หรือว่าโรคที่ว่าของฉู่ซืออี๋จะเกิดจากเรื่องนี้?“มันผ่านไปไม่ได้ ไม่ได้”ฉู่ซืออี๋ร้องไห้โฮ “พอฉันหลับตาลงก็จะนึกถึงภาพในตอนนั้น ฉันลืมไม่ลง ฉันตะโกนเรียกชื่อคุณ หวังว่าคุณจะมาช่วยฉัน...”ฟู่เจิงเงียบเวินเหลียงยืนอยู่ตรงมุม ไม่ได้ออกไปข้างนอกมีเสียง ‘ปัง’ เสียงร้องไห้ถูกคั่นด้วยประตูรถเวินเหลียงเป่าลมกับมือทั้งสองที่แข็งไปเล็กน้อย เบี่ยงตัวมองข้างนอก คาเยนน์สีดำออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดินแล้วเวินเหลียงมองหน้าจอโทรศัพท์ ถอนหายใจเบา ๆ มีความรู้สึกว่าเรื่องจบลงแล้วเธอรู้แต่แรกแล้วว่าฟู่เจิงต้องยอมฉู่ซืออี๋เธอไม่คาดหวังกับฟู่เจิงแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกผิดหวัง กลับมีความหดหู่และเศร้าหมองเล็กน้อยมีความรู้สึกว่ามันเป็นอย่างที่คิดเธอรักเขา กลับไม่กล้าคาดหวังกับเขาเวินเหลียงกลับเข้าลิฟต์ไปชั้นหนึ่งอีกครั้ง แล้วจึงออกไปโบกรถกลับบ้านระหว่างทางมีข้อความของฟู่เจิงส่งมา “ขอโทษนะเวินเหลียง ฉันมีธุระนิดหน่อยจะไปก่อน”“ค่ะ ฉันจะโบกรถกลับบ้าน” เวินเหลียงตอบ“ตอนเย็นกลับบ้านรอฉันกินข้าวด้วย”“ค่ะ”เวินเหลียงตอบกลับข้อความ ทว่าเธอไม่ใส่ใจที่แล้วมาฟู่เจอถูกฉู่ซืออี๋เรียกตัวไปหลา
อีกอย่าง เห็นฉู่ซืออี๋พูดบนเวทีว่ารู้จักกับเวินเหลียงมานานแล้ว แถมน้ำเสียงยังดูเหมือนเห็นเวินเหลียงเป็นน้องสาวด้วยคนทั่วไปจะพูดกับชู้ด้วยน้ำเสียงอย่างนี้ได้เหรอ?แต่แฟนคลับของฉู่ซืออี๋ก็ยังกัดเวินเหลียงไม่ปล่อยตอนถ่ายรูปหมู่ เหยียบกระโปรงของฉู่ซืออี๋จนเกือบจะล้มตอนนั้นผู้กำกับหันกล้องมา หลังจากฟู่เจิงประคองฉู่ซืออี๋ยืนดี ๆ ได้แล้วก็มองเวินเหลียงแวบหนึ่งชาวเน็ตเห็นไม่ชัดว่าใครเป็นคนเหยียบกระโปรง แต่ฉู่ซืออี๋เห็นชัดนี่ดังนั้นการมองนี้ แฟนคลับจึงโยนเรื่องเหยียบกระโปรงมาที่เวินเหลียงเฟซบุ๊กของเวินเหลียงมีคอมเมนต์เรื่องสดใหม่ในวันนี้เพิ่มขั้นมาเยอะ ดีที่เธอปิดอินบอกซ์เอาไว้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ต้องได้เดือดอีกแน่แต่คอมเมนต์พวกนี้ไม่ส่งผลถึงเธอ เธอแค่ดูแบบสบาย ๆ นิดหน่อยก็ปิดและวางโทรศัพท์มือถือลงไม่สนว่าจะเป็นคำชมหรือคำด่า มีกระแสก็พอนอกห้องมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “คุณผู้หญิงคะ มื้อเย็นเสร็จแล้วค่ะ”“ค่ะ รู้แล้ว”เวินเหลียงขานรับแล้วขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ใส่ชุดลำลองสบาย ๆ แล้วลงไปกินข้าว“คุณผู้หญิงคะ คืนนี้คุณผู้ชายจะกลับมาไหมคะ? ต้องเก็บกับข้าวเอาไว้ให้เขาไหม?”“เขาคงไม่กล
