ตั้งแต่ข่าวนี้เผยแพร่ออกมา เขาก็เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อฟู่เจิงแบบหน้ามือเป็นหลังมือในสายตาของเขา ฟู่เจิงก็คือคลาสโนวาที่เหยียบเรือสองแคมและไม่รับผิดชอบอะไรเลยแบบสุด ๆ ไม่คู่ควรกับเวินเหลียงสักนิดสำหรับความสัมพันธ์ของทั้งสอง ต้องเป็นฟู่เจิงที่บีบบังคับเวินเหลียงแน่!คุณปู่สุขภาพแย่ลงทุกวัน ฟู่เจิงจึงค่อย ๆ เผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา ส่วนเวินเหลียงอยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น ไม่อยากให้คุณปู่เห็นเธอกับหลานชายที่รักแตกแยกกันก็เลยถูกบีบให้ยอมโอนอ่อนตามฟู่เจิงต้องเป็นแบบนี้แน่!“ดังนั้นความหมายของคุณคือ คุณใช้ข่าวของตัวเองดึงกระแสออกไปจากเธอ?”โจวอวี่ไม่ตอบแต่ย้อนถาม “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงลงไม้ลงมือ?”ไม่รอให้ฟู่เจิงตอบ เขาก็เปิดคลิปเสียงจากโทรศัพท์มือถือ “ฟังเอาเองเถอะ”ในโทรศัพท์มีเสียงสนทนา “...แค่ดูก็รู้ว่าโคตรร่าน”“เฮ้ย นายรู้ได้ไง? นายได้กลิ่นร่านเหรอ?”“วันนั้นฉันเจาะจงสังเกตเลยนะ ก้นนั่น เอวนั่น แค่เห็นวิญญาณก็จะหลุดแล้ว...”“ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ฉัน รับรองว่าเขาต้องมีความสุขทั้งคืนแน่...”“เธอมีลูกค้าเยอะอย่างนั้น เมื่อไรจะถึงคิวนาย?”คำพูดสัปดนหลายประโยคผ่านไป ในคลิปเสียงก็มี
รถยนต์ขับเข้าลานบ้านพัก ฟู่เจิงลงจากรถแล้วก็ยืนเงยหน้าอยู่กับที่ ห้องนอนหลักปิดไฟแล้วเข้าห้องรับแขก ฟู่เจิงเปิดไฟและเจาะจงไปดูลิ้นชัก พบว่ากุญแจสำรองของห้องนอนหลักวางอยู่เหมือนเดิมแล้วเขาเดินเข้าห้องเงียบ ๆในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์ที่ลอดผ้าม่านหน้าต่างสาดตกบนหัวเตียง เห็นผมสลวยสยายปกอยู่บนหมอนราง ๆกลางเตียงมีก้อนหนึ่งนูนขึ้นมา เมื่อมองท่ามกลางความมืดกลับดูอ่อนแอที่สุดเธอขดตัว ผ้าห่มบังใบหน้าเธอครึ่งหนึ่งฟู่เจิงนั่งข้างเตียงเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เลิกมุมผ้าห่มขึ้น อาศัยแสงจันทร์เลือนรางจ้องดวงหน้านิทราของเธอเมื่อนั้นฟู่เจิงจึงพบว่าหว่างคิ้วของเธอมีรอยย่นลึกรอยหนึ่ง โคนผมชื้นแฉะ พูดพึมพำอะไรเบา ๆ เหมือนกำลังฝันร้ายจู่ ๆ เธอก็เหมือนฝันถึงภาพที่น่ากลัวมาก ๆ ลมหายใจถี่ นิ้วมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับ ร่างกายแข็งเกร็งและสั่น หยดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลลงมา ปากขมุบขมิบ พึมพำอะไรเบา ๆฟู่เจิงโน้มตัวลงไป ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา พูด ๆ หยุด ๆ “...ไม่ใช่ ฉันเปล่า ฉันไม่ได้...”หางตาของเธอมีหยดน้ำซึมออกมาหยดหนึ่ง อ้อนวอนพลางน้ำตากลิ้งลงมาช้า ๆ และซึมเข้าไปในหมอนฟู่เจิงเจ็บแปลบ
