กลิ่นหอมเฉพาะที่ไม่คิดว่าจะมีผลไม้ใดที่มีกลิ่นแบบนี้ คือความหอมหวาน หอมนวล หอมจนติดอยู่ที่ปลายจมูก หอมเหมือนดอกกุหลาบแรกแย้ม หอมจนเธอแทบอยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ แต่คงไม่ได้ เพราะวันนี้เธอมีภารกิจสำคัญที่ทำให้ต้องขับรถและต่อเรือมาเพื่อให้ถึงที่นี่แต่เช้าตรู่
ดวงตาสวยหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตมองตรงไปยังเรือนไม้สักทองหลังงามที่แยกออกจากโฮมสเตย์ที่มีไว้ให้แขกพัก โดยมีคลองหลอดทำหน้าที่แบ่งอาณาเขตและมีสะพานไม้ตีกว้างประมาณ 1 เมตรเป็นตัวเชื่อม เธอก็ไม่รั้งรอที่จะก้าวข้ามไปในทันที ทว่า...
“อุ้ย!”
ร่างแบบบางล้มคะมำไปด้านหน้าจนกระแทกกับพื้นกระดานให้ได้เจ็บ ธารธาราซู้ดปากเพราะฝ่ามือที่ค้ำยันร่างเอาไว้นั้นถูกเสี้ยนของแผ่นกระดานตำเข้าไป
“ก็ใครใช้ให้เธอใส่รองเท้าส้นสูงมาบ้านสวนกันล่ะ สมแล้ว”
ธารธาราบ่นกับตัวเอง พลางมองรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลแบบผู้ดีที่เจ้าส้นแหลมสูง 3 นิ้ว เข้าไปติดอยู่ในร่องของแผ่นไม้ที่ตีไว้ไม่ชิด ชุดสวยเปื้อนไปด้วยรอยชื้นของแผ่นกระดานจนเห็นเป็นคราบดำปนเขียวของตะไคร่น้ำกระจายอยู่ ทั้งฝ่ามือก็เป็นแผลถลอกและมีเสี้ยนสีดำตำอยู่หลายจุดด้วยกัน และรองเท้าก็ยังค้างติดอยู่ในร่อง แต่ขืนเธอยังนั่งอยู่ตรงนี้ ความเร่งรีบที่พาตัวเองมาจนถึงที่นี่แต่เช้าตรู่คงได้เป็นหมันแน่ คิดได้อย่างนั้นธารธาราจึงรีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนจะเห็นร่างอวบอิ่มสมวัยของใครบางคนที่กำลังเดินขึ้นเรือนไป
“พี่จันทร์คะ! พี่จันทร์! พี่จันทร์... ไม่ได้ยินแฮะ เอาไงดี” มองไปรอบตัวเพื่อหาคนช่วย แต่ก็ไม่เห็นใคร ทั้งแสงสว่างก็เริ่มลอดใบไม้ลงมามากขึ้น
“ไม่ได้ เราต้องรีบ ถ้าตื่นก่อนล่ะยุ่งเลย อุตส่าห์รีบมาแต่เช้าแท้ๆ” คิดได้ดังนั้น ธารธาราจึงถอดรองเท้าถือเอาไว้และรีบพาร่างกระโผลกกระเผลกของตัวเองเดินตรงไปให้ถึงเรือนไม้ด้านหน้าอย่างไว หวังเพียงอย่าให้คุณแม่บ้านไปปลุกเขาให้ตื่นก่อนที่เธอจะขึ้นไปหา
แค่คิดความร้อนวูบวาบก็พุ่งริ้วไปทั่วใบหน้าจนธารธาราต้องชะงักเท้าก้าวเดิน ก่อนจะยิ้มและเดินต่อ ดวงตาหวานเป็นประกายมองตรงไปข้างหน้าอย่างมาดหมาย ยังไงเธอต้องไปทันแน่ วันสำคัญอย่างนี้เธออยากมาเซอร์ไพรส์เขาแต่เช้า อยากขึ้นไปปลุกเขาถึงเตียงนอน อยากให้เขาลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของเธอเป็นคนแรก เพราะอีกแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น เธอก็จะได้ทำหน้าที่ปลุกเขาบนเตียงนอนในทุกวัน และนั่นรวมถึงการหลับใหลภายใต้อ้อมกอดของกันและกันด้วย
ทว่าเมื่อเธอพาตัวเองขึ้นไปถึงบนเรือน กลับพบว่าจันทร์ยืนกระสับกระส่ายอยู่กลางห้องโถงด้านล่างอย่างร้อนรน ดวงตาที่มีน้ำเอ่อคลออยู่นั้นผิดปกติ
“พี่จันทร์...”
“อุ้ย! คุณน้ำ มาเมื่อไหร่คะ”
“น้ำเพิ่งมาถึงค่ะ เมื่อกี้น้ำเรียกพี่จันทร์อยู่ แต่พี่จันทร์ไม่ได้ยิน พี่จันทร์เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม” ธารธาราเข้าไปจับมือของจันทร์เอาไว้มั่น ถ้าถึงขนาดจันทร์ร้องไห้ออกมาอย่างนี้ ต้องเป็นเรื่องที่หนักหนาแน่ๆ
“พี่จันทร์เป็นอะไรคะ บอกน้ำได้มั้ย เผื่อน้ำจะช่วยได้นะ”
“เอ่อ... พี่... พี่ขอบคุณคุณน้ำค่ะ แต่คุณน้ำช่วยพี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
จันทร์เบือนหน้าไปอีกทางพยายามจะเดินหนี แต่ธารธาราที่ยื้อข้อมือไว้ก็ทำให้จันทร์หลีกไปไหนไม่ได้
“คุณน้ำคะ ปล่อยพี่เถอะค่ะ พี่จะเข้าไปในครัว พี่ต้องเตรียมของใส่บาตรให้คุณภพ”
“พี่จันทร์ คุยกับน้ำก่อนสิคะ อย่าเพิ่งเดินหนี พี่มีอะไรไม่สบายใจ พี่บอกน้ำสิ แล้วนี่พี่ภพตื่นหรือยังคะ พี่ภพรู้มั้ยว่าพี่จันทร์มีเรื่องไม่สบายใจอย่างเนี้ย”
“คุณภพ... เอ่อ... คุณภพ...”
“พี่ภพทำไมคะ พี่ภพเป็นอะไรเหรอคะ”
ธารธารายิ่งงุนงง เพราะเมื่อเธอพูดถึงเจ้าของโฮมสเตย์ จันทร์กลับมีทีท่าอึกอักมีพิรุธมากขึ้น ยิ่งตอนนี้ที่แม่บ้านสาวใหญ่ของเขาพรั่งพรูหยาดน้ำตาออกมาราวกับทำนบแตก แล้วจะให้เธอเข้าใจว่ายังไง ที่จันทร์ร้องไห้นี่เกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่า เขาเป็นอะไร หรือว่า เขาทำอะไร จันทร์ถึงมีท่าทีแบบนี้
“พี่จันทร์ พี่จันทร์ใจเย็นๆ นะคะ พี่ภพอยู่ไหนคะ”
“เอ่อ... คุณน้ำคะ วันนี้คุณภพคงไม่สะดวก คุณน้ำกลับบ้านไปก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณภพลงมาจากห้อง พี่จะแจ้งคุณภพให้โทรหานะคะ ไปค่ะ คุณน้ำกลับบ้านก่อนนะคะ”
“อะไรกันพี่จันทร์ ทำไมพี่ภพถึงจะไม่สะดวกล่ะคะ พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าคะ หรือมีอะไรที่น้ำรู้ไม่ได้ ว่ายังไงล่ะคะ พี่จันทร์ทำน้ำงงไปหมดแล้วนะ เฮ้อ! น้ำจะไปหาพี่ภพ”
ธารธาราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเบี่ยงตัวออกจากฝ่ามือที่พยายามจะฉุดต้นแขนของเธอให้ออกไปจากเรือนไม้นี้ให้ได้ ท่าทางมีพิรุธ มองไปยังชั้น 2 ของตัวเรือนบ่อยครั้ง ราวกับว่าเจ้านายของจันทร์กำลังทำอะไรอยู่ หรือมีอะไรที่ซุกซ่อนอยู่ในห้องนั้น เป็นบางสิ่งที่เธอไม่ควรจะรู้อย่างนั้นเหรอ หรือเป็นอะไรที่ทำให้จันทร์ต้องร้องไห้มากมายอย่างนี้ แล้วคืออะไรล่ะ
“เรื่องของพี่ช่างมันเถอะค่ะ ตอนนี้คุณภพยังไม่ตื่นเลย คุณน้ำกลับบ้านก่อนดีกว่านะคะ ดูสิ เสื้อผ้าเลอะหมดแล้ว คุณน้ำกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ให้คุณภพเห็นแบบนี้คงไม่น่าดูแน่เลย นะคะ เชื่อพี่เถอะค่ะ คุณน้ำกลับก่อนเถอะนะคะ”
“พี่จันทร์!” ธารธาราสะบัดให้พ้นจากการดุนหลังของจันทร์ พร้อมส่งเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน นี่เกิดอะไรขึ้น จันทร์ถึงได้ตั้งใจให้เธอไปจากที่นี่ ความพยายามจะผลักดันเธอให้ออกไปด้านนอกนั้น ก็เพื่อไม่ต้องการให้เธอขึ้นในข้างบนอย่างนั้นเหรอ บนชั้น 2 มีอะไรอยู่ หรือในห้องของเขามีอะไรที่เป็นสิ่งร้ายแรงมาก จนจันทร์ให้เธอเห็นไม่ได้ “คุณน้ำคะ...” “พี่จันทร์ไม่ต้องพูดอีกแล้วค่ะ น้ำไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะคะ ถึงจะมาใช้แผนหลอกล่อน้ำแบบนี้ บอกมาเถอะค่ะว่าพี่ภพอยู่ไหน หรือว่าพี่ภพซ่อนใครไว้ในห้อง พี่จันทร์...” “ไม่... ไม่มี คุณภพไม่ได้ซ่อนใครทั้งนั้น ไม่มีจริงๆ ค่ะ คุณน้ำกลับบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณภพตื่น พี่จะรีบให้โทรหาค่ะ นะคะ พี่ขอร้องล่ะค่ะ กลับบ้านนะคะ” “พี่จันทร์นี่พูดไม่รู้เรื่อง น้ำไม่กลับค่ะ น้ำมีธุระกับพี่ภพ และน้ำก็จะขึ้นไปหาพี่ภพที่ห้องนอนด้วย หลีกค่ะ” น้ำเสียงขาดห้วนพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะธุระของเธอกับเขานั้นไม่มีหรอก มีแต่เธอต้องการจะมาเซอร์ไพรส์วันเกิดของคู่หมั้นต่างหาก แต่ตอนนี้เหมือนว่าเธอกำลังจะถูกเซอร์ไพ
แรงอารมณ์โหมกระหน่ำ ร้องสั่งให้เจ้าของใบหน้าสวยหวานก้มมองเขา สายตาของเธอสื่ออารมณ์เรียกร้อง เธอแลบลิ้น เธอห่อไหล่ ทั้งยังส่งเสียงเสียดเสียว ก่อนจะส่งเต้าอวบอัดดันใส่ปากของเขาให้มากยิ่งขึ้น ดั่งจะบอกเขาว่าเธอต้องการมากกว่านี้ ไม่รอให้บอกซ้ำ เขาเคลื่อนฝ่ามือจากสะโพกขึ้นมาเคล้นคลึงที่เต้าอวบขาวของเธอด้วยความมันจนเกินจะหยุดได้ ซึ่งเธอก็ตอบสนองด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ส่งเสียงสูดลมหายใจรอดไรฟันด้วยความสุข ขณะดวงตาฉ่ำหวานเจือความร้อนแรงในอารมณ์ยังคงทอดมองเขาด้วยความรักอย่างท่วมท้นหัวใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง ทว่าไม่ใช่สะดุ้งเพราะใบหน้าของเธอที่กำลังโลดแล่นควบขี่เขานั้นดูคล้ายกับใครคนหนึ่งที่คุ้นเคย แต่เป็นเพราะเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของใครบางคน ที่ดังชัดอยู่ในห้องนอนของเขาต่างหาก ทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว พร้อมเปิดเปลือกตาออกเพื่อมองหาที่มาของเสียงนั้น ทว่าสิ่งที่เห็นกลับทำให้ ‘แผ่นภพ เคลย์ วิลคินสัน’ ต้องหลับตาลงไปใหม่ ไม่อาจยอมรับได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นจริง เพราะเจ้าของใบหน้าสวยหวานแต่ดูซีดเซียวที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าของเขานี้ ทำให้เขาสะท้านสะเท
เสียงครืดคราดเอี๊ยดอ๊าดอันเกิดจากวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวเป็นจังหวะจะโคนสม่ำเสมอ สลับกับเสียงครวญครางด้วยความร้อนแรงของหญิงชาย ทำให้รู้ได้โดยอัตโนมัติว่าผู้ที่อยู่ด้านในของห้องนั้นกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอย่างถึงพริกถึงขิง แค่นั้นก็ทำให้คนที่ยืนเอาหูแนบไว้กับประตูห้องยิ้มออกมาด้วยความสมใจ เมื่อสิ่งที่ลงทุนทำไปเห็นผลชัดเจน แค่เพียงพรุ่งนี้ทั้งเสียงที่ได้ยินและความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้จะทำให้ทุกสิ่งง่ายขึ้น หญิงวัยกลางคนมีเค้าสวยจัดแต่วัยสาวระบายยิ้มไปทั่วทั้งใบหน้า ดวงตากวาดมองไปทั่วพื้นที่ของเรือนไม้สักทองขนาดใหญ่อย่างชื่นชม ก่อนจะปรายตามองบานประตูด้านข้างอีกครั้ง เพราะเสียงกรีดร้องเล็กๆ ของผู้หญิงที่ดังแว่วมา ยิ่งตอกย้ำชัดเจนว่า ‘สำเร็จ’ ก่อนจะตวัดสายตามองตรงไปข้างหน้าและพาตัวเองเดินนวยนาดตรงไปยังเรือนพักด้านหลัง แต่ระหว่างทางเดินก็ยังไม่วายจะลูบไล้และชำเลืองมองห้องที่มาดหมายเอาไว้ เพราะพรุ่งนี้เท่านั้น เธอก็จะได้ขึ้นมาจับจองและครอบครองเป็นเจ้าของห้องแต่เพียงผู้เดียว รอแค่เช้าเธอจะขึ้นมารับคนด้านในถึงขอบเตียง คนด้านนอกจากไปอย่างสุขใจแต่คนด้านใ
“กรี๊ดดดดด... อาภพขา...” สุขเกินสุข เสียวเกินเสียว เร่าร้อน รุมเร้า และร่อนร่าน จนเกินกว่าทุกสิ่งที่เธอเคยได้รับ มันคือความสุขเหมือนกับหัวสมองลอยคว้างอยู่กลางอากาศ คือหลุมดำอันมืดมิดที่มีแสงสว่างเป็นจุดเล็กสีขาวที่ปลายทาง และเธอต้องไปให้ถึง เพราะคนที่ควบขี่เธออยู่นี้กำลังเร่ง ทุกจังหวะแห่งการกดกระหน่ำลงลึก พร้อมๆ กับหน้าท้องที่ถูกช้อนให้สูง เพื่อให้หัวเข่าเป็นจุดที่สัมผัสกับที่นอนนุ่มแทนร่างกายท่อนล่าง นั่นยิ่งทำให้เธอต้องบีบรัดความยิ่งใหญ่ของเขาเอาไว้แน่น เพราะความเสียวพุ่งริ้วสูงสุดจนถึงโสตประสาท ความล้ำลึกทำให้ขนอ่อนทั่วทั้งกายลุกพึ่บอย่างหยุดไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือผ่อนปรนระบายความเสียวของลมหายใจผ่านริมฝีปาก แต่ยิ่งซู้ด มันก็ยิ่งซี้ด ยิ่งเธอซี้ด เขาก็ยิ่งกดกระแทกไม่ยั้ง “โอว... อูย... โอว... เยี่ยม... โอว... เยี่ยมที่สุด... โอว...” รอยยิ้มเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าแสดงความสุขสมของเขา เพราะเธอก็สุขไม่แพ้กัน ทั้งสุขทั้งเสียวสุดๆ จนต้องระบายความซาบซ่านนั้นลงไปหาสิ่งที่ใกล้มือ ปลายเล็บจิกทึ้งลงไปที่