วันต่อมา...
คาริสาเดินกระแทกเท้าตึงตังลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้าน เรื่องเมื่อคืนเธอยังงอนไม่หาย ก่อนจะเจอแดเนียลซึ่งกำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างหนัก
“ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้น” คาริสากอดอกถามด้วยน้ำเสียงและแววตาไขสือ แดเนียลคงไม่พอใจที่เธอเดินเสียงดังล่ะมั้ง
“ขอโทษป้าพรซะ”
“ขอโทษ?เรื่องอะไร ทำไมฉันจะต้องขอโทษป้าพรด้วย?”
“ป้าพรบอกฉันเรื่องเมื่อคืนหมดแล้ว”
“เรื่องเมื่อคืน?นี่ป้าพูดอะไรกรองหูแดน” คาริสาหันไปถามป้าพรด้วยความไม่พอใจ กล้าดียังไงมาใส่ความเธอ หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายแสดงความก้าวร้าวออกมาชัดเจน
“เคส! หัดพูดจาให้มันมีสัมมาคารวะบ้างนะ เธออายุน้อยกว่า ใครเขาให้กอดอกพูดกับผู้ใหญ่แบบนั้น เอามือลงแล้วขอโทษป้าพรซะ!”
“ไม่!” เธอไม่ได้ผิดอะไรทำไมจะต้องขอโทษด้วย
“ฉันบอกให้เธอขอโทษป้าพร!” แดเนียลขึ้นเสียงตวาดใส่ การกระทำของคาริสาทำให้เขาเกิดอารมณ์เดือดดาลขึ้นมา
ป้าพรมองหน้าคาริสาพลางยิ้มเยาะเย้ย คนไม่ยอมใครอย่างเธอหรือจะทน เดี๋ยวแม่จะเล่นบทร้ายให้ดู
“แล้วถ้าฉันไม่ขอโทษ” คาริสาพูดยังไม่จบแดเนียลก็กระชากแขนของเธอด้วยอารมณ์โมโห
“เธอคงลืมไปนะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ รู้ใช่ไหมว่าฉัน...” แดเนียลกัดฟันขบสันกรามแน่น ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนผู้คนที่รอบข้างไม่อาจได้ยิน มือหนาค่อย ๆ ถกชายเสื้อของเธอขึ้น คาริสามองลงต่ำเห็นการกระทำน่ารังเกียจนั้นจึงสะบัดมือเขาทิ้ง
“นายมันโรคจิต!” ว่าแล้วคาริสาก็รีบวิ่งออกไปแต่ก็ไม่พ้นลูกน้องของเขาที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูทางออก “หลีกไปนะ!”
“อย่าคิดจะแข็งข้อกับฉัน ขอโทษป้าพร...”
“ไม่!”
“เคส!” แดเนียลขึ้นเสียงตวาดอย่างลืมตัว คาริสามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ คงไม่ได้แค่ต้องการให้เธอขอโทษป้าพรแน่ ก่อนจะวิ่งหนีขึ้นห้องไปทั้งที่น้อยใจ
“ป้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณเคส ทำไม...?”
“ก็แค่อยากหาเรื่องใครบางคนเล่น” พูดจบแดเนียลก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะเร่งเท้าเดินตามหญิงสาวขึ้นไปบนห้อง เขาชอบนักล่ะเวลาเห็นเธอทั้งงอนทั้งโกรธแบบนี้ เหมือนได้ย้อนกลับไปตอนที่คบกันเป็นแฟน งอนกันทะเลาะกันเป็นสีสันของชีวิตคู่
ปัง!
คาริสาตั้งใจปิดประตูห้องเสียงดังพร้อมกับล็อกประตูห้องเอาไว้อย่างหนาแน่น
“เคส...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ” แดเนียลทุบประตูห้องเสียงดังด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด
ปัง!ปัง!ปัง!
“เคส! ฉันบอกให้เปิดประตู!” เสียงทุบประตูยังคงดังระรัวต่อเนื่อง คาริสาไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปสักคำ เธอยังคงนิ่งเงียบด้วยความน้อยใจที่แดเนียลเห็นคนอื่นดีกว่า “ถ้าฉันเข้าไปได้เธอเจอดีแน่”
“กุญแจห้องของคุณเคสค่ะ” ป้าพรนำกุญแจห้องของคาริสามาให้กับเจ้านายหนุ่ม “คุยกันดี ๆ นะคะนายน้อยอย่ามีทะเลาะกันเลย”
“ไม่มีอะไรหรอกนาป้า” แดเนียลเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ กลับมาเจอคนรักเก่าทั้งทีก็ต้องเล่นใหญ่หน่อย มือหนาดันประตูห้องเข้าไปก่อนจะกระแทกมันให้ปิดเสียงดังลั่น
ปัง!
