“ หนูนาเราจะหนีไปไหนได้ ดูสิผู้ชายน่ากลัวคนนั้นแค่เดินเฉยๆเขาก็เกือบทันเราแล้ว เอายังไงดีหนูนา “ แก้วที่วิ่งไปหันหลังมามองทางด้านหลังด้วยคามระแวงแล้วก็หวาดกลัวว่าผู้ชายคนนั้นตามมาถึงตรงไหนแล้ว แต่เมื่อเธอหันมาเจอเข้ากับชายโจงกระเบนแดงเธอก็ต้องตกใจ เพราะผู้ชายคนนั้นทั้งที่เดินเฉยๆก็ตามพวกเธอสองคนเกือบจะทันแล้ว ด้วยความหวาดกลัวแก้วเธอถามหนูนาว่าจะเอายังไงดี หนูนาที่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย พอเธอได้ยินที่เพื่อนถามแบบนั้น สายตาของเธอก็มองเข้าไปเห็นทางแยกสองทาง ซึ่งทางหนึ่งเป็นทางมืด แต่คนเดินไปเยอะมาก แต่อีกทางสว่าง แต่มีคนเดินแยกออกไปน้อยเรียกว่าน้อยมาก เห็นแค่หลังไวๆเท่านั้น
“ มึงจะหนีกูไปที่ใด กลับมารับโทษกับกูซะดีๆพวกมนุษย์บาป……ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ ระหว่างที่หนูนาจับมือแก้วยืนมองทางแยกอยู่ว่าเธอจะไปทางไหนดี โจงกระเบนแดงที่ตามพวกเธอมานั้นก็พูดเสียงกังวารออกมาว่าพวกเธอจะหนีไปไหนกัน เสียงกังวารที่ดุดันแฝงไปด้วยพลังอำนาจบวกกับเสียงหัวเราะที่ดังเข้ามาทำให้ความกลัว ที่มีอยู่เดิมทีอยู่แล้ว นั้นเลยทำให้หนูนาต้องรีบตัดสินใจในทันที “ หนูนาเอายังไงดี หนูนา เร็วเข้าหนูนา ผู้ชายคนนั้นตามเราจะทันอยู่แล้ว เร็วเข้าสิหนูนา “ ด้วยความหวาดกลัว แก้วที่ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากทางด้านเธอก็หันมามองเธอก็ต้องเร่งให้หนูนาตัดสินใจ ว่าจะเอายังไงดี จะไปทางไหนก็ต้องรีบไป หนูนาที่ยืนรังเลอยู่นั้นว่าจะไปทางไหนดี “ ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า จะหนีกูไปไหนพ้น ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า พวกมนุษย์ใจบาปหยาบช้า ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ เสียงของชายโจงกระเบนแดงเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว แก้วที่เขย่าแขนของหนูนา เธอก็เขย่าอยู่อย่างนั้นเวลานี้ของหนูนามันเป็นเวลาตัดสินใจความเป็นความตายว่าเธอจะไปทางไหนดี ระหว่างที่เธอคิดอยู่นั้นหนูนาก็ตัดินใจทันที “ ไปแก้ว” วูบ…………… เมื่อเวลาเป็นกับเวลาตายใกล้เข้ามาหนูนาเธอก็ตัดสินใจได้ว่าจะไปทางไหนดี เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปทางไหนหนูนาเธอก็ดึงแขนของแก้ววิ่งมาทางสว่างทันที พอเธอก้าวเข้ามาทางสว่างเท่านั้นแหละ พอแค่ทั้งคู่ก้าวขาเข้ามาเท่านั้นอยู่ๆก็เหมือนมีแรงอะไรบางอย่างดูดพวกเธอเข้ามา ส่วนชายโจงกระเบนแดงที่ตามมาทันกับได้แต่ยืนดูอยู่อีกฝั่งเท่านั้นโดยที่เขาไม่ตามพวกเธอมาอีก ปึง ปึง ปึง เสียงของกระบองที่อยู่ในมือของโจงกระเบนแดงกระแทกอยู่ที่พื้น สายตาของเขาจ้องมาที่แก้วกับหนูนาด้วยสายตาดุดัน ท่าทางของชายโจงกระเบนแดงมองมาที่แก้วกับหนูนาด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะกระแทกกระบองที่อยู่ในมือลงที่พื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังอย่างกับฟ้าผ่า หนูนากับแก้วที่ยืนอยู่ฝั่งสว่างเมื่อเห็นว่าชายโจงกระเบนแดงตามพวกเธอเข้ามาไม่ได้แล้ว หนูนากับแก้วก็เลยหยุดมองท่าทางดุดันน่ากลัวของผู้ชายตัวดำโจง กระเบนแดงน่ากลัวนั้น “ แก้วไปเถอะ “ ด้วยความกลัวแล้วอีกอย่างเธอก็กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจตามมาอีก หนูนาก็เลยรีบดึงแขนของแก้วให้รีบไปจากตรงนี้ แต่ระหว่างทางที่เธอเดินอยู่นั้น สายตาของแก้วก็มองไปเห็นพระธุดงส์รูปหนึ่งนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ แก้วก็ดึงแขนของหนูนาให้หยุด “ หนูนา หนูนาดูนู่นสิ “ แก้วที่มองเห็นพระที่นั่งหลับตาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เธอก็ดึงแขนเพื่อนให้หยุดก่อนจะพากันเดินมาหาท่านด้วยท่าทางสำรวม “ มาทำอะไรกันที่นี้ละโยม ทำไมไม่รีบกลับบ้านละ “ หลวงตาแก่ๆที่หลับตาอยู่นั้นอยู่ท่านก็พูดขึ้นมาโดยที่ตาของท่านยังหลับอยู่ แก้วกับหนูนาเมื่อเห็นแบบนั้นทั้งคู่ก็รีบเดินปี่เข้าไปหาท่านด้วยความร้อนรนแล้วก็ดีใจทันที “ นมัสการเจ้าคะหลวงตา เอ้อ….คือว่า….คือว่าหนูกับเพื่อนไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี้ยังไงเจ้าคะ หลวงตาช่วยพวกหนูได้ไหมคะ “ แก้วเธอเดินเข้ามานั่งตรงหน้าของท่าน จากนั้นเธอก็กราบลงสามครั้งก่อนจะพนมมือพร้อมกับพูดเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปให้ท่านฟัง หลวงตาที่นั่งหลับอยู่นั้นท่านก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะยิ้มพร้อมกับมองมาที่หนูนากับแก้วด้วยสายตาออ่นโยน จากนั้นท่านก็พูดมาว่า “ ที่นี้ไม่ใช่ที่ของมนุษย์อย่างพวกหนูหรอกนะ รีบกลับไปเสียเถอะอย่าอยู่ที่นี้นานให้มากนักเลย เดี๋ยวจะกลับไปไม่ได้อีก รีบไปเถอะนะ เจ้าสองคนเดินไปทางนี้ เดินไปเรื่อยๆเจอทางแคบๆมืดๆให้เจ้าทั้งสองเดินเข้าไปเลย นั้นแหละทางกลับบ้านของพวกเจ้า “ หลวงตา พูดพร้อมกับยิ้มมองพวกเธอด้วยสายตาออ่นโยน แก้วและก็หนูนาเมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งคู่ก็ก้มกราบท่านก่อนจะขอตัวลากลับ หนูนาที่กำลังจะลุกขึ้น อยู่ๆหลวงตาก็พูดออกมาว่า “ แม่หนูไม่ว่าอะไรจะขึ้นต่อจากนี้ ขอให้จำเอาไว้ว่ามันเป็นบัญชาของสวรรค์และก็นรก ส่วนแม่หนูก็ขอให้ตั้งใจปฏิบัติแต่ความดีช่วย คน สัตว์ แม้แต่ภูติผีวิญญาณก็ช่วยให้เขาไปยังภพภูมิที่ดี ถ้าเป็นคนก็ขอให้จูงเขาไปทางที่ถูดที่ควรเพื่อไม่ให้คนบาปมากกว่าความดี จำเอาไว้นะโยม “ หลวงตาที่ตอนแรกพูดกับหนูนา พอท่านพูดจบ ท่านก็หันมาพูดกับแก้ว แก้วกับหนูนาต้องยอมรับเลยว่าทั้งคู่งงกับสิ่งที่ท่านพูดมาก แต่เพราะอยากกลับบ้านมาก นั้นเลยทำให้แก้วกับหนูนา พยักหน้าอย่างเข้าใจทั้งที่ไม่รู้เรื่องที่ท่านพูดเลยว่าที่ท่านพูดนั้นหมายความว่าอะไร กลับมาด้านแม่ของแก้วแล้วก็หนูนา “ ฮือออออออ ฮืออออออ แก้ว…..แก้วลูกแม่……ฮือออออออออ “ “ ฮือออออออ หนูนา หนูนาลูกพ่อ……ฮืออออออออออ “ แม่ของแก้วกับพ่อของหนูนา ทั้งคู่ร้องไห้โฮออกมาใจแทบขาด ทั้งคู่ยืนมองรูปของลูกสาวของตน ที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพของแก้วกับหนูนา ทั้งคู่ร้องไห้แทบขาดใจ ด้วยความที่ทั้งคู่มีลูกสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น “ ตัดใจซะเถอะนะกิ่ง // ตานาย อึก อึก อึก หนูนากับแม่แก้วไปสบายแล้วอย่าร้องไห้ไปเลยนะ เดี๋ยวเด็กๆจะไปไม่สงบ อึก อึก อึก “ เพื่อนบ้านที่เห็นว่าทั้งคู่ร้องไห้แทบขาดใจด้วยความสงสาร ก็เลยเดินเข้ามาปลอบใจกิ่งแม่ของแก้ว ตานายพ่อของหนูนา เพื่อนบ้านแต่ละคนต่างก็เสียใจตามกิ่งแล้วก็นาย เพราะเด็กทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้าแล้วก็เป็นเด็กดี นั้นเลยทำให้คนในหมู่บ้านรักใคร่เด็กน้อยทั้งสองคน เหมี๊ยว…… ระหว่างที่กิ่งกับนายร้องไห้หน้าโลงศพของลูกๆของตัวเองอยู่นั้น แมวดำมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆมันก็กระโดดข้ามโลงศพของแก้วและก็หนูนา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำเอาคนในงานต่างก็ตื่นตกใจและก็หวาดกลัววิ่งแหกกระเจิงด้วยความกลัวกันจ้าระหวั่น “ ว๊าย…..แมวดำมาจากไหนเนี่ย // เฮี๊ยนแน่เลย // ตายห่าแล้วแบบนี้วิญญาณอาฆาตแน่ “ ชาวบ้านที่อยู่ในงานศพ เมื่อเห็นแมวดำกระโดดข้ามโลงศพของหนูนากับแก้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตื่นตกใจ พร้อมกับพูดไปต่างๆนาๆว่าวิญญาณชองทั้งคู่น่าจะเหี้ยนหน้าดูเลย กึก กึก กึก ระหว่างที่ทุกคนต่างก็พูดแซงแซ่อยู่นั้น อยู่ๆเสียงกึกๆก็ดังมาจากโลงศพของทั้งคู่ โลงศพของทั้งคู่อยู่ๆก็สั่นนั้นทำให้คนที่อยู่ในงานต่างก็ตื่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และนี้ก็คือที่มาประวัติของแก้วกับหนูนา ว่าเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมทั้งคู่ถึงได้มีสมผัสที่6แบบนี้กลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่ทั้งสองสาวจัดเก็บทำความสะอาดบ้านเสร็จเรียบร้อยตะวันก็ตกดินเป็นที่เรียบร้อย หนูนาที่หิวข้าวอย่างกับจะกินช้างทั้งตัวได้เธอก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแก้ว แต่ระหว่างที่เธอจะเดินเข้ามาหาแก้วที่จัดเก็บห้องนอนอยู่นั้น อยู่ๆหนูนาก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรเข้ามากระทบร่างเธอ วูบ…….“ เอะ ทำไมอยู่ๆขนลุกว่ะ “ หนูนาเมื่อมีลมอะไรบางอย่างมาประทะที่ร่างบางของเธอ เธอก็หยุดนิ่งพร้อมกับเอามือลูบที่แขนของตัวเองพร้อมกับพูดออกมาเบาๆว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆขนถึงได้ลุกแบบนี้ “ หนูนาเธอเป็นอะไร รึเปล่า “ แก้วที่เก็บของเสร็จพอดี เธอก็ออกมาแต่ก็ต้องงงเพราะหนูนาที่ยืนเอามือลูบแขนตัวเองอย่างกับว่าเป็นอะไร หนูนาที่ได้ยินเสียงของเพื่อนเรียกด้วยความหิวเธอก็เลยเดินเข้ามาหาเพื่อนทันที “ แก้วเราหิวมากเลยอ๊ะ ฉันมาเราไปหาข้าวแถวๆนี้กินกันเถอะ “ หนูนาเมื่อเห็นเพื่อนออกมาจากห้องพอดี เธอก็เดินเเอามือลูบท้องเข้าหาแก้ว พร้อมกับทำหน้าตาน่ารักบอกกับเพื่อนว่าตัวเองหิว แก้วที่เห็นแบบนั้นเธอก็ยิ้มหวานส่ายหน้าอย่างนึกเอ็นดูเพื่อน จากนั้นทั้งสองก็ออกไปหาอะไรกินกัน เพราะแก้วก็หิวแล้วเหมือนกัน ร้านก๋วยเตี
บลู๊………บลู๊……..บลู๊ แคว๊ก………แคว๊ก……..แคว๊กหลังจากที่แก้วกับหนูนากินก๋วยเตี๊ยวกันเสร็จเรียบร้อย ด้วยความที่เป็นซอยเปลี่ยวบวกับเธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเดินทางมาที่นี้ นั้นเยทำให้ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย เพราะ ทั้งคู่ตอนนี้ต่างก็แยกย้ายกันไปนอนห้งอของใครของมัน ด้วยความเหนื่อยล้า แต่ระหว่างที่ทั้งสองคนหลับอยู่นั้น อยู่ๆเสียงหมาแล้วก็เสียงเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขูดที่พื้นไม้กระดาน แก้วกับหนูนาที่นอนกันคนละห้องอยู่ๆทั้งคู่ก็โดนเสียงของหมาและก็เสียงของอะไรบางอย่างขูดอยู่ที่พื้นบ้าน พอแก้วได้ยินแบบนั้นด้วยความที่เธอเห็นตั้งแต่เข้ามาที่นี้แล้วเธอก็นั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ผิดกับหนูนาเธอไม่เห็นแต่เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้นไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พอเธอได้ยินแบบนั้นเธอก็ลุกงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตา ก่อนจะเดินมาเปิดประตูดูว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอะไรกันแน่ทำไมมาดังรบกวนเวลาเธอนอน ขู๊ด……..แคร๊ก……..ขู๊ด…..แคว๊ก……..ขู๊ด บลู๊……..บลู๊………บลู๊“ เงียบหน่อยได้ไหมว่ะ ทั้งหมาทั้งผีเลย ไม่รู้เหรอว่าคนเหนื่อย แม่งเอ้ย…….” หนูนาที่นอนหลับอยู่ของเธอดีๆ พอเธอโดนรบกวนเวลานอนแบบน
แคร๊ก….แคร๊ก……แคร๊ก “ โอ๊ยยยยย อะไรกันเสียงดังแต่เช้าเลย….” หนูนาที่นอนหลับไ/ปหลังจากที่เธอจัดการกับผีและก็ของที่เธอย้ายเข้ามาด้วยความเหนื่อยล้าเธอก็นอนหลับสนิทอย่างกับซ้อมตายก็ว่าได้ แต่ระหว่างที่เธอนนอหลับโดยที่ไม่มีอะไรมารบกวนตลอดทั้งคืน แต่เธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงรบกวนที่อยู่ข้างบ้าน “ เจอแล้ว เจอแล้วครับสารวัตร “ เสียงของใครบางคนเรียกผู้เป็นเจ้านายให้มาดูบางบางที่พวกเขากำลังขุดอยู่ แก้วที่ตื่นมาเจอกับเหตุการณ์ทางนอกหน้าต่างเพราะเสียงรบกวนของกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ เธอก็เลยตื่นขึ้นมาเจอกับคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งและก็กองทัพตำรวจที่มาทำอะไรก็ไม่รู้ที่ใต้ต้นไทรที่อยู่ติดกับบ้านที่เธฮเช่าอยู่ ก๊อกๆ ก๊อกๆ “ หนูนาตื่นเร็วเข้า หนูนา “ เสียงเคาะประตูที่ดังอย่างกับจะพังเข้ามาในห้อง หนูนาเมื่อได้ยินเพื่อนรักเรียกเสียงดังและก็เคาะประตูเสียงดังอย่างกับว่ามีคนตายเธอก็เกาหัวด้วยความหงุดงิดก่อนจะเดินมาเปิดประตู ปัง ปัง ปัง “ โอ๊ยยยยยยย แก้วนี้มันอะไรกันห่ะ ฉันเพิ่งได้นอนตอนที่3เองนะ เธอจะมาเคาะปลุกฉันทำไมแต่เช้าเนี่ย “ หนูนา ที่นอนเมื่อตอนเช้ามืดนี้เองเมื่อโดนรบกวนการนอน เธอก็รู้สึกหงุด
“ สวัสดีคะ หนูชื่อหนูนาส่วนนี้เพื่อนหนูชื่อแก้วคะไม่ทราบว่าคุณตำรวจมีเรื่องอะไรให้เราช่วยรึเปล่าคะ “ หนูนา เธอเชิญแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งที่ห้องรับแขก พร้อมกับแนะนำตัวกับแขกว่าตนกับเพื่อนชื่ออะไร สารวัตรดินแดนเมื่อได้ยินชื่อของสาวน้อยที่ชื่อแก้วเขาก็รู้สึกว่าเธอเหมือนมีอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้สายตาของเขาไม่สามารถละจากเธอได้เลย เมื่อแก้วเห็นสายตาของชายหนุ่มที่เอาแต่มองมาที่เธอสาวน้อยก็รู้สึกเขิลอายอย่างอธิบายไม่ถูกเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหัวใจสั่น เธอหัวใจสั่นไม่รู้ว่ากลัวหรือว่าใจสั่นเพราะชายตรงหน้าหล่อก็ไม่รู้ “ เอ้อ…ครับ ครับ สวัสดีครับ “ สารวัตรแดนดินเมื่อสองสาวแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็มารู้สึกตัวเมื่อถูกสายตาของหนูนาที่มองมายังเขาอย่างแปลกใจว่าทำไมเขาเอาแต่จ้องหน้าเพื่อนของเธอ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกชอบใจ พอหมวดแดนเห็นแบบนั้นเขาก็รีบดึงสติกลับมาทันทีก่อนจะกล่าวสวัสดีตอบกลับด้วยท่าทางเสียอากรและก็พูดออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก เมื่อทั้งหมดแนะนำตัวกันเสร็จตำรวจหล่อก็เริ่มสอบสัมภาษเด็กสาวทั้งสองคนทันที ด้านสารวัตรเอกสิทธิ์ “ นี้มันรอยอะไรว่ะ “ ระหว่างที่สารวัตรเอ
ณ เมืองหลวงของไทย “ สวัสดีคะ หนูนาคะที่โทรหาพี่เมื่อวานนี้คะ “ หนูนากับเพื่อนรักที่มาจากต่างจังหวัดเพื่อมาตามหาฝัน หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพี่ เธอก็ถึงกับยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ หนูนาที่เป็นคนฉลาดเธออยู่เป็นพอเธอเห็นเจ๊เจ้าของบ้านที่เธอกับเพื่อนติดต่อขอเช่า หนูนาสวัสดีทักทายพร้อมกับเรียกเจ๊ตรงหน้าว่าพี่ นั้นก็ทำให้เจ๊เจ้าของบ้านรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก “ สวัสดีจ๊ะ มาๆเข้ามาดูข้างในก่อนเลยจ๊ะดูสิว่าพอจะอยู่ได้ไหม “ เจ๊เจ้าของบ้านเรียกให้เด็กน้อยเข้ามาดูภายในบ้าน หนูนาแล้วก็แก้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งคู่ก็รู้สึกดีใจตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนจะเดินตามเข้าไป แก๊ก แอ๊ด…… ผลึบ “ แค๊ก แค๊ก “ เมื่อเจ๊เจ้าของบ้านเปิดประตูไม้เก่าๆออกเท่านั้นแหละ หนูนา แก้ว แล้วก็เจ๊เจ้าของบ้านถึงกับสลักฝุ่นที่อยู่ภายในบ้าน ด้วยความที่ทั้งคู่ไม่มีสิทธิ์เลือกมากมายเพราะบ้านหลังนี้ราคาถูกแถมยังเป็นบ้านที่อยู่อย่างส่วนตัวอีกด้วย ต่อให้สกปรกแค่ไหนถ้ามันพักอาศัยแล้วก็ราคาถูกทั้งคู่ก็แฮปปี้แล้ว “ เป็นไงจ๊ะ พออยู่ได้ไหมทำความสะอาดหน่อย ก็หน้าอยู่แล้วละ “ เจ๊เจ้าของบ้านเอามือปัดฝุ่นตรงหน้าไปมาพร้อมกับถามเด็กสาวสองคนต
ซ่า……ซู่…..ฟิ๊ว…..กระท่อมตีนเขา “ อ๊ะ อ๊ะ ฝนตก ฝนตก เห้อ……กำลังได้เยอะเลยรีบตกเร็วจริง “ ระหว่างที่แก้วกับหนูนาขุดหนอไม้กันอย่างขะมักเขม้นอยู่นั้น ฝนที่ตั้งเคร้าว่าจะตกก็ตกลงมาอย่างแรงซะงันดีที่ทั้งสองลงมาก่อนที่ฝนจะตกแรง แต่ทั้งคู่ก็ยังกลับไม่ถึงบ้านถึงแม้ว่าจะลงมาจากเขาแล้วก็ตามแต่ก็ยังไปไม่ถึงบ้านเพราะฝนตกอย่างกับฟ้ารั่วซะงัน ด้วยความที่หนูนากำลังจะได้หนอไม้มาเยอะ เมื่อฝนตกมาขัดจังหวะของการหาเงินของเธอ นั้นเลยทำให้หนูนาบ่นอุปออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แก้วที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็อดขำเพื่อนไ่ด้ก่อนจะพูดออกมาว่า “ เอานาพรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้ ฮ่าๆฮ่าๆ” แก้วเธอ พูดปลอบใจเพื่อนพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างนึกขำคนเป็นเพื่อน หนูนาที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้แต่ทำหน้าหมุ๋ยแล้วก็เดินมานั่งที่แคร่เท่านั้น“ อื้มก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ จะทำยังไงได้ก็ท่านพระพิรุณปวดฉี่นี้หนา “ หนูนาเมื่อมานั่งที่แคร่เธอก็บ่นอุบออกมาอย่างคนไม่ได้คิดอะไร แก้วที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็เดินมานั่งข้างเพื่อนพร้อมกับยิ้มอย่างนึกเอ็นดูเพื่อนเท่านั้นโดยที่เธอไม่พูดอะไรเพราะเธอเป็นคนพูดน้อย เวลาต่อมา “ แก้วกลับกันเถอะฝนเริ
“ สวัสดีคะ หนูชื่อหนูนาส่วนนี้เพื่อนหนูชื่อแก้วคะไม่ทราบว่าคุณตำรวจมีเรื่องอะไรให้เราช่วยรึเปล่าคะ “ หนูนา เธอเชิญแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งที่ห้องรับแขก พร้อมกับแนะนำตัวกับแขกว่าตนกับเพื่อนชื่ออะไร สารวัตรดินแดนเมื่อได้ยินชื่อของสาวน้อยที่ชื่อแก้วเขาก็รู้สึกว่าเธอเหมือนมีอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้สายตาของเขาไม่สามารถละจากเธอได้เลย เมื่อแก้วเห็นสายตาของชายหนุ่มที่เอาแต่มองมาที่เธอสาวน้อยก็รู้สึกเขิลอายอย่างอธิบายไม่ถูกเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหัวใจสั่น เธอหัวใจสั่นไม่รู้ว่ากลัวหรือว่าใจสั่นเพราะชายตรงหน้าหล่อก็ไม่รู้ “ เอ้อ…ครับ ครับ สวัสดีครับ “ สารวัตรแดนดินเมื่อสองสาวแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็มารู้สึกตัวเมื่อถูกสายตาของหนูนาที่มองมายังเขาอย่างแปลกใจว่าทำไมเขาเอาแต่จ้องหน้าเพื่อนของเธอ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกชอบใจ พอหมวดแดนเห็นแบบนั้นเขาก็รีบดึงสติกลับมาทันทีก่อนจะกล่าวสวัสดีตอบกลับด้วยท่าทางเสียอากรและก็พูดออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก เมื่อทั้งหมดแนะนำตัวกันเสร็จตำรวจหล่อก็เริ่มสอบสัมภาษเด็กสาวทั้งสองคนทันที ด้านสารวัตรเอกสิทธิ์ “ นี้มันรอยอะไรว่ะ “ ระหว่างที่สารวัตรเอ
แคร๊ก….แคร๊ก……แคร๊ก “ โอ๊ยยยยย อะไรกันเสียงดังแต่เช้าเลย….” หนูนาที่นอนหลับไ/ปหลังจากที่เธอจัดการกับผีและก็ของที่เธอย้ายเข้ามาด้วยความเหนื่อยล้าเธอก็นอนหลับสนิทอย่างกับซ้อมตายก็ว่าได้ แต่ระหว่างที่เธอนนอหลับโดยที่ไม่มีอะไรมารบกวนตลอดทั้งคืน แต่เธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงรบกวนที่อยู่ข้างบ้าน “ เจอแล้ว เจอแล้วครับสารวัตร “ เสียงของใครบางคนเรียกผู้เป็นเจ้านายให้มาดูบางบางที่พวกเขากำลังขุดอยู่ แก้วที่ตื่นมาเจอกับเหตุการณ์ทางนอกหน้าต่างเพราะเสียงรบกวนของกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ เธอก็เลยตื่นขึ้นมาเจอกับคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งและก็กองทัพตำรวจที่มาทำอะไรก็ไม่รู้ที่ใต้ต้นไทรที่อยู่ติดกับบ้านที่เธฮเช่าอยู่ ก๊อกๆ ก๊อกๆ “ หนูนาตื่นเร็วเข้า หนูนา “ เสียงเคาะประตูที่ดังอย่างกับจะพังเข้ามาในห้อง หนูนาเมื่อได้ยินเพื่อนรักเรียกเสียงดังและก็เคาะประตูเสียงดังอย่างกับว่ามีคนตายเธอก็เกาหัวด้วยความหงุดงิดก่อนจะเดินมาเปิดประตู ปัง ปัง ปัง “ โอ๊ยยยยยยย แก้วนี้มันอะไรกันห่ะ ฉันเพิ่งได้นอนตอนที่3เองนะ เธอจะมาเคาะปลุกฉันทำไมแต่เช้าเนี่ย “ หนูนา ที่นอนเมื่อตอนเช้ามืดนี้เองเมื่อโดนรบกวนการนอน เธอก็รู้สึกหงุด
บลู๊………บลู๊……..บลู๊ แคว๊ก………แคว๊ก……..