หากไม่ใช่เพราะปาร์ตี้รียูเนียนครั้งนี้ ประสบการณ์แสนคลุมเครือช่วงนั้น คงถูกเธอฝังกลบไว้ในมุมมืดของหัวใจตลอดไปตอนนี้เวินเหลียงเพิ่งจะเข้าใจว่า ทำไมถังซือซือถึงชอบเก็บรวบรวมรูปภาพของไอดอลชายบนอินเทอร์เน็ต ชอบให้เด็กเสิร์ฟผู้ชายมาดื่มเหล้าและร้องเพลงเป็นเพื่อน แต่ไม่เคยมีแฟนเลยอาจเป็นเพราะส่วนลึกในใจของเธอยังไม่เคยลืมเยี่ยนหวย อาจเป็นเพราะเธอถูกทำร้ายจนบาดเจ็บไปทั่วทั้งหัวใจ ถึงขั้นไม่กล้าเชื่อในความรักอีกแล้ว“...ตอนแรกฉันต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อไม่ให้บัวช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นขนาดนั้น...เพื่อหวังว่าเขาจะอยู่ที่นี่ เขาก็ยังไป...ไปได้ตั้งเจ็ดปี ยังกลับมาทำอะไรอีก?!” ถังซือซือเอ่ยขึ้นทั้งสะอึกสะอื้นน้ำเสียงสั่นเครือในขณะพูดปนร้องไห้ทำเอาในใจของเวินเหลียงเองก็เจ็บปวดเป็นอย่างมากเช่นกันเธอเคยเห็นถังซือซือทุกข์ใจขนาดนี้มาก่อนที่ไหนเจ็ดปีก่อน ซึ่งเป็นตอนที่ถังซือซือเพิ่งจบมหาวิทยาลัย“อาเหลียง เธอไม่รู้หรอกตอนแรกฉันรักเขามากแค่ไหน...ทีแรกพ่อแม่ฉันหวังให้ฉันไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ แต่ฉันตัดใจไปจากเขาไม่ได้ พูดเกลี้ยกล่อมจนพ่อแม่ยอมให้อยู่ที่นี่...แต่ว่า จู่ ๆ เขากลับไปซะอย่างนั้น...ไม
เวินเหลียงลากฟู่ซือฝานและถังซือซือออกมาจากลิฟต์พร้อมกันขณะรอเวินเหลียงเปิดประตู ถังซือซือก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ฉันจะบอกเธอให้นะ คนอย่างอีตามืดบอดฟู่กับอีตาขยะเยี่ยน มีคุณสมบัติถูกคนตามจีบ แต่ก็เปลี่ยนเป็นสารเลวได้ง่าย ๆ ถึงยังไงก็มีคนอีกถมเถที่รอพวกเขาอยู่”เวินเหลียงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป “เธอพูดถูก”“จริงสิ เธอกับเมิ่งเซ่อเป็นยังไงบ้าง? ฉันว่าเมิ่งเซ่อก็ดูค่อนข้างเหมาะสมกับเธอดี ถ้าเขากล้านอกใจ ก็เตะเขาออกไปเลย” ถังซือซือล้มตัวนอนลงบนโซฟา“ยังติดต่อกันอยู่ อาทิตย์นี้เขายุ่งนิดหน่อย” เวินเหลียงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบข้าง ๆ ฟู่ซือฝานนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเชื่อฟัง รอพวกเธอหยุดคุยกัน ถึงได้กัดนิ้วชี้พลางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าน้อย ๆ ถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณป้าคะ อีตามืดบอดฟู่คือคุณลุงเหรอคะ?”“เอ่อ...”เวินเหลียงพลันอิหลักอิเหลื่อ“ทำไมถึงเรียกคุณลุงว่าอีตามืดบอดล่ะคะ?”ถังซือซือเอ่ย “ฝานฝาน น้าจะอธิบายให้เธอฟังนะ เพราะคุณลุงของเธอหูเบาเชื่อคำพูดใส่ร้ายของผู้หญิงคนอื่น อย่างกับอีตามืดบอดสมัยโบราณ เข้าใจหรือไหม?”ฟู่ซือฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ทีแรกคิดจะพูดแก้ตัวแทนฟู่เจิง
เขารู้ดีว่าการที่ตัวเองทำอาชีพนักสืบเอกชนจะถูกรายงานได้ง่าย จึงปิดบังสถานการณ์ครอบครัวไว้มิดชิดเป็นอย่างมาก ทว่าก็ยังไม่วายถูกคุ้ยออกมา เรื่องนี้ทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนสุด ๆอวิ๋นเฉียว “ขอโทษจริง ๆ นะครับคุณเวิน ถ้าผมเป็นโสดอยู่ตัวคนเดียว ผมคงไม่เกรงกลัวอะไรอย่างแน่นอน แต่ผมจะให้ครอบครัวผมต้องมาตกอยู่ในอันตรายไปกับผมไม่ได้ ขอโทษจริง ๆ ครับ..”การอธิบายนี้ ก็นับว่ามีความจริงใจมากทีเดียวเวินเหลียงไม่ได้บังคับ เธอตอบกลับไปว่า “ฉันเข้าใจคุณอวิ๋นค่ะ แล้วก็ขอบคุณคุณอวิ๋นด้วยที่ยอมช่วยฉันครั้งนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็จะไม่บังคับคุณอวิ๋นค่ะ ที่เหลือก็ว่ากันตามในสัญญาเลยแล้วกันค่ะ”อวิ๋นเฉียว “ขอบคุณคุณเวินที่เข้าใจนะครับ คุณวางใจได้เลยครับ ทางผมจะไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลของคุณแน่นอน ขอให้คุณสืบหาความจริงได้ในเร็ววันนะครับ และขอให้ได้ล้างแค้นแทนคุณพ่อ”เวินเหลียง “ขอบคุณค่ะ”หลังตอบกลับเสร็จ เวินเหลียงก็ปิดหน้าจอ เธอเหม่อลอยเล็กน้อยพวกเขาสืบเจออวิ๋นเฉียวได้ จะสืบหามาถึงตัวเธอได้เหมือนกันหรือเปล่านะ?แต่เธอไม่ได้รับคำข่มขู่อะไรเลยและใช่ เธอเพิ่งจับพลัดจับผลูรู้ว่าการตายของพ่อเกี่ยว
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ เวินเหลียงก็ต่อสายโทรไปหาที่บ้านใหญ่ก่อน เพื่อยืนยันว่าฟู่เจิงไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่ ถึงค่อยพาฟู่ซือฝานไปส่ง ก่อนจะไปซื้อของขวัญติดไม้ติดมือนิดหน่อยไปเยี่ยมหลานของป้าหวังที่โรงพยาบาลคนเดียวหลังออกมาจากห้องผู้ป่วย เวินเหลียงก็เดินไปที่ลานจอดรถเธอมองไปรอบ ๆ พลันชำเลืองไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงาร่างหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ สูงตระหง่านดุจภูเขา เหมือนจะเป็นฟู่เจิงขณะเธอเพ่งเล็งไป เงาคนก็เดินผ่านตรงมุมถนนไปแล้ว เงาร่างหายไปวับไปฟู่เจิงป่วยงั้นเหรอ?เวินเหลียงชักสายตากลับ ก่อนจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง พลางลวดปลดล็อกรถเธอเปิดประตูรถแล้วเข้านั่งในตำแหน่งคนขับ ก่อนจะสตาร์ตรถอย่างไม่รีบร้อน และหยิบโทรศัพท์ออกมาดูทีหนึ่งเมิ่งเซ่อส่งข้อความตอบกลับมา “พี่ครับ ขอโทษทีนะครับ ช่วงนี้ยุ่งอยู่นิดหน่อยจริง ๆ แต่ว่าไม่ได้ยุ่งในเรื่องงานนะครับ”เวินเหลียงตอบกลับ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ถ้ามีปัญหาอะไร ก็มาบอกกับฉันได้นะ”เมิ่งเซ่อส่งมีมตัวหนึ่งมา สัมผัสได้ถึงความลิงโลดดีใจของเขาผ่านหน้าจอ“ขอบคุณในความปรารถนาดีของพี่ด้วยนะครับ ผมจัดการเองได้ครับ วางใจเถอะ”“สู้ ๆ นะ ถ้าจัด