“ขะ...เข้ามาได้ไง” คาริสาที่นั่งสงบนิ่งอยู่บนเตียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัด เนื่องจากตกใจกลัวท่าทีของอีกฝ่าย
“เข้าใจคำว่าเจ้าของบ้านไหม เจ้าของบ้านเขาต้องมีกุญแจ” แดเนียลเอ่ยพูดพร้อมแกว่งกุญแจไปมา ก่อนจะกระชากแขนคาริสาให้ลุกขึ้นยืน เขาบีบแขนเรียวรุนแรงจนเป็นรอยแดง
“โอ๊ย! ฉะ...ฉันเจ็บนะ”
“อยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม”
“ทำไม จะทำอะไร อื้อ!” มือหนาดันท้ายทอยคาริสาเข้ามาจูบปากแนบชิด มือหนากอบกุมข้อมือน้อยทั้งสองไว้พลางซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น
สองมือเล็กรัวกำปั้นทุบตีแผ่นหลังแกร่งอย่างแรง ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจจูบของเขา เพียงแต่เธอไม่ชอบการใช้กำลังบังคับขูเข็ญกันแบบนี้
“อื้อ ปล่อยนะแดน ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
แดเนียลหยุดการกระทำหื่นกามไว้ชั่วครู่ เขามองคนตรงหน้าแล้วนึกขำ
“ใครจะช่วยเธอได้ ที่นี่บ้านของฉัน คนที่นี่ก็เป็นคนของฉัน ไหนบอกมาหน่อยสิว่าใครหน้าไหนมันจะช่วยเธอได้”
น้ำตาสีใสไหลอาบแก้มสวยอย่างไม่อาจหักห้าม ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้กับการกระทำของแดเนียล แต่คำพูดคำจาเหล่านั้นทำให้คาริสาน้อยใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้!” น้ำตาของเธอมีผลต่อใจเขาเสมอ
แดเนียลมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด แค่จะแกล้งเธอเล่น ๆ ไม่ได้อยากเห็นเธอร้องไห้สะอื้นเสียหน่อย
“อึก!” คาริสาส่งเสียงสะอึกสะอื้นพยายามบังคับตัวไม่ให้ร้องไห้โหออกมา “ใครมันจะไปสั่งน้ำตาไม่ให้ไหลได้เล่า”
“ก็ฉันนี่ไง” แดเนียลดึงร่างคาริสาให้นอนคว่ำบนท่อนขาของเขา ก่อนลงมือทำโทษเธอแบบเด็ก ๆ ที่เขาชอบทำ
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
เสียงฝ่ามือหนาที่กระทบก้นของหญิงสาวดังพร้อม ๆ กับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเธอ
“อร้ายยยยย! มาตีก้นฉันทำไม”
“เด็กดื้อไม่เชื่อฟัง ต้องโดนทำโทษ”
“แต่ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ”
นี่แหละที่เขาต้องการ แค่อยากเห็นเธอร้องโวยวายแบบนี้ น่ารักดี
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
“เด็กดื้อชอบเถียงโดนทำโทษอีกสองที”
“ไม่เอา งื้อ”
“อะไรนะ เธอว่าไงนะ”
เพี๊ยะ!
“อร้ายยยยย! พอแล้ว ฉันยอมแล้ว”
“ยอมอะไร”
เพี๊ยะ!
“ฮือ ๆ ไม่ดื้อแล้ว”
“แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” แดเนียลจูบปากคาริสาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนจมูกไล้ตั้งแต่หน้าผากมนลงมาจรดปลายคางอย่างหยอกล้อ “อยู่ที่นี่ต้องตามใจฉันทุกอย่าง ถ้าดื้อหรือขัดใจฉันจะลงโทษ”
“ทำไม นายจะปล้ำฉันเหรอ”
“ก็อาจใช่ หรือไม่ฉันก็อาจจะจับเธอขึงไว้กับเตียงแล้วฟาดด้วยแส้…”
“อี้” คาริสาผลักแดเนียลออกห่างจากกาย เธอสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมบ้าคลั่งและไร้เหตุผลของเขา
“ไปอาบน้ำแต่งตัว ฉันให้เวลาเธอสามสิบนาที”
“ไม่...”
“ฉันบอกให้ลุกขึ้น” แดเนียลขึ้นเสียงกับคาริสาอีกครั้ง เขากระชากข้อมือของคาริสาขึ้นทั้งสองข้าง ส่งผลให้เธอลุกขึ้นยืนอย่าง
“ฉันไม่ใช่นักโทษนะแดน”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้ก็อย่าดื้อสิ” แดเนียลเอ่ยพูดขณะที่มือลูบแก้มของเธอไปด้วย “ไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวซะ อย่าทำให้ฉันต้องหงุดหงิด”
“...” คาริสายังคงนิ่งเฉย เธอรู้สึกเกลียดการกระทำของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็น เหมือนเขากำลังวางอำนาจกับเธอ
“จะไปดี ๆ หรือจะให้ฉันอุ้มไป หรือว่าเธออยากให้ฉันอาบน้ำให้” สิ้นคำพูดของแดเนียล คาริสาก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปในห้องน้ำทันที
แดเนียลยืนรอคาริสาอยู่หน้าห้องสลับกับมองนาฬิกาอยู่ตลอด ไม่นานนักคนที่เขารอก็เปิดประตูออกมา เธอสวมชุดที่เขาสั่งป้าพรจัดเตรียมไว้ให้ เดรสรัดรูปสีชมพูอ่อนต่อด้วยกระโปรงสั้นซึ่งกางเกงด้านในเชื่อมติดกับกระโปรง แดเนียลไล่มองคาริสาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“จะมองฉันอีกนานไหม”
“สวย”
“วะ...ว่าไงนะ” เจอคำชมนั้นเข้าไปใครจะไม่เขิน
“ก็สวยดี แต่งตัวสวยแล้วก็ยิ้มสวย ๆ ด้วย”
คาริสาข่มตาหลับกัดฟันฝืนยิ้มให้เขาอย่างไม่เต็มใจนัก
“พอใจยัง!”