แต่เรื่องราวมันไม่มีคำว่า ‘ถ้า’การทอดถอนใจของคุณปู่ การดูถูกของเพื่อนร่วมงาน การปลอบของฟู่เยว่ การกอบกู้ของรุ่นพี่ สำหรับเขาในตอนนั้นคือความหนักหน่วงเขาไม่มีเวลารัก ๆ ใคร่ ๆ ได้แต่พยายามแก้ไขชดเชยปัญหาที่เกิดจากข้อมูลรั่วไหลหลังจากฉู่ซืออี๋ถูกช่วยก็มีปมในใจ พึ่งพาเขามากกว่าปกติเขาไม่พูดถึงเรื่องที่ให้ต่างฝ่ายต่างสงบใจอีกกับฉู่ซืออี๋ ที่มีมากกว่าคือความจนใจ ชดเชยและยอมไม่เคยมีวันไหนที่เจ็บจี๊ดลึก ๆ ในหัวใจเหมือนอย่างวันนี้ฟู่เจิงหยุดอยู่ตรงบันไดและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรศัพท์หาเลขาหยาง“เลขาหยาง”“ประธานฟู่มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เลขาหยางนึกว่าฟู่เจิงลืมบอกอะไรเกี่ยวกับความร่วมมือในคืนนี้“ช่องการเงินอยากสัมภาษณ์ผมมาตลอดไม่ใช่เหรอ? คุณบอกพวกเขานะว่าผมโอเคแล้ว”“คะ?!” เลขาหยางนึกว่าตัวเองหูฝาดฟู่เจิงไม่เคยชอบให้สื่อคุ้ยแคะเรื่องส่วนตัวของเขา นอกจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่การกล่าวสุนทรพจน์ในที่สาธารณะ เขาไม่เคยรับการสัมภาษณ์ใด ๆ ไม่มีแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดีย และเปิดตัวต่อหน้าสาธารณชนน้อยมาก“ประธานฟู่ คุณคิดดีแล้วเหรอคะ?” เลขาหยางรู้ดีอยู่แก่ใจ ประธานฟู่สงสารผู้อำนวยการเวิ
ตามธรรมเนียมที่ผ่านมาพวกเขาจะกินมื้อเที่ยงที่บ้านใหญ่แล้วค่อยไปสุสานที่ชานเมืองมื้อเที่ยงอุดมสมบูรณ์มาก บนโต๊ะอาหารครื้นเครงสนุกสนานโดยเฉพาะการพูดแบบเด็ก ๆ ของฟู่รุ่ยที่กระตุ้นต่อมหัวเราะของทุกคนบนโต๊ะบ่อย ๆเห็นท่าทางน่ารักของฟู่รุ่ย ดวงตาของเวินเหลียงฉายรอยยิ้มบางส่วนอย่างอดใจไม่อยู่ไม่รู้ว่าเด็กในท้องเธอเกิดมาแล้วจะเป็นยังไง เธอหวังว่าจะน่ารักเหมือนฟู่รุ่ย อยู่อย่างไม่ต้องกังวลตรงข้ามโต๊ะอาหาร ฟู่เจิงเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าของเวินเหลียงแล้วพาลให้ใจลอยครั้นสบกับเส้นสายตาของฟู่เจิง เวินเหลียงหน้านิ่งไป เธอวางตะเกียบอย่างแนบเนียนและไปเข้าห้องน้ำในตอนที่เธอเช็ดคราบน้ำบนมือจนสะอาด เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าประตูเสื้อกันลมสีเทาเข้ม กางเกงสแล็คและรองเท้าหนัง มองดูจากข้างหลังสูงตรงดังต้นสนฝีเท้าเวินเหลียงชะงักถ้าไม่ใช่เพราะคนคนนี้คีบบุหรี่ครึ่งมวนที่สูบไม่หมด บางทีเธออาจนึกว่าเขาคือฟู่เจิงแต่ฟู่เจิงไม่สูบบุหรี่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลัง ฟู่เยว่จึงหันมามอง“พี่เยว่” เวินเหลียงยิ้มทักทายกับฟู่เยว่ “มาหลบสูบบุหรี่เหรอคะ?”ฟู่เยว่หัวเราะอย่างจนปัญ