ทว่าเมิ่งเซ่อไม่ได้คิดแบบนี้ เด็กหนุ่มไฟแรง มุ่งหน้าอย่างองอาจกล้าหาญ รับไม่ได้ที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม เจ้าของจงใจโยนความผิดใส่ร้าย เขาทนไม่ได้ เขาอยากไปยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบใหม่อีกครั้งกับหน่วยงานไหนสักหน่วยเมิ่งจินถังถอนหายใจ แล้วพูดโน้มน้าวเขาว่า “แกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พ่อมีชีวิตอยู่มาสิบปี เข้าใจเหตุผลนี้ตั้งนานแล้ว แกไม่มีเงินไร้อำนาจ ก็ต้องเสียเปรียบแบบนี้แหละ! วัสดุของเราไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาก็ยังทำให้เกิดปัญหาได้ ผิดก็ว่าเป็นถูกได้ แกจะมีแต่เสียเวลาเสียแรงเปล่า ไม่มีประโยชน์”เมิ่งเซ่อ “พ่อ พ่อไม่น่าไปปรึกษาหารือร่วมกันตั้งแต่แรกเลย น่าจะยืนกรานกัดฟันไปว่าคนประเมินมีปัญหา ตอนนี้ไปพูดโต้แย้งกับคนประเมินอีก กลัวว่าจะสายเกินไปหน่อย”ทว่าวันเสาร์เมิ่งเซ่อก็ยังไปหาฝ่ายที่เกี่ยวข้องฝ่ายหนึ่งอยู่ดี ข้อร้องให้เปลี่ยนคนแล้วทำการตรวจสอบใหม่อีกครั้งเจ้าหน้าที่บอกเขาอย่างหนักแน่นว่า รายงานการตรวจสอบไม่ผิด ไม่สนับสนุนให้มีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งปล่อยให้เมิ่งเซ่อพูดจนปากเปียกปากแฉะ ผลก็ออกมาเป็นแบบนี้อยู่ดีเสียเวลาไปตลอดทั้งบ่าย เขาเดินออกมาจากโถงประตูหน่วยงานอย่างเหน็ดเหนื
ขณะได้ยินเมิ่งเซ่อพูดถึง ‘พ่อเขา’ หัวใจของเวินเหลียงก็เต้นผิดจังหวะไปเลยเธอก้มหน้าคีบกุ้งตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง จากนั้นค่อย ๆ ปอกเปลือกมันออก และยัดเข้าไปในปากพอเมิ่งเซ่อเล่าจบ เวินเหลียงก็ครุ่นคิด แล้วกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงไป “ฟังจากที่นายเล่า ดูเหมือนจะจงใจหาเรื่องอยู่หน่อยจริง ๆ”เมิ่งเซ่อพยักหน้า “ต้องใช่แน่ ๆ เขาทำให้ผมรู้สึกว่า เขาไม่ได้อยากแก้ปัญหา แต่เขาแค่อยากจัดการพ่อผม”เวินเหลียงถูกการพูดพรรค์นี้ของเมิ่งเซ่อทำให้โพล่งขำออกมา“แต่ว่า ต่อให้วัสดุมีปัญหาจริง ๆ ผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ก็ไม่ควรเป็นบริษัทตกแต่ง?”เมิ่งเซ่ออธิบาย “บริษัทก็แค่อยู่ในสังกัดเท่านั้นครับ ทางด้านวัสดุพ่อผมเป็นคนรับผิดชอบ”เวินเหลียงพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้ว จากนั้นก็คีบกุ้งตัวใหญ่มาอีกตัวหนึ่ง พลางเงยหน้ามองนัยน์ตาของเมิ่งเซ่อ เธอเม้มปากก่อนจะเอ่ยว่า “ขอละลาบละล้วงถามข้อหนึ่งนะ วัสดุตกแต่งที่พวกพ่อนายใช้ไม่มีปัญหาจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนายนะ แต่เรื่องนี้เป็นจุดสำคัญเลย”เมิ่งจินถังเป็นคนร้ายลักพาตัวคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนทำผิดกฎหมายจะใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานทว่าในสายตาของเมิ่ง
ดูแล้วค่อนข้างไร้เดียงสาจริง ๆดูออกว่าเมิ่งเซ่อไม่เคยคิดสงสัยในตัวพ่อของตนเลยว่าพูดโกหกหรือเปล่าเขาเป็นเด็กหนุ่ม ประสบการณ์ยังน้อยเกินไปถ้าเป็นเพื่อนทั่ว ๆ ไปยังพอไหว แต่ถ้าให้เลือกมาเป็นครึ่งชีวิตในอนาคต เวินเหลียงไม่มีทางเลือกเขาเป็นอันขาดเธอไม่มีความสนใจจะเติบโตเป็นเพื่อนใครถ้าไม่ใช่เพราะเมิ่งเซ่อเป็นลูกชายของเมิ่งจินถัง เกรงว่าตอนนี้เธอคงหันหลังให้และเดินออกไปแล้วหลังกินข้าวเสร็จ ทั้งสองคนก็ไปดูหนังกันที่โรงหนังในห้างยังไม่ถึงเวลาหนังฉาย เมิ่งเซ่อส่งป๊อปคอร์นที่เพิ่งซื้อมาให้เวินเหลียง “พี่ครับ พี่ไปนั่งตรงนั้นก่อนนะ ผมจะไปห้องน้ำหน่อย”เวินเหลียงพยักหน้าเมิ่งเซ่อออกมาจากโรงหนัง เดินไปห้องน้ำตามสัญลักษณ์ภายในห้างห้องน้ำของห้างอยู่ในมุมลับมุมหนึ่งขณะเมิ่งเซ่อเดินผ่านมุมโค้ง พลันไปชนเข้ากับคนคนหนึ่งหลังจากนั้นก็มีเสียง ‘ตึก’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ชานมร่วมหล่นลงบนพื้น ตามมาด้วยเสียงแผละ แก้วบรรจุภัณฑ์แตก ชานมสาดกระจายเมิ่งเซ่อถอยหลังสองก้าวตามสัญชาตญาณ มองชานมที่สาดกระจายอยู่เต็มพื้น ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษครับ ๆ”คนตรงหน้าเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ผิวขาว
หลังออกมาจากโรงหนัง เวินเหลียงยื่นมือสอดนิ้วเข้าไปในผมตรงจอนที่หูด้านล่าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ที่บ้านนายยังมีวัสดุที่ถูกตัดสินว่าไม่ได้มาตรฐานอยู่อีกไหม?”เมิ่งเซ่อพยักหน้า “ที่บ้านยังมีอีกล็อตหนึ่ง ทีแรกคิดจะส่งไปบ้านเจ้าของ ยังไม่ทันได้ส่งก็ถูกรายงานแล้ว”“งั้นเราไปเอาที่บ้านนายมาสักส่วนละกัน”“ได้ครับ”ทั้งสองคนมายังลานจอดรถ เวินเหลียงนั่งลงในตำแหน่งคนขับ ส่วนเมิ่งเซ่อนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับเขาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นเวินเหลียงที่กำลังสตาร์ตรถ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย “พี่ครับ ไม่งั้นให้ผมขับรถให้ดีไหมครับ?”เวินเหลียงหันหน้าไปพลางยิ้ม “ฉันขับดีกว่า ใบขับขี่สากลของนายจะใช้ในประเทศได้ก็ต่อเมื่อต้องยื่นเรื่องให้เสร็จก่อน”“ผมค่อยไปยื่นเรื่องวันหลังก็แล้วกัน” เมิ่งเซ่อเอ่ย…ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เวินเหลียงก็มาจอดรถตรงพื้นที่จอดรถสาธารณะหน้าประตูย่านบ้านเมิ่งเซ่อ “นายไปเอาเถอะ ฉันขอไม่ลงไปแล้วกันนะ”“งั้นพี่ก็รอผมอยู่ที่นี่นะครับ เดี๋ยวผมออกมา”เมื่อเมิ่งเซ่อพูดจบ เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเดินลงจากรถไปขณะกำลังจะปิดประตูรถ เวินเหลียงก็เรียกให้เขา