่งเซ่อส่งมีมตัวหนึ่งมา สัมผัสได้ถึงความลิงโลดดีใจของเขาผ่านหน้าจอ“ขอบคุณในความปรารถนาดีของพี่ด้วยนะครับ ผมจัดการเองได้ครับ วางใจเถอะ”“สู้ ๆ นะ ถ้าจัด
ทว่าเมิ่งเซ่อไม่ได้คิดแบบนี้ เด็กหนุ่มไฟแรง มุ่งหน้าอย่างองอาจกล้าหาญ รับไม่ได้ที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม เจ้าของจงใจโยนความผิดใส่ร้าย เขาทนไม่ได้ เขาอยากไปยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบใหม่อีกครั้งกับหน่วยงานไหนสักหน่วยเมิ่งจินถังถอนหายใจ แล้วพูดโน้มน้าวเขาว่า “แกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พ่อมีชีวิตอยู่มาสิบปี เข้าใจเหตุผลนี้ตั้งนานแล้ว แกไม่มีเงินไร้อำนาจ ก็ต้องเสียเปรียบแบบนี้แหละ! วัสดุของเราไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาก็ยังทำให้เกิดปัญหาได้ ผิดก็ว่าเป็นถูกได้ แกจะมีแต่เสียเวลาเสียแรงเปล่า ไม่มีประโยชน์”เมิ่งเซ่อ “พ่อ พ่อไม่น่าไปปรึกษาหารือร่วมกันตั้งแต่แรกเลย น่าจะยืนกรานกัดฟันไปว่าคนประเมินมีปัญหา ตอนนี้ไปพูดโต้แย้งกับคนประเมินอีก กลัวว่าจะสายเกินไปหน่อย”ทว่าวันเสาร์เมิ่งเซ่อก็ยังไปหาฝ่ายที่เกี่ยวข้องฝ่ายหนึ่งอยู่ดี ข้อร้องให้เปลี่ยนคนแล้วทำการตรวจสอบใหม่อีกครั้งเจ้าหน้าที่บอกเขาอย่างหนักแน่นว่า รายงานการตรวจสอบไม่ผิด ไม่สนับสนุนให้มีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งปล่อยให้เมิ่งเซ่อพูดจนปากเปียกปากแฉะ ผลก็ออกมาเป็นแบบนี้อยู่ดีเสียเวลาไปตลอดทั้งบ่าย เขาเดินออกมาจากโถงประตูหน่วยงานอย่างเหน็ดเหนื