ฟู่เจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไม่ชอบเหรอ?“คืนนี้คุณยังมีงานอีกหรือเปล่าคะ?” จู่ ๆ เวินเหลียงก็ถาม“ทำไมเหรอ?”“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณค่ะ”“พูดตอนนี้ไม่ได้เหรอ?”เวินเหลียงมองรถที่วิ่งอยู่ตรงหน้า “กลับไปค่อยพูดดีกว่าค่ะ”เธอกลัวว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมเหมือนกับฟู่หรงและภรรยากลับถึงคฤหาสน์ย่านซิงเหอวาน ฟู่เจิงวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะ ถอดเสื้อตัวนอกและแขวนไว้บนราว จากนั้นก็เทน้ำให้ตัวเองและเวินเหลียง “เธออยากพูดอะไรกับฉัน”“ฟู่เจิง เราหย่ากันเถอะ” เวินเหลียงพูดอย่างสงบครั้นฟู่เจิงได้ยิน ตัวเขาชะงักงันอยู่กับที่ เขาเทน้ำพลางมองเวินเหลียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอพูดอะไรนะ?”เทน้ำจนเต็มแก้วแล้วกลับไม่รู้“ฉันบอกว่าเราหย่ากันเถอะค่ะ” เวินเหลียงมองดวงตาของฟู่เจิง ทวนอีกรอบนาทีนั้น ฟู่เจิงรู้สึกเพียงหัวใจบีบรัดอย่างแรงเขามองเวินเหลียง ในดวงตาคือความตะลึงงันที่มิอาจซ่อนเร้น กระทั่งลืมไปว่าตัวเองกำลังเทน้ำอยู่ ปล่อยให้น้ำร้อนลวกมือตัวเองจนแดง และทำแขนเสื้อเขาเปียกเวินเหลียงมองเขาเฉย ๆ และพูดต่อ “พวกเราปิดคุณปู่ไปจดทะเบียนหย่ากันก่อน ปิดได้นานแค่ไหนก็แค่นั้น”ฟู่เจิงมองเวินเหลียง เขายังคงเ
คลิปสัมภาษณ์ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนในช่วงข่าวเที่ยงของช่องการเงินวันอาทิตย์ พร้อมกันนั้นก็ประกาศอยู่บนเว็บทางการ เครื่องลูกข่ายและแอ็กเคานต์ทางการด้วยวันอาทิตย์เวินเหลียงพักผ่อนอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหน ป้าหวังรู้สาเหตุที่ฟู่เจิงกับเวินเหลียงทะเลาะกันเมื่อคืน จึงเริ่มเกลี้ยกล่อมเวินเหลียงให้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับฟู่เจิงอย่างหวังดีแต่เวินเหลียงปฏิเสธแน่วแน่นึกถึงเมื่อคืนที่ฟู่เจิงลูบท้องของเธอและถาม “ถ้าตรงนี้มีลูกของเรา เธอยังเลือกที่จะหย่าไหม?”เวินเหลียงมองดวงตาของฟู่เจิง “ฉันเคยถามคำถามนี้กับคุณแล้ว คุณยังจำคำตอบของคุณได้ไหม?”ตอนนั้นเธอสะกดกลั้นอารมณ์ถามเขา “...ถ้าพวกเรามีลูก คุณยังยืนกรานที่จะหย่าไหมคะ?”ถึงจะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เธอยังจำคำตอบของเขาได้ดี “ไม่มีคำว่าถ้า และถึงมี ฉันก็จะไม่ให้เขาได้เกิดมา”ฟู่เจิงคล้ายนึกขึ้นมาได้ ใบหน้าแข็งทื่อไปทีละน้อยเวินเหลียงพูดทีละคำ “ไม่มีถ้า และถึงมี ฉันก็จะไม่คลอดออกมา”ลมหายใจของฟู่เจิงถี่หนักฉับพลัน เขาจ้องเวินเหลียงเขม็ง หน้าตึง กัดฟันแน่น คล้ายอยากพูดอะไรกลับไม่ได้พูดออกมา ลุกขึ้นเหวี่ยงประตูแล้วออกไป กระทั่งเที่ยงวันของวันนี้
การสัมภาษณ์ผ่านไปยี่สิบนาทีพิธีกรพูดบทแทรกแล้วถามคำถามข้อต่อไป “ความจริงทุกคนอยากทราบเรื่องความรักของคุณฟู่มาก คุณก็ทราบว่าระยะนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับคุณกับคุณเวินมากในอินเทอร์เน็ต ไม่ทราบว่าคุณจะเผยความสัมพันธ์ของคุณกับคุณเวินกับพวกเราหน่อยได้ไหมคะ?”จะว่าไปช่องการเงินก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าฟู่เจิงจะตอบตกลงการขอสัมภาษณ์ของพวกเขาหัวหน้าในสถานีให้ความสำคัญมาก เจาะจงส่งเสาหลักของสถานีมาดำเนินรายการ ทั้งส่งรายการคำถามที่เตรียมจะถามให้เลขาหยางหนึ่งฉบับ ยืนยันคำถามที่สามารถสัมภาษณ์ได้ จะได้ไม่เกิดความบาดหมางระหว่างการสัมภาษณ์ช่วงนี้ฟู่เจิงมีข่าวครึกโครม สถานีอยากเพิ่มกระแสอีกหน่อย ในรายการคำถามจะรวมถึงคำถามเรื่องส่วนตัวประมาณหนึ่งด้วยทีแรกนึกว่าฟู่เจิงจะปฏิเสธคำถามด้านนี้ ไม่นึกว่ารายการคำถามที่ส่งให้เลขาหยางกลับมีคำถามเรื่องส่วนตัวบางข้ออยู่ กับสถานีแล้ว นี่คือความยินดีที่คาดไม่ถึง!ฟู่เจิงมองกล้อง น้ำเสียงสบาย ๆ “ความจริงผมไม่ชอบให้คนอื่นสนใจเรื่องส่วนตัวของผม ที่เมื่อก่อนไม่ได้ชี้แจงข่าวลือหลาย ๆ เรื่อง เป็นเพราะไม่อยากให้การวิพากษ์วิจารณ์เลยเถิด ไม่นึกว่าจะมีบางคนได้คืบเอาศอก เผ
ฟู่เจิงนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “นิสัยเข้ากันไม่ได้ ตอนเรียนมหาลัยผมเรียนสองปริญญา เรียนหนัก ไม่ค่อยมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเขา หลังเข้าบริษัทก็ยุ่งกับการทำงานอีก ละเลยความรู้สึกของเขา หลังจากขัดแย้งกันสองสามครั้ง ในที่สุดเราก็เลือกที่จะจบกันด้วยดีครับ”นี่เป็นการตอบที่ค่อนข้างเป็นทางการ“ดูเกี่ยวข้องกับอาชีพนะคะ นักแสดงเวลาถ่ายทำต้องเข้ากองถ่าย เข้าทีก็หลายเดือน ถ้าอีกฝ่ายทำงานยุ่งจะไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ งั้นตอนนี้คุณเป็นประธานกรรมการของฟู่ซื่อแล้ว คงยุ่งมากเหมือนกันสินะคะ คุณเวินมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหมคะ?”ฟู่เจิงหัวเราะ “เขาก็ยุ่งมากเหมือนกันครับ พวกเราทำโอทีด้วยกัน ยุ่งด้วยกันบ่อย ๆ แต่กลับรู้สึกชีวิตมีคุณค่ามาก”“พูดอย่างนี้ ที่ลือในเน็ตว่าคุณเวินใช้เส้นก็ไม่จริงสิคะ?”ฟู่เจิงส่ายหน้า “ฟู่ซื่อไม่มีสไตล์แบบนี้ครับ”“ได้ยินว่าหลังจากคุณฉู่กลับมาก็ทำงานกับฟู่ซื่อเลย เกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่าคะ?”ข่าวลือในอินเทอร์เน็ตขณะนั้น เดิมแอมบาสเดอร์คือหลินเยียนหรัน แต่ตอนหลังจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นฉู่ซืออี๋“ครับ เขาอยากกลับมาทำงานในประเทศ เปิดตลาดที่นี่ ผมก็เลยช่วยเขาหน่
“ว้าย ในรายชื่อฟ้องที่แอ็กเคานต์ทางการฟู่ซื่อประกาศออกมามีชื่อเธอด้วย!”“...”ถัง “สำหรับผม เขาเป็นเหมือนอากาศ ทุกที่ที่ผมอยู่จะมีร่องรอยของเธอ ผมไปจากเขาไม่ได้นานแล้ว”ถัง “ไม่นึกว่าทรราชพูดเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”กับเรื่องนี้เวินเหลียงไม่ได้พูดอะไรฟู่เจิงตบตาคนเก่งมาตลอด เธอถูกเขาหลอกหลายครั้งหลายหน ไม่ถือเป็นจริงเป็นเจริงแล้วถัง “แต่ว่านะอาเหลียง เธออย่าถูกคำหวานเขาหลอกเชียวนะ! เขายังปกป้องฉู่ซืออี๋อยู่เลย!”เวินเหลียงมองออกเหมือนกัน เนื้อหาที่ฟู่เจิงตอบคือการชี้แจงสถานะของเธอและพยายามกันฉู่ซืออี๋ออกไปด้วย รับความผิดพลาดทั้งหมดไว้ที่ตัวเองหมดถ้าเวินเหลียงไม่รู้ว่าฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋เคยเกิดเรื่องอะไรกัน เธอคงคิดเหมือนถังซือซือแต่เวินเหลียงรู้เรื่องพวกนั้น การกระทำของฟู่เจิงอยู่ในความคาดหมายของเธอถ้าฟู่เจิงโยนทุกอย่างไปที่ฉู่ซืออี๋ เวินเหลียงถึงจะดูถูกเขา“ฉันรู้แล้ว วางใจเถอะ”ดูออกได้ว่าฟู่เจิงทุ่มเทกับการตอบคำถามการสัมภาษณ์ แต่การปกป้องอย่างเปิดเผยนี้มาช้าไปหน่อยเรื่องหย่าก็พูดไปแล้ว เธอไม่นึกเสียใจ……หลังจากเผยแพร่คลิปออกไป คอมเมนต์เปลี่ยนกลุ่ม มีขาจรที่สนับสนุ
อินเทอร์เน็ตก็แบบนี้ ความเงียบของกลุ่มหนึ่งก็คือความคึกคะนองของอีกกลุ่มหนึ่งบางคนปากก็ว่าคัดค้านความรุนแรงในอินเทอร์เน็ต แต่วินาทีต่อมาก็ไปคอมเมนต์เยาะเย้ยที่เฟซบุ๊กของฉู่ซืออี๋ถ้ามันเป็นแค่การเปิดข้อมูลของสื่อ แฟนคลับของฉู่ซืออี๋ยงอธิบายได้ว่าแอ็กปั่นข่าวพาไป แต่ดันมีคนไปถามในเฟซบุ๊กของสตูดิโอที่ถกเรื่องคู่จิ้นจนครึกโครมเมื่อก่อนหน้านี้ว่าจริงหรือเปล่า?สตูดิโอไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่ตอบเป็นอิโมจิหัวสุนัขคำตอบนี้คือการยอมรับโดยปริยาย ในสายตาของแฟนคลับคู่จิ้น เรื่องที่ขุดออกมาได้ล้วนหวาน มีคนแคปภาพแล้วส่งเข้าซูเปอร์ท็อปปิกคู่จิ้น จนตอนนี้ยังเป็นโพสต์ยอดนิยมของซูเปอร์ท็อปปิกอยู่เลยตอนนี้มีแอนตี้แฟนใช้ภาพนี้ดึงกระแสฉู่ซืออี๋ ตีตราว่าฉู่ซืออี๋คือมือที่สาม ใช้เวินเหลียงซ้ำเติมฉู่ซืออี๋อะไรนะ? แฟนคลับไม่ยอมรับว่าเป็นมือที่สาม?การที่แอ็กเคานต์ทางการของสตูดิโอตอบแบบนี้ก็คือเกาะกระแส ทำให้เวินเหลียงถูกทัวร์ลงจะไม่ชี้แจงสินะ?ถึงยังไงก็ต้องมีสักคนที่แบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่นี้แฟนคลับบางคนที่ไม่ถูกกับฝั่งฉู่ซืออี๋รีโพสต์แบบดูเรื่องสนุกไม่สนใจว่าจะเรื่องใหญ่ อย่างเช่นแฟนคลับของหลินเยียนหรั
ดังนั้นฉู่ซืออี๋ไม่สามารถใช้ข้ออ้างอาการกำเริบทำร้ายตัวเองให้ฟู่เจิงมาได้อีกตอนนี้เธอไม่มีโอกาสพบฟู่เจิง ที่แรกคิดว่าแล้วค่อยวางแผน กลับเห็นคลิปนี้เห็นคอมเมนต์เยาะเย้ยในเฟซบุ๊กเพิ่มมากขึ้นทุกที หวังเหยียนจึงได้แต่ให้สตูดิโอแถลงการณ์ไปก่อนจากนั้นก็ถอนหายใจและถามฉู่ซืออี๋ “ซืออี๋ ตอนนี้เธอคิดจะทำยังไง? ถ้าเธอคิดจะจบแค่นี้ อดทนผ่านช่วงนี้ไปแล้วใช้ความเป็นนางเอกเมืองอวิ๋นสุ่ยมาพลิกสถานการณ์ก็ใช่จะไม่ได้ แต่ถ้าเธอไม่จบแค่นี้...”ไม่รอให้เธอพูดจบ ฉู่ซืออี๋ก็กัดฟันพูดทีละคำ “ฉันจะไม่จบแค่นี้!”เธออดทนตั้งหลายปี จะยอมได้ยังไง?!ตำแหน่งคุณนายฟู่ต้องเป็นของเธอ!หวังเหยียนฉายรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อย “นี่สิถึงจะเป็นฉู่ซืออี๋ที่ฉันรู้จัก!”ฉู่ซืออี๋มองเธอแวบหนึ่ง “เธอมีวิธีแล้วเหรอ?”“อื่ม อยู่ที่เธอจะทำลงหรือเปล่า”……อีกทางหนึ่ง หลังจากฉู่เจี้ยนกั๋วดูบทสัมภาษณ์จบก็ติดต่อฉู่เจี้ยนจวินทันที“เจี้ยนจวิน นายเห็นบทสัมภาษณ์ของฟู่เจิงหรือยัง? คราวก่อนฉันก็เตือนนายแล้ว ความสัมพันธ์ของฟู่เจิงกับเวินเหลียงไม่ธรรมดา นายไม่เชื่อ! คราวนี้ดีเลย เมื่อก่อนฟู่เจิงไม่ยอมให้สัมภาษณ์ คราวนี้จู่ ๆ ให้สั
วันอาทิตย์ทั้งวัน ไม่เห็นฟู่เจิงกลับมาเลยคงเพราะไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเวินเหลียงยังไงเวลาประมาณห้าโมงเย็นของวันอาทิตย์ มีข่าวหนึ่งติดอันดับคำค้นหายอดฮิตในเฟซบุ๊กอีกพื้นที่อุตสาหกรรมของฟู่ซื่อที่เมืองเอไฟไหม้ ตายหนึ่ง บาดเจ็บสาม สาเหตุของเพลิงไหม้ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด กำลังตรวจสอบอุบัติเหตุในคลิปที่คนสัญจรเผยแพร่ ไฟโหมหนัก บริเวณโดยรอบชุลมุนวุ่นวาย นักดับเพลิงพยายามดับไฟสุดความสามารถเดิมชาวเน็ตก็เห็นนายทุนและโรงงานขนาดใหญ่เป็นศัตรูชัดเจนอยู่แล้ว กอปรกับระยะนี้ฟู่เจิงกำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พอเกิดเรื่องจึงส่งผลกระทบกับส่วนใหญ่ พื้นที่แสดงความคิดเห็นมีคอมเมนต์เยาะเย้ยเป็นแถวดึงคอมเมนต์ที่ฟู่เจิงเป็นชู่กับฉู่ซืออี๋ในสมรสเป็นกระแสมากขึ้นเรื่อย ๆไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ในอินเทอร์เน็ตเริ่มพูดถึงสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในหลายเวอร์ชัน โดยชี้หัวหอกมาที่ฟู่ซื่อ ด้วยการวิจารณ์ชักนำของแอ็กปั่นข่าว ชาวเน็ตคลั่งมากกว่าเดิมแม้แอ็กเคานต์ทางการของฟู่ซื่อจะออกแถลงการณ์ อธิบายว่าให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับตำรวจทุกเรื่องแต่ก็ไม่เป็นผล คอมเมนต์เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ การด่าเสียดสีแล