แดเนียลพาคาริสานั่งสปีดโบ๊ตไปค้างคืนที่เกาะส่วนตัวอีกฝั่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ที่นั่นอากาศดีและเงียบสงบคาริสากางแขนรับลมที่พัดแรงพลางสูดหายใจเข้าออกรับความสดชื่นเต็มปอด มือเล็กลูบแขนตัวเองเบา ๆ เมื่อความหนาวเหน็บมาเยือน แดเนียลถอดเสื้อของตนออกแล้วนำมันมาคลุมให้คนร่างน้อย พลางโอบกอดเธอไว้ให้ความอบอุ่น“ทะ...ทำอะไร”“ก็กอดเธอไง หนาวไม่ใช่เหรอ”“ใครหนาว?”“ตัวสั่นขนาดนี้ไม่ได้หนาวหรอกเหรอ”“ไม่!” คาริสาปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้าหวานบูดบึ้งเพราะยังเคืองเขาอยู่“แต่ฉันอยากกอดเธอ” แดเนียลกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูใบเล็ก“ไม่ต้องเลย” หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวออกแต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอม เขากอดเธอไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม“ยังโกรธฉันอยู่หรือไง ไม่เอาน่าเลิกงอนได้แล้ว” แดเนียลวางปลายคางลงบนไหล่มน ทั้งที่อ้อมแขนยังโอบกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อยคาริสาเหลือบหางตามองเขาเพียงนิด คงเป็นวิธีง้อของแดเนียลนั่นแหละ มันอาจจะไม่ค่อยหวานเท่าไรนัก แต่ดันใช้ได้ผลกับเธอตลอดเมื่อถึงที่หมายแดเนียลจูงมือคาริสาเข้าไปในบ้านพักขนาดเล็ก ตัวบ้านทำด้วยไม้หนึ่งชั้นมีของใช้ทุกอย่างครบครั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้สองวัน ป้าพรได้สั่งให้คนรับใช้คนอ
ยามเช้าใกล้สาย คาริสาบิดขี้เกียจด้วยความเหนื่อยและความง่วงเล็กน้อย เมื่อขยับตัวเธอกลับรู้สึกว่าแขนทั้งข้างเธอถูกมัดขึงไว้กับขอบเตียง และรู้สึกว่าช่วงล่างมันคับแน่นไปหมด เธอค่อย ๆ ลืมตาอย่างช้า ๆปึก! ปึก! ปึก!“เป็นไง เธอชอบไหม” คาริสาถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของแดเนียลปึก! ปึก! ปึก!แดเนียลที่คร่อมอยู่บนตัวของเธอพลางทำหน้าฟิน เมื่อคาริสามองเห็นอย่างนั้นเธอส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่น“แดน! นี่นายลักหลับฉันเหรอ” คาริสาพูดพลางสีหน้าหงุดหงิด“เมื่อวานเรายังไปได้ทำกิจกรรมก่อนนอนเลยนะ เธอดันเล่นเป็นลมไปก่อนนี่ยังมาตื่นสายอีก ฉันทนรอไม่ไหวแล้วขอหน่อยแล้วกันนะ”เมื่อวานจำได้ว่าจูบอยู่กับแดเนียลแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย“ไม่ขัดขืนแบบนี้แปลว่าชอบใช่ไหม”“ทุเรศ! นายมันลามกบ้ากามวิปริตผิดมนุษย์ นายทำได้ยังไง”“ฉันก็ทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอก แต่ฉันทำได้มากกว่านั้น”“นายจะทำอะไร” แดเนียลหยิบแส้ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขาทำท่าฟาดแส้ใส่คาริสา แต่มีหรือที่หญิงสาวจะยอมเธอได้แต่ส่งเสียงกรี๊ดออกมาดัง ๆกรี๊ดดดดด!คาริสากรีดร้องจนสะดุ้งตื่น เธอหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงเพื่อไปจัดการธุร
“ป้าพรคะ เคสต้องขอโทษป้าพรด้วยนะคะที่ทำตัวไม่มีสัมมาคารวะกับป้า เคสขอโทษจริง ๆ ค่ะ” ป้าพรแอบอมยิ้มน้อย ๆ เพราะส่วนตัวแล้วป้าพรไม่ได้อยากมีเรื่องบาดหมางกับคาริสา ทั้งหมดก็เป็นเพราะแดเนียลทั้งนั้น“หวังว่าคุณเคสจะรู้สึกผิดจริง ๆ นะคะ”คำพูดของป้าพรทำเอาคาริสาต้องหันไปมองแดเนียลด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ คนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นต่างแอบยิ้มเย้ยเบา ๆ เพราะไม่ว่าใครก็ต้องแพ้ทางให้กับป้าพร แน่นอนว่าคาริสาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่เธอก็ต้องเก็บอาการ“รู้สึกผิดจริง ๆ สิคะ อันที่จริงถ้าเคสไม่รู้สึกผิด เคสก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษป้าพรก็ได้ แต่นี่เคสเห็นว่าป้าพรเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ เราก็ต้องรู้จักมีมารยาทถูกไหมคะ”คาริสาพูดแล้วลากเสียงตรงคำว่า ‘แก่’ ป้าพรที่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอ จึงหันไปพูดกับแดเนียลแทน“นายน้อยคะ เชิญทานข้าวดีกว่าค่ะ อาหารกำลังร้อน ๆ เดี๋ยวจะเย็นหมดก่อน” แดเนียลพยักหน้าแล้วหันไปชวนคาริสามาทานข้าวด้วยกันในขณะที่ทานข้าวอยู่เอกเดินมากระซิบที่ข้างหูของแดเนียล ทำให้คาริสาต้องจ้องมองพวกเขาอย่างไม่ละสายตาแต่เธอก็ทำเป็นทานข้าวไปด้วยฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันไปด้วยคาริสาเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างกระว
ณ บริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุปรถหรูหลายคันจอดสนิทอยู่หน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองกรุง แดเนียลหลานชายเพียงคนเดียวของ คุณหญิงอำไพวัลย์ วงศ์วริศ หรือ ย่าน้อย กำลังจะได้สืบทอดตำแหน่งเป็นผู้บริหารในอีกสองเดือนข้างหน้าร่างสูงโปร่งก้าวขาลงจากรถโดยมีเหล่าพนักงานของบริษัทฯ ยืนรอต้อนรับอย่างอบอุ่น“ยินดีต้อนรับค่ะคุณแดเนียล” ไอรีนเลขาสาวเป็นตัวแทนมอบดอกไม้ช่อใหญ่และเอ่ยต้อนรับว่าที่ประธานบริษัทอย่างยิ้มแย้มทว่าอีกฝ่ายกลับชักสีหน้าเฉยชาใส่ทุกคน ก่อนจะสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแสตามอารมณ์“ฉันไม่ชอบดอกไม้!” แดเนียลไม่แม้แต่จะมองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ เขาเดินจากไปทั้งที่ไอรีนและเหล่าพนักงานคนอื่นต่างหน้าชาไปตามกันอีกด้าน คาริสาเห็นประกาศรับสมัครพนักงานทำความสะอาดของบริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุป เธอจึงแฝงตัวเข้ามาทำงานชั่วคราว เล่นเอาเหล่าพนักงานคนอื่น ๆ ถึงกับประหลาดใจกันยกใหญ่ เพราะคนสวยหุ่นดีแบบเธอควรจะได้ทำงานดี ๆ กว่านี้“คุณแดเนียลเป็นถึงว่าที่ท่านประธาน ใคร ๆ ก็ต้องเกรงขาม อย่างพวกหล่อนเป็นแค่พนักงานทำความสะอาด อย่าได้หลงเข้าไปในห้องทำงานคุณแดเนียลเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน
ณ บริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุปที่สุดแสนจะวุ่นวายในทุก ๆ วัน พนักงานที่เอาแต่ประจบประแจงกับเจ้านายที่ไม่เคยเห็นหัวใคร“คุณไอรีนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าดูซีด ๆ” เอกเห็นไอรีนเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็อดที่จะเสนอหน้าเป็นห่วงไม่ได้“คือไอแค่เอากาแฟกับของว่างไปเสิร์ฟคุณแดเนียลน่ะค่ะ เห็นคุณเอกไม่อยู่เลยถือวิสาสะเข้าไปเอง แต่ก็โดนไล่ตะเพิดออกมา”คนที่คอยรองมือรองตีนรับอารมณ์แปรปรวนของเจ้านายไม่เว้นแต่ละวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“นายไม่ทานกาแฟครับ”“จริงเหรอคะ ไอนี่แย่จริง ๆ ทำไมถึงไม่รู้ว่าเจ้านายชอบอะไรไม่ชอบอะไร” ในขณะที่ไอรีนบ่นอยู่เอกก็นึกอะไรขึ้นมาได้“สักครู่นะครับคุณไอรีน” เอกเดินไปอีกทาง ทิ้งให้ไอรีนมองตามด้วยความงงงวย“เมื่อวานทำไมถึงไม่มาทำงาน”“เคสไม่สบายค่ะ”“ข้ออ้าง! เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ฮะ! จะมาทำงานตอนไหนก็ได้หรือไม่มาก็ได้...”ขณะที่คาริสาก้มหน้ารับผิด สาลี่ก็เหลือบไปเห็นเอกที่กำลังเดินตรงมายังห้องพักพนักงาน“หูย...คุณเอกมา”เพื่อนร่วมงานที่ได้ยินก็พากันมองอย่างไม่ละสายตา เพราะเอกเป็นถึงมือขวาของแดเนียล รูปร่างหน้าตาจัดว่าเด็ดไม่เป็นสองรอ
บนทางเดินฟุตบาศก์ที่แสนมืดมน เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินผ่านกันไปมา ทั้งที่คาริสาเดินสวนกับผู้คนไม่ซ้ำหน้า แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าตัวเธอเดินอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง ห้วงความคิดอันหนักอึ้งวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา“ที่นายบอกจะให้ฉันไปเป็นผู้หญิงของนาย ไม่สิ เป็นไม้กันหมาให้นายสองเดือน ฉันตกลงนะ”“...”“แต่ฉันจะทำหน้าที่นั้นแค่แปดชั่วโมงต่อวันเหมือนพนักงานเงินเดือนทั่วไป เริ่มตั้งแต่แปดโมงตรงจนถึงสิบหกนาฬิกาตามเวลางานปกติ ร่างสัญญาวันนี้เลย”“ไม่!ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิเคส” แดเนียลคัดค้านเสียงแข็ง คนตรงหน้าก็ช่างเจรจาต่อรองเก่งซะด้วย“แล้วจะเอายังไง”“เธอต้องทำหน้าที่เป็นผู้หญิงของฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน หมายความว่าเธอจะต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา”ให้ตายเถอะ! จะให้ตัวติดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่ไหวไหมแต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ทำภารกิจที่หัวหน้ามอบหมาย ตามหาไดรฟ์อะไรนั่น“ขอคิดดูก่อน”“จะต้องคิดอะไรอีกละเคส ค่าตอบแทนฉันให้เธอเรียกได้เลยไม่อั้น”“ได้! ฉันคิดเดือนละห้าแสน สองเดือนก็หนึ่งล้านพอดี จ่ายมาก่อนตอนนี้สามแสนเป็นค่ามัดจำ”“เอาบัญชิมา ฉันโอนให้เดี๋ยวนี้เลย”คาริสาไม่คิดว่าแดเนียลจะพูดจริงทำจริ
“เรียบร้อยหรือยังครับคุณเคส”เสียงของเอกทำให้คาริสาสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปพยักหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการตกใจขณะเดินลงมาหน้าอพาร์ตเมนต์ คาริสาจึงใช้โอกาสนี้ถามเอกเรื่องแดเนียล เนื่องจากวันนี้เขาดูอารมณ์ไม่ดี อยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามเอกก็พูดขึ้นมาก่อน“ชอบอ่านหนังสือพิมพ์เหรอครับ”“ทำไม?”“ท่าทางคุณจะชอบอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรข้ามชาติ ผู้ร้ายต้างแดนอะไรพวกนี้นะครับ”“ไม่เกี่ยวเลย ข่าวในหนังสือพิมพ์มีอะไรอัปเดตฉันก็อ่านตามนั้น” คาริสาหรี่ตามองเอกอย่างลองเชิง เธอชักจะไม่ไว้ใจลูกน้องคนนี้ของแดเนียลซะแล้ว“แปลกนะครับ เพราะเท่าที่ผมเห็น มีแต่หนังสือพิมพ์ปีก่อน ๆ ไม่มีฉบับปัจจุบันเลย”เอกยิ้มมุมปากแล้วเดินแยกออกไปจัดการกับสัมภาระท้ายรถ ทิ้งให้คาริสามองตามหลังด้วยความหมั่นไส้คอยดูเถอะ จะฟ้องแดเนียลให้จัดการสถานหนัก!คนมีแผนร้ายกระโดดขึ้นมานั่งบนรถด้วยท่าทางดี๊ด๊า เธอทำหน้าออดอ้อนหวังเอาใจมาเฟียหมุ่น ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยฟ้องอะไร ก็กลับถูกเขามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์มองแรงขนาดนี้ จับเธอโยนลงจากรถเลยดีกว่า“ฉันไม่รู้ว่านายไปอารมณ์เสียมาจากไหน แต่...” คาร
“เคสเป็นอะไร” แดเนียลที่ได้ยินชื่อคาริสาก็ละความสนใจจากลูกน้องตรงหน้า แล้วรีบเดินไปหาป้าพิมพ์ทันที“คุณเคสตกบันไดค่ะ ช่วยคุณเคสด้วย!”“เคส!” แดเนียลรีบวิ่งไปหาคาริสาทันควัน เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากเธอ“ถือว่าคุณเคสช่วยชีวิตมึงก็แล้วกันนะ” เอกตรงไปหาลูกน้องที่ถือปืนจ่อกบาลตัวเองอยู่ พลางขอปืนคืนกลับไป“คุณเคส คือ?”“ไม่ต้องอยากรู้หรอกว่าเธอคือใคร มึงไปพักเถอะ เดี๋ยวกูคุยกับนายเอง”เอกมองปืนในมือแล้วแสยะยิ้ม เนื่องจากมันนี้ไม่มีกระสุนตั้งแต่แรก เจ้านายของเขาแค่ต้องการลองใจความจงรักภักดีของลูกน้องเท่านั้น เอกรู้จุดประสงค์ของแดเนียลดีณ โรงพยาบาลเอกชน“เคสเป็นยังไงบ้างครับหมอ”ทันทีที่เห็นหมอเดินออกมาจากห้องเอกซเรย์ แดเนียลก็รีบถามอาการของคาริสา“คนไข้ตกมาจากที่สูงและถูกกระแทกด้วยพื้นแข็งหลายครั้ง ทำให้กระดูกแขนขวาและขาขวาร้าว ส่วนอื่น ๆ ฟกช้ำเล็กน้อย หมอใส่เฝือกและให้ยาแก้ปวดไปทาน รับยาแล้วกลับบ้านได้เลยนะครับ”“เธอเป็นยังไงบ้างเคส” แดเนียลรีบเข้ามาดูอาการของคาริสาทันทีที่ได้รับอนุญาต ความห่วงใยของเขามันแสดงออกมาชัดเจนผ่านการกระทำ“แดน... โอ๊ย!” คาริสาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แดเนีย
“แดน ฉันขอโทษ ฮือ ๆ” สิ่งที่คาริสากลัวมาตลอดมันได้เกิดขึ้นแล้ว แดเนียลคงโกรธเกลียดเธอจนเข้าไส้“เธอไม่ต้องขอโทษ” ความรู้สึกเย็นที่ข้อมือทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าไปมองก็เห็นว่าชายหนุ่มกำลังจัดการล็อกข้อมือของเธอด้วยกุญแจที่แอบเตรียมไว้ดึงแขนล็อกกับมุมเตียง“แดน ไม่เอา ฮือ ๆ อย่าทำฉันเลย” คำขอร้องอ้อนวอนที่เขาไม่มีทางเห็นใจ เธอตะโกนออกมาจนเสียงแหบแห้ง ร้องไห้จนแทบจะไม่เหลือน้ำตาให้ไหลแดเนียลหายเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่เชื่อมติดกับห้องนอน เขาควานหาของบางอย่างที่เคยซื้อเก็บไว้ในนั้น จนในที่สุดเขาก็หามันเจอคาริสาตกใจกลัวเบิกดวงตากลมโตจ้องมองสิ่งที่แดเนียลถือมาด้วย เซตพันธนาการจำนวนเกือบสิบชิ้นได้ถูกวางไว้ข้างตัวของคาริสาที่นั่งชันเข่าหลบมุมอยู่“เลือกสักชิ้นสิเคส”“ไม่! นะ...นายมีของแบบนี้ด้วยเหรอ อึก!” คาริสาเอ่ยด้วยอาการหวาดกลัว“กลัวเหรอ? ฉันสัญญาว่าจะทำกับเธอให้เบามือที่สุด” มือหนาจับดึงผ้าห่มส่วนที่ปกปิดร่างเปลือยเพียงเล็กน้อยออกจากร่างกายของเธอ“อื้อ!” เสียงกรีดร้องส่งเสียงดังกังวานลั่นห้องทันทีเมื่อถูกแส้ฟาดลงบนเนื้อหนังอย่างเต็มแรง “ไม่ ฉันเจ็บ อึก! ไม่เอา อร้ายยยยย!”เธอ
“ทำไมต้องใช้วิธีนี้ด้วยล่ะ” คาริสาพึมพำเบา ๆ สีหน้าเหมือนหงุดหงิดที่เสียรู้แดเนียล“อันดับแรก พูดความจริงกับฉัน” แดเนียลพูดเสียงเรียบแต่ในตาของเขากลับมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะระเบิดออกมาราวกับเขารู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคาริสา เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาอยากจะรู้ความจริงจากปากเธอไม่ใช่คนอื่น และตอนนี้แดเนียลก็กำลังให้โอกาสคาริสาสารภาพอยู่ ซึ่งคาริสาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงก่อนพูดบางอย่างออกไป“ฉันเป็นคนขององค์กร” คาริสาเริ่มต้นประโยคที่แดเนียลเองก็รู้อยู่แล้วเขาเพียงแต่ต้องการให้คาริสาพูดมันออกมาแค่นั้น“ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกทุกเรื่องเกี่ยวกับองค์กรนี้รวมกับทุกเรื่องของเธอด้วย” มือหนาข้างหนึ่งจับกระชากแขนของหญิงสาวตรงหน้าแต่เพราะมีผ้าห่มผืนหนาห่อหุ้มไว้แรงเหวี่ยงเลยดูไม่แรงนัก ชายหนุ่มฟังกับคำถามที่อยากรู้“ตั้งแต่เด็ก แต่ว่าตอนที่เราเจอกันเมื่อห้าปีก่อนฉันออกจากองค์กรแล้ว พอหลังจากที่เราเลิกกันฉันก็กลับเขาองค์กรอีกครั้ง”แน่นอนว่าสิ่งที่คาริสาพูดอยู่เป็นข้อมูลแดเนียลไม่เคยรู้มาก่อน“องค์กรนี้มันต้องการอะไรจากฉัน”“สิ่งที่อยู่ในมือของนาย” คาริสาพูดพร้อมส่งสายตาไปที่มือของแดเนียลข้างที่
แดเนียลถอนความใหญ่โตออกจากช่องสวาทมือหนาจับดึงร่างเปลือยที่นอนฟุบอยู่ให้ลุกขึ้นนั่งจัดการสาวสวยให้หันหน้ามาหาตน“หรือจะเอาจนถึงเช้าดี” เขาโน้มหน้าถามกึ่งจริงกึ่งหยอกอีกครั้ง พร้อมจับเสยผมหญิงสาวให้มองเห็นหน้าชัด ๆ“...” คาริสาไม่พูดอะไรนอกส่ายหัวปฏิเสธ เธอส่งสายตาวิงวอนชายหนุ่มที่ยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นมีเพียงกางเกงที่ซิปถูกรูดออกเพื่อให้ความเป็นชายโผล่ผงาดออกมาคาริสากลืนน้ำลายอยากลำบากเพราะตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นมันกำลังชี้โด่ตรงหน้าของเธออยู่“เจ็บมากเหรอ” แดเนียลพูดทั้งที่สายตาดูไม่เห็นอกเห็นใจเธอเลยสักนิด มือข้างหนึ่งจับท่อนเอ็นตัวเองสาวเล่น“...” คาริสาพยักหน้ารับพร้อมกับปล่อยน้ำตาของความเจ็บปวดออกมา“ฉันต้องการคำตอบที่เป็นคำพูด” มือข้างที่ไม่ได้สาวท่อนเอ็นจับดึงใบหน้าคาริสาที่เต็มด้วยคราบน้ำตาให้ปริปากออกมา“ฉันเจ็บ อึก! ไม่ไหวแล้ว”“ไม่ไหวก็ต้องไหว ไหนบอกจะตามใจฉัน ทำไมแค่นี้ยอมแพ้แล้วล่ะ”“อึก! ก็ฉันไม่คิดว่านายจะรุนแรงขนาดนี้”“เป็นผู้หญิงของฉันอย่าร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้ อมเข้าไปซะ”ในขณะที่พูดแดเนียลก็ยัดความใหญ่โตเข้าปากคาริสา จับศีรษะเธอให้กดเข้ามาครอบครองท่อนเอ็นรักแต่ความ
“ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย ยังไงฉันก็ยอมนายอยู่แล้ว” คาริสาใช้มือข้างหนึ่งยื่นไปสัมผัสแก้มสากเบา ๆ “ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปอย่างมีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ”“ใครบอกว่าฉันจะทำให้เธอมีความสุข” ดวงตาปีศาจร้ายที่จ้องมองมา ทำเอาคาริสาสะดุ้งตกใจจนตัวโยน แต่เธอไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาพรึ่บ!คนตัวใหญ่ผลักร่างบางให้ล้มลงไปนอนบนเตียง จัดการจับพลิกร่างสาวสวยให้นอนคว่ำ แล้วดึงมือทั้งสองข้างของคาริสาไพล่หลังทันที“แดน นะ...นายทำอะไร” หญิงสาวดิ้นพล่านไปมาในขณะที่แดเนียลใช้เชือกที่เตรียมไว้บรรจงมัดข้อมือสาวสวยที่บิดตัวไปมาสุดฤทธิ์“ไม่เอาแบบนี้”“ไหนบอกจะตามใจฉันทุกอย่างไง” เมื่อมัดข้อมือเสร็จสรรพสวยงามแดเนียลจัดการดึงกางเกงของคาริสาออก ทิ้งให้เหลือเพียงแพนตี้สีดำที่ปกปิดพื้นที่สงวน มือหนายกสะโพกขึ้นจัดแจงท่าทาง“อึก!” สองมือที่ถูกมัดทำให้ใบหน้าสวย ๆ ของคาริสาฟุบคะมำอยู่บนฟูกมือหนาไล้สัมผัสต้นขาเรียวสวย ดวงตาคมปลาบมองสีหน้าเหยเกของเธออย่างเกิดอารมณ์“ฉันชอบแบบนี้” แดเนียลบอกถึงความปรารถนาของตน คาริสาส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่สนุกกับการกระทำของเขาเลยสักนิด“ทำไมล่ะ มันน่าสนุกดีออกหรือเธอไม่อยากตามใจ
“เธอเป็นพวกมันใช่ไหม”“ก็แค่เข็มกลักเอาอะไรมาการันตีว่าฉันเป็นพวกนั้น”“ฉันคิดไว้แล้วว่าคนอย่างเธอไม่มีทางเปิดปาก ฉันไม่หวังที่จะได้ยินเธอพูดสารภาพ ถึงยังไงคำตอบของเธอมันแสดงออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว”“อึก!” คาริสาเริ่มมีอาการกระอักกระอ่วน เธอพูดไม่ได้คายไม่ออก“ในสองคนนี้จะมีหนึ่งคนที่รอด” แดเนียลพูดพร้อมจ่อปืนไปที่ศีรษะของคาริสา“แดน... นายจะฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ”“ฉันจะกำจัดคนที่ไม่มีประโยชน์”“ฉันจะบอกทุกอย่างที่คุณอยากรู้” หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยปากทันทีที่แดเนียลพูดจบมาเฟียหนุ่มส่งสายตาให้ลูกน้องคนสนิทส่งปืนให้หญิงสาวตรงหน้า เธอค่อย ๆ เล็งมือมาทางคาริสา“ปืนกระบอกนั้นยังไม่มีกระสุน ถ้าเธอให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ฉันจะให้ลูกกระสุนเธอ” ขณะที่แดเนียลเจรจาอยู่กับหญิงสาวตรงหน้า คาริสาก็ได้ข่มตาหลับปล่อยน้ำใสอุ่น ๆ ออกมา“ส่วนเธออยากตายใช่ไหมถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย”“พี่เคสเป็นรุ่นพี่ใน...”ปัง!เธอไม่ทันจะได้พูดจบประโยคคาริสาก็กระชากเอาปืนจากมือแดเนียลลั่นกระสุนใส่หญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับใช้ขาทั้งสองข้างที่ถูกมัดถีบตัวหล่อนให้หงายไปกับพื้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว“ฉันไม่รู้จักมัน!” เธอพูดทั้งน้ำตา
อย่านะ อย่า...อย่าทำฉัน...ทำแบบนี้ทำไม...“เฮือก!” คาริสาสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงหายใจดังเฮือก ความฝันเมื่อสักครู่ช่างเหมือนจริงเหลือเกินดวงตาคู่สวยกวาดมองทัศนียภาพรอบตัวด้วยความมึนงง แสงไฟสลัวทำให้เธอทุกอย่างได้ไม่ชัดเจนนัก ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความอึดอัดที่ข้อมือและข้อเท้า“อึก!” ใจดวงน้อยกระตุกวูบ เมื่อรับรู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ความฝันสองมือและสองเท้าถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวนขนาดมหึมา อีกทั้งแขนและขาข้างขวาก็มีอาการชาจนยากที่จะขยับ หลังจากถูกเอาเฝือกออกไปทำไมถึงได้มาอยู่ในสภาพนี้?เกิดอะไรขึ้น!!!เธอทำอะไรพลาดงั้นเหรอ?“พี่เคส” คาริสามองเห็นหญิงสาวตรงหน้าซึ่งอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเธอ “พี่โอเคใช่ไหม เออ...”คาริสาแสดงโค๊ดลับผ่านใบหน้า ก่อนจะพูดขึ้นแทรก“เธอคนทำความสะอาดนี่ ทำไมฉันกับเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ในสภาพแบบนี้”“พี่เคสคือเราโดน...”“ฉันไม่ตลกนะ เล่นบ้าอะไรกันอยู่” คาริสาตะโกนพูดแทรก ก่อนจะแสดงโค๊ดลับผ่านใบหน้าอีกครั้งสถานการณ์แบบนี้เราไม่ควรรู้จักกัน!หญิงสาวตรงหน้าขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เนื่องจากรุ่นพี่อย่างคาริสาไม่ยอมฟังอะไรเลย อีกทั้งยังพูดตัดบทสนทนา
วันต่อมา...“รับบทเป็นคนพิการนี่มันลำบากจริง ๆ” คาริสายืดเส้นยืดสายพลางเหลือบตามองไปยังห้องทำงานที่เชื่อมติดกับห้องนอนเป็นระยะไดรฟ์นั่นอยู่ใกล้แค่เอื้อม ยังไงวันนี้ก็ต้องเอามันมาให้ได้ครืด! ครืด!คาริสาเหลือบตามองบนอย่างเบื่อหน่าย เห็นสายนี้โทรเข้ามาทีไรเธอปวดใจทุกที มือเรียวหยิบหูฟังไร้สายเสียบเข้าหู ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมศีรษะ(ทำไมติดต่อยากจัง ทางนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า)“มีอุปสรรคนิดหน่อย แต่ตอนนี้ทางสะดวกแล้ว”(อืม ฉันเห็นแล้ว ไอ้แดเนียลมันเพิ่งนั่งรถออกไป)เตชินส่งสายลับสาวอีกคนแฝงตัวเป็นคนรับใช้ในบ้าน เธอติดกล้องขนาดเล็กไว้ที่เสื้อ จึงทำให้เขาเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างภายในบ้านของเป้าหมาย“ฉันขอเปลี่ยนแผนนิดหน่อยได้ไหม ส่งคนอื่นมาลงมือเอาไดรฟ์ในตู้เซฟแทน”(มีปัญหาอะไรหรือเปล่า)“ที่นี่ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ ถ้าฉันลงมือทำเองแล้วเกิดแผนที่วางไว้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็มีฉันที่ได้อยู่ต่อ หัวหน้าก็จะไม่เสียแหล่งข้อมูลด้วย”(คิดไว้อยู่แล้วว่าเธอไม่กล้าลงมือทำเองแน่ ๆ แต่ไม่เป็นไร ฉันส่งคนไปช่วยเธอแล้ว)เพื่อนหนุ่มที่รู้ทันเอ่ยกระแนะกระแหน เล่นเอาคนฟังหน้าชาจนแทบควบคุมอารมณ์หงุดหง
“คุณย่า!” คาริสาเอ่ยเรียกท่าน ก่อนจะวางช้อนลง แล้วยกมือไหว้อย่างทุลักทุเล“หนูเคส! ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วแขนไปโดนอะไรมา” “เคสเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ แดนก็เลยอาสาดูแล”“ตายจริง! เจ็บมากไหมลูก แล้วหลานย่ามันทำอะไรหนูหรือเปล่า”“แดนเขาดูแลเคสเป็นอย่างดีเลยค่ะคุณย่า ถ้าเคสไม่ได้แดนมาช่วยก็คงจะแย่กว่านี้”บทสนทนาของคาริสากับย่าน้อยดูสนิทสนมกัน จนลูกน้องที่วิ่งตามมาเมื่อครู่ทำหน้างง คิดว่าจะเกิดเรื่องซะแล้ว“ฉันมีเรื่องจะคุยกับหนูเคสเป็นการส่วนตัว พวกเธอออกไปก่อน” ย่าน้อยหันไปสั่งลูกน้องทุกคนที่ยังยืนอึ้งอยู่ในห้อง คาริสาทานขนมอีกคำสองคำแล้วดื่มน้ำผลไม้เพียงนิด ก่อนจะส่งสัญญาณให้ป้าแม่บ้านเอาของว่างออกไปด้วย“หนูยังเจ็บอยู่ไหม ย่ามารบกวนหนูหรือเปล่า” ย่าน้อยเดินมานั่งข้างเตียงพลางกุมมือคนเจ็บเพื่อส่งกำลังใจ“อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณย่าสบายดีนะคะ ไม่ได้เจอตั้งนานยังแข็งแรงเหมือนเดิมเลย” ถึงแม้ว่าย่าน้อยจะอายุหกสิบปีปลาย ๆ แต่ท่านก็ยังคงแข็งแรง เนื่องจากดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี “ว่าแต่คุณย่ามาหาแดนมีอะไรหรือเปล่าคะ”“ย่าแวะมาเยี่ยมตาแดนน่ะ ตั้งแต่กลับมาไทยตาแดนก็ไม่เคยไปหาย่าเลย เอา
ณ ห้องประชุมบริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุปโปรเจกต์ใหม่ที่แดเนียลนำเสนอออกไปกลายเป็นที่ถกเถียงกันสนั่นในที่ประชุม แม้เขาจะบารมีของคุณย่าคอยหนุนหลังอยู่ ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริหารทุกคนได้ในที่ประชุมไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะความเป็นคนรุ่นใหม่แบบแดเนียล จึงมักถูกตราหน้าว่าอ่อนประสบการณ์และความรู้เสมอโชคยังดีที่มีลูกน้องคนสนิทอย่างเอกคอยดึงสติ ไม่ให้เขาโมโหพวกคนรุ่นเก่าดักดาน ชอบใช้ความสำเร็จในอดีตของตนมาข่มแนวคิดและอุดมการณ์ของเขาหลังจากประชุมบอร์ดบริหารเสร็จสิ้น แดเนียลก็ไม่มีสมาธิในการทำงาน เขาเอาแต่นั่งคิดถึงคาริสา เธอทำให้เขาไม่เป็นอันทำอะไรไอรีนเดินเข้ามายื่นเอกสารหลังการประชุมให้เซ็นต์ แต่แดเนียลกลับไม่สนใจ เขาปัดมือให้เธอออกไปจากห้องทำงาน“คุณไอรีนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เอกยืนสั่งงานลูกน้องอยู่แถวนั้น เห็นไอรีนเดินคอตกออกมาจากห้องทำงานของเจ้านาย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงเดินเข้าไปพูดคุยกับเธอ“คุณแดเนียลดูเหม่อ ๆ น่ะค่ะ ปกติคุณแดเนียลจะเข้มงวดเรื่องเอกสารมาก แต่วันนี้ไอเอาเอกสารไปให้เซ็นต์ คุณแดเนียลกลับไล่ให้ไอออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ”“คุณไอรีนอย่ากังวลไปเลยครับ สง