“งานแถลงข่าวในวันนี้เธอทำได้ดีมาก ดีมากจริง ๆ”ชมเชยแบบกัดฟันกรอดจะหาเรื่องแล้วไงเวินเหลียงนั่งตัวตรงและมองเขา อธิบายอย่างจริงจัง “ขอโทษด้วยค่ะ แต่ฉันก็ทำเพื่อแบรนด์เอ็มคิว ในเมื่อพวกเราต่างมีกระแสและการพูดถึง แล้วทำไมไม่เอามาสร้างกระแสให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ล่ะ?”“แล้วไงอีก?”“ฉันไม่สมควรให้คุณเล่นเกม แต่กระแสของคุณไม่เหมือนกับดารา”“แล้ว?”แล้วอะไรอีกล่ะ?ยังมีอีกเหรอ?เวินเหลียงคิดไม่ออกแล้วจริง ๆเธอกะพริบตาปริบ ๆ มองฟู่เจิงเฉย ๆฟู่เจิงโมโหจนหัวเราะ “ทำไมเธอต้องให้ฉันเล่นเกมกับซืออี๋ด้วย?”“คุณไม่ชอบเหรอคะ?”ฟู่เจิงหน้าตึง นี่มันใช่เรื่องที่เขาชอบหรือไม่ชอบเหรอ?เวินเหลียงพูดตามจริง “แฟนคลับคู่จิ้นของพวกคุณมีเยอะ เอาใจพวกเขาหน่อย ถึงจะยิ่งมีกระแส”ฟู่เจิงพูดไม่ออกหัวเราะพรืด มุมปากกระตุก ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีเธอนี่ช่างใช้ทุกอย่างคุ้มค่าจริง ๆ มีอะไรก็เอามาใช้หมด เห็นฟู่เจิงเงียบไป เวินเหลียงกลับพูดอย่างมีเหตุผล “กระแสของงานแถลงข่าววันนี้ดีมาก ฉันมั่นใจกับรูปแบบหลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลังจากนี้มากค่ะ ฉันว่าประธานฟู่คงไม่ตำหนิฉันเพราะเรื่องนี้หรอกนะคะ”“เธอยังจะม
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีสั้น ๆ ก็มีคนรับสาย ชั่วขณะเธอยังนึกว่าเป็นความฝันจากนั้นก็มีเสียงแว่วมาจากข้างตัว ตามด้วยเสียงเปิดปิดประตูเวินเหลียงลืมตาขึ้นพรึบ ในห้องมืดสนิท อาศัยแสงจันทร์มองเตียงด้านข้าง มันว่างเปล่าที่แท้เมื่อกี้ก็ไม่ใช่ความฝัน มีคนโทรศัพท์หาฟู่เจิงจริง ๆไม่นาน มือจับประตูถูกกดลงเบา ๆ ฟู่เจิงย่องเข้ามา เห็นเวินเหลียงยังหลับสนิทอยู่จึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแต่งตัวอย่างเงียบเชียบหลังจากแต่งตัวเสร็จก็ย่องออกห้องไปอีกพอปิดประตู ในห้องเงียบกริบอีกครั้งไม่นานก็มีเสียงสตาร์ตรถดังมาจากชั้นล่างเวินเหลียงลืมตาขึ้น มองเพดานที่มืดสนิทเธอมีลางสังหรณ์ในใจ สายโทรศัพท์ที่ฟู่เจิงรับคงเป็นฉู่ซืออี๋โทรมาความจริงเธออยากถาม แต่ก็ไม่กล้าถามเธอเป็นคนขี้ขลาด เธอไม่อยากหาเรื่องลบหลู่ตัวเองต่อให้เธอรั้งตัวเขาไว้ ฟู่เจิงก็จะไปอยู่ดีเวินเหลียงหลับตาลงอีกครั้ง กลับไม่ง่วง จึงพลิกตัวไปพลิกตัวมาตอนฟ้าจะสาง ชั้นล่างส่งเสียงเครื่องยนต์ดังมาอีกครู่หนึ่งประตูถูกเปิดออก ฟู่เจิงถอดเสื้อตัวนอกที่มีฝุ่นติดและนอนอยู่ข้างตัวเวินเหลียงเหมือนไม่เคยออกไปไหนเวินเหลียงเล
ข้อความในกลุ่มขึ้นว่าหลังเลิกงานพรุ่งนี้ให้รวมตัวกันที่หน้าบริษัท บริษัทเหมารถบัสพาทุกคนไปออนเซ็นนอกเมือง ไปก่อนหนึ่งคืนสามฝ่ายรวมกันมีสี่สิบกว่าคน รถบัสสองคันวันต่อมา พนักงานของแต่ละฝ่ายมาทำงานพร้อมพกเสื้อผ้าของใช้ตัวเองมาด้วย พอถึงเวลาเลิกงานก็กอดคอกันเดินออกไปข้างนอก คาดหวังกับออนเซ็นมากในตอนที่เวินเหลียงมาถึงชั้นล่าง มีคนนั่งอยู่บนรถประมาณหนึ่งแล้ว เธอหิ้วกระเป๋าขึ้นรถและไปหาที่นั่งคู่ข้างหลังที่ยังว่างอยู่พนักงานทยอยขึ้นรถรถทั้งคันใกล้จะเต็มแล้ว“ผู้อำนวยการเวิน ผมนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ?” มีเสียงผู้ชายดังมา เวินเหลียงเงยหน้ามองอีกฝ่ายแวบหนึ่งและพยักหน้าตอบ “นั่งเถอะค่ะ”“ขอบคุณครับ”“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”เวินเหลียงรู้จักคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาเป็นพนักงานฝ่ายเอ็มเอฟ ชื่อหวงลี่เมื่อก่อนหวงลี่เป็นคนของเอ็มคิว ตอนหลังถูกย้ายไปที่เอ็มเอฟอีกอย่าง หวงลี่เคยมีใจให้กับเวินเหลียงด้วยแต่เวินเหลียงไม่ได้ตอบกลับก็เลยจบไปทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเรียกขึ้นมาด้วยความตกใจ “ประธานฟู่ คุณก็ไปด้วยเหรอคะ?”เวินเหลียงเงยหน้าขึ้น เห็นฟู่เจิงถือกระเป๋าเดินทางขึ้นรถพลางพยักหน้าเมื่อวานฟ
เธอเปิดหน้าจอดู นั่นคือข้อความที่ฟู่เจิงส่งมา “ฉันอยู่ห้อง 0104”ห้องของบรรดาเพื่อนร่วมงามได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว ผู้หญิงนอนห้องละสองคน ผู้ชายห้องละสี่คนส่วนฟู่เจิงอยู่ห้องเดี่ยว ห้องเพรสซิเดนสูทเวินเหลียงตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องมั้งคะ”เธอมีรูมเมท ถ้าเธอไม่อยู่ในห้องตอนกลางคืนต้องถูกเอาไปเล่าแน่“ห้องฉันมีบ่อออนเซ็นส่วนตัว”เวินเหลียง “...”คราวนี้เธอลังเลแล้วสิครั้งนี้บริษัทเป็นเจ้าภาพจัดทีมบิวดิง จะจัดให้มีบ่อน้ำส่วนตัวทุกห้องไม่ได้แน่เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ต้องไปแช่ที่บ่อใหญ่ และเธอก็ไม่ชอบแช่ร่วมกับคนอื่น บ่อออนเซ็นส่วนตัว... จุดนี้ดึงดูเธอมากรถบัสขับเข้าออนเซ็นและจอดตรงที่โล่ง ทุกคนลงจากรถอีกครั้ง ตามเลขาจ้าวไปเอาคีย์การ์ดที่รีเซฟชั่นเลขาจ้าวส่งข้อความเข้าไลน์กลุ่ม : คืนนี้ทุกคนเข้าห้องพักแล้วฟรีสไตล์ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงกินปิ้งย่างด้วยกันที่ห้องอาหารชั้นสองพร้อมส่งแผนที่ของที่พักพนักงานหญิงที่อยู่ห้องเดียวกับเวินเหลียงชื่อจางซิง เป็นพนักงานฝ่ายเอ็มเอฟคนหนึ่งทั้งสองกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อเก็บของให้เรียบร้อยก่อนจางซิงตอบข้อความและพูดกับเวินเหลียงว่า “ผู้อำนวยการ
เธอตัวอ่อนระทวยพิงอยู่ในอ้อมอกของฟู่เจิง ใบหน้าแดงซ่าน ริมฝีปากเผยอหอบหายใจเล็กน้อยพอรู้สึกว่าเธอตัวสั่น ฟู่เจิงก็เอามือออกมา“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ผ่อนคลายทั้งตัวแล้วใช่ไหม?”เวินเหลียงพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่อยากกระดุกกระดิก ตอบว่า “อือ” เบา ๆ ราวกับเสียงแมวเหมียวฟู่เจิงใช้สองแขนอุ้มเธอขึ้นมา ให้เธอนั่งตักของเขาเวินเหลียงตระหนักในจุดประสงค์ของอีกฝ่ายจึงดิ้น “ไม่ได้ ๆ...”ถ้ายังปล่อยตัวอีก เด็กจะรับไม่ไหวฟู่เจิงพูด “ได้ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน”เขาอดอยากปากแห้งมาสองเดือนแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลายวันนี้ช่วยเธอผ่อนคลายตลอด มันทำให้เขาข่มใจลำบากมากขึ้นเวินเหลียงสู้เขาไม่ได้ ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ข้างนอกก็มีเสียงเคาะประตูเวินเหลียงโล่งอก ผลักเขาออก “คุณไปเปิดประตูเร็ว”ฟู่เจิงหลับตา สาปแช่งคำหนึ่ง มาไม่ได้เวลาเลย ข้างนอกน่าจะเป็นคนมาส่งมื้อเย็นเขาได้แต่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วไปเอามื้อเย็นที่หน้าห้องมื้อเย็นเยอะมาก ฟู่เจิงวางไว้ตรงขอบบ่อออนเซ็นเวินเหลียงแช่ออนเซ็นไปก็กินมื้อเย็นไป อย่าให้พูดเลยว่าสุขีสโมสรขนาดไหนหลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ เวินเหลียงก็ลุกขึ้นยืนอยู่ในบ่อ คล
ตามที่เธอรู้ เวินเหลียงจะไม่เอาเอาโพสต์ให้ฟู่เจิงดูเด็ดขาด ดังนั้นเธอจึงกล้าทำ แต่คิดไม่ถึงว่าฟู่เจิงยังรู้เข้าจนได้ฟู่เจิงเงียบทันทีที่เห็นโพสต์ ภาพพจน์ของฉู่ซืออี๋ในใจเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยปลายสาย ฉู่ซืออี๋ยังคงอธิบายไม่หยุด ขอร้องให้เขายกโทษให้“อาเจิง อาเจิง คุณยกโทษให้ฉันได้ไหมคะ? ฉันไปขอโทษกับเวินเหลียงก็ได้ ขอแค่คุณอย่าทิ้งฉัน อย่าให้ฉันไปจากคุณ”“แค่ครั้งนี้นะ ลบโพสต์ทิ้งซะ”“ได้ค่ะ ๆ ๆ ฉันจะลบเดี๋ยวนี้ อาเจิง คุณยกโทษให้ฉันแล้วใช่ไหม? ขอโทษค่ะ อาเจิง ฉันทำให้คุณผิดหวัง ฉันทำแบบนี้กับเวินเหลียงได้ยังไงนะ ฉันทำร้ายเขาอีกแล้ว ตอนนี้เขาคงเกลียดฉันตายแน่”“เขาน่าจะยังไม่เห็น คุณไม่ต้องตำหนิตัวเอง ต่อไปอยู่ห่างเขาหน่อย”“รู้แล้วค่ะ”ปากฉู่ซืออี๋ว่าไปอย่างนั้น แต่ในใจเจ็บแค้นเวินเหลียงไม่เห็นโพสต์นี้ น่าเสียดายจริง ๆหลังจากวางสาย ฟู่เจิงใช้โทรศัพท์ของเวินเหลียงเปิดดูไทม์ไลน์อีก โพสต์นั้นหายไปแล้วเขาเบาใจเล็กน้อยแบบนี้เวินเหลียงน่าจะไม่รู้แล้วสินะ ว่าคืนนั้นเขาออกไปข้างนอกมาตอนนี้เอง ข้างนอกมีเสียงเคาะประตูฟู่เจิงเดินไปเปิดประตู คนที่มาคือเวินเหลียงอย่