แคว๊กหลังจากที่แก้วกับหนูนากินก๋วยเตี๊ยวกันเสร็จเรียบร้อย ด้วยความที่เป็นซอยเปลี่ยวบวกับเธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเดินทางมาที่นี้ นั้นเยทำให้ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย เพราะ ทั้งคู่ตอนนี้ต่างก็แยกย้ายกันไปนอนห้งอของใครของมัน ด้วยความเหนื่อยล้า แต่ระหว่างที่ทั้งสองคนหลับอยู่นั้น อยู่ๆเสียงหมาแล้วก็เสียงเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขูดที่พื้นไม้กระดาน แก้วกับหนูนาที่นอนกันคนละห้องอยู่ๆทั้งคู่ก็โดนเสียงของหมาและก็เสียงของอะไรบางอย่างขูดอยู่ที่พื้นบ้าน พอแก้วได้ยินแบบนั้นด้วยความที่เธอเห็นตั้งแต่เข้ามาที่นี้แล้วเธอก็นั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ผิดกับหนูนาเธอไม่เห็นแต่เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้นไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พอเธอได้ยินแบบนั้นเธอก็ลุกงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตา ก่อนจะเดินมาเปิดประตูดูว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอะไรกันแน่ทำไมมาดังรบกวนเวลาเธอนอน ขู๊ด……..แคร๊ก……..ขู๊ด…..แคว๊ก……..ขู๊ด บลู๊……..บลู๊………บลู๊“ เงียบหน่อยได้ไหมว่ะ ทั้งหมาทั้งผีเลย ไม่รู้เหรอว่าคนเหนื่อย แม่งเอ้ย…….” หนูนาที่นอนหลับอยู่ของเธอดีๆ พอเธอโดนรบกวนเวลานอนแบบน
กลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่ทั้งสองสาวจัดเก็บทำความสะอาดบ้านเสร็จเรียบร้อยตะวันก็ตกดินเป็นที่เรียบร้อย หนูนาที่หิวข้าวอย่างกับจะกินช้างทั้งตัวได้เธอก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแก้ว แต่ระหว่างที่เธอจะเดินเข้ามาหาแก้วที่จัดเก็บห้องนอนอยู่นั้น อยู่ๆหนูนาก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรเข้ามากระทบร่างเธอ วูบ…….“ เอะ ทำไมอยู่ๆขนลุกว่ะ “ หนูนาเมื่อมีลมอะไรบางอย่างมาประทะที่ร่างบางของเธอ เธอก็หยุดนิ่งพร้อมกับเอามือลูบที่แขนของตัวเองพร้อมกับพูดออกมาเบาๆว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆขนถึงได้ลุกแบบนี้ “ หนูนาเธอเป็นอะไร รึเปล่า “ แก้วที่เก็บของเสร็จพอดี เธอก็ออกมาแต่ก็ต้องงงเพราะหนูนาที่ยืนเอามือลูบแขนตัวเองอย่างกับว่าเป็นอะไร หนูนาที่ได้ยินเสียงของเพื่อนเรียกด้วยความหิวเธอก็เลยเดินเข้ามาหาเพื่อนทันที “ แก้วเราหิวมากเลยอ๊ะ ฉันมาเราไปหาข้าวแถวๆนี้กินกันเถอะ “ หนูนาเมื่อเห็นเพื่อนออกมาจากห้องพอดี เธอก็เดินเเอามือลูบท้องเข้าหาแก้ว พร้อมกับทำหน้าตาน่ารักบอกกับเพื่อนว่าตัวเองหิว แก้วที่เห็นแบบนั้นเธอก็ยิ้มหวานส่ายหน้าอย่างนึกเอ็นดูเพื่อน จากนั้นทั้งสองก็ออกไปหาอะไรกินกัน เพราะแก้วก็หิวแล้วเหมือนกัน ร้านก๋วยเตี
“ หนูนาเราจะหนีไปไหนได้ ดูสิผู้ชายน่ากลัวคนนั้นแค่เดินเฉยๆเขาก็เกือบทันเราแล้ว เอายังไงดีหนูนา “ แก้วที่วิ่งไปหันหลังมามองทางด้านหลังด้วยคามระแวงแล้วก็หวาดกลัวว่าผู้ชายคนนั้นตามมาถึงตรงไหนแล้ว แต่เมื่อเธอหันมาเจอเข้ากับชายโจงกระเบนแดงเธอก็ต้องตกใจ เพราะผู้ชายคนนั้นทั้งที่เดินเฉยๆก็ตามพวกเธอสองคนเกือบจะทันแล้ว ด้วยความหวาดกลัวแก้วเธอถามหนูนาว่าจะเอายังไงดี หนูนาที่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย พอเธอได้ยินที่เพื่อนถามแบบนั้น สายตาของเธอก็มองเข้าไปเห็นทางแยกสองทาง ซึ่งทางหนึ่งเป็นทางมืด แต่คนเดินไปเยอะมาก แต่อีกทางสว่าง แต่มีคนเดินแยกออกไปน้อยเรียกว่าน้อยมาก เห็นแค่หลังไวๆเท่านั้น “ มึงจะหนีกูไปที่ใด กลับมารับโทษกับกูซะดีๆพวกมนุษย์บาป……ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ ระหว่างที่หนูนาจับมือแก้วยืนมองทางแยกอยู่ว่าเธอจะไปทางไหนดี โจงกระเบนแดงที่ตามพวกเธอมานั้นก็พูดเสียงกังวารออกมาว่าพวกเธอจะหนีไปไหนกัน เสียงกังวารที่ดุดันแฝงไปด้วยพลังอำนาจบวกกับเสียงหัวเราะที่ดังเข้ามาทำให้ความกลัว ที่มีอยู่เดิมทีอยู่แล้ว นั้นเลยทำให้หนูนาต้องรีบตัดสินใจในทันที “ หนูนาเอายังไงดี หนูนา เร็วเข้าหนูนา ผู้ชายคนนั้นตามเราจะทันอยู่แล้ว
ซ่า……ซู่…..ฟิ๊ว…..กระท่อมตีนเขา “ อ๊ะ อ๊ะ ฝนตก ฝนตก เห้อ……กำลังได้เยอะเลยรีบตกเร็วจริง “ ระหว่างที่แก้วกับหนูนาขุดหนอไม้กันอย่างขะมักเขม้นอยู่นั้น ฝนที่ตั้งเคร้าว่าจะตกก็ตกลงมาอย่างแรงซะงันดีที่ทั้งสองลงมาก่อนที่ฝนจะตกแรง แต่ทั้งคู่ก็ยังกลับไม่ถึงบ้านถึงแม้ว่าจะลงมาจากเขาแล้วก็ตามแต่ก็ยังไปไม่ถึงบ้านเพราะฝนตกอย่างกับฟ้ารั่วซะงัน ด้วยความที่หนูนากำลังจะได้หนอไม้มาเยอะ เมื่อฝนตกมาขัดจังหวะของการหาเงินของเธอ นั้นเลยทำให้หนูนาบ่นอุปออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แก้วที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็อดขำเพื่อนไ่ด้ก่อนจะพูดออกมาว่า “ เอานาพรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้ ฮ่าๆฮ่าๆ” แก้วเธอ พูดปลอบใจเพื่อนพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างนึกขำคนเป็นเพื่อน หนูนาที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้แต่ทำหน้าหมุ๋ยแล้วก็เดินมานั่งที่แคร่เท่านั้น“ อื้มก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ จะทำยังไงได้ก็ท่านพระพิรุณปวดฉี่นี้หนา “ หนูนาเมื่อมานั่งที่แคร่เธอก็บ่นอุบออกมาอย่างคนไม่ได้คิดอะไร แก้วที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็เดินมานั่งข้างเพื่อนพร้อมกับยิ้มอย่างนึกเอ็นดูเพื่อนเท่านั้นโดยที่เธอไม่พูดอะไรเพราะเธอเป็นคนพูดน้อย เวลาต่อมา “ แก้วกลับกันเถอะฝนเริ
ณ เมืองหลวงของไทย “ สวัสดีคะ หนูนาคะที่โทรหาพี่เมื่อวานนี้คะ “ หนูนากับเพื่อนรักที่มาจากต่างจังหวัดเพื่อมาตามหาฝัน หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพี่ เธอก็ถึงกับยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ หนูนาที่เป็นคนฉลาดเธออยู่เป็นพอเธอเห็นเจ๊เจ้าของบ้านที่เธอกับเพื่อนติดต่อขอเช่า หนูนาสวัสดีทักทายพร้อมกับเรียกเจ๊ตรงหน้าว่าพี่ นั้นก็ทำให้เจ๊เจ้าของบ้านรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก “ สวัสดีจ๊ะ มาๆเข้ามาดูข้างในก่อนเลยจ๊ะดูสิว่าพอจะอยู่ได้ไหม “ เจ๊เจ้าของบ้านเรียกให้เด็กน้อยเข้ามาดูภายในบ้าน หนูนาแล้วก็แก้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งคู่ก็รู้สึกดีใจตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนจะเดินตามเข้าไป แก๊ก แอ๊ด…… ผลึบ “ แค๊ก แค๊ก “ เมื่อเจ๊เจ้าของบ้านเปิดประตูไม้เก่าๆออกเท่านั้นแหละ หนูนา แก้ว แล้วก็เจ๊เจ้าของบ้านถึงกับสลักฝุ่นที่อยู่ภายในบ้าน ด้วยความที่ทั้งคู่ไม่มีสิทธิ์เลือกมากมายเพราะบ้านหลังนี้ราคาถูกแถมยังเป็นบ้านที่อยู่อย่างส่วนตัวอีกด้วย ต่อให้สกปรกแค่ไหนถ้ามันพักอาศัยแล้วก็ราคาถูกทั้งคู่ก็แฮปปี้แล้ว “ เป็นไงจ๊ะ พออยู่ได้ไหมทำความสะอาดหน่อย ก็หน้าอยู่แล้วละ “ เจ๊เจ้าของบ้านเอามือปัดฝุ่นตรงหน้าไปมาพร้อมกับถามเด็กสาวสองคนต