และสาเหตุการเสียชีวิตของฟู่หรงสองสามีภรรยาคือมีปากเสียงเพราะเขาจนเกิดอุบัติเหตุ แล้วเขาจะแบกความรับผิดชอบไว้คนเดียว คิดว่าตัวเองทำร้ายพวกเขาทางอ้อม ทำให้ฟู่เยว่เสียบุพการีไปในคืนเดียวหรือเปล่า?คำพูดต่อมาของฟู่เยว่ยืนยันความคิดของเธอ“ตอนนั้นฉันรับเรื่องที่พ่อแม่ตายไม่ได้ โยนความผิดทั้งหมดให้กับอาเจิง รังแกเขาลับหลังบ่อย ๆ ขู่ไม่ให้เขาบอกคุณปู่ ตอนแรกฉันก็หวั่นใจอยู่เหมือนกัน กลัวคุณปู่จะรู้ ต่อมาฉันรู้ว่าเขาช่วยฉันปิดบังต่อหน้าคุณปู่ เป็นคุณปู่ที่เห็นความผิดปกติตอนหลังเอง...”“บ้านอื่นมีแต่พี่ชายยอมให้น้องชาย แต่อาเจิงกลับยอมให้ฉัน ฉันรู้ เขารู้สึกผิดกับเรื่องพ่อแม่มาตลอด อยากชดเชยอย่างสุดความสามารถ นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นความยึดมั่นถือมั่นในใจ กับฉู่ซืออี๋ก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนกัน”“ใช่อย่างนี้เหรอ?” เวินเหลียงพึมพำ“อาเจิงเคยเล่าเรื่องระหว่างพวกเขาให้เธอฟังไหม?”เวินเหลียงตระหนักโดยพลันว่าฟู่เยว่หมายถึงเรื่องที่เคยเกิดกับฉู่ซืออี๋เธอเคยได้ยินเจียงมู่พูดถึงครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่รู้รายละเอียดฟู่เยว่ไม่รอให้เธอตอบ แต่มองนอกหน้าต่างพลางนึก “ตอนนั้นอาเจิงเพิ่งมาฝึกงานที่บริษัทได
เวินเหลียงกำมือที่ห้อยอยู่แน่นขึ้นฟู่เยว่คล้ายมองความคิดของเธอออก “วางใจเถอะ คุณปู่เป็นคนมีเหตุผล เขาอยากให้เธอมีความสุข ฉันจะเกลี้ยกล่อมคุณปู่อีกแรง...”“ฉัน...” เวินเหลียงกำลังจะพูดอะไร ข้างหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ตามด้วยเสียงของฟู่เจิง “อาเหลียง? ทำไมยังไม่กลับไปอีก? พี่ก็อยู่ด้วยเหรอ?”ฟู่เยว่ยิ้มกับฟู่เจิง “คุยกับอาเหลียงหน่อยน่ะ”ฟู่เยว่เป็นคนอบอุ่น ตอนอยู่บ้านใหญ่เธอกลับสนิทกับฟู่เยว่มากกว่าฟู่เจิงไม่สงสัย แค่พูดกับเวินเหลียง “เมื่อกี้ฉันเห็นเธอกินไม่เยอะ กลับไปกินอีกหน่อยเถอะ”“ค่ะ” เวินเหลียงตอบรับเรียบ ๆฟู่เยว่กวาดสายตามองระหว่างทั้งสองสองวินาที ก่อนจะพูด “ฉันจะกลับไปแล้วเหมือนกัน ไม่งั้นพี่สะใภ้นายจะสงสัยว่าฉันสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก”ฟู่เจิงมองก้นบุหรี่ตรงพื้นและยิ้มมุมปากฟู่เยว่สั่งเบา ๆ “อย่าบอกเขาล่ะ”“ตัวพี่มีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่นะครับ” ฟู่เจิงเลิกคิ้วพูดฟู่เยว่ชะงักฝีเท้าทันที ยกแขนขึ้นดมไหล่และพูดอย่างจนปัญญา “ฉันจะออกไปเดินซักรอบแล้วค่อยกลับมา”……หลังมื้อเที่ยง รถสองคันขับออกจากบ้านใหญ่ตามลำดับ และจอดตรงเชิงเขาสุสานตั้งแต่เริ่มเดินทางมาที่สุสาน ฟู่
ฟู่เจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไม่ชอบเหรอ?“คืนนี้คุณยังมีงานอีกหรือเปล่าคะ?” จู่ ๆ เวินเหลียงก็ถาม“ทำไมเหรอ?”“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ”“พูดตอนนี้ไม่ได้เหรอ?”เวินเหลียงมองรถที่วิ่งอยู่ตรงหน้า “กลับไปค่อยพูดดีกว่าค่ะ”เธอกลัวว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมเหมือนกับฟู่หรงและภรรยากลับถึงคฤหาสน์ย่านซิงเหอวาน ฟู่เจิงวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะ ถอดเสื้อตัวนอกและแขวนไว้บนราว จากนั้นก็เทน้ำให้ตัวเองและเวินเหลียง “เธออยากพูดอะไรกับฉัน”“ฟู่เจิง เราหย่ากันเถอะ” เวินเหลียงพูดอย่างสงบครั้นฟู่เจิงได้ยิน ตัวเขาชะงักงันอยู่กับที่ เขาเทน้ำพลางมองเวินเหลียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอพูดอะไรนะ?”เทน้ำจนเต็มแก้วแล้วกลับไม่รู้“ฉันบอกว่าเราหย่ากันเถอะค่ะ” เวินเหลียงมองดวงตาของฟู่เจิง ทวนอีกรอบนาทีนั้น ฟู่เจิงรู้สึกเพียงหัวใจบีบรัดอย่างแรงเขามองเวินเหลียง ในดวงตาคือความตะลึงงันที่มิอาจซ่อนเร้น กระทั่งลืมไปว่าตัวเองกำลังเทน้ำอยู่ ปล่อยให้น้ำร้อนลวกมือตัวเองจนแดง และทำแขนเสื้อเขาเปียกเวินเหลียงมองเขาเฉย ๆ และพูดต่อ “พวกเราปิดคุณปู่ไปจดทะเบียนหย่ากันก่อน ปิดได้นานแค่ไหนก็แค่นั้น”ฟู่เจิงมองเวินเหลียง เขายังคงเ
คลิปสัมภาษณ์ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนในช่วงข่าวเที่ยงของช่องการเงินวันอาทิตย์ พร้อมกันนั้นก็ประกาศอยู่บนเว็บทางการ เครื่องลูกข่ายและแอ็กเคานต์ทางการด้วยวันอาทิตย์เวินเหลียงพักผ่อนอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหน ป้าหวังรู้สาเหตุที่ฟู่เจิงกับเวินเหลียงทะเลาะกันเมื่อคืน จึงเริ่มเกลี้ยกล่อมเวินเหลียงให้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับฟู่เจิงอย่างหวังดีแต่เวินเหลียงปฏิเสธแน่วแน่นึกถึงเมื่อคืนที่ฟู่เจิงลูบท้องของเธอและถาม “ถ้าตรงนี้มีลูกของเรา เธอยังเลือกที่จะหย่าไหม?”เวินเหลียงมองดวงตาของฟู่เจิง “ฉันเคยถามคำถามนี้กับคุณแล้ว คุณยังจำคำตอบของคุณได้ไหม?”ตอนนั้นเธอสะกดกลั้นอารมณ์ถามเขา “...ถ้าพวกเรามีลูก คุณยังยืนกรานที่จะหย่าไหมคะ?”ถึงจะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เธอยังจำคำตอบของเขาได้ดี “ไม่มีคำว่าถ้า และถึงมี ฉันก็จะไม่ให้เขาได้เกิดมา”ฟู่เจิงคล้ายนึกขึ้นมาได้ ใบหน้าแข็งทื่อไปทีละน้อยเวินเหลียงพูดทีละคำ “ไม่มีถ้า และถึงมี ฉันก็จะไม่คลอดออกมา”ลมหายใจของฟู่เจิงถี่หนักฉับพลัน เขาจ้องเวินเหลียงเขม็ง หน้าตึง กัดฟันแน่น คล้ายอยากพูดอะไรกลับไม่ได้พูดออกมา ลุกขึ้นเหวี่ยงประตูแล้วออกไป กระทั่งเที่ยงวันของวันนี